Re-new ตอนที่ 17 ความรักของพ่อแม่
ตอนที่ 17 ความรักของพ่อแม่
หยูเสี่ยวเฉามองหน้าพี่ชาย “ท่านพี่นี่โง่หรือเยี่ยงไร ? จะให้ท่านย่ารู้ทำไมเล่า ? ดูท่านป้าใหญ่เป็นตัวอย่างสิเจ้าคะ ท่านป้าใหญ่แอบกินอาหารที่นางนำมาจากบ้านแม่ของนางอยู่ตลอด !”
นางหลี่ป้าใหญ่ของพวกเขาไม่เคยกลับจากบ้านแม่ของนางมือเปล่าเลย ในแต่ละครั้งที่นางกลับบ้านไปเยี่ยมแม่ของนาง นางจะซ่อนอาหารทั้งหมดที่เอากลับมาไว้ในห้องของนาง ตอนที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ แล้ว นางถึงจะแอบเอาออกมากินกับลูกชายเพียงสองคน
หยูเสี่ยวเฉาซื้อซาลาเปาเนื้ออีก 10 ลูกและบอกให้พ่อค้าห่อกระดาษไว้ให้ดี ๆ จากนั้นนางก็ยัดมันเข้าไปในไหดินเผา ก่อนหน้าพวกเขาเอาผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ วางข้างบนเพื่อซ่อนหอยเป๋าฮื้อ ตอนนี้พวกเขาก็ใช้วิธีเดิมเพื่อซ่อนซาลาเปา
พอสองพี่น้องมาถึงประตูเมือง พวกเขาก็พบว่าลุงหม่าได้มารออยู่แล้ว ผู้หญิงที่ขายผักก็อยู่ที่นั่นด้วย สีหน้าของนางดูมีความสุข ดูจากตะกร้าว่างเปล่าข้าง ๆ ตัวนางแล้วก็ดูออกได้ไม่ยากว่าเพราะอะไร
“เสี่ยวชา เสี่ยวเฉา เร็วเข้า ! พวกเรากำลังรอพวกเจ้าสองคนอยู่ !” ลุงหม่ายืนขึ้นเมื่อเห็นสองพี่น้องและโบกมือให้
“แล้วคนที่ขายไข่ล่ะเจ้าคะ ?” หยูเสี่ยวเฉาถามพร้อมกับกระโดดขึ้นเกวียน “นางยังมิมาเลย”
ผู้หญิงที่ขายผักยิ้ม “คนนั้นน่ะรึ ? นางขายไข่หมดเร็วก็เลยกลับไปแล้ว ก็เลยขอให้ข้าช่วยเอาตะกร้าของนางกลับไปที่บ้านให้ด้วย เสี่ยวเฉา มีอะไรอยู่ในไหรึ ? ท่าทางหนักน่าดู”
หยูเสี่ยวเฉาถอนหายใจอย่างผิดหวังแล้วทำหน้าเศร้า “ท่านแม่ทำเต้าเจี้ยวเอาไว้น่ะเจ้าค่ะ พวกเราอยากลองดูว่าจะขายได้สักหน่อยหรือไม่ เผื่อจะได้เงินสักสองสามอีแปะมาซื้อพวกลูกเดือยเม็ดถั่วหรือข้าวโพดกลับบ้าน แต่เราก็ขายมิได้เลยสักอีแปะเดียว ! อีกทั้งใช้เงินไปแล้ว 4 อีแปะเพื่อขึ้นเกวียนมาที่นี่ !”
พอผู้หญิงคนนั้นได้ยินว่าเป็นเต้าเจี้ยวก็หมดความสนใจทันที นางปลอบใจเด็กหญิงตัวน้อยแล้วก็เอนหลังพิงเกวียนจนหลับไป
หยูฮังอดมองน้องสาวตนเองมิได้เมื่อได้ยินนางโกหกออกมาอย่างคล่องปาก นางไปเอานิสัยโกหกแบบนี้มาจากไหนกัน มิดีเอาเสียเลย กลับถึงบ้านเขาจะต้องบอกแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เสียหน่อย เยี่ยงนั้นแล้วน้องสาวของเขาอาจจะโตขึ้นเป็นคนขี้โกงเอาได้
พอสองพี่น้องกลับมาถึงหมู่บ้าน พวกเขาก็เห็นร่างสูงที่ดูคุ้นตากำลังยืนอยู่บนถนนรอพวกเขากลับมาอย่างกระวนกระวาย
“ท่านพ่อรึ ? ท่านพ่อ ! พวกเรากลับมาแล้วเจ้าค่ะ !” หยูเสี่ยวเฉาวิ่งโซเซอุ้มไหดินเผาหนัก ๆ ตรงเข้าไปหาหยูไห่
หยูไห่วางสัตว์ที่ล่าได้ลงแล้วยกตัวลูกสาวลอยขึ้นได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ทำหน้าเคร่งใส่ลูกชายแล้วพูดว่า “กล้ามากเลยนะหยูฮัง พาน้องออกไปโดยไม่บอกใครเลยรึ ? เด็กสองคนเที่ยวตะลอนไปทั่วโดยมิมีคนดูแล ถ้าไปเจอคนไม่ดีเข้าจะทำเยี่ยงไร ?”
แล้วเขาก็หันไปพูดกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า “เฉาเอ้อร์ คราวหน้าถ้าอยากเข้าเมืองก็บอกพ่อ ! พ่อจะพาเจ้าไปเอง นี่เลยเวลาอาหารกลางวันมาแล้ว พวกเจ้าต้องหิวเป็นแน่ พ่อเก็บหมั่นโถว 3 ลูกเอาไว้ให้ กินซะตอนที่มันยังร้อน ๆ”
‘โอ้ ! ท่านพ่อโอ๋แต่ลูกสาว หลงลูกสาวสุด ๆ ไปเลย ! ’ หยูเสี่ยวเฉาหน้าแดงจึงดิ้นออกจากอ้อมกอดของพ่อแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่กับข้ากินที่ในเมืองมาแล้วคะ เรากินซาลาเปาเนื้อลูกใหญ่ 2 ลูกเลยเจ้าค่ะ ! ตอนนี้ข้าอิ่มมาก ! นี่ข้าซื้อมาให้ท่านพ่อด้วยนะเจ้าคะ ! ท่านพ่อกินตอนเราเดินไปก็ได้ !”
หยูเสี่ยวเฉารู้นิสัยขี้เหนียวของย่าดี ในเมื่อพ่อมีหมั่นโถวมาให้พวกเขากิน นั่นก็หมายความว่าพ่อของนางต้องหิวอยู่เป็นแน่ ชายคนนี้ตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อออกไปล่าสัตว์บนภูเขา แล้วต้องเข้าไปในเมืองเพื่อขายสัตว์ที่ล่ามาได้อีก ไม่ดีแน่ถ้าจะให้พ่อไปแบบหิว ๆ เช่นนี้
หยูเสี่ยวเฉายัดซาลาเปาเนื้อ 3 ลูกใส่มือพ่อของนางและมองสัตว์ที่ถูกล่ามาแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ ข้าอยากกินไก่ฟ้าย่าง เก็บไว้ให้ข้าหนึ่งตัวได้หรือไม่เจ้าคะ ?” ผลการล่าสัตว์วันนี้มิได้ดีอย่างที่คาดเอาไว้ หยูไห่จับได้แค่สัตว์ตัวเล็ก ๆ มีไก่ฟ้า 2 ตัว กระต่ายป่า 3 ตัว และนกป่าตัวอ้วนอีก 2 ตัว
หยูฮังดึงแขนเสื้อน้องสาวเบา ๆ แล้วกระซิบว่า “ท่านย่าเห็นสัตว์ที่ท่านพ่อจับมาวันนี้แล้ว แล้วยังรู้อีกด้วยว่าสัตว์พวกนี้จะทำเงินได้เท่าใด ถ้าท่านพ่อได้เงินกลับไปน้อยกว่าที่ควรจะได้แล้วล่ะก็ นรกคงแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เป็นแน่ ! วันนี้เรากินซาลาเปาเนื้อกันแล้วมิใช่รึ ? ไว้กินไก่ฟ้าคราหน้าก็ได้ !”
หยูไห่มิได้เปลี่ยนสีหน้าเลยตลอดเวลาที่ลูกทั้งสองคนของเขากระซิบกระซาบกัน “เก็บไก่ฟ้าไว้ให้ลูกสักตัวน่ะมิใช่ปัญหาหรอก ! แต่ที่พี่ชายเจ้าก็พูดถูกนะเฉาเอ้อร์ ที่เจ้าป่วยครั้งล่าสุดน่ะ ท้องของเจ้ายังไม่แข็งแรงเลย เพราะงั้นตอนนี้เจ้ายังไม่ควรกินไก่ฟ้าย่างนะ อีกสักสองสามวันพอร่างกายของลูกแข็งแรงกว่านี้ พ่อจะเก็บไก่ฟ้าตัวอ้วน ๆ เอาไว้ให้ลูกกินอย่างแน่นอน !”
หยูเสี่ยวเฉาแน่ใจว่าตอนนี้ร่างกายของนางไม่มีสิ่งใดผิดปกติ แต่เห็นชัด ๆ เลยว่าไม่มีคนในครอบครัวเชื่ออย่างนั้นเลยสักคน ดูเหมือนว่านางยังต้องพิสูจน์ตัวเองให้พวกเขาเห็นอีกสักหน่อย !
จากนั้นสองพี่น้องก็วิ่งไปรอบหมู่บ้านเพื่อตามหาแม่, เสี่ยวเหลียน และน้องชายคนเล็ก ไม่นานพวกเขาก็เจอกับแม่กำลังซักผ้าปูที่นอนอยู่ที่ลำธาร เสี่ยวเหลียนพาฉีโตวไปที่ตีนเขาตะวันตกเพื่อเก็บฟืน
ไม่มีใครอาศัยอยู่ที่ตีนเขาตะวันตก และตามปกติก็มีคนของหมู่บ้านไปที่นั่นแค่ไม่กี่คน มันเป็นสถานที่ที่เหมาะมากสำหรับการ...แค่ก แค่ก...สำหรับการแบ่งซาลาเปาเนื้อที่ได้มาอย่างลับ ๆ ทั้งสองคนแยกย้ายกันไปทำภารกิจ หยูฮังไปหานางหลิวที่ลำธาร ส่วนเสี่ยวเฉาเอาไหดินเผาที่ใส่ซาลาเปาไปที่ตีนเขา
“ท่านแม่ ท่านแม่ ! เสี่ยวเฉา น้อง...เอ่อ...ท่านแม่ไปดูด้วยตนเองดีกว่า !” มีผู้หญิงจากหมู่บ้านอีกหลายคนกำลังซักผ้าอยู่ที่ริมลำธาร หยูฮังไม่กล้าอธิบายสถานการณ์ให้ชัดเจน และเขาก็ซื่อตรงเกินกว่าจะโกหก สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือบอกเป็นนัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้องสาว
เมื่อนางหลิวได้ยินประโยคครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของเขาก็รีบลุกขึ้นทันที ผ้าปูที่นอนเกือบหลุดมือตกลงไปในลำธาร หยูฮังรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าแม่เป็นกังวลมากแค่ไหน เขาจึงพยายามเปลี่ยนท่าที “ท่านแม่ มิต้องเป็นห่วง ! น้องสามมิได้เป็นไรอะไรมาก !”
“ลูกมิใช่หมอ” นางหลิวเอ่ย “ลูกจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าน้องเป็นอะไรรึไม่ ? แม่ต้องไปดูด้วยตนเอง ท่านป้าฝูเถียนเจ้าคะ ข้าฝากผ้าปูที่นอนพวกนี้หน่อยนะเจ้าคะ ถ้าท่านป้าซักผ้าเสร็จแล้ว แล้วข้ายังมิกลับมา ท่านป้าช่วยเอากลับไปให้ข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ ?” หลิวมู่หยุนเช็ดมือให้แห้งแล้วรีบวิ่งตามลูกชายไปทางภูเขาตะวันตก
“เฮ้อ...ต้องเป็นเสี่ยวเฉาอีกเป็นแน่ ! เมียต้าไห่นี่น่าสงสารเสียจริงมิรู้ว่าไปทำเวรทำกรรมอันใดไว้...” ผู้หญิงทุกคนที่กำลังซักผ้าอยู่ที่ลำธารต่างชินแล้วกับการที่นางหลิวจะทิ้งไปก่อนเสร็จงาน 9 ใน 10 ครั้งมักจะเป็นเรื่องของลูกสาวขี้โรคของนาง
อีกด้านหนึ่ง หยูเสี่ยวเฉากำลังตามหาพี่สาวกับน้องชายของนางอย่างยากลำบาก ภูเขาที่นี่มีพื้นที่กว้างใหญ่ยิ่งนัก ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้พวกเขาทั้งสองเก็บฟืนได้กว้างขวางเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่เสี่ยวเหลียนกับฉีโตวระมัดระวังตัวอย่างดีและไม่กล้าเดินเข้าไปในภูเขาลึก ๆ ทั้งสองคนจึงยังอยู่แค่ที่ตีนเขา เสี่ยวเฉาจึงหาตัวเจอได้ในที่สุด
“โอ๊ย ! ข้าเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ! พวกเจ้าทั้งสองคนทำให้ข้าต้องเดินตามหาพวกเจ้าไปทั่ว !” เสี่ยวเฉาโอดครวญเมื่อเจอตัวทั้งสองคน นางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหญ้า นางเหนื่อยจนหอบหายใจออกมาอย่างรุนแรง เด็กหญิงทุบขาตัวเองเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ร่างกายนี้อ่อนแอเสียเกินไปแล้ว ! เดินใกล้ ๆ แค่นี้ยังเหนื่อยได้ถึงเพียงนี้ !
ห่างออกไปนางหลิวที่ตามลูกชายคนโตมาเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้ามาทันที พอถึงตัวเสี่ยวเฉาก็คว้าเอาลูกสาวมากอดแล้วถามซ้ำ ๆ ว่า “เฉาเอ้อร์เจ้าไม่สบายตรงไหนรึ ? แม่จะพาเจ้ากลับบ้านเอง...เสี่ยวชา เจ้าไปตามท่านหมอโหยวเดี๋ยวนี้”
หยูฮังไม่ได้ไปทันทีแต่กลับถามน้องสาวว่า “น้องสาม เจ้าไม่สบายจริง ๆ รึ ?”
“หมายความว่าเยี่ยงไรที่ว่า ‘ ไม่สบายจริง ๆ รึ ’ ? จะพูดว่าน้องของเจ้าแกล้งทำรึไง ? ไปตามท่านหมอมาเดี๋ยวนี้ !” หลิวมู่หยุนตะโกน นางก้มลงกอดลูกสาวของนางเอาไว้
หยูเสี่ยวเฉาเห็นใบหน้าของแม่ขาวซีดด้วยความกังวล นางจึงรีบลุกขึ้นกระโดดสองทีเพื่อแสดงให้นางหลิวเห็นว่านางสบายดี “ท่านแม่ ข้าสบายดี ! ใครบอกท่านแม่ว่าข้ามิสบายกัน ? บอกข้ามา ประเดี๋ยวข้าจะไปตีมันให้ ! พี่ใหญ่ ท่านเป็นคนทำให้ท่านแม่กลัวใช่หรือไม่ ?”
“เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าสบายดี ?” นางหลิวตรวจสอบลูกสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง เสี่ยวเฉาดูไม่เหมือนคนจะล้มป่วยอีกรอบจริง ๆ นางถึงรู้สึกโล่งอก แล้วจึงหันมาดุลูกชาย “แล้วลูกจะเรียกแม่มาที่นี่เพราะเหตุใด ? แม่กำลังทำงานอยู่เจ้าก็เห็น ! ยังเหลือผ้าปูให้ซักอีกตั้งมากมาย !”
หยูเสี่ยวเฉารีบเข้ามาปกป้องพี่ชายทันที “ท่านแม่ วันนี้ข้าและท่านพี่ใหญ่เข้าเมืองกันมา ข้าซื้อซาลาเปาเนื้อมาให้พวกเราทุกคนด้วยนะเจ้าคะ นี่ไง ! ท่านแม่ลองชิมดูเจ้าค่ะ !”