บทที่ 37: นอกเมือง
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 37: นอกเมือง
“อืม ฉันขอเดาไว้เลยว่าเธอจะไม่อยากเก็บวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อเหล่าอสูรตายตกไป หลังจากที่เธอสอบประเมินประจำปีในครั้งหน้าเสร็จ เราจะไปนอกเมืองกันเป็นเวลาสักสองเดือนเพื่อหาประสบการณ์จริง ถึงเวลานั้นเธอจะได้พบกับอสูรเวทย์ที่แท้จริง แล้วเธอจะลืมความคิดทุกอย่างในวันนี้!” ถังหยู่กล่าวออกมา
“เก็บประสบการณ์งั้นเหรอ?” โม่ฝานไม่เคยได้ยินถึงเรื่องที่โรงเรียนจะพาออกไปด้านนอกมาก่อน มันเป็นการฝึกแบบไหนกันล่ะ?
“นักเวทย์ทุกคนต้องมีประสบการณ์เหล่านี้ โรงเรียนของเราไม่ได้เลี้ยงพวกเธอไว้สำหรับอยู่แต่ในบ้านและต่อสู้กันเอง การต่อสู้กับอสูรกายเวทย์นั้นคือของจริง นั่นคือสิ่งที่จะใช้สำหรับทดสอบสภาพจิตใจของนักเรียนทุกคน” ถังหยู่กล่าวออกมาสั้นๆ
“ผมจะพยายามอย่างเต็มที่”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ถังหยู่กล่าว “นั่นไม่ใช่การสอบ พวกเราหวังแค่เพียงให้นักเรียนทุกคนสามารถอยู่ในความสงบและมีจิตใจที่มั่นคงเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้าย ทั้งหมดจะต้องมีสติเพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้” ถังหยู่จริงจังขึ้นมา
หลังจากที่เธอกล่าวออกมาเช่นนั้น เธอหันหลังทันที โม่ฝานคิดที่จะถามอะไรอีกสักอย่างแต่ทว่าเขามองเห็นร่างกายของถังหยู่หายไปในความมืด แสงจันทร์ไม่สาดส่องมาที่ร่างกายของเธออีกแล้ว เขามองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเธอไปทางไหน
โม่ฝานรู้สึกงุนงงกับความรู้สึกตรงหน้าอย่างมาก
เธอหายไปในความมืดราวกับไม่เคยยืนอยู่ตรงนี้มาก่อน
โม่ฝานวิ่งออกไปที่ริมดาดฟ้าทันทีพร้อมกับชะโงกหัวออกไปด้านนอกเพื่อมองหา
สิ่งที่เขาเห็นก็คือถังหยู่กำลังกระโดดอยู่บนดาดฟ้าของตึกแปดที่อยู่ด้านล่าง เธอกำลังกระโดดกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ของตัวเองอย่างเย่อหยิ่งราวกับเอลฟ์ในคืนที่จันทร์กระจ่าง ภาพที่เห็นดูอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความยโส
ในตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นถูกความมืดกลืนกินสลับกับแสงจันทรา ถังหยู่นั้นแต่เดิมเป็นเพียงอาจารย์สาวคนสวยในสายตาของโม่ฝานเท่านั้น แต่ในตอนนี้เขามองเธอเปลี่ยนไป… เธอคืออาจารย์ที่เขาจะต้องไว้ใจ!
แล้วทักษะที่เธอใช้นั้นมันคืออะไรกันล่ะ?
ในทุกธาตุที่โม่ฝานรู้นั้นมีเพียงธาตุลมเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่ถังหยู่แสดงออกมานั้นทำให้โม่ฝานรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ดูเหมือนว่าเธอกำลังทะลุไปในเงามืดได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วอย่างยิ่ง
‘ทักษะนี้มันยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ฉันจะได้ฝึกมันบ้างนะ?’
หลังจากที่เขาคิดเช่นนั้น ดูเหมือนว่าร่างกายของถังหยู่จะหายไปแล้ว…
‘เหมือนจะเคยได้ยินมาว่าจะต้องเป็นนักเวทย์ขั้นกลางสินะจึงจะใช้ทักษะพวกนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าอาจารย์ถังหยู่เป็นนักเวทย์ขั้นกลางงั้นเหรอ?’
‘แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก อาจารย์ในโรงเรียนนี้ต่างก็อยู่ในขั้นกลางทั้งนั้น อีกทั้งความสามารถของอาจารย์ถังหยู่นั้นถือได้ว่ายอดเยี่ยม!’
‘เอาล่ะ อาจารย์คนนี้เก่งกาจและดีกับฉันขนาดนี้… ฉันจะต้องกอดขาของเธอไว้ให้แน่นๆสินะ!’
......
…..
“อืมม อาจารย์พูดกันว่าหลังจากจบเทอมนี้ พวกเราจะได้ไปเข้าค่ายสินะ”
“มันคืออะไรกันนะ?”
“แค่ไปที่ป่างั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่นั้น ฉันได้ยินมาว่ามีปีศาจอยู่ในป่า พวกมันกินคนด้วยนะ ฉันไม่อยากไป!”
“ถ้าหากแกไม่ไป มันจะมีผลกับการเข้ามหาลัยนะ มันคือเรื่องสำคัญที่ทุกคนจะต้องผ่านไปให้ได้น่ะ”
“โอ้ววว ยอดเยี่ยม ถึงมันน่ากลัวก็จริง แต่พวกเราเป็นนักเวทย์นะ แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอสูรเวทย์ ฉันก็จะใช้เถาวัลย์น้ำแข็งรัดให้พวกมันตายตกไปอย่างง่ายดาย ฮ่าฮ่า”
“แต่ฉันได้ยินมาว่าอสูรเวทย์นั้นแข็งแกร่งมาก อาจารย์บอกว่าเราไม่ควรจะเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพังนะ”
อย่างที่ถังหยู่เคยบอกไว้ หลังจากที่สอบประจำปีเสร็จแล้ว ทุกคนจะต้องออกไปที่ป่าเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์จริง ทั้งหมดจะได้พบเจอกับอสูรเวทย์ตัวเป็นๆ!
แน่นอนว่าในชั้นเรียนย่อมมีการเรียนการสอนเกี่ยวกับอสูรเวทย์เสมอ เหล่าอาจารย์มักจะพร่ำสอนพวกเขาตลอดเวลา แต่ทว่าไม่มีนักเรียนคนไหนเคยพบเจอกับพวกมันจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะได้เห็นมันในอินเตอร์เน็ต แต่ทว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับการดูหนังก็อตซิล่าในทีวี
ในเวลานี้นักเรียนทุกคนจะต้องออกไปพบเจอกับอสูรเวทย์ที่แท้จริง เมื่อข่าวถูกประกาศออกไป แน่นอนว่านักเรียนทั้งหมดต่างพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทันที
การออกไปด้านนอกเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์จะเริ่มต้นที่นักเรียนห้องคิงส์
นักเรียนทั้งหมดที่อยู่ในห้องคิงส์นั้นล้วนแต่ควบคุมดวงดาวทั้งเจ็ดได้แล้ว ในตอนนี้เวลาผ่านมากว่าครึ่งปี แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีทักษะเริ่มต้นเป็นของตนเองแล้ว
มีเฉพาะนักเรียนที่สามารถใช้ทักษะเวทย์ได้แล้วเท่านั้นที่โรงเรียนจะพาพวกเขาไปพบกับอสูรเวทย์ตัวจริง ถ้าหากเป็นนักเรียนธรรมดาทั่วไป พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้กลับมา หรือมีโอกาสน้อยมาก…
......
เวลาผ่านไปราวกระพริบตา โม่ฝานพร้อมกับจี้ดำทมิฬในคอของเขานั้นได้พัฒนารุดหน้าไปอย่างมาก ตอนนี้ทักษะสายฟ้าและอัคคีของเขานั้นได้ก้าวหน้าไปมากกว่าเดิมถึงหกเท่า!
ไม่ว่าจะเป็นเวทย์สายฟ้าหรือว่าเวทย์อัคคี เขาสามารถปลดปล่อยมันออกไปได้ดั่งใจนึก
เนื่องจากเขาสามารถฝึกฝนธาตุไฟได้อย่างโจ่งแจ้ง เช่นนี้เขาจึงพัฒนาทักษะของธาตุไฟได้เร็วกว่า เพียงสามวินาทีเขาสามารถปลดปล่อยมันออกไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับสายฟ้านั้นเขาสามารถทำมันได้เช่นกันแต่ระยะเวลาอยู่ที่สี่ถึงห้าวินาที
ในตอนนี้ทุกคนภายในชั้นเรียนนั้นใช้เวลาห้าถึงสิบวินาทีในการปลดปล่อยพลังเวทย์ของตนเอง ซึ่งถือว่าไม่เลวร้ายเกินไปนัก
นักเรียนภายในห้องคิงส์นั้นมีทั้งหมดร้อยคน พวกเขาจะถูกแบ่งออกเป็นห้ากลุ่มๆละยี่สิบคน
ในกลุ่มนั้นๆจะมีอาจารย์สองคนเพื่อควบคุมและเป็นผู้นำ
นักเรียนหนึ่งกลุ่มต่อรถบัสหนึ่งคัน รวมแล้วในตอนนี้มีรถบัสห้าคันเพื่อนำนักเรียนเหล่านี้ออกนอกกำแพง
ปลายทางของพวกเขาก็คือสถานียอดเขาหิมะ
สถานียอดเขาหิมะนั้นเป็นสถานที่สำคัญสำหรับสมาคมนักฆ่าอย่างมาก มันมีหมู่บ้านเล็กๆซึ่งเอาไว้สำหรับติดต่อกับเมืองแห่งนี้อยู่เพื่อส่งของและทำการค้า ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนหุบเขานั้น
“พวกเธอจำได้รึเปล่าว่าฉันบอกไปแล้วเกี่ยวกับสถานที่ปลอดภัยและขอบเขตต่างๆ พื้นที่ด้านนอกของหมู่บ้านเป็นสิ่งที่อสูรเวทย์อาศัยอยู่ ดังนั้นก่อนที่พวกเธอจะสามารถต่อสู้กับพวกมันได้ จงอย่าเอากระดูกของตนเองไปวางไว้ที่นอกหมู่บ้าน!” ซางจิงเก่าอาจารย์ประจำวิชาอสูรเวทย์กล่าวออกมาเสียงดัง
“ใช่แล้ว ภายในสถานที่แห่งนี้ทางสมาคมนักฆ่าจะส่งคนออกไปลาดตระเวนในทุกๆเดือนและคอยแจ้งเตือนถึงพื้นที่สีแดงเสมอ พวกเราไม่เคยปล่อยให้เหล่าอสูรเข้ามาในพื้นที่ของมนุษย์ แต่ทว่าความแข็งแกร่งของนักเวทย์นั้นมีขีดจำกัด พวกเราสามารถป้องกันความปลอดภัยได้เพียงแค่ในสถานีเท่านั้น สำหรับพื้นที่ด้านนอกพวกเราไม่สามารถทำอะไรได้ ในหุบเขานั้นกว้างใหญ่และลึกลับซับซ้อนอย่างมาก เต็มไปด้วยอสูรเวทย์ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าพวกเราจะมีนักเวทย์ที่ทรงพลัง แต่ก็ไม่อาจจะกำจัดอสูรเวทย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำหรือใต้ดินได้ ขอทุกคนจงเข้าใจด้วย!” ลั่วหยุนปั๋วซึ่งเป็นผู้นำลำดับที่สามของสมาคมนักฆ่ากล่าวออกมา
ลั่วหยุนปั๋วนั้นเป็นบุรุษที่สง่างาม เขามีผิวสีเข้ม ซึ่งดึงดูดหัวใจของนักเรียนหญิงต่างๆมากมาย พวกเธอต่างพากันจับจ้องเขาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย ไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวที่จ้องมองเหล่าทหารอย่างหื่นกระหาย…
ลั่วหยุนปั๋วนั้นเป็นครูฝึกสอนคนแรกและมีครูฝึกสอนอีกคนเป็นผู้หญิง ชื่อว่าพันหลี่จวิน เธอมีใบหน้าที่ดุร้ายและสีผิวที่หยาบกร้าน ซึ่งดูแตกต่างจากอาจารย์สาวภายในโรงเรียนอย่างมาก….
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••