Re-new ตอนที่ 15 เครื่องปรุงที่แสนวิเศษ
ตอนที่ 15 เครื่องปรุงที่แสนวิเศษ
ผู้จัดการเจียงรับเงินไปจากพวกเขาพร้อมรอยยิ้มและเดินจากไป ไม่นานเขาก็กลับมา มือข้างหนึ่งถือถุงเงินที่ทำจากผ้าป่านหยาบ ส่วนอีกมือถือเงินอีแปะที่ร้อยเชือกไว้สองพวง “ถุงนี้มีเหรียญเงินอยู่ 4 ตำลึงครึ่ง ส่วนที่เหลือข้าได้เปลี่ยนเป็นเงินอีแปะให้กับพวกเจ้าแล้ว” ผู้จัดการร้านอาหารยังเตือนพวกเขาอีกว่า “เก็บเงินระวัง ๆ กันด้วยล่ะ คงไม่อยากให้พวกโจรจ้องขโมยเอาหรอกใช่หรือไม่ ?”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านผู้จัดการเจียง” หยูเสี่ยวเฉานำถุงเงินใส่ในเสื้อผ้าของนางอย่างระมัดระวัง แล้วแบ่งเงินอีแปะให้ตัวเองกับพี่ชายคนละพวงเพื่อเตรียมซื้อของใช้ ก่อนที่ทั้งสองพี่น้องจะจากไป หยูเสี่ยวเฉาได้เดินเข้าไปในครัวด้านหลังร้านอาหารเพื่อเอาไหดินเผาคืน ขณะเดียวกันก็มีหอยนางรมถูกขนเข้ามา ภาพอาหารทะเลสด ๆ ถังแล้วถังเล่าถูกลำเลียงเข้ามาในครัวทำให้นางรู้สึกทึ่ง “ว้าว !” นางอุทานออกมา “ร้านเจินซิวต้องขายดีมากเป็นแน่ ! พวกท่านขายหอยนางรมหมดนี่ในวันเดียวเลยรึเจ้าคะ ?”
หัวหน้าพ่อครัวหวังหัวเราะอย่างเศร้า ๆ “โชคร้ายไปหน่อย หอยนางรมมิใช่ของแพงหายากสำหรับเมืองชายฝั่งอย่างเรา จะเป็นไปได้เยี่ยงไรที่ร้านเราจะขายหอยนางรมมากมายพวกนี้หมดภายในวันเดียว ต้องเป็นคุณชายสามแน่ที่ซื้อของมามากเกินจำเป็นอีกแล้ว ! สัตว์ทะเลพวกนี้พอขึ้นจากทะเลก็ไม่รอดแล้ว อีกทั้งตอนนี้ก็อากาศก็ร้อนเป็นอย่างมาก ปล่อยพวกมันเอาไว้เช่นนี้นาน ๆ ก็มิได้ คงต้องหาคนมาทำเป็นอาหารแห้งเสียแล้ว...”
โจวซือชู่เดินตามเด็กทั้งสองเข้ามาในครัวด้วย หลังจากเห็นถังหอยนางรมทั้งหมดในห้องครัวแล้ว เขาจึงรู้ตัวว่าตนเองได้ซื้อมามากเกินไป จึงถูจมูกอย่างเก้อ ๆ
“อ่า...” หยูเสี่ยวเฉาพูด “คุณชายสามมีน้ำใจกับพวกเรา เยี่ยงนั้นข้าจะช่วยพวกท่านเอง ! ที่นี่มีน้ำตาลกับเหล้าทำอาหารรึไม่ ?” เด็กหญิงพับแขนเสื้อขึ้นอย่างกับนางกำลังจะทำงานหนักบางอย่าง
โจวซือชู่มองแขนผอมบางของนางแล้วรีบตอบว่า “มีสิ ! วัตถุดิบพื้นฐานแบบนั้นจะมิมีได้เยี่ยงไร ? เจ้าคิดจะทำอะไรกับหอยนางรมพวกนี้รึ ?”
หยูเสี่ยวเฉาส่งยิ้มกว้างให้เขาแล้วตัดสินใจปล่อยให้เขาสงสัยต่อไป “เสร็จแล้วก็จะรู้เองเจ้าค่ะ ! ถือเสียว่าเป็นของขวัญจากข้าก็แล้วกัน คุณชายสามโจว !”
ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากัน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ? แต่พวกเขายังพอมีเวลาเหลือก่อนจะถึงเวลางานเลี้ยงของผู้พิพากษา จึงใช้เวลานั้นเพื่อสนองความอยากรู้ของตนเอง
ชาติก่อนน้องชายของนางชอบกินอาหารที่ราดซอสหอยนางรมเป็นอย่างมาก แต่ซอสหอยนางรมที่ขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นใส่สารปรุงแต่งเยอะเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของน้องชาย นางจึงค้นหาสูตรทำซอสหอยนางรมผ่านทางอินเตอร์เน็ต แล้วเริ่มทำซอสหอยนางรมที่บ้านเอง
หลังจากทดลองปรับสูตรอยู่นาน ในที่สุดนางก็ได้สูตรที่ไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น มันยังช่วยรักษาสุขภาพมากกว่าด้วย น้องชายของนางชอบซอสที่ทำเองนี้มากและคิดว่ามันอร่อยกว่าที่ขายอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตเสียอีก ข้อเสียเดียวก็คือมันหมดอายุเร็วกว่าซอสที่ทำจากโรงงานพวกนั้น แต่ก็คาดเอาไว้อยู่แล้ว เพราะนางไม่เคยใส่สารกันบูดเข้าไปในซอสหอยนางรมที่นางทำเลย !
หยูเสี่ยวเฉาสั่งการด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม นางบอกให้คนในครัวแกะหอยและแยกเนื้อใส่ถังไม้เอาไว้ หลังจากนั้นเสี่ยวเฉาก็ได้ทำการสำรวจครัว จากนั้นก็คว้าเอาหม้อที่ใหญ่ที่สุดที่หาได้มาคำนวนอัตราส่วนอย่างรวดเร็ว แล้วเทน้ำใส่หม้อในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อเอาไปต้ม
เมื่อน้ำเริ่มเดือด หยูเสี่ยวเฉาก็เทเนื้อหอยนางรมทั้งหมดลงไปและใช้ทัพพีคน ถังไม้ที่ใส่หอยนางรมยังมีน้ำหอยเหลืออยู่ที่ก้นถัง น้ำที่เหลือนี้มีรสของหอยนางรมอยู่มาก นางจึงใส่น้ำทั้งหมดลงในหม้อด้วย มันช่วยเพิ่มรสชาติและเพิ่มปริมาณของซอสได้ หากไม่ใส่คงน่าเสียดาย
“นี่ พวกท่าน ! มาช่วยข้าคนหม้อนี้หน่อยได้รึไม่ ?” ร่างกายของหยูเสี่ยวเฉายังอ่อนแอเกินไปที่จะทำงานหนักได้นาน ๆ
“ให้ข้าทำเอง !” หัวหน้าพ่อครัวหวังตะโกนขึ้นแล้วเดินเบียดกลุ่มคนเข้ามา “คนไปทางเดียวกันใช่หรือไม่ ?” หัวหน้าพ่อครัวหวังทำงานเป็นพ่อครัวมามากกว่า 10 ปี เขาหลงใหลในการค้นพบวิธีการและสูตรอาหารใหม่ ๆ แม้ว่าจะละอายใจอยู่เล็กน้อยที่จะขโมยสูตรจากผู้อื่น แต่ดูเหมือนนางเองก็ไม่ได้ปกปิดวิธีการทำซอสของนาง แล้วเขาจะปล่อยให้โอกาสทองผ่านไปได้เยี่ยงไร ?
หยูเสี่ยวเฉาพยักหน้าขณะที่คำนวณเวลาอย่างเงียบ ๆ หอยนางรมต้องเคี่ยวต่อไปอีก 20 - 30 นาทีเพื่อดึงรสชาติออกมาให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นก็ต้องแยกเนื้อออก แต่เนื้อที่เหลือยังสามารถเอาไปทำอาหารอื่น ๆ หรือเอาไปตากแห้งได้ ไม่มีส่วนไหนต้องเสียเปล่าเลยสักนิด !
พอได้เวลาที่กำหนดไว้ หยูเสี่ยวเฉาก็กรองเอาเนื้อหอยออกจากซอสหอยนางรมที่เคี่ยวเสร็จแล้ว จากนั้นก็เทน้ำมันลงไปในหม้อสะอาดใบหนึ่งเพื่อเคลือบด้านในป้องกันคราบเหนียวติด แล้วใส่ซอสหอยนางรมลงในภาชนะพร้อมเติมน้ำสะอาดลงไปนิดหน่อย แล้วเอาขึ้นตั้งบนเตาไฟเพื่อเคี่ยวอีกครั้ง
ในกระบวนการที่สองนี้ หยูเสี่ยวเฉาได้ใส่น้ำตาล, เหล้าทำอาหาร และเครื่องปรุงอื่น ๆ ลงไปพร้อมกับเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ เพื่อให้ส่วนผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จนเกือบได้เวลาอาหารกลางวันนั่นแหละ นางจึงประกาศว่าสามารถใช้ได้แล้ว !
ซอสหอยนางรมที่เสร็จแล้วมีสีเข้มแวววาว ทั้งห้องครัวเต็มไปด้วยกลิ่นหอม หัวหน้าพ่อครัวหวังชิมซอสทันทีอย่างใจร้อน พอซอสสัมผัสกับปลายลิ้นเขาก็ลืมตากว้างอย่างตกใจ “เหลือเชื่อ ! หอยโง่ ๆ นั่นเอามาทำของอร่อยแบบนี้ได้เยี่ยงไรกัน ? มันเต็มไปด้วยรสชาติ แต่ก็ไม่ได้จัดจ้านจนเกินไป !”
หยูเสี่ยวเฉาเองก็ชิมด้วยก่อนจะยิ้มออกมา “ยังขาดวัตถุดิบสำคัญอีกสองอย่างที่จะทำให้อร่อยขึ้นกว่านี้ แต่นี่ก็ถือว่าอร่อยมากแล้ว มันเก็บรสชาติเดิมของหอยนางรมเอาไว้ได้อย่างดี”
โจวซือชู่กับผู้จัดการเจียงก็ลองชิมซอสด้วย “นี่มันซอสแบบไหนกัน ? มันเอาไปปรุงเนื้อหรือผักได้หรือไม่ ?”
หยูเสี่ยวเฉาพยักหน้า “นี่เรียกว่า ‘ซอสหอยนางรม’ เจ้าค่ะ เรียกกันว่า ‘แก่นแท้แห่งทะเล’ ใช้ปรุงอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติและความอร่อยได้เจ้าค่ะ”
นางมองรอบ ๆ ห้องครัวแล้วชี้ไปที่ผักใบเขียวกองหนึ่ง “ให้ข้าทำผักลวกกับซอสนี้สิคะ นี่เป็นเมนูพิเศษอย่างหนึ่งที่ข้าชอบเลยนะเจ้าคะ !”
หัวหน้าพ่อครัวหวังล้างผักด้วยตัวเองทันทีอย่างกระตือรือร้น ขณะเดียวกันหยูเสี่ยวเฉาก็เอาหม้อใส่น้ำตั้งไฟจนเดือด หลังจากนั้นก็ลวกผักในน้ำเดือดนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วเอาผักลวกวางลงบนจาน ราดด้วยซอสหอยนางรมและน้ำมันงา เป็นอันเสร็จสิ้น ! นางเงยหน้ามองทุกคนในครัวแล้วพยักหน้าให้พวกเขาลองชิม
“นี่เสร็จแล้วงั้นรึ ?” มีคนถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ คนอื่น ๆ ในห้องครัวก็มองนางอย่างผิดหวัง นี่ก็แค่ผักลวกมิใช่รึ ?
ในทางกลับกัน หัวหน้าพ่อครัวหวังมีสีหน้าครุ่นคิด จากประสบการณ์ของเขา เขารู้ว่ายิ่งอาหารเรียบง่ายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการทดสอบฝีมือของพ่อครัวมากเท่านั้น เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผักเข้าปาก รสชาติเข้มข้นของซอสหอยนางรมกับรสชาติที่สดชื่นของผักเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ เป็นรสชาติที่เขาไม่เคยกินมาก่อน นี่มันช่างสุดยอดเอามาก ๆ
สีหน้าของหัวหน้าพ่อครัวหวังทำให้โจวซือชู่อยากรู้รสชาติขึ้นมา คนอย่างหัวหน้าพ่อครัวที่เคยกินอาหารอร่อยๆมามากมายจะหลงใหลและปลื้มกับของแบบนี้น่ะรึ ? ก็แค่ผักลวกราดซอส...มิใช่รึไง ?
หลังจากคิดอยู่นิดหนึ่ง ในที่สุดคุณชายสามก็ตัดสินใจลองด้วยตัวเอง เขาหยิบขึ้นมาหนึ่งก้านและเอาเข้าปากอย่างระวัง ในฐานะที่โตขึ้นมาในตระกูลที่ร่ำรวย เขาย่อมชอบกินเนื้อมากกว่าผักอยู่แล้ว แม่ของเขาพยายามอยู่หลายปีเพื่อให้เขาลองกินผักเข้าไปบ้าง
พ่อครัวของครอบครัวเขามีฝีมือในการปรุงผัก ความจริงมีขุนนางชนชั้นสูงหลายคนที่มาถามครอบครัวของเขาว่าจะขายพ่อครัวคนนี้ให้แก่พวกเขาได้หรือไม่ แต่ข้อเสนอทั้งหมดก็ถูกปฏิเสธ
อย่างไรก็ตามอาหารหรูหราที่ทำโดยพ่อครัวมือหนึ่งพวกนั้นกลับเทียบกับอาหารง่าย ๆ ที่ทำโดยเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ไม่ได้เลย ชัดแล้วว่ามันต้องมีส่วนผสมลับอยู่เป็นแน่ !
โจวซือชู่กับหัวหน้าพ่อครัวหวังมองหน้ากัน พวกเขาคิดและรู้สึกเช่นเดียวกัน แววตาของทั้งสองเริ่มมีความโลภปรากฏขึ้น
“คุณหนูจากตระกูลหยู เจ้า...เจ้าอยากจะขายวิธีทำของเจ้าให้กับข้าหรือไม่ ?” คุณชายสามกับหัวหน้าพ่อครัวหวังถามขึ้นพร้อมกัน
“ท่านทั้งสองถามถึงสูตรทำซอสหอยนางรมงั้นรึ ? หมายความว่าเยี่ยงไรหรือเจ้าคะที่ว่า ‘ขาย’ ? ข้าก็มิได้ปิดบังนี่ตอนที่ทำเมื่อครู่นี้ ถ้าท่านไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามมาได้เลยเจ้าค่ะ !” หยูเสี่ยวเฉาไม่คิดจะขายสูตรของนางเพื่อเงินอยู่แล้ว การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันสำคัญกับนางมากกว่า
โจวซือชู่ไม่ใช่แค่เจ้าของตัวจริงของร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองถังกู่เท่านั้น แต่เขายังเป็นคุณชายของตระกูลโจวหนึ่งในสี่ตระกูลพ่อค้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ! ในอนาคตนางอาจจะมีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือจากเขาบ้างก็ได้ การสร้างความประทับใจที่ดีตอนนี้ย่อมดีกว่าการโลภจะเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ! ยิ่งมีมิตรที่ดีมากเท่าใด ในอนาคตนางก็มีทางเลือกมากขึ้นเท่านั้น !