ตอนที่ 2 ม่านแสงรอบๆที่แปลกประหลาด
ตอนที่ 2 ม่านแสงรอบๆที่แปลกประหลาด
ช่วงบ่ายที่เต็มไปด้วยอากาศที่ร้อนละอุ ภายในร้านไม่ได้มีแขกเท่าไหร่นัก เป็นเพราะช่วงเช้าได้รับเงินมาไม่น้อยจึงทำให้ใบหน้าของกัวปาผียังคงแสดงออกถึงความตื่นเต้น หลังจากเขาฝากร้านไว้ให้กับหยางโปเพื่อรับช่วงดูแลร้านต่อเพียงไม่กี่ประโยค เขาก็ขับรถออกไป
เป็นเพราะเรื่องของพ่อที่ทำให้จิตใจของหยางโปเต็มไปด้วยความหงุดหงิดจนต้องเดินไปเดินมาอยู่ภายในร้าน ท้ายที่สุดเขาก็ยังคิดไม่ออกว่าจะหาเงินได้อย่างไร ความคิดจำนวนมากที่นึกได้ต่างก็จำเป็นที่จะต้องมีเงินลงทุน ทว่าตอนนี้สิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดก็คือเงินทุนของเขา แต่หากเขามีเงินเขาก็คงจะรักษาโรคของพ่อเขาได้นานแล้ว!
เพื่อที่จะทำให้จิตใจของเขากลับมาสงบลง หยางโปก็หยิบผ้าก่อนที่จะเริ่มเช็ดของที่อยู่ภายในร้าน ตามหลักการและเหตุผลแล้วเครื่องลายครามโบราณไม่สามารถเช็ดได้ด้วยเศษผ้า แต่ร้านกู่เต๋อจายเป็นร้านเล็กๆ จึงทำให้ไม่ได้มีเทคนิคที่เพียงพอในการจัดการกับมัน ที่สำคัญที่สุดก็คือเครื่องลายครามเหล่านี้โดยทั่วไปแล้วเป็นของปลอม
หยางโปหยิบเครื่องลายครามขึ้นมาก่อนที่จะเช็ดฝุ่นที่เกาะอยู่บนนั้นด้วยความชำนาญ หยางโปมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าแจกันเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความแตกต่างกันออกไป หากใช้ความพยายามในการมองก็จะพบว่าบนแจกันนั้นดูราวกับว่าจะมีม่านแสงบางอย่างที่กระจายตัวอยู่รอบๆของชิ้นนั้น แสงนั้นดูบางเบาและมีความอ่อนโยน และดูเหมือนว่าม่านแสงที่สะท้อนอยู่ตรงผิวของพื้นผิวของเครื่องลายครามนั้นจะมุ่งเน้นไปที่วงกลมเล็ก ๆ
หยางโปเบิกตากว้างเพื่อที่จะมองมันให้ละเอียดอีกครั้ง ทันใดนั้นม่านแสงตรงหน้าของเขาก็หายไปโดยที่ไม่เหลือร่องรอยของแสงให้เห็นอีกต่อไป
หยางโปรู้สึกได้ถึงความประหลาดใจ แต่เขาก็คิดว่าเป็นเพราะช่วงนี้เขาทำงานหนักไปหน่อยจึงไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากนัก
หลังจากนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง หยางโปก็หยิบแจกันขึ้นมาอีกใบ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรครั้งนี้เขารู้สึกได้ถึงความตื่นเต้น มันเป็นความตื่นเต้นที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ เขาใช้สายตาจับจ้องมองไปที่แจกันที่มีลวดลายของนกและดอกพลัม ซึ่งตรงบริเวณขวดมีความเป็นเงาและเปล่งประกายซึ่งความเงางามของมันนั้นสามารถมองเห็นได้แม้จะอยู่ในเงามืด ในที่สุดหยางโปก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว!
ม่านแสงค่อยๆรวมตัวเข้าด้วยกันก่อนที่จะรวมตัวกันบริเวณคอขวดแจกัน พร้อมกับแสงที่เปล่งประกายออกมาซึ่งมีความเจือจางของแสงเป็นอย่างมาก ราวกับว่าหากใช้มือพัดมันแสงเหล่านี้ก็คงจะถูกขจัดให้กระจายตัวหายออกไปได้ ทว่าสำหรับหยางโปแล้วมันกลับเป็นการค้นพบที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เขารู้สึกว่าตัวเองแตกต่างไปจากคนอื่นๆแล้วในเวลานี้ และภายในใจของหยางโปก็อดไม่ได้ที่จะนึกอะไรหลายๆอย่างขึ้นมา ทว่าเส้นแสงเหล่านี้มันมีประโยชน์ยังไงกันแน่นะ ?
ภายในใจของหยางโปเองก็แอบเดาถึงประโยชน์ของมัน ทว่าเขาก็ยังไม่กล้าที่จะยืนยันคำตอบเหล่านั้น ก่อนหน้านี้ที่เขาหยิบเครื่องมือลายครามขึ้นมาต่างก็เป็นของปลอมทั้งหมด มันเป็นผลงานของศิลปะร่วมสมัยแต่ก็ไม่ได้มีคุณค่าหรือราคาอะไร อีกอย่างของโบราณต่างก็ถูกเก็บไว้ในตู้เซฟทั้งหมด และเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้สัมผัสหรือเห็นมันใกล้ๆ !
หยางโปคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้เถ้าแก่ก็ไม่ได้อยู่ร้าน หากเขาล็อคประตูออกไปข้างนอกสักแปบเถ้าแก่ก็คงจะไม่รู้หรอก
หลังจากล็อคประตูร้าน หยางโปก็เดินไปตามถนนร้อยเมตรก่อนที่จะเดินเข้าไปยังร้านขายวัตถุโบราณที่มีชื่อว่า "โป๋กู่ถาง"
เป็นเพราะทั้งสองร้านเป็นศัตรูด้านการค้า กัวปาผีและเถ้าแก่ของร้านโป๋กู่ถางจึงมีความสัมผัสที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการพบปะพูดคุยระหว่างเด็กฝึกงานของร้านทั้งสอง จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างหยางโปและหลี่หลิงซึ่งเป็นเด็กฝึกงานของร้านโป๋กู่ถางค่อนข้างดี
หลังจากเข้ามาในร้านแล้ว เขาก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกเย็นที่แผ่ซ่านอยู่ภายในร้าน หลี่หลิงกำลังนั่งอยู่ที่มุมห้องรับแขกและกำลังกวาดตามองไปรอบๆ หลังจากที่เห็นหยางโปเดินเข้ามาเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา "พี่ใหญ่โป ทำไมวันนี้ถึงว่างมาที่นี่ได้ล่ะ? "
หยางโปไม่รู้ว่าควรจะวางสีหน้าอย่างไร เป็นเพราะเขามีรูปร่างผอมแห้งจึงทำใจยอมรับคำเรียกจากอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ได้ อีกอย่างวันนี้เขาก็ไม่ได้มาหาเขาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาด้วย "เถ้าแก่เจี่ยไม่อยู่เหรอ? "
"อื้อ ออกไปข้างนอกน่ะ วันนี้อากาศร้อนอีกอย่างก็ไม่มีแขกด้วย" หลี่หลิงพูด
หยางโปพยักหน้าเบาๆ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดี "เอ่อจริงสิ เมื่อ 2-3 วันก่อนเถ้าแก่ของพวกนายเพิ่งจะได้รับแก้วพอร์ซเลนเจ็ดสีในยุคราชวงศ์ชิงมาใช่ไหม ? ฉันขอดูของใหม่หน่อยสิ ? "
หลี่หลิงแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา เป็นเพราะแก้วใบนั้นได้รับการดูแลจากเถ้าแก่ของเขาเท่าชีวิต และเขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรตามอำเภอใจได้
หยางโปเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจทันที เขาจึงอธิบายต่อว่า "นายวางใจเถอะ ฉันไม่จับมันหรอกขอดูไกลๆก็พอแล้ว ฉันไม่ค่อยจะได้เห็นของจริงๆกับตาตัวเองน่ะ ก็เลยอยากเห็นของจริงบ้าง"
เป็นเพราะคำพูดของหยางโปที่บอกว่าจะไม่สัมผัสจึงทำให้ความลังเลภายในใจของหลี่หลิงถูกขจัดออกไป "งั้นก็ได้ แต่ห้ามจับนะ รอแปบนึงเดี๋ยวผมเอาออกมาให้ดู"
พูดจบ หลี่หลิงก็หายเข้าไปด้านใน
เป็นเพราะหลี่หลิงและเถ้าแก่เจี่ยมีความสนิทสนมกันจึงทำให้เกิดความไว้วางใจ เจี่ยหวยเหรินเลยวางใจที่จะนำของเหล่านี้เก็บไว้ในร้าน
ทันใดนั้นแก้วเจ็ดสีก็ถูกนำออกมาด้านนอก ภายนอกของแก้วใบนี้แบ่งออกเป็นสามชั้นด้วยลายเส้นสีทอง ตรงกลางที่อยู่รอบๆแก้วนั้นถูกวาดด้วยรูปกลีบบัวเจ็ดกลีบซึ่งมีการจัดวางองค์ประกอบที่ซับซ้อนและสวยงาม ถือเป็นสมบัติที่หายากมาก
ทว่าวัตถุประสงค์ของหยางโปไม่ใช่เพื่อที่จะชื่นชมความงามแต่เขาแค่ต้องการจะพิสูจน์สิ่งที่เขาคาดเดาต่างหากล่ะ !
เขาใช้สายตาจับจ้องมองไปที่แก้วพอร์ซเลนเจ็ดสีใบนั้นพร้อมกับใจที่เต้นระรัว ทันใดนั้นเขาก็เห็นม่านแสงเส้นเล็กๆที่ถูกส่งออกมาจากแก้วใบนั้นก่อนที่จะค่อยๆรวมตัวกันจนล้อมรอบไปทั่วทั้งใบ แสงที่ปกคลุมไปรอบๆเพิ่มความหนามากขึ้นเรื่อยๆ เวลาเพียงไม่นานเส้นแสงที่ปกคลุมก็เกิดความแข็งแกร่งและรวมตัวกันแน่นมากกว่าสองชิ้นก่อนหน้านี้ที่เขาเห็น
ทันใดนั้นม่านแสงก็กระจายตัวออกจากกันก่อนที่จะสาดมาที่ดวงตาของหยางโป หยางโปรีบปิดตาลงหลังจากที่รู้สึกได้ว่าความเย็นที่ขอบตาของเขากระจายออกไป เพียงแค่พริบตาเดียวเขาก็พบว่าม่านแสงเหล่านั้นได้หายไปแล้ว
หยางโปเบิกตากว้างเพื่อมองไปยังแก้วตรงหน้าก็ยังพบว่ามีเส้นแสงที่อยู่บนแก้วใบนั้นแต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่น นอกจากนี้เขาเองก็สังเกตเห็นว่าดวงตาของตัวเองดูเหมือนว่าจะมองสิ่งตรงหน้ามาเป็นเวลานานแล้ว หรือว่าม่านแสงที่เห็นเมื่อครู่นี้จะมีบทบาทเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ?
หยางโปหลับตาลงก่อนที่จะรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมาให้ดังลั่น! เป็นเพราะเขารู้ว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาจะได้รับสมบัติล้ำค่าแล้ว!
ความหนาของเส้นแสงที่ปรากฏขึ้นรอบๆวัตถุเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กับอายุของเครื่องลายครามได้อย่างชัดเจน หากเป็นเช่นนี้จริงๆ หลังจากนี้เขาก็สามารถที่จะระบุของจริงและของปลอมภายในร้านขายวัตถุโบราณได้แล้วสินะ ? และเขาก็คงจะยอดเยี่ยมกว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นด้วย! แม้ว่าจะไม่มีการตรวจจับคาร์บอน -14 แต่เขาก็สามารถที่จะตัดสินอายุและยุคสมัยของวัตถุโบราณเหล่านั้นได้!
"พี่ใหญ่โป เป็นอะไรรึเปล่า? " หลี่หลิงเห็นหยางโปจ้องมองไปที่วัตถุโบราณโดยไม่พูดอะไรพร้อมกับหลับตาลงราวกับว่ากำลังตกตะลึงอยู่
หยางโปได้สติกลับมาอีกครั้ง "ห้ะ ? อ่อ...ไม่มีอะไร จริงสิที่ร้านพวกนายมีเครื่องลายครามหยีโหล่วจวินของพื้นบ้านที่เลียนแบบการทำขึ้นมาจากรูปร่างชะลอมจับปลาในยุคจักรวรรดิว่านลี่ราชวงศ์ชิงด้วยใช่ไหม ? ขอฉันดูอันนั้นด้วยสิ ?"
หลี่หลิงมองไปที่หยางโปด้วยความประหลาดใจ ทว่าเมื่อเห็นหยางโปทำตามที่เขาพูดจริงๆและไม่ใช่มือสัมผัสของเหล่านั้นเขาก็ไม่ถามอะไรอีก "ก็ได้ รอแปบนะ"
แสงเริ่มเปล่งประกลายออกมารอบๆวัตถุชิ้นนั้นอีกครั้งก่อนที่ม่านแสงจะส่องเข้าดวงตาของเขา เมื่อเปรียบเทียบกับแสงที่ส่องออกมาจากพอร์ซเลนสองชิ้นแล้ว ภายในใจของหยางโปก็มีจำนวนตัวเลขผุดขึ้นมา เขาอาจจะสามารถตัดสินอายุของวัตถุได้ตามขนาดของม่านแสงที่ล้อมรอบวัตถุเหล่านั้น สำหรับเขาแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก และหากเป็นเช่นนี้เขาก็สามารถที่จะหาจุดบกพร่องของมันได้แล้ว!
และที่สำคัญที่สุดก็คือค่ารักษาของพ่อในที่สุดก็มาถึงแล้ว !
หลี่หลิงรู้สึกได้ว่าวันนี้หยางโปแปลกไปจากเดิมมาก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า "พี่ใหญ่โป พี่ไม่ได้ไม่สบายใช่ไหม ?"
หยางโปส่ายหน้า "เปล่าไม่ได้เป็นอะไร เอ่อ...ฉันมีเรื่องต้องไปทำน่ะ ขอตัวกลับก่อนนะ"
"เอ๋...พี่..." หลี่หลิงมองตามแผ่นหลังของหยางโปที่เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรออกมา
ในที่สุดเงินจำนวน 850,000 หยวนก็มีความหวังขึ้นมาแล้ว!
ภายในใจของหยางโปเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดเขาก็มีความหวังเล็กๆที่ผุดขึ้นมา ความหวังที่จะได้รักษาพ่อของเขาได้เกิดขึ้นแล้ว!
ตอนนี้พ่อของเขายังคงนอนอยู่ที่บ้านและไม่เต็มใจที่จะรับการรักษาจากโรงพยาบาล ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะต้องการจะประหยัดเงินไม่ใช่หรอ ? ถ้าหากเขามีเงินเพียงพอ พ่อก็จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดแน่ๆ !
ทันทีที่นึกถึงน้ำเสียงที่โศกเศร้าและแหบพร่าของแม่ตอนที่คุยโทรศัพท์กับเขาก่อนหน้านี้ จมูกของหยางโปก็เกิดอาการติดขัดขึ้นมา พร้อมกับน้ำอุ่นๆที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเขา.......