บทที่ 317 - ฉันจะเป็นคนปิดม่านครั้งนี้เอง (1) [04-05-2020]
บทที่ 317 - ฉันจะเป็นคนปิดม่านครั้งนี้เอง (1)
”
ยูอิลฮานได้ไปกระจายกับดักแห่งการฟื้นคืนตามโลกต่างๆที่ยังไม่ได้รวมเข้ากับดาเรย์
แค่โลกล่ะอันก้เพียงพอแล้ว เมื่อมิสทิคได้ทุ่มเทสมาธิของเธอ กับดักแห่งการฟื้นคืนอันที่ถูกทิ้งเอาไว้ก็จะกลืนกินกับดักแห่งการทำลายทั้งหมดในโลกและดูดเอามานามาเปลื่ยนกับดักแห่งการทำลายให้กลายมาเป็นกับดักแห่งการฟื้นคืน
เพราะโลกส่วนใหญ่ไม่ได้กว้างใหญ่เหมือนกับที่ดาเรย์ทำให้การเปิดใช้งานกับดักแห่งการฟื้นคืนให้ปกคลุมทั่วโลกใช้เวลาไม่นานนัก ทุกๆครั้งที่ไปโลกใหม่มิสทิคจะเหนื่อยขึ้นแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง ร่างกายที่ยูอิลฮานได้สร้างให้เธอดีจนไม่น่าเชื่อ
ในตอนที่โลกที่พวกเขาได้ไปมีประมาณ 26-27 โลก ยูอิลฮานก็ได้เจอเข้ากับทูตสวรรค์อีกสองตน เพราะการกระทำของยูอิลฮานที่ทำให้สงครามสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจบลง ทูตสวรรค์ระดับต่ำก็เลยได้กลับมาทำหน้าที่เดิมของพวกเขา
[หืม?]
[เดี๋ยวนะ ฉันคิดว่ามีอะไรบางอย่างเปลื่ยนไป]
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รู้ถึงการมาของยูอิลฮานและการติดตั้งกับดักแห่งการฟื้นคืน แต่ว่าพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงกับดักแห่งการทำลายที่เปลื่ยนแปลงไป พวกเขาคงติดตั้งเวทย์ตรวจจับบางอย่างไว้กับกับดักแห่งการทำลายเพื่อทำให้มีการทำงานที่ประสิทธิภาพ
สิ่งแรกที่พวกเธอสัมผัสได้เลยก็คือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกับดักแห่งการทำลาย จากนั้นสัญญาณทั้งหมดของกับดักแห่งการทำลายที่มีอยู่บนโลกนี้ก็ได้ถูกตัดขาดไปพร้อๆกัน
[กับดักแห่งการทำลายได้ถูกทำลายลงแล้ว!]
[บ้าน่า กับดักแห่งการทำลายไม่มี... เดี๋ยวสิ ทำไมถึงไม่มีการพังของดันเจี้ยนล่ะ...!]
[กับดักแห่งการทำลายกำลังเปลื่ยนแปลงไป นี่มัน... กำลังเกิดอะไรขึ้นกัน?]
ทูตสวรรค์ต่างตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้รายงานไปยังเพื่อบนก่อนที่จะเร่งรีบพุ่งไปทางกับดักแห่งการฟื้นคืน มิสทิคที่กำลังทำการกลืนกินตรงๆอยู่ได้หันมาถามกับยูอิลฮาน
"นายท่าน พวกทูตสวรรค์กำลังคิดจะตรวจสอบอะไรบางอย่าง ปล่อยไว้จะไม่เป็นไรหรอ?"
"ไม่ต้องสนใจหรอก ต่อให้เป็นพระเจ้ามาเองก็ทำอะไรไม่ได้ ในทันทีที่มีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงคนไหนพยายามจะแทรกแซงกับดักแห่งการฟื้นคืน กับดักแห่งการฟื้นคืนแต่ล่ะอันภายในโลกก็จะปะทุความบ้าคลั่งพลังขึ้นมา"
"จริงด้วย มีอะไรแบบนี้ติดตั้งอยู่ด้วย"
และเมื่อเกิดการปะทุพลังความบ้าคลั่งของกับดักแห่งการฟื้นคืนขึ้น สัญญาณก็จะถูกส่งกลับไปที่ยูอิลฮานกับมิสทิค ต่อให้พวกเขาจะมาช้าก็ไม่มีปัญหาอะไร กับดักทั้งหมดจะทำลายตัวเองก่อนที่จะมีใครมาวิเคราะห์ ยูอิลฮานได้อธิบายเรื่องนี้ออกมาด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
"หลังจากได้ลองตรวจสอบเร็กน่า นี่คือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มาจากพระเจ้า"
"ใช่แล้ว ใช่แล้ว นายท่านชั่วร้ายยิ่งกว่าเดิมอีก"
"ดูเหมือนพวกนั้นจะรู้ตัวกันแล้วนะ"
หลังจากทูตสวรรค์ได้เห็นอาร์ติแฟคที่สร้างมาจากเทคโนโลยีที่พวกเขาไม่รู้จักก็ได้ตื่นตระหนกกันขึ้นมา
[เราจะทำยังไงกับสิ่งนี้กันดี]
[... เราต้องออกไปมาจากที่นี้ ฉันไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้มันจะทำอะไรแต่ว่าหากเราไปแทรกแซงมันโดยไม่ระวังตัวได้เกิดหายนะขึ้นมาแน่ พวกเราทำได้ก็แค่ต้องกลับไปที่สวรรค์ก่อน]
[แต่ว่าทูตสวรรค์ระดับสูง หรือต่อให้เป็นท่านเทวทูตจะแก้ปัญหานี้ได้หรอ?]
[หากว่าเจ้าของแบบนี้กระจายอยู่ทั่วโลกได้มีปัญหาหนักกว่านี้แน่]
[อ๊าา... ทั้งๆที่สงครามเพิ่งจะจบลงเองนะ ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วล่ะ?]
[หากว่ามีสิ่งมีชีวิตทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นที่นี่เราก็ทำได้แต่ต้องสูง ยังไงก็ตามตอนนี้เรากลับกันก่อนเถอะ]
ดูเหมือนว่าทูตสวรรค์ในโลกใบนี้จะมีศักยภาพกันอยู่พอตัว ยูอิลฮานได้หยักหน้ายิ้มๆออกมา ตราบใดที่พวกเขาไม่ประมาท เรื่องที่พวกเขากังวลกันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น
ไม่ใช่เพียงแค่นี้ แต่ยังมีเรื่องที่ไม่ต้องกลัวเรื่องการล้นของมานา ไม่ต้องกลัวเรื่องที่พระเจ้ากำลังพยายามจะทำอะไรกับพวกเขา นี่มันดีขนาดไหนกันล่ะ!? กับดักแห่งการฟื้นคืนคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด
"ไม่ใช่ว่านายท่านควรจะไปติดต่อโน้มน้าวพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะทำอะไรแย่ๆหรอกหรอ?"
"นี่เธอพูดอะไรน่ะ ในท้ายที่สุดพวกทูตสวรรค์ก็เป็นแค่พนักงานเงินเดือนที่ได้แต่ทำตามคำสั่งที่สั่งลงมาเท่านั้นหรอก ต่อให้ฉันบอกไปจะมีอะไรเปลื่ยนกันล่ะ?"
ยิ่งหากยูอิลฮานไปติดต่อกับพวกกองทัพสวรรค์มากกว่าที่จำเป็นอาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้กองทัพสวรรค์ด้วยซ้ำไป
ปัญหาที่ใหญ่สุดเลยก็คือคนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าอาจจะยังติดต่อกับกองทัพสวรรค์อยู่ก็ได้ หากว่ายูอิลฮานไปอธิบายให้พวกเขาฟังไม่เท่ากับเป็นการอธิบายให้คนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้ารู้เลยหรอกหรอ นี่มันน่าโมโหมากเลยนะ! ทุกๆอย่างจะพังไปในทันทีที่เขาถูกคนอื่นจับได้ เพราะงั้นการจัดการทุกๆเรื่องเองมันสะดวกสบายกว่ามาก!
"ทั้งๆที่นายท่านได้สร้างองค์กรสิ่งมีชีวิตชั้นสูงขึ้นมาแล้วกลายเป็นหัวหน้าแล้ว แต่ท่านก็ยังทำอะไรตามลำพังเหมือนอย่างเคยเลย..."
"ช่างฉันเถอะน่า"
"นายท่านเสร็จแล้ว ไปโลกต่อไปกัน!"
มิสทิคดูมีชีวิตชีวากับการควบคุมกับดักแห่งการฟื้นคืนแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะการที่เธอได้รวบรวมบันทึกต่างๆผ่านกับดักแห่งการฟื้นคืนก็ได้ โอโรจิที่รู้แบบนี้ได้หน้าซีดขึ้นมา
"ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าฉันจะถูกแซงหน้าไปหรอ?"
"นายรู้ตัวช้าไปแล้วนะ สู้ๆแล้วกันนะโอโรจิ"
"ขี้โกง! นี่มันโกงกันชัดๆ!"
"ถ้างั้นนายก็อยากจะมาจัดการควบคุมกับดักแห่งการฟื้นคืนเหมือนกันสินะ?"
นี่มันเป็นไปไม่ได้ โอโรจิได้กลืนน้ำลายอย่างอึดอัดใจและทำได้แค่เฝ้ามองดูมิสทิคแข็งแกร่งขึ้นตลอดเวลา!
"นายท่าน ฉันยิ่งกลายเป็นจัดการมันได้ดียิ่งขึ้นแล้ว ฉันคิดว่าเราจะเพิ่มความเร็วกันอีกนิดก็ได้นะ!"
"เยี่ยมมาก ทัศนคติของเธอแบบนี้นี่แหละจะทำให้เธอแกร่งขึ้น!"
"อ๊าา ถูกผู้หญิงคนนี้แซงหน้า... นี่มันยอมรับไม่ได้!"
กระบวนการกลืนกินของโลกได้เป็นไปอย่างราบรื่น ภายในเวลาแค่สี่วันก็มีนับพันโลกแล้วที่มีกับดักแห่งการทำลายเปลื่ยนมาเป็นกับดักแห่งการฟื้นคืน
"นายท่านฉันคิดว่ากับดักที่ท่านสร้างจะครอบคลุมไปทั่วโลกได้เลยนะ"
"ท่านกำลังพิชิตทุกๆโลกด้วยวิธีที่ไม่น่าเชื่อ... นายท่านนี่หลังจากจัดการโลกระดับต่ำเสร็จแล้วท่านก็ยังคิดจะไปโลกระดับสูงด้วยสินะ?"
"นี่กำลังพูดอะไรกันอยู่ นี่นายคิดว่าโลกระดับต่ำทั้งหมดที่ฉันต้องไปมีมากขนาดไหนกัน?"
ยูอิลฮานได้อธิบายออกมาสั้นๆ
"แต่แน่นอนว่าฉันได้ทำกับดักแห่งการฟื้นคืนขึ้นมา เพราะงั้นมันจะเชื่อมไปมิติไปโลกอื่นและกลืนกินโลกนั้นด้วย มิสทิค ฉันคิดว่าในตอนนี้เธอน่าจะพอรู้สึกได้แล้วนะ"
"..."
"ก็จริง ฉันรู้สึกได้ถึงสัญญาณ..."
โอโรจิกับมิสทิคได้คิดขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง พวกเขาอยู่ห่างไกลเกินกว่าที่จะเข้าใจยูอิลฮาน!
ในตอนที่ยูอิลฮานได้มาถึงโลกที่ 32,918 พวกเขาก็ได้เจอเขากับแขกที่คาดไม่ถึง
ระหว่างที่กับดักแห่งการฟื้นคืนกำลังทำการกลืนกินอยู่นั้นเอง จู่ๆเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้โผล่ขึ้นมาปกคลุมทั่วทั้งโลก
"มิคาเอล? ไม่สิ..."
ยูอิลฮานได้มองดูเพลิงที่ดูคล้ายกับมิคาเอลแต่แล้วก็รู้ว่านี่มันอ่อนกว่ามาก จากนั้นเองคนที่ให้คำตอบก็โผล่ออกมา ยูเรียลก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้ไฟที่มีชื่อเสียงในสี่ยอดเทวทูตเช่นกัน เขาคนนั้นได้มาที่โลกใบนี้แล้ว
[อยู่ที่นี่สินะยูอิลฮาน]
ยูเรียลได้ใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ของเขาค้นหาตัวยูอิลฮาน แต่ว่าหากยูอิลฮานไม่ตั้งใจเผยตัวออกมาเองมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสัมผัสถึงตัวเขาได้ ในท้ายที่สุดยูเรียลก็ได้พูดเสียงดังกังวาลไปทั่วทั้งโลก
[กาเบรียลได้บอกฉันมาแล้ว นายน่าจะอยู่ที่นี่ใช่ไหม?]
"..."
ต่อให้เป็นสี่ยอดเทวทูต แต่หากว่าไม่มีการพูดถึงกาเบรียลยูอิลฮานก็คงจะไปแล้ว!
ในตอนนี้คนที่ยูอิลฮานเป็นกังวลในเทวทูตที่เหลืออยู่ทั้งสามคนก็คือกาเบรียล
[ฉันอยากจะคุยกับนาย นี่ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับนายด้วยเหมือนกัน มาคุยกันสักเดี๋ยวได้ไหม?]
"นายท่าน เอายังไงดีล่ะ?"
ยูอิลฮานได้คิดขึ้นกับตัวเอง - ไม่ว่าจะเป็นกับดักหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการนำปัญหามาให้หรือไม่ก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นการที่เขาจะได้รู้ความจริงที่เขากังวลอยู่หรือไม่ก็ตาม
หลังจากที่เขาได้สรุปเรื่องทั้งหมดนี้ เขาได้ยกมือขึ้นบนท้องฟ้า จากบนมือของเขาได้มีมานาจำนวนมหาศาลถูกปล่อยออกมาปกคลุมไปทั่วทั้งโลก
[สกิลจ้าวมิติทำงาน!]
เพราะแบบนี้ทำให้ประตูมิติสู่โลกใบนี้ได้ถูกปิดลงชั่วคราว จากนั้นยูอิลฮานกับพรรคพวกของเขาอีกสองคนก็ได้เผยตัวออกมา ยูเรียลที่เห็นแบบนี้ได้บินมาหาทันที
[การที่จะได้เจอนายนี่มันยากมากเลยนะ สมแล้วกับฉายาผู้โดดเดี่ยว]
"นี่กะจะมาหาเรื่องฉันในทันทีที่เจอเลยงั้นหรอ? แล้วเรื่องที่จะคุยเมื่อกี้ไปไหนซะแล้วล่ะ?"
ยูเรียลเป็นผู้หญิง และเป็นผู้ที่ครอบครองผมสีขาวบลอนด์งามและนัยน์ตาสีทอง แน่นอนว่าหอกของยูอิลฮานไม่มีวันจะทื่อต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้หญิงก็ตาม ในอดีตหอกของเขาได้ตัดผู้หญิงมานักต่อนักแล้ว!
นอกไปจากนี้คำพูดทำร้ายจิตใจของเธอก่อนหน้านี้ยิ่งทำให้ยูอิลฮานเพิ่มความเป็นศัตรูขึ้นไปถึงขีดสุด
[ฉันไม่ได้อยากจะทำให้นายมาเป็นศัตรูหรอกนะ แต่ว่าฉันได้เสียสหายที่อยู่ร่วมกันเป็นล้านๆปีไป]
"อยากจะให้ฉันส่งเธอไปอยู่กับเขาไหมล่ะ?"
[ฉันไม่อยากจะโม้หรอกนะ แต่ว่ามีผู้ชายแค่ไม่กี่คนที่สบตากับฉันตรงๆได้... น่าทึ่ง]
"ฮึ่ม"
เธองั้นหรอ? ต่อให้เป็นเฮเรียน่าก็ยังทำอะไรกับเขาไม่ได้เลย ยูเรียลได้ยิ้มแห้งๆออกมากับความคิดนี้ของเขาและชูมือสองข้างขึ้นมาเพื่อบอกว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้าย
[ก็อย่างที่รู้เพลิงของฉันไม่อาจจะเหนือกว่านายได้ ต่อให้ฉันจะใช้พลังของผืนดินด้วย แต่ว่านั่นก็ไม่ได้ผลกับนายเหมือนกัน นายก็น่าจะรู้นะว่าฉันไม่มีโอกาสชนะเลย]
"ใช่ ฉันรู้ เพราะแบบนั้นฉันถึงได้สงสัยว่าทำไมเธอถึงได้แสดงตัวออกมาค้นหาฉัน"
[ฉันอยากจะมาขอร่วมทาง]
"ร่วมทาง?"
มาขอร่วมทางกับคนที่ฆ่าหนึ่งในสี่ยอดเทวทูตไปและยังเป็นหนึ่งในหัวหน้ากองกำลังเนี้ยนะ? นี่มันเป็นเรื่องไร้สาระที่รองลงมาจากการเสนอเป็นพันธมิตรจากความโลภเลยนะ
ยูเรียลที่เห็นยูอิลฮานแสดงความสงสัยออกมาทำให้เธอได้หัวเราะขึ้นและพูดต่อ
[ฉันพอจะรู้สึกที่นายกำลังทำอยู่ในตอนนี้อยู่เล็กน้อย นายกำลังเคลื่อนไหวเพื่อที่จะทำให้ไม่เกิดความเสียหายจากการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไปจนถึงสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำถูกไหม?]
"ไม่ ฉันก็แค่เอาชีวิตรอดเท่านั้น"
[ถึงนายจะพูดแบบนัน แต่นายก็กำลังหาวิธีที่จะช่วยผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ใช่ไหมล่ะ?]
ยูอิลฮานได้เริ่มที่จะรู้สึกไม่สบายใจแล้ว สิ่งที่เขาทำก็แค่การปกป้องตัวเขาเองกับคนใกล้ชิดเท่านั้น การที่มีคนมาพูดว่าสิ่งที่เขาทำเป็นนักบุญที่กำลังช่วยทุกๆคนอยู่มันทำให้เขารู้สึกรำคาญใจมาก ยูเรียลก็ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้และหยักไหล่ออกมา
[นั่นมันไม่ใช่สิ่งสำคัญหรอกนะ ฉันมาหานายตามคำพูดของกาเบรียลและฉันอยากที่จะเฝ้าสังเกตการกระทำของนายในฐานะที่ฉันเป็นตัวแทนกองทัพสวรรค์ หากมีฉันอยู่ด้วยนายก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องการปะทะกับกองทัพสวรรค์]
ทำไมเธอถึงได้พูดเหมือนแก้ตัวล่ะ? ยูอิลฮานรู้สึกเหมือนกับเขากลายมาเป็นตัวเอกอยู่และตอบเธอกลับไป
"ยังไงก็ตาม การที่เธอมาติดตามฉันทั้งๆที่ฉันไม่รู้เลยว่ามีอะไรแปลกๆบ้างที่ซ่อนอยู่ในพวกเธอมันรบกวนฉันมาก"
[ฉันคิดหนึ่งในสี่ยอดเทวทูต บันทึกของฉันไม่ได้รั่วไหลออกไปเหมือนทูตสวรรค์คนอ่นๆ อย่างน้อยที่สุดก็กับพวกทูตสวรรค์คลาส 7 คนอื่นๆ]
นี่คือสิ่งที่ได้พิสูจน์ในสมมติฐานของยูอิลฮาน พระเจ้าได้แบ่งบันทึกที่สำคัญของตัวเขาให้กับสี่ยอดเทวทูต ไม่เช่นนั้นแล้วเธอก็คนจะไม่กล้าพูดแบบนี้แน่
"ฉันรู้ฉันน่าจะวิเคราะห์ซากของราฟาเอลที่เหนือก่อนสินะ"
[แล้วจะเอายังไงล่ะ? จะยอมรับคำขอของฉันไหม?]
ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมา นี่มันเพราะว่าเขาจำได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่ราฟาเอลเดินทางกับเขาไปฆ่าคนทรยศกองทัพสวรรค์
ยังไงก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้ต่างไปจากตอนนั้น ยูเรียลไม่มีวิธีที่จะแทรกแซงยูอิลฮานได้ และตัวเขาในตอนนี้ก็ยัง...
"ได้ ฉันจะไปกับเธอ แล้วก็นะฉันไม่รู้ว่าเธอจะรู้ไหม แต่ว่ายังมีโลกระดับต่ำอีกมากที่เหลืออยู่"
[ใช่ ฉันได้ยินมาแล้วว่ากับดักของนายมีความสามารถอยู่มาก แต่ยังไงก็ตามงานของนายยังไม่เสร็จใช่ไหมล่ะ?]
"เธอพูดถูก"
ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมา บางทีอาจจะมาค้นหาเขาหลังจากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน มันไม่มีทางเลือกเรื่องนี้งั้นหรอ?
ถ้างั้นเขาก็ได้แต่เดินทางร่วมกับเธอจนกว่าที่ม่านแห่งสงครามจะถูกเปิดขึ้น
ยูอิลฮานได้ขบริมฝีปากเปิดใช้สกิลข้ามมิติไปพร้อมกับโอโรจิ มิสทิค และยูเรีบล นี่คือช่วงเวลาสำหรับบทส่งท้ายที่เป็นความจริงของเรื่องแล้ว