ตอนที่ 4 วางกัปดัก
ตอนที่ 4 วางกัปดัก
"สวัสดีครับ มีอะไรรึเปล่าครับ ?" หยางโปแสร้งทำเป็นไม่รู้จักอีกฝ่ายพร้อมกับสีหน้าของเขาที่แสดงออกถึงความไร้เดียงสา
"สวัสดีเจ้าหนู เมื่อกี้นายยืนอยู่ข้างๆฉันสินะ ?" ผู้ดูแลชวีหรี่ตาพร้อมกับถามขึ้น
หยางโปชะงักไปพร้อมกับความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ทว่าปากของเขาก็ยังไม่ยอมรับ "เหรอครับ ? ผมไม่ทันได้สังเกตเลยครับ"
ผู้ดูแลชวียิ้ม "เจ้าหนูนี่ตาถึงจังเลยนะ เครื่องลายครามชิ้นนี้ฉันเองก็สนใจอยู่เหมือนกัน แต่เจ้าของแผงนั่นหัวหมอ ถ้าเขารู้ว่าฉันสนใจขึ้นมาเขาคงจะเพิ่มราคาแน่ๆ ดังนั้นฉันก็เลยเดินไปดูที่อื่นก่อนแล้วค่อยกลับมาซื้อ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะถูกนายซื้อตัดหน้าไปซะก่อน! "
ภายในใจของหยางโปเกิดความตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไร เป็นเพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำไม่ถูกต้องแต่มันก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แม้ว่าภายในใจของเขาจะมีความมุ่งมั่นแต่หยางโปเองก็มีอายุไม่มาก จึงทำให้เขารู้สึกละอายใจขึ้นมา "เอ่อ ถ้างั้นต้องขอโทษด้วยนะครับ"
ผู้ดูแลชวีโบกมือพร้อมกับยิ้ม "น้องชาย ที่จริงนายเองก็สนใจสิ่งนี้ แสดงว่าพวกเราเองก็มีรสนิยมเหมือนกันอยู่บ้าง เราไปนั่งคุยกันสักหน่อยดีไหมล่ะ ?"
อันที่จริงหยางโปก็อยากจะปฎิเสธ ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสามารถพูดคุยกับผู้ดูแลชวีได้ เขาก็จะสามารถเข้าใจถึงเครื่องลายครามชิ้นนี้ ตอนขายออกไปก็จะได้ไม่ถูกคนอื่นหลอก "ก็ได้ครับ ยังไงต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ! "
ผู้จัดการชวียิ้ม "ตรงนี้เสียงดังไปหน่อย เดี๋ยวฉันพานายไปนั่งคุยที่เงียบๆแล้วกันนะ"
หยางโปพยักหน้าพร้อมกับอุ้มเครื่องลายครามในมือของเขาเดินไปพร้อมกับผู้จัดการชวี
หลังจากเดินออกมาจากซอยตลาดมืดแล้ว พวกเขาก็เดินอ้อมมาอีกนิด จนเดินมาถึงด้านหน้าร้านค้าที่มีแสงสว่างเพียงพอ หยางโปรู้สึกตกตะลึงเพราะหลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นเขาก็พบกับป้ายร้านที่มีสามพยางค์"โป๋กู่ถาง"!
หยางโปยืนอยู่หน้าร้านด้วยใจที่เต้นตุ้มๆต่อมๆ เขากัดฟันแน่นก่อนที่จะเดินตามเข้าไปด้านใน ทันใดนั้นเถ้าแก่เจี่ยก็ออกมาต้อนรับ หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินผู้ดูแลชวีพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ "ไปเลือกของที่ตลาดมืดมาน่ะครับ ต้องรบกวนเถ้าแก่เจี่ยหน่อยนะครับ! "
ได้ยินเช่นนั้นเถ้าแก่เจี่ยก็พูดต่อว่า "ผู้ดูแลชวีเดินทางมาถึงที่นี่ถือเป็นเกียรติให้กับร้านโป๋กู่ถางมาก ไม่ได้รบกวนอะไรเลย"
หลังจากทั้งสองคนพูดคุยกันจบ เถ้าแก่เจี่ยก็เพิ่งจะสังเกตเห็นหยางโปที่ยืนอยู่ข้างๆ "เสี่ยวหยาง ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ ?"
"เอ๋ ทำไมหรอครับ ? เถ้าแก่เจี่ยรู้จักเสี่ยวหยางด้วยเหรอครับ ?" ผู้ดูแลเจี่ยรู้สึกสนใจขึ้นมา
"อ่อหยางโปน่ะหรอครับ เขาเป็นเด็กที่ร้านกู่เต๋อจายน่ะครับ" เถ้าแก่เจี่ยพูด "ผู้ดูแลชวีมากับเขาได้ยังไงเหรอครับ ?"
ผู้ดูแลชวีหันมายิ้มให้กับหยางโปก่อนที่จะพูดว่า "เมื่อกี้เสี่ยวหยางเพิ่งจะซื้อเครื่องลายครามหยีโหล่วจวินมาน่ะครับผมก็เลยอาสาจะช่วยดูให้ พอดีเห็นว่าร้านของเถ้าแก่เจี่ยเปิดแล้ว ก็เลยเดินเข้ามาที่นี่ "
หยางโปหันไปมองผู้ดูแลชวีด้วยท่าทางซึ้งใจ เป็นเพราะว่าเขารู้ว่าผู้จัดการชวีไม่ได้ต้องการจะเผยความลับอย่างละเอียดอะไรและคำพูดของเขาก็ดูเหมือนว่ากำลังช่วยเขาอยู่ เขาก้าวเท้าไปด้านหน้าก่อนที่จะวางเครื่องลายครามหยีโหล่วจวินลงบนโต๊ะก่อนที่จะถอยออกมา
เถ้าแก่เจี่ยกวาดตามองก่อนที่จะพูดพร้อมกับยิ้ม "เสี่ยวหยางเพิ่งจะเรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุโบราณมาได้ 1-2 ปี เป็นเพราะว่าร้องขอความช่วยเหลือก็เลยได้รับการช่วยเหลือจากผู้ดูแลชวี โชคดีจริงๆเลยนะเนี่ย! "
ผู้ดูแลชวียิ้มพร้อมกับโบกมือ "เอาเถอะครับ ผมว่าเรามาดูเครื่องลายครามหยีโหล่วจวินนี้ดีกว่าว่าเป็นยังไงบ้าง"
พูดจบ ผู้ดูแลชวีก็หยิบแว่นขยายที่พกติดตัวออกมาก่อนที่จะส่องไปยังเครื่องลายครามหยีโหล่วจวินตรงหน้า
เครื่องลายครามหยีโหล่วจวินนี้มีลักษณะคล้ายกับชะลอมจับปลาของชาวประมง จึงทำให้ได้ชื่อนี้มา แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีการใช้งานจริงมากนักเพราะมันมีไว้เป็นเพียงของตกแต่งเท่านั้น
เถ้าแก่เจี่ยมองไปที่หยางโปก่อนที่จะรู้สึกสนใจขึ้นมา ภายในใจของเขาก็อดคิดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจว่าเด็กคนนี้ทำไมถึงได้โชคดีขนาดนี้นะ เพราะเขาคิดว่าครึ่งหนึ่งของเครื่องลายครามหยีโหล่วจวินเป็นของที่ลอกเลียนแบบ
ผู้ดูแลชวีกวาดตามองไปรอบๆเครื่องลายครามก่อนที่จะนั่งลง เขาหันไปหาเถ้าแก่เจี่ยด้วยสายตาที่มีนัยยะแอบแฝง เถ้าแก่เจี่ยเห็นเช่นนั้นก็หยิบแว่นขยายขึ้นมาก่อนที่จะตรวจสอบของตรงหน้า
ใช้เวลาเพียงไม่นาน หลังจากที่เถ้าแก่เจี่ยยืดตัวขึ้น ผู้ดูแลชวีก็เอ่ยปากพูด "เถ้าแก่เจี่ยคิดว่าเป็นยังไงบ้าง"
เถ้าแก่เจี่ยคิดอยู่ในใจครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหน้า "ผมดูไม่ออกครับ"
หยางโปรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ความหมายของคำที่เขาพูดขึ้นมาว่าดูไม่ออกก็คือของชิ้นนี้เป็นของปลอม แต่สำหรับเขาปฎิกริยาโต้ตอบที่ตอบกลับมาจากการมองเห็นมันยืนยันกับเขาแล้วนี่!
เถ้าแก่เจี่ยพูดต่อด้วยความลังเล "เครื่องลายครามหยีโหล่วจวินเลียนแบบนี้ดูเหมือนว่าจะทำออกมาได้เต็มรูปแบบ แต่ถึงแม้ว่าตรงส่วนท้องมันมีขนาดใหญ่ก็จริงแต่มันดูเต็มและนูนออกมามากจนเกินไป มันเลยกลายเป็นทำลายความงามโดยรวมทั้งหมด "
สีหน้าของผู้ดูแลชวีเกิดความลังเลขึ้นมาในขณะที่เขาพยักหน้าพร้อมกับพูด "ก่อนหน้านี้แสงสลัวจนมองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่ามันจะเป็นอย่างที่เถ้าแก่พูดจริงๆด้วย"
หยางโปจ้องมองไปที่เครื่องลายครามหยีโหล่วจวินตรงหน้า ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเครื่องลายครามนี้เต็มรูปแบบแถมยังเรียบเนียน รูปทรงโดยรวมถือว่ายอดเยี่ยม มันมี 'ส่วนท้องที่มีขนาดใหญ่' ตรงไหนกัน ?
ไม่ว่าจะยังไง การที่ทั้งสองคนยืนยันคำพูดเหล่านั้นก็ทำให้ภายในใจของหยางโปเกิดการสั่นคลอนขึ้น มีความมืดปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขาพร้อมกับมีกระแสไฟช็อต ก่อนหน้านี้เขาแบกความหวังที่มีอยู่มากล้นเอาไว้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะนำเงินไปละลายแม่น้ำซะได้ หากมันเป็นเช่นนี้ค่ารักษาจำนวน 850,000 หยวนของพ่อเขาจะทำยังไง!
850,000 หยวนเป็นเหมือนกับก้อนหินก้อนใหญ่ที่กดอยู่กลางอกของเขา ก่อนหน้านี้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยแต่ตอนนี้มันกลับทำให้เขาหายใจไม่ออกอีกครั้ง!
"เสี่ยวหยาง ตลาดมืดไม่ใช่ที่ๆจะคัดสรรของได้ง่ายๆหรอกนะ นายเองก็คงจะได้ยินเป็นประจำเกี่ยวกับที่ทุกคนได้เล่าเรื่องที่ประสบความสำเร็จมากมาย แต่นายเองก็ต้องรู้ด้วยว่าคนที่จะประสบความสำเร็จเหล่านั้นมีอยู่น้อยมาก อีกอย่างมีคนจำนวนมากที่สะดุดตากับของพวกนั้นแต่ก็มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะเสียเงินซื้อไปกับของเหล่านี้ "
เจี่ยหวยเหรินอ้าปากพูดพร้อมกับสบตากับผู้ดูแลชวีก่อนที่จะพูดต่อว่า "เสี่ยวหยาง นายเองก็ลำบากมาก เอาแบบนี้แล้วกัน เครื่องลายครามชิ้นนี้เดี๋ยวฉันจะเป็นคนรับไว้เอง ถ้าไว้กับฉันก็ยังจะมีหวังที่จะขายออกไปได้บ้าง แต่ถ้าอยู่กับนายมันคงจะเสียเปล่า"
หยางโปจ้องไปที่เครื่องลายครามตรงหน้า ตรงหน้าของเขามีม่านแสงที่มารวมตัวกัน แสงเหล่านั้นมีความหนาและดูเหมือนเป็นภาพลวงตา จนทำให้เขาเกิดความมึนงงขึ้น แต่เป็นเพราะคำพูดของเถ้าแก่เจี่ยที่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง
หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเถ้าแก่เจี่ยพูดต่อว่า "เสี่ยวหยาง ถ้าฉันออกค่าเครื่องลายครามชิ้นนี้ให้นาย 50 หยวนนายจะว่ายังไงล่ะ ?"
หยางโปขมวดคิ้วเข้าหากันโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าอะไรคือดีอะไรคือไม่ดีในเวลานี้
หรือว่าเขาจะต้องยอมแพ้แล้วจริงๆ ? ถ้าหากว่าเครื่องลายครามนี้เป็นของปลอมจริงๆ เขาจะยังมีทางออกอื่นอีกหรอ ? หรือว่าตาของเขาจะหลอกเขา แต่มันเกิดขึ้น 2-3 ครั้งเลยนะ... หรือว่าตาเขาจะมีปัญหา ?
ไม่...ยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ไม่ได้ หยางโปนึกถึงดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของแม่และเสียงร้องครวญครางของพ่อ เขาก็รู้ทันทีว่าตัวเองจะต้องลองอีกสักตั้ง!
"ขอบคุณครับเถ้าแก่เจี่ย ผมขอดูก่อนก็แล้วกัน" หยางโปเดินเข้ามาก่อนที่จะอุ้มเครื่องลายครามหยีโหล่วจวินไว้ในมือของเขา
ทันใดนั้นเถ้าแก่เจี่ยก็รู้สึกประหลาดใจและโกรธขึ้นมา "เสี่ยวหยาง นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ?"
"ผมอยากจะออกไปดูด้านนอกสักหน่อยน่ะครับ" หยางโปส่ายหน้าพร้อมกับตอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
"เสี่ยวหยาง ถ้านายคิดว่าราคาที่ฉันให้มันน้อยไปก็พูดตรงๆได้ จะเพิ่มเงินอีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากนายเอาเครื่องลายครามนี้ออกจากร้านไปแล้ว ก็ไม่ต้องกลับมาอีก! " เถ้าแก่เจี่ยลุกขึ้นพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
หยางโปอุ้มเครื่องลายครามไว้ก่อนที่จะสังเกตเห็นสีหน้าของผู้ดูแลชวีที่เกิดความตื่นตระหนก ภายในใจของเขาก็เกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ใครจะไปรู้ว่าเขาอาจจะกำลังถูกสองคนนี้รวมหัวกันหลอกเขาอยู่ก็เป็นได้!
คิดเช่นนี้ หยางโปก็ไม่ได้สนใจท่าทางของเถ้าแก่เจี่ยอีกต่อไป เขาหันหลังกลับก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป ไม่ให้กลับมาก็จะไม่กลับมา!
ปากของเถ้าแก่เจี่ยเกิดอาการสั่นขึ้น "หยางโป นายจะเอาแบบนี้ใช่ไหม ! หลังจากนี้มีเรื่องอะไรนายไม่ต้องมาหาฉันที่นี่อีก ! "
หยางโปเดินออกจากร้านโดยไม่หันกลับไปมองอีก เป็นเพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถที่จะกลับไปได้แล้วเพราะมันไม่มีเส้นทางที่จะทำให้เขากลับไปได้อีก!