ตอนที่แล้วบทที่ 527 - จักรวรรดิที่กำลังจะล่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 529 - 2 ทางเลือก

บทที่ 528 - ชีวิตที่ยอมได้ทุกอย่าง


บทที่ 528 - ชีวิตที่ยอมได้ทุกอย่าง

เมื่อมองไปที่สีหน้าของเจ่าไห่ อีวานก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องทำอะไรต่อ แต่ก็ยิ้มและพูดว่า “ถึงแม้ว่ามันจะไม่น่าเชื่อ แต่มันก็เป็นเรื่องจริง เรื่องที่ว่าคนยอมให้กับกิลแห่งความสว่างมันไม่ใช่แค่คนในเมืองเท่านั้นแต่คนของตระกูลเพอร์เซลล์ก็อุทิศตัวให้กับกิลแห่งความสว่างด้วยเช่นกัน คนเหล่านั้นชอบในกิลแห่งความสว่างจนสามารถเสียสละทุกอย่างที่พวกเขามีเพื่อกิลแห่งความสว่างได้เลย”

เจ่าไห่มองอีวาน ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น คนเหล่านี้จะต้องถูกล้างสมองโดยกิลแห่งความสว่างอย่างแน่นอน

กิลแห่งความสว่างนี้เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก พวกมันสามารถทำให้คนชอบพวกมันจนยอมสละทุกอย่างได้เลย แต่เจ่าไห่เองก็แค่ไม่ได้คิดว่าอิทธิพลของกิลแห่งความสว่างจะไปได้ไกลขนาดนี้

อีวานมองไปที่หน้าของเจ่าไห่พร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า “หากว่าตระกูลของเราขาดการสนับสนุนจากจักรวรรดิแล้วกองทัพของข้าจะสามารถต้านการโจมตีของชาวเผ่าได้ยังไง? แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นตระกูลของข้าก็จะต้องต้านการโจมตีเท่าที่จะทำได้ แต่ข้าก็คิดว่าตระกูลของข้าเองจะต้องทนทุกข์จากสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

เจ่าไห่ขมวดคิ้วเขารู้ว่าสถานการณ์ของตระกูลเพอร์เซลล์ตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก เจ่าไห่สามารถช่วยเหลือพวกเขาเหล่านี้ได้โดยการที่พาพวกเขาไปยังแดนทมิฬ เขายังสามารถใช้ตระกูลเพอร์เซลล์ทั้งหมดได้โดยไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันก็จะต้องเป็นความลับ

ที่สำคัญที่สุดสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลเพอร์เซลล์นั้นซับซ้อนกว่าที่จินตนาการไว้ ถ้าตระกูลเพอร์เซลล์มีคนที่บ้าในกิลแห่งความสว่างจริงๆ เจ่าไห่ก็ไม่สามารถพาตระกูลเพอร์เซลล์ไปยังแดนทมิฬได้ มันยากมากที่จะพูดว่ากิลแห่งความสว่างจะทำอะไรกับแดนทมิฬ แม้แต่ชาวเผ่าในทุ่งหญ้าก็อาาจะไม่สามารถหนีการเคลื่อนไหวของกิลแห่งความสว่างได้

อีวานมองไปที่เจ่าไห่และพูดว่า “เจ่าไห่ ข้าอยากจะขอสิ่งเดียวจากเจ้า ข้าต้องการให้สมาชิกบางคนของตระกูลเพอร์เซลล์ไปกับเจ้าที่จะกลับไปที่เกาะทองคำ หากตระกูลของเราสามารถรอดพ้นจากวิกฤตินี้ได้พวกเขาก็สามารถกลับมาได้ หากเราไม่สามารถผ่านมันไปได้ ข้าขอให้เจ้าดูแลพวกเขาสัก 2-3 ปีเท่านั้นเพื่อให้ชื่อของตระกูลเพอร์เซลล์ยังสามารถอยู่ต่อไปได้”

เจ่าไห่มองอีวาน เขารู้ว่าอีวานได้คิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายนี้ไว้แล้ว เขาต้องการที่จะส่งเมล็ดพันธุ์ของตระกูลเพอร์เซลล์ออกไปเพื่อความอยู่รอด

เจ่าไห่ไม่ปฏิเสธเขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะทำตามที่ท่านขอ แต่ลุงอีวานข้ามีสิ่งหนึ่งที่อยากจะถาม ท่านช่วยไปถามหน่อยว่าคนที่ท่านจะให้ไปเกาะทองคำพวกเขาเต็มใจที่จะไปไหม? ลุงอีวานน่าจะรู้ว่าตระกูลบูดาของข้านั้นมีสมาชิกในตระกูลไม่มากนัก และถ้าชาวเผ่าโจมตีพวกไพร่เหล่านี้จะต้องถูกฆ๋าอย่างแน่นอน แต่ข้าเองก็อยากจะแน่ใจด้วยว่าผู้คนที่จะไปไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิลแห่งความสว่าง”

อีวานพยักหน้าและพูดว่า “นี่มันไม่ใช่ปัญหา ข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ มีคนจำนวนมากที่ต้องการออกไปในตอนนี้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน พวกเขาไม่มีทางรอดชีวิตในเมืองอื่นๆ ได้และพวกเขาเองก็อาจจะถูกลดระดับจนกลายเป็นทาส ข้าไม่ต้องการเห็นพวกเขาเป็นเช่นนั้น ดังนั้นข้าจะช่วยดูพวกเขาในเรื่องนี้แน่นอน”

เจ่าไห่พยักหน้าและพูดว่า “งั้นข้าก็ต้องรบกวนลุงอีวานแล้ว ข้าหวังว่าลุงจะสามารถจัดการดูแลเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพียงแค่ให้พวกเขารวมกลุ่มกันที่นี่ในขณะที่ข้าจะไปดูตระกูลอากิสะว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่”

อีวานพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าน่าจะไปดูพวกเขาด้วยเช่นกัน ข้าได้ยินมาว่าจักรวรรดิส่งกองทหารไปยังดินแดนของพวกเขา อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าตระกูลอากิสะจะถูกขังในเมืองของเขา”

เจ่าไห่มองสีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปและพูดว่า “จริงเหรอ? จักรวรรดิอาร์ซูพวกเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่? พวกเขากลายเป็นหุ่นเชิดของกิลแห่งความสว่างไปแล้วงั้นเหรอ?”

อีวานตอบกลับ “มันน่าจะเป็นไปได้สูง ถ้าจักรวรรดิไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาก็คงจะไม่ทำเช่นนี้ การกระทำนี้มันเท่ากับการละเมิดขุนนางทั้งหมด และในอนาคตก็จะไม่ขุนนางคนไหนเชื่อฟังพวกเขาอีกต่อไป”

เจ่าไห่ถอนหายใจ เขาไม่เขาใจกิลแห่งความสว่างเลยจริงๆ พวกเขามีจุดประสงค์ที่จะทำอะไรกันแน่? พวกเขาต้องการให้ราชวงศ์สนใจพวกเขางั้นเหรอ? ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดราชวงศ์ทั้งหมดในทวีปจะต้องจัดการทำลายล้างพวกเขาอย่างแน่นอน

หลังจากมองท้องฟ้าเจ่าไห่ก็ยืมขึ้นแล้วเขาก็หันไปหาอีวานและพูดว่า “ลุงอีวาน ข้าจะต้องไปตระกูลอากิสะให้เร็วที่สุด ข้ากลัวว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย”

อีวานพยักหน้าและพูดว่า “เจ้ารีบไปเถอะ ข้าจะบอกความลับที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน ข้ายังมีเวลาหลายวันในการเตรียมตัว ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับตัวข้ามากเกินไป ไปช่วยตระกูลอากิสะก่อน”

เจ่าไห่มองลุงอีวาน เขาไม่คิดว่าอีวานจะให้เขาได้รู้ความลับของตระกูลเพอร์เซลล์ นี่เป็นหนึ่งในความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลเพอร์เซลล์

เจ่าไห่เข้าใจสิ่งที่อีวานกำลังจะทำ นี่เป็นวิธีของอีวานในการบอกว่าเขามีความไว้วางใจอย่างมาก อย่างไรก็ตามเจ่าไห่ไม่ได้ต้องรู้ความลับ ต่อมาเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่หรอก ท่านไม่จำเป็นต้องบอกมันกับข้า ข้ามีวิธีการของข้าเอง”

อีวานรู้ว่าเจ่าไห่มีสัตว์ที่บินได้ ดังนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเยอะ เขาพยักหน้าและพาเจ่าไห่ไปที่ประตูและรถของเขาก่อนที่มันจะออกไปจากคฤหาสน์

หลังจากที่เจ่าไห่เข้ามาในรถของเขา เขาก็เข้าไปในมิติทันทีและไปหาลอร่าและคนอื่นๆ เนื่องจากพวกเธออยู่ในมิติ พวกเธอได้ยินที่อีวานและเจ่าไห่คุยกันแล้ว

เมื่อเจอเจ่าไห่ ลอร่าหันไปหาเจ่าไห่ทันทีและพูดว่า “พี่ไห่ ฉันเพิ่งดูสถานการณ์ของตระกูลอากิสะพวกเขายังไม่เป็นอะไร แต่ตอนนี้พวกเขาถูกขังในคฤหาสน์ของพวกเขา อย่างไรก็ตามเราไม่ได้รับจดหมายใดๆ จากนกอินทรีย์”

เจ่าไห่พยักหน้าจากนั้นเขาก็เปิดจอเพื่อแสดงสถานการณ์ของตระกูลอากิสะที่ถูกล้อมไปด้วยทหาร โรเบิร์ตไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเขาติดอยู่ข้างใน สถานการณ์ของเฟอร์นันต์ไม่ได้ดีไปกว่านี้ ดูเหมือนว่าเขาจะแพ้แล้ว

เจ่าไห่มองไปรอบๆ และไม่สามารถเห็นเงาของนกอินทรีย์ของเขาได้ เพราะมันถูกฆ่าตายแล้ว ดูเหมือรว่าจักรวรรดิอาร์ซูจะส่งเทพผู้มีพลังระดับ 9 ไปที่ตระกูลอากิสะ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจุะไม่สามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ได้แน่นอน

นอกจากนี้ตระกูบอากิสะยังมีเทพผู้มีพลังระดับ 9 ด้วยดังนั้นหากเทพผู้มีพลังเหล่านี้ไม่ได้ถูกจัดการก็จะเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลอากิสะจะถูกขังอยู่ในคฤหาสน์ของตัวเอง

หลังจากที่คิดเกี่ยวกับสิ่งนี้แล้วเจ่าไห่ก็ได้ไปหาเจ่าฉินอี้ทันที เขาไม่อาจให้เทพผู้มีพลังระดับ 9 คนอื่นๆ ไปได้นอกจากเจ่าฉินอี้เพราะเธอแตกต่างจากคนอื่นๆ ความแข็งแกร่งของเธอในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเทพผู้มีพลังระดับ 9 อย่างแน่นอน

หลังจากนั้นสักครู่เจ่าฉินอี้ก็พบกับเทพผู้มีพลังระดับ 9 พวกเขามีทั้งหมด 4 คนและ 4 คนนี้ก็กำลังล้อมรอบคฤหาสน์ของตระกูลอากิสะอยู่ เมื่อมองไปที่พวกเขาแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขามาจากกิลแห่งความสว่าง

เจ่าไห่มองหาเบลล์ทันที คนของเบลล์ถูกจับตัวไว้ที่คฤหาสน์ด้วยเช่นกัน เจ่าไห่รู่ว่าคนของเบลล์จะต้องบอกเรื่องเกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่ากิลแห่งความสว่างกำลังรอเขาอยู่

เจ่าไห่มองไปที่เทพผู้มีพลังระดับ 9 พวกเขา 4 คนดูเหมือนจะไม่มีความสามารถพิเศษอะไร พวกเขาไม่ได้แตกต่างไปจากเทพผู้มีพลังระดับ 9 ตยอื่นๆ

เมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถรอได้เป็นเวลานาน เจ่าไห่ก็ปรากฏตัวในห้องของเฟอร์นันต์ทันที สถานะในตอนนี้ของเฟอร์นันต์นั้นน่าสังเวชมากๆ ร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล แม้ว่าแม่ของเขาจะกำลังใช้พลังเวทย์แห่งแสงรักษาอยู่ เขาก็ยังอยู่ในสภาพที่ดูไม่ดีนัก

เฟอร์นันต์มองเหมือนจะหมดสติ ในตอนนี้เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย เจ่าไห่มองสภาพของเฟอร์นันต์และไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ก็รู้สึกเจ็บใจ อันที่จริงเขารู้จักกับเฟอร์นันต์ยังไม่นานเลย และก็ยังเป็นคนที่เจ่าไห่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

เจ่าไห่เดินมาข้างเตียงของเฟอร์นันต์และพูดว่า “เฟอร์นันต์เจ้าได้ยินข้าไหม?”

เมื่อเห็นเห็นว่าคนบนเตียงไม่ได้ตอบกลับเจ่าไห่ก็ใช้พลังเวทย์แสงทันที สีหน้าของเฟอร์นันต์ดีขึ้นมากจากนั้นตาของเขาก็ขยับเล็กน้อย เมื่อเจ่าไห่เห็นเช่นนั้นเขาก็มีความสุขมากและพูดว่า “เฟอร์นันต์เจ้าฟื้นแล้ว”

แต่ดูเหมือนว่าเจ่าไห่จะไม่ได้สังเกตเห็น ทันทีที่เจ่าไห่พูดเฟอร์นันต์ก็ลืมตาและตะโกนว่า “พี่ชายของข้าจะมาที่นี่!! แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเจ้าออกไปแน่ๆ”

เจ่าไห่มองเฟอร์นันต์ เฟอร์นันต์ก็มองไปที่เจ่าไห่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกระโดดลงจากเตียง และพูดว่า “พี่ไห่ทำไมท่านเพิ่งมา? ข้าถูกรังแกเกือบจะตายอยู่แล้ว”

เจ่าไห่มอง เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ เขาตีหลังของเฟอร์นันต์และพูดว่า “เจ้าไม่เป็นไรมากหรอก ข้ามาแล้วเดี๋ยวข้าจะจัดการเรื่องทุกอย่างเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟอร์นันต์ก็หยุดร้องไห้ และก็พูดว่า “พี่ไห่แก้แค้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย อีกฝ่ายมีเทพผู้มีพลังระดับ 9 หลายคนพวกเขาจัดการสังหารผู้เฒ่าของตระกูลของข้าทั้งหมด ท่านต้องออกไปให้เร็วที่สุด”

ในตอนนี้ก็มีเสียงดังขึ้น “จะออกไปยังไง เขาหนีไปไม่ได้หรอก”

เมื่อเขาได้ยินเสียงนี้สีหน้าของเฟอร์นันต์ก็ซึด เขามองไปที่เจ่าไห่และยิ้มและพูดว่า “พี่ชายดูเหมือนว่าท่านจะหนีไปไม่ได้แล้ว เทพผู้มีพลังระดับ 9 เจอตัวของท่านแล้ว”

เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “ข้าเคยเห็นเทพผู้มีพลังระดับ 9 มาแล้วไม่เห็นไรเจ้ามากับข้า มาดูกันว่าเทพผู้มีพลังระดับ 9 เหล่านั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน” จากนั้นเขาก็พาเฟอร์นันต์ออกจากห้องไป

ด้านนอกเจ่าไห่สามารถมองเห็นเทพผู้มีพลังระดับ 9 ทั้ง 4 ได้เพราะเจ่าฉินอี้เจอตัวพวกเขาก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาทั้งหมดบินไปยังคฤหาสน์และล้อมรอบลานเล็กๆ ที่เจ่าไห่อยู่

เจ่าไห่เพิ่งยืนอยู่ที่นั่นและมองเทพผู้มีพลังระดับ 9 อย่างใจเย็นก่อนที่จะยิ้มและพูดว่า “กิลแห่งความสว่างมีแผนที่ดีจริงๆ พวกเขาจะไม่ยอมลามือกับข้าเลยงั้นเหรอ?”

เทพผู้มีพลังระดับ 9 มองไปที่เจ่าไห่และพูดว่า “สิ่งที่เจ้าพูดมันถูกต้อง ผู้เฒ่าได้สั่งให้สังหารเจ้า กิลแห่งความสว่างได้ใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อจัดการกับเจ้า ในวันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน”

เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “เมื่อวานนี้เองที่กิลแห่งความสว่างเริ่มจัดการกับข้าแต่ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ ในทางกลับกันเจ้าเสียเทพผู้มีพลังระดับ 9 ไปมากสิ่งนี้มันก็ทำให้ข้าประหลาดใจมากที่เทพผู้มีพลังระดับ 9 ของกิลแห่งความสว่างยังเหลืออยู่”

เทพผู้มีพลังระดับ 9 มองไปที่เจ่าไห่และตะโกนว่า “ไม่ต้องเสียเวลา เจ่าไห่เจ้าเป็นศัตรูของกิลแห่งความสว่างของเรา กิลแห่งความสว่างจะไม่จบจนกว่าจะจัดการกับเจ้าได้ เพื่อจัดการเจ้าเราไม่ลังเลที่จะใช้ทุกอย่างที่มี ชีวิตของข้าเป็นของกิลแห่งความสว่าง ดังนั้นเราจะเสียสละชีวิตเพื่อกิล เจ่าไห่เจ้าจะต้องตายในวันนี้!!”

เจ่าไห่หัวเราะและพูดว่า “ไม่จำเป็นเลย เจ้าคิดว่าเทพผู้มีพลังระดับ 9 สามารถฆ่าข้าได้งั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”

เทพผู้มีพลังระดับ 9 พูดออกมาว่า “หากไม่มีการเตรียมการที่ดีข้าก็คงไม่กล้าที่จะมาที่นี่หรอก เจ้าคิดว่ากิลแห่งความสว่างไม่รู้ความลับของเจ้างั้นเหรอ? เจ่าไห่ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องตายแล้ว” จากนั้นแสงไฟหลายดวงก็ออกมาจากมือของเทพผู้มีพลังระดับ 9 ในขณะที่มันถูกยิงมาจากทั้ง 4 มุมของคฤหาสน์

เจ่าไห่ไม่ได้สนใจเขาสามารถขอให้เจ่าฉินอี้เอาเขากลับไปที่มิติได้โดยที่มันจะไม่สามารถโดนตัวเจ่าไห่ได้เลย

จากการคาดการของเขาลูกไฟนี้น่าจะเป็นพลังที่ตกผลึกดูเหมือนว่ากิลแห่งความสว่างต้องการที่จะจัดการกับเขาโดยใช้พลังนี้ เจ่าไห่ไม่ได้เคลื่อนไหวเขายืนอยู่ที่นั่นและมองเทพผู้มีพลังระดับ 9 เหล่านั้น

เมื่อเจ่าไห่มองเขาก็รู้ว่าเทพผู้มีพลังระดับ 9 เหล่านี้ใช้พลังชีวิตของพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาพร้อมที่จะเสียสละชีวิตของพวกเขาในการใช้พลังในครั้งนี้

เจ่าไห่มองไปรอบๆ แล้วหันหน้าของเขาไปหาเฟอร์นันต์และพูดว่า “เจ้ารีบแจ้งตระกูลของเจ้าให้มารวมตัวกันที่นี่ กิลแห่งความสว่างใช่พลังแปลกๆ”

เฟอร์นันต์มองเจ่าไห่ เขาไม่ได้สนใจอะไรที่เจ่าไห่พูดมากนัก เขารีบวิ่งไปและพูดว่า “ได้เลย” จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปในคฤหาสน์

แต่ดูเหมือนว่ารอยบนหน้าของเทพผู้มีพลังระดับ 9 เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวซึด ความรู้สึกของวิกฤตที่เจ่าไห่รู้สึกมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าคน 4 คนนี้จะไม่ได้เป็นแค้เทพผู้มีพลังระดับ 9 ของกิลแห่งความสว่างเท่านั้น

4 คนนี้น่าจะมีพลังพิเศษเพื่อที่จะใช้เวทย์ที่แปลกนี้ เวทย์นี้มันน่ากลัวมากและการสร้างเวทย์นั้นไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลย ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายพลังเวทย์นี้

จบบทแล้วนะครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ บ๊าย...บาย

https://www.facebook.com/ไปสร้างฟาร์มที่ต่างโลกกันเถอะ-589977038117446

ฝากเพจด้วยนะครับ กดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ มีอะไรก็บอกกันได้เลย อย่าด่ากันแรงนะครับ บอกได้ครับ ผมจะได้นำเอาไปพัฒนาตัวเองครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด