GE298 ดาราสมุทร (1) [ฟรี]
ซีหลานที่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีอยู่นั้น กำลังขบคิดว่าจะให้หนิงฝานทำอะไรให้จึงจะพอใจ
นวดขานวดไหล่? หรือจะให้เขาวิ่งรอบดาราสมุทรสัก 100 รอบ?
ขณะที่กำลังรอหนิงฝานอยู่นั้น เขาก็จ้องมองเขาด้วยสายตาล้อเลียน
ถ้าหนิงฝานไม่เห็นแก่ศพนางสวรรค์ เขาย่อมไม่สนใจซีหลาน
“เจ้าอยากให้ข้าชดเชยให้เหรอ?”
“ใช่! เจ้าขโมยหยกสวรรค์ข้าไปตั้งพันล้าน สมบัติของข้าก็ด้วย แต่ข้าอุตส่าห์ใจดีไม่เอาความ แถมยังจะแต่งงานกับเจ้า แต่สุดท้าย เจ้าก็กลับข่มขู่ข้า… ถ้าข้าไม่โกรธก็บ้าแล้ว!”
“ถ้าเจ้าอยากรู้วิธีใช้บุบผาดาราม้วงชำระกาย เจ้าต้องทำให้ข้าพอใจก่อน! ไม่งั้นข้าไม่บอก ถ้าเจ้าฝืนทำด้วยวิธีของเจ้า ฤทธิ์ของมันจะสูญเปล่าไป 9 ใน 10 ส่วน!”
“บอกข้าหน่อยเถอะ...” หนิงฝานยิ้มอย่างมีเลศนัย เมื่อวู่หยานและเยว่หลิงคงเห็น สีหน้าพวกนางแปรเปลี่ยน เพราะพวกนางรู้ว่าหนิงฝานกำลังจะใช้คาถาคารม ซีหลานย่อมต้องคายความลับออกมาแน่
แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ หนิงฝานกระตุ้นสร้อยหยินหยาง สิ่งใดที่นางคิด เขาจะรู้
“วิธีการใช้ดอกบุบผาดาราม่วงชำระกายที่ถูกวิธีนั้น อย่างแรกต้องทำลายการอำพรางของมันโดยใช้จิตวิญญาณสมุนไพร ใช้เพลิง 9 ชนิดชำระล้าง จากนั้นให้ ‘ทาสโอสถ’ ชำระพิษของมันให้หมด จึงจะทำให้บุบผาดาราม่วงชำระกายแสดงประสิทธิภาพได้ดีที่สุด”
ดวงตาหนิงฝานเป็นประกาย เขารู้ว่าทาสโอสถที่นางหมายถึงคืออะไร
นักปรุงโอสถบางคนนั้นจะเลี้ยงทาสไว้คนหนึ่ง โดยทำลายเส้นลมปราณของคนผู้นั้น จากนั้นป้อนพิษขนานต่างๆให้กินตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อที่จะทำให้เด็กคนนั้นสามารถต้านพิษได้
ทาสโอสถนั้นมีหน้าที่เพียงกำจัดพิษในสมุนไพร แต่หากพิษชนิดใดที่ไม่สามารถกำจัดได้เพราะรุนแรงเกินไป ทาสผู้นั้นจะได้รับโอสถถอนพิษประครองชีวิต เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพกับพิษชนิดนั้นๆได้
การเลี้ยงทาสโอสถนั้นโหดร้ายและทารุณ ทาสที่นำมาอย่างน้องต้องบรรลุขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ แต่ถึงอย่างนั้น การทดสอบโดยการให้กินพิษครั้งแรก จะมีผู้ที่รอดชีวิตมาได้เพียง 1 คนเท่านั้น
เหตุที่ต้องทำลายเส้นลมปราณก็เพราะทาสโอสถอาจใช้โอกาสชำระสมุนไพร กินสมุนไพรชนิดนั้นเข้าไปเพื่อยกระดับพลังของตน จนทำให้สมุนไพรเสียคุณค่าไป
การถอนพิษคือการให้ทาสโอสถกินสมุนไพรเข้าไป จากนั้นผู้เป็นนายจะใช้วิชาลับในการนำสมุนไพรในร่างของทาสโอสถ แล้วเปลี่ยนกลับให้มันเป็นสมุนไพรตามเดิม
ความลับของการใช้บุบผาดาราม่วงชำระกายนั้น คือการที่ต้องมีจิตวิญญาณสมุนไพรและทาสโอสถ
เรื่องวิชาลับ หนิงฝานถามซีหลานได้ แต่เรื่องทาสโอสถ เขาไม่อาจหาได้ อีกอย่าง เขาก็ไม่อยากทำเช่นนั้นเพราะมันโหดร้ายจนเกินไป
แต่ส่วนที่เป็นปัญหาจริงๆคือจิตวิญญาณสมุนไพร
“แล้วเจ้ารู้หรือเปล่าว่าวิธีการใช้บุบผาดาราม่วงชำระกายที่ถูกต้องคืออะไร?” ซีหลานยังไม่รู้สึกตัวว่าหนิงฝานล้วงความลับนางแล้ว
“รู้สิ… แค่ทำลายการอำพรางด้วยจิตวิญญาณสมุนไพร ใช้เพลิงชำระ แล้วก็ให้ทาสโอสถขจัดพิษ….”
“เจ้ารู้ได้ยังไง? วิธีนี้มีแต่เผ่าสมุนไพรของข้าเท่านั้นที่รู้ และผู้ที่จะใช้วิชาลับได้ก็มีแค่ผู้ที่ถือครองโลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิเท่านั้น?”
ซีหลานเอามือลูบคาง สีหน้าดูสงสัย
“เจ้าไม่ธรรมดาอย่างที่คิด ข้าคงดูถูกเจ้าเกินไป”
เยว่หลิงคงขดปากอย่างขุ่นเคือง แต่วู่หยานที่มองก็อดหัวเราะไม่ได้
พวกนางรู้ว่าซีหลานถูกหนิงฝานล้วงความลับแล้ว
“จิตวิญญาณสมุนไพรคืออะไร?”
“จิตวิญญาณสมุนไพรคือดวงจิตที่เกิดจากสมุนไพร เจ้ารู้วิธีใช้บุบผาดาราม่วงชำระกาย แต่กลับไม่รู้ว่าจิตวิญญาณสมุนไพรคืออะไร… ไหนเจ้าลองทำตามข้า...” ซีหลานสงสัย นางจึงลองทำมือเป็นท่าทางให้หนิงฝานได้ทำตาม
“นี่คือ ‘แสงจิตวิญญาณสมุนไพร’ เจ้าเองก็น่าจะมี” นางกล่าว
หนิงฝานลองขยับมือตามนาง ไม่นานที่ปลายนิ้วของเขาก็ปรากฏแสงสีคราม แต่ไม่นานแสงนั้นก็หายไป
“จิตวิญญาณสมุนไพรยังก่อตัวไม่สมบูรณ์?” ซีหลานประหลาดใจ นางลูบคางขบคิดพลางเดินรอบตัวหนิงฝานด้วยความสงสัย ทั้งยังให้เขาใช้วิธีเมื่อครู่อีกครั้งเพื่อสังเกตุแสงจิตวิญญาณสมุนไพร
“น่าแปลก จิตวิญญาณสมุนไพรยังไม่ก่อตัว แต่กลับเปล่งแสงสีคราม เจ้าปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้ยังไง?”
นางไม่เข้าใจ หากเป็นคนทั่วไป แม้จะมีเจตจำนงค์เทพ แต่หากไม่มีจิตวิญญาณสมุนไพร ก็ไม่อาจเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้
นางไม่รู้ว่าวิธีปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ที่หนิงฝานได้มา เขาได้มาจากตำราสืบทอดเล่มหนึ่ง เมื่อปราณโอสถผันแปรที่ 5 จากตัวเขาส่งผลกับวิชาเมื่อครู่ แสงที่ได้จึงกลายเป็นสีคราม
เหตุผลทั้งมวลนั้นทำให้หนิงฝานไม่อาจปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ในระดับสูงขึ้นไปได้
“อาจารย์เจ้าไม่ได้สอนการสร้างจิตวิญญาณสมุนไพรเลยเหรอ? ครามห้าผันแปร ทมิฬหกผันแปร ม่วงเจ็ดผันแปร อาจารย์เจ้าไม่ได้สอนบ้างเหรอ?”
“ไม่ได้สอน” อาจารย์ของหนิงฝานคือจักรพรรดิสวรรค์ แต่เขาตายไปแล้ว ส่วนหานหยวนจี๋ ชายชรายังไม่บรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ด้วยซ้ำ เช่นนั้นใครจะสอนเขาได้
หานหยวนจี๋สอนเพียงว่า หากอยากได้โอสถ ก็มให้ช่วงชิง
“อาจารย์ของเจ้าไม่ได้เรื่องจริงๆ!” ยามนี้ซีหลานลืมไปแล้วว่านางตั้งใจจะให้หนิงฝานทำให้นางพอใจ
หนิงฝานใช้วิชาคารมอีกครั้งเพื่อล้วงวิธีสร้างจิตวิญญาณสมุนไพรจากซีหลาน แต่เมื่อได้รู้ เขากลับพูดไม่ออก
การสร้างจิตวิญญาณสมุนไพรนั้น ทำได้โดยให้นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 แบ่งจิตวิญญาณสมุนไพรของตน เพื่อมอบให้นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 นั่นจึงจะมีโอกาสได้
หากเป็นคนทั่วไป จะมีโอกาสในการสร้างจิตวิญญาณสมุนไพรสำเร็จอยู่เพียง 1 ใน 100 ส่วน ดังนั้นหากหนิงฝานอยากได้ เขาต้องให้นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 แบ่งให้
ดังนั้น ซีหลานจำต้องช่วยหนิงฝาน เพราะนอกจากนางก็ไม่มีใครเป็นนักปรุงโอสถแปรที่ 5 แต่นางจะยอมช่วยเหรอ
หนิงฝานยังไม่เคยขอให้ผู้ใดช่วย แต่เพื่อรักษาศพนางสวรรค์ ต่อให้ต้องขอ เขาก็ยินดี
“เจ้าช่วยข้าสร้างจิตวิญญาณสมุนไพรได้หรือเปล่า?”
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก ข้าเสียใจด้วยที่อาจารย์ของเจ้าไม่ได้สอน และไม่ได้ช่วยเหลือเจ้า แต่ตอนนี้เจ้ามีจิตวิญญาณสมุนไพรแล้ว แค่ต้องปลุกมันเท่านั้น ถึงวิธีการปลุกจะไม่อยาก แต่จำเป็นต้องใช้ทรายกลั่นวิญญาณ ข้ารู้ว่าที่ไหนมีทรายชนิดนี้อยู่ ข้าจะพาเจ้าไปเอง”
แล้วนางก็จูงแขนหนิงฝานเดินออกไปนอกถ้ำ
หนิงฝานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ เพราะดูเหมือนตอนนี้นางจะลืมเลือนเรื่องที่ไม่พอใจเขาไปหมดแล้ว
ขณะที่เดินไป หนิงฝานหันกลับมามองศพนางสวรรค์ด้วยแววตาเศร้าหมอง… เขาต้องรักษานางให้ได้
“เจ้ารออยู่ที่นี่นะ ข้าจะรีบกลับมา”
เมื่อกล่าวจบ หนิงฝานรวบตัวซีหลานเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ปีกฟู่ลี่ที่แผ่นหลังปรากฏ ส่งร่างของทั้งสองทะยานหายไปในพริบตา การกระพือปีก 1 ครั้ง สามารถส่งตัวเขาข้ามระยะทางกว่า 7 หมื่นลี้ได้ในพริบตา
วู่หยานยังไม่หายดี นางยังต้องพักผ่อน แต่ด้วยที่นั่นมีศพนางสวรรค์และเยว่หลิงคงอยู่ คงไม่มีใครกล้ามาก่อเรื่อง
“ขอคุณที่ช่วยเหลือข้า ข้าติดหนี้บุญคุณเจ้า” หนิงฝานกล่าวน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไม่หรอก เจ้าเองก็ช่วยข้าเหมือนกัน เป็นข้ามากกว่าที่ต้องตอบแทนเจ้า… ถึงข้าจะโง่เขลาเบาปัญญา แต่ข้าก็รู้จักที่ตอบแทนบุญคุณ ถึงเจ้าจะเป็นโจรขโมยของข้าไป แต่ข้าก็ไม่ถือโทษเจ้า แต่ที่เจ้าตำหนิข้า…. ปล่อยข้าเถอะ ข้าจะบินไปเอง”
ยามนี้หัวใจนางเต้นรัว เป็นครั้งแรกที่นางถูกบุรุษสัมผัสกายอย่างแนบชิดเช่นนี้
“ถ้าเจ้าบินไปเองจะเป็นอันตรายมาก!”
ทันทีที่หนิงฝานกล่าวจบ สัตวอสูรดวงจิตแรกเริ่มหลายเริ่มได้ระดมจู่โจมเข้าใส่หนิงฝาน
ในหมู่พวกมัน มีตัวที่เป็นจ่าฝูงอยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณ
“รนหาที่ตาย”
หนิงฝานจู่โจมพวกมันด้วยปราณกระบี่ ส่วนตนเองก็เร่งเดินทางอย่างรวดเร็ว
“แข็งแกร่ง!” ซีหลานตกตะลึง การจะสังหารพวกมันให้หมดนั้น แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงก็ต้องใช้เวลา แต่หนิงฝานกลับสังหารพวกมันได้ในพริบตา
ดังนั้นแล้ว หากไม่ใช่สัตว์อสูรตัดวิญญาณที่ทรงพลังจริงๆ พวกมันคงจะหยุดหนิงฝานไม่ได้
“ทรายกลั่นวิญญาณอยู่ที่ไหน?”
“ถ้าข้าจำไม่ผิด ตรงไปเรื่อยๆ อยู่ห่างที่นี่ราง 120 ล้านลี้”
“ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ห้ามห่างกายข้าเด็ดขนาด ไม่งั้นพวกมันอาจลอบจู่โจมเจ้าได้”
หนิงฝานเร่งมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่นางบอก
ไม่นานนัก หนิงฝานและนางมาถึงบริเวณที่เป็นน้ำ มีหมอกสีม่วงลอยวน ทั้งสองกระโดดลงไปในน้ำ เมื่อลงไป สัตว์อสูรจำนวนมากที่อยู่ข้างล่างระจู่โจมเข้าใส่
หนิงาฝนไม่ได้หวาดกลัว เขานำกระบี่แยกสวรรค์ออกมา จากนั้นกวัดแกว่งรอบทิศ สังหารอสูรใดที่กล้าขวาง
ยามนี้ ซีหลานคิดสัมผัสได้ว่า หนิงฝานแข็งแกร่งกว่าที่คิดมาก อีกอย่าง ยังไม่มีสัตว์อสูรตนใดกล้าขวาง ไม่อย่างนั้นก็จะถึงคราวตายของมัน
เมื่อลงไปถึงก้นสระ บริเวณนี้เป็นทราย “นี่ใช่ทรายกลั่นวิญญาณหรือเปล่า?”
“ในบรรดาเม็ทราย 100 ล้านเม็ด จะมีทรายกลั่นดวงจิตอยู่ 1 เม็ด… แต่หากให้หาทีละเม็ดคงยาก อย่างน้อยๆก็ใช้เวลา 4 ปี… เดี๋ยวข้าเป็นคนหาเอง แต่เจ้าต้องทำหน้าที่คุ้มกัน เพราะในอดีตเมื่อตอนนี้ที่ข้าหายเม็ดทราย ก็มีคนคุ้มกันข้าไม่น้อย”
นางนำกระซอบใบหนึ่งออกมา เหล่าอสูรเฝ้ามองอยู่ห่างๆไม่กล้าเข้าใกล้
“มีข้าอยู่ ไม่มีใครรบกวนเจ้าได้”
หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพออกไปรอบทิศ พร้อมกับปราณกระบี่ที่ทรงพลัง สัตว์อสูรในขอบเขตประสานวิญญาณและแก่นทองคำถูกสังหารในทันที นอกเหนือจากสัตว์เหล่านั้นแล้ว ยังมีสัตว์อสูรที่นอนร้องโอดคราญอย่างวทนา
“ไสหัวไป ไม่งั้นตาย!”
หนิงฝานกระตุ้นโลหิตฟู่ลี่ แผ่แรงกดดันที่ทรงพลังเข้าข่มขู่เหล่าสัตว์อสูรจนพวกมันหวดากลัวไม่กล้าเข้าใกล้
วันเวลาผันผ่าน 9 วันภายในพริบตา ยามนี้ซีหลานเก็บทรายใส่กระสอบได้ครึ่งกระสอบแล้ง
เมื่อถึงวันที่ 10 มีรถสีเงินคันหนึ่งแหวกนภาตรงมา ราวกับมันมาที่นี่เพื่อหาบางสิ่ง
“ใครหน้าไหนขวางรถข้า ตาย!”