GE297 อย่าแตะต้องนาง [ฟรี]
ภูเขารกร้างแห่งหนึ่งที่หนิงฝานเก็บตัวฝึกฝนอยู่นั้น ปราณแห่งความหนาแน่นที่เคยปกคลุมได้หายไปจนหมด
ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวคนหนึ่งยืนอยู่บนยอดเขา ก้าวเท้าเหยียบย่างนภาไปยังพื้นที่โล่งกว้าง ภูเขาสีดำทมิฬสูงกว่าพันจ้างผุดขึ้นใต้ฝ่าเท้า ผู้เยาว์คนนั้นขมวดคิ้ว มือทั้งสองข้างเคลื่อนไหวเป็นท่าทางหลากหลาย ราวกับกำลังใช้วิชาที่ซับซ้อน
เมื่อเคลื่อนไหวมือเสร็จสิ้น ปราณธรรมชาติที่ทรงพลังจากรอบทิศทะลักเข้าหาจนเกิดเป็นวังวนขนาดใหญ่กลางอากาศ
วังวนชนิดเดียวกัน เกิดขึ้นบนท้องนภาอย่างต่อเนื่อง ผสานกันจนกลายเป็นพายุขนาดยักษ์ เมื่อหนิงฝานถ่ายสัมผัสเทพเข้าไปจนตัวเขาและวังวนเริ่มเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน วังวนเหล่านั้นผสานและกลายสภาพมีรูปร่างเป็นเหมือนมังกร
มังกรตัวนั้นเปล่งเสียงคำรามลั่น แรงกดดันของมันทำให้ภูเขาและแม่น้ำสั่นไหว แรงกดดันที่มันเปล่งออกมา เทียบเคียงได้กับวิชาระดับตัดวิญญาณขั้นสูง เพียงแต่มันไม่ได้ถือกำเนิดจากวิชา แต่ถือกำเนิดจากข่ายอาคม
หนิงฝานสามารถสร้างข่ายอาคมด้วยปราณได้!
หนิงฝานจ้องมองมังกรวายุด้วยความพึงพอใจ มังกรตัวนี้ถือกำเนิดจากตาข่ายอาคม 3000 แห่ง ทำให้ได้มังกรวายุที่ทรงพลัง
ด้วยที่มังกรตัวนี้เกิดจากสายลม หนิงฝานจึงตั้งชื่อมันว่า ‘มังกรวายุระบำ’! เป็นข่ายอาคมระดับตัดวิญญาณขั้นสูง อย่างน้อยต้องใช้สัมผัสเทพในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงถึงจะวางข่ายอาคมระดับนี้ได้ ซึ่งข้อดีของมันคือไม่จำเป็นต้องใช้ปราณ
หนิงฝานยื่นมือคว้าจับอากาศ พื้นดินรอบข้างกว่าแสนลี้เกิดหลุม ปราณจากพื้นดินถูกดึงขึ้นมา
เดิมทีหนิงฝานสามารถดึงพลังจากพื้นดินได้สูงสุดคือทรงพลังเทียบเท่าวิชาในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง แต่ยามนี้กลับได้พลังเทียบเท่าวิชาในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง
มังกรวายุพุ่งทะยานเข้าหาพลังที่หนิงฝานดึงขึ้นมา เมื่อทั้งสองผสานรวมเป็นหนึ่ง มังกรตัวนั้นพุ่งทะยานลงสู่พื้นดิน ส่งผลให้พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง อานุภาพที่ทรงพลังทำให้เกิดรอยแยกมิติ ภูเขาพังทะลาย สายน้ำเหือดแห้งดูราวกับที่รกร้างกันดาร เหลือไว้เพียงพายุสายยักษ์ที่ทรงอำนาจ
“นี่คืออานุภาพของหัวใจข่ายอาคม… หากยกระดับข่ายอาคมให้สูงชั้น ย่อมได้การจู่โจมที่ทรงพลังเทียบเท่าวิชาในขอบเขตเซียน!”
หนิงฝานคิดว่าหากสัมผัสเทพของและปราณของเขาทรงพลังมากที่จะวางข่ายอาคมระดับเซียนได้ เขาคงทำลายแคว้นระดับกลางได้ในพริบตา
เมื่อควบคุมลมหายใจชั่วครู่ หนิงฝานก็สลายพายุยักษ์ก่อนจะย้อนกลับไปยังถ้ำของตน
ไม่นานนักหนิงฝานก็กลับไปถึงถ้ำ ยามนี้ ความเร็วของเขาเพิ่มพูนขึ้นมาก
หนิงฝานไม่ได้แผ่กลิ่นอายใดๆของจากร่าง เขาจึงไม่จำเป็นต้องกลบกลิ่นอายของตน นี่มาจากการยกระดับร่างกายครั้งที่สองด้วยแปลงศพ
ดังนั้นการถึงของเขา เยว่หลิงคงและคนอื่นๆจึงไม่ทราบ
เสียงเอะอะดังมาจากในถ้ำ หนิงฝานที่ได้ยินจึงขมวดคิ้ว
วู่หยานนอนพักอยู่บนเตียงหิน ไม่ไกลนัก ซีหลานกำลังโต้เถียงกับศพนางสวรรค์ โดยใจความหลักคือหนิงฝานต้องแต่งงานกับนาง
ท่ามกลางพวกนางทั้ง 4 เยว่หลิงคงมีอายุมากที่สุด หากเป็นเมื่อ การที่มีคนโต้เถียงกันจนน่ารำคาญขนาดนี้ นางคงลงมือไปแล้ว แต่หลังจากนางสิ้นชีพและเกิดใหม่ ถูกกักขังภายในโลกเย่าหยวน และต้องร่วมรักกับหนิงฝานเพื่อรักษาชีวิต นิสัยของนางก็เปลี่ยนไป เมื่อซีหลานและศพนางสวรรค์โต้เถียงกันอย่างหนัก นางก็เติมเชื้อไฟให้ทั้งสองโต้เถียงกันรุนแรงขึ้นจนเกือบต้องลงไม้ลงมือกัน
“ลู่เป่ยต้องแต่งงานกับข้า! คืนนี้เขาต้องแต่งงานกับข้า!” ซีหลานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“แสง… ไม่… แต่งงาน… เจ้า...” ศพนางสวรรค์ไม่ยอม
เยว่หลิงคงสนใจการโต้เถียงของพวกนาง นางขบคิดบางอย่างก่อนจะกล่าวขัด “เถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน! สู้กันเลย ใครชนะได้เขาไป!”
หากเป็นผู้ที่รู้จักนาง จะรู้ว่านางเป็นคนชอบแกล้ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ศพนางสวรรค์และซีหลานก็หยุดเถียง ศพนางสวรรค์เป็นฝ่ายเริ่มซัดฝ่ามือเข้าใส่ซีหลาน ซีหลานเองก็โคจรวิชาตอบโต้อย่างทันท่วงที
ศพนางสวรรค์แข็งแกร่งทัดเทียมซีหลาน การปะทะกันของทั้งสองย่อมสูสีกัน
หนิงฝานสงสัยว่าเหตุใดซีหลานน้อยถึงบอกว่าเขาจะต้องแต่งงานกับนาง เขามีเสน่ห์น่านึงดูดขนาดนั้นเลยเหรอ?
แต่เมื่อลองขบคิดดูดีๆแล้ว หนิงฝานคิดว่าที่นางโต้เถียงอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น เพราะนางไม่อยากแพ้ศพนางสวรรค์
หนิงฝานไม่สนใจเหตุผล เขาเคลื่อนเข้าขวางคั่นกลางระหว่างพวกนาง และรับการจู่โจมของพวกนางพร้อมกัน
ศพนางสวรรค์ใช้วิชาเฉพาะของนาง เสริมให้ฝ่ามือทรงพลังจนเทียบเท่าการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูง แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานที่รับฝ่ามือนางก็ไม่สะเทือนแม้แต่น้อย ที่สำคัญ หนิงฝานยังตั้งใจควบคุมกำลังของตน ให้พิดีแค่เพียงหักล้างการจู่โจม โดยไม่ทำให้ศพนางสวรรค์บาดเจ็บ แล้วรวบตัวนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
ส่วนซีหลาน หนิงฝานโบกมือส่งเพลิงสีดำทมิฬเข้าหักล้างการจู่โจม
“ขอบเขตกระดูกหยกที่ 3? ระดับร่างกายเจ้าอยู่เพียงขอบเขตกระดูกหยกที่ 2 แต่กลับแสดงพลังได้ถึงขอบเขตกระดูกหยกที่ 3! เป็นไปได้ยังไง? อีกอย่าง สัมผัสเทพข้าบรรลุขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง แต่กลับไม่อาจสัมผัสกลิ่นอายจากเจ้าได้แม้แต่น้อย… หรือเจ้าฝึกฝนร่างกายด้วยวิชาแปลงศพ!”
“เพลิงที่รุนแรง แผดเผาวิชาอสูรจนมอดไหม้ เพลิงระดับนี้อย่างน้อยต้องอยู่ในเพลิงระดับ 6! แต่ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นมาก่อน? ถึงลักษณะของมันจะคล้ายเพลิงศพ แต่อานุภาพของมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
เยว่หลิงคงและวู่หยานมากความรู้ พวกนางรู้ว่าเพลิงของหนิงฝานไม่ธรรมดา
แม้วู่หยานจะไม่รู้ถึงการยกระดับพลังของหนิงฝาน นางรู้แค่ว่าหนิงฝานแข็งแกร่งไม่ธรรมดา จึงไม่ได้ประหลาดใจมากนัก แต่เยว่หลิงคง นางเห็นหนิงฝานตั้งแต่เขายังเป็นผุ้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วกระทั่งบรรลุระดับนี้ นางจึงประหลาดใจเป็นอย่างมาก
มีเพียงเยว่หลิงคงและวู่หยานที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของหนิงฝาน แต่ซีหลานและศพนางสวรรค์ไม่ได้สนใจ
ศพนางสวรรค์ที่อยู่ในอ้อมกอดหนิงฝาน แม้สีหน้านางยามนี้จะยังคงสงบ แต่จิตใจของนางกลับปั่นป่วน
ตั้งแต่นางมาอยู่ข้างกายหนิงฝาน นางไม่เคยได้ใกล้ชิดเขามากขนาดนี้ เมื่อหนิงฝานกอดนาง ความทรงจำในอดีตที่เขาบังตับขืนใจนางได้กลับมาอีกครั้ง จนทำนางตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และพยายามดิ้นรนขัดขืน เพราะกลัวว่าหนิงฝานจะบังคับขืนใจนางอีก
หนิงฝานถอนหายใจ เขาเคยล่วงเกินนาง นางย่อมหวาดกลัวเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้น เขาไม่เคยคิดจะล่วงเกินนางเลยแม้แต่น้อย
หนิงฝานปล่อยนาง ลูบศีรษะนางอย่างถนุถนอมพลางกล่าวด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน
“วางใจเถอะ… ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายเจ้า และไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าด้วย...”
แต่เมื่อเขาหันมองซีหลาน แววตาเขากลับเย็นชา
เขาไม่รู้ว่าทำไมนางถึงได้อยากแต่งงานกับเขา และไม่รู้ว่าทำไมนางถึงลงมือกับศพนางสวรรค์ เมื่อครู่นางตั้งใจทำร้ายศพนางสวรรค์จริงๆ หากเมื่อครู่พวกนางปะทะกัน ศพนางสวรรค์จะได้รับบาดเจ็บ
“นางคือภรรยาของข้า… ถ้ากล้าทำร้ายนาง ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
ซีหลานไม่พอใจ นางและศพนางสวรรค์โต้เถียงกัน แต่หนิงฝานกลับเลือกที่จะเข้าข้างศพนางสวรรค์ ทั้งยังมองนางด้วยสายตาเย็นชา ราวกับนางเป็นคนแปลกหน้า
นางไม่รู้ว่าหากไม่เพราะหนิงฝานเห็นแก่หน้าวู่หยาน เขาคงฆ่านางไปแล้ว
ศพนางสวรรค์คือสตรีที่หนิงฝานหวงแหนเท่าชีวิต
หนิงฝานไม่ได้โทษว่าซีหลานคนเดียว แต่เขายังหันมองเยว่หลิงคงด้วยสายตาเย็นชาเช่นกัน
“อย่าให้มีครั้งหน้าอีก!”
เยว่หลิงคงเป็นคนยุให้ศพนางสวรรค์และซีหลานสู้กัน ไม่ว่านางจะเคยยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่เมื่อเป็นสตรีของเขาแล้ว นางต้องไม่สร้างปัญหาให้เขา
“ฮึ่ม...” นางแค่นเสียง ไม่กล้าโต้เถียงหนิงฝาน เพราะหนิงฝานในตอนนี้ให้ความรู้สึกที่อันตรายกับนางมาก เมื่อก่อนนางอาจโต้เถียงได้บ้าง แต่ตอนนี้ นางรู้สึกราวกับจะถูกเขาสังหารได้ตลอดเวลา
ก่อนหน้านางคิดว่าศพนางสวรรค์เป็นเพียงศพปีศาจที่หนิงฝานสร้างขึ้น แต่นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะรักและถนุถนอมศพนางสวรรค์มาก
หากเป็นก่อนหน้า ยามที่หนิงฝานตำหนินาง นางไม่ใส่ใจ แต่ยามนี้ นางกลับมีคนละความรู้สึก...อิจฉา!
นางอิจฉาที่ศพนางสวรรค์ได้รับความรักจากหนิงฝาน
เดิมทีนางคิดเพียงเรื่องเป็นใหญ่ในทะเลส่วนใน ไม่เคยคิดถึงเรื่องบุรุษสตรีมาก่อน แต่เมื่อได้ร่วมรักกับหนิงฝาน ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไป
วู่หยานส่ายหน้าพลางถอนหายใจ เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นหนิงโกรธเพราะคนรัก ที่สำคัญ คนรักที่ว่ายังเป็นเพียงศพที่เย็นชาไร้ความรู้สึก
“หากได้เป็นภรรยาของเขาคงจะมีความสุข...” วู่หยานยิ้มพลางกล่าวกับตนเอง
“แสง… ไม่… นาง.... เพื่อน...”
ศพนางสวรรค์ยืนขวางหนิงฝานและซีหลานไว้เพื่อปกป้องซีหลาน นางกลัวว่าหนิงฝานจะสังหานซีหลานจริงๆ
ซีหลานประหลาดใจ นางคาดไม่ถึงว่าศพนางสวรรค์จะขอร้องหนิงฝานเพื่อนาง นางจึงกล่าวเบาๆ “ข้าขอโทษ...”
ศพนางสวรรค์ยิ้มพลางส่านหน้า “เล่น...กัน...”
“แสง… ไม่… ทำร้าย… นาง”
“เข้าใจแล้ว… ข้าจะไม่ทำร้าย” หนิงฝานจ้องมองศพนางสวรรค์ด้วยความรักใคร่
ตัวเจ้าช่างโล่ลม ถึงกับยอมเอาตัวเองเข้าขวางคนที่เจ้าอยากปกป้อง
แม้นางจะกลายเป็นเพียงศพที่จิตวิญญาณ ทะเลสติแตกเป็นเสี่ยง ความทรงจำในอดีตสูญหาย แต่นางยังเป็นผู้เมตตาไม่เปลี่ยน
นางคือผู้ที่คอยอยู่เคียงข้างผีเสื้อตัวนั้น เลือกที่จะอยู่กับผีเสื้อตัวนั้นจนยอมสละได้ทุกสิ่ง ยอมทุ่มทุกสิ่งเพื่อผีเสื้อตัวน้อยเพื่อหวังว่าสักวันหนึ่ง ผีเสื้อตัวนั้นจะกลายร่างเป็นมนุษย์ และอยู่เป็นคู่ชีวิตนางเฉกเช่นคนรัก… เจ้าจำได้หรือเปล่าว่าข้าคือผีเสื้อตัวนั้น
ภายในถ้ำเงียบสงบไปชั่วขณะ ก่อนหนิงฝานจะหันมองซีหลานพลางกล่าว “เจ้าเห็นแล้วใช่มั้ย ว่าข้าฆ่าเจ้าได้อย่างเลือดเย็น แบบนั้นแล้ว...ยังอยากจะแต่งงานกับข้าอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่… ไม่แล้ว...” นางส่ายหน้าด้วยความหวาดกลัว
แต่นั่นกลับทำให้วู่หยานยิ้ม ซีหลานช่างใสซื่อคิดว่าหนิงฝานรักนาง
“ดี...คิดแบบนั้นก็ดีแล้ว ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าหน่อย วันที่เจ้าเข้าไปในรังของหมีเฒ่านั่น ก็เพื่อบุบผาดาราม่วงใช่หรือเปล่า?”
“บุบผาดาราม่วง? เจ้าคิดว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นคือบุบผาดาราม่วงเหรอ?” เมื่อกล่าวถึงเรื่องสมุนไพร ซีหลานรีบเช็ดน้ำตาและแสดงสีหน้าสนใจ ทั้งยังมองหนิงฝานราวกับเขาไม่รู้ความ
“แล้วมันไม่ใช่บุบผาดาราม่วงหรอกเหรอ?” หนิงฝานอยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
“เจ้าเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ใช่มั้ย?” นางกอดอกพลางทำจมูกฟุดฟิดราวกับกำลังสูดกลิ่น
“อืม… ตัวเจ้าเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ไม่ผิดแน่ แต่ ‘จิตวิญญาณสมุนไพร’ ของเจ้ายังอ่อนด้อยอยู่”
“อะไรนะ? เด็กนี่เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5!” เยว่หลิงคนประหลาดใจ วู่หยานเองก็เช่นกัน
เยว่หลิงคงส่ายหน้า นางไม่เชื่อว่าหนิงฝานจะเป็นนีกปรุงโอสถผันแปรที่ 5 เพราะการที่นักปรุงโอสถจะยกระดับมายังขอบเขตตัดวิญญาณเป็นเรื่องที่ยากมาก แค่อายุกระดูก 400 ปีแต่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณก็น่าทึ่งมาแล้ว แต่นี่ยังเป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 แม้เป็นเยว่หลิงคงยังต้องไว้หน้านักปรุงโอสถระดับนี้
วู่หยานเชื่อคำที่ซีหลานกล่าว เพราะนางรู้ว่าซีหลานเป็นผู้บริสุทธิ์ นางไม่โกหก แม้จะยังอ่อนต่อโลกภายนอก แต่หากเป็นเรื่องสมุนไพรและโอสถ นางที่เป็นถึงองค์หญิงสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลย่อมรู้เรื่องเหล่านั้นเป็นอย่างดี
เผ่าสมุนไพรของนางคือขุมกำลังที่มุ่งเน้นไปในด้านการปรุงโอสถ ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรจึงแตกต่างจากเผ่าอื่นๆ ในสมัยโบราณ บรรพบุรุษของเผ่าสมุนไพรเคยเป็นสมุนไพรมาก่อน แต่เมื่อนานเข้า เก็บสะสมพลังได้มากพอ ก็ได้กลายร่างมาเป็นอสูรสมุนไพร กระทั่งได้ตกทอดความรู้และสิ่งต่างๆมาให้กับลูกหลาน
แม้วิชาปรุงโอสถของเผ่าพันธุ์โอสถจะสูญหายไปมากมาย แต่วิชาปรุงโอสถที่นำมาแสดงสู่สายตาของเผ่าอื่นๆนั้น ก็เป็นที่ยอมรับ และไม่มีใครกล้ารุกรานเผ่านี้ มีแต่ผู้ที่ขอบผูกมิตรด้วยทั้งนั้น
องค์หญิงน้อยซีหลานครอบครองโลหิตอสูรสมุนไพรโบราณที่บริสุทธิ์ เหมาะกับการเรียนรู้ด้านสมุนไพรและปรุงโอสถ แม้นางจะต่อสู้ไม่เก่ง แต่ด้านการปรุงโอสถ ยามนี้นางบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นสูงสุดแล้ว
หนิงฝานขมวดคิ้ว นางไม่ธรรมดาอย่างที่คิด นางมองออกว่าเขาเป็นนักปรุงโอสถระดับใด ซึ่งคนทั่วไปไม่อาจทำเช่นนางได้
เมื่อครู่นางยังกล่าวถึงจิตวิญญาณสมุนไพรที่หนิงฝานไม่เคยได้ยินมาก่อน ดูเหมือนการปรุงโอสถของเขาจะห่างชั้นกับซีหลานอยู่มาก
“ข้าเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ก็จริง แต่ข้าไม่รู้จักบุบผาดาราม่วงดีนัก”
“อาจารย์เจ้าไม่ได้สอนหรือไง? สมุนไพรเองก็มีทั้งจริงทั้งลวง มันสามารถอำพรางตนเองได้ ซึ่งหากอยากรู้ ก็ต้องพึ่งจิตวิญญาณสมุนไพร! จริงๆแล้วมันไม่ใช่บุบผาดาราม่วง แต่เป็น ‘บุบผาดาราม่วงชำระร่าง’ ว่ากันว่า ถ้าได้กินใบของมันเข้าไปจะสามารถสร้างดาราเทพได้ แต่หากได้กินส่วนที่เป็นเนื้อเข้าไป จะทำให้ได้ครอบครองพลังแห่งดารา”
“บุบผาดาราม่วงชำระร่าง!” วู่หยานและเยว่หลิงคงตกตะลึง หนิงฝานเองก็เช่นกัน
แม้ว่าเขาจะมองสมุนไพรไม่ออก แต่เขาเคยได้ยินชื่อบุบผาดาราม่วงชำระกาย
ใบของมันสามารถสามารถสร้างดาราเทพได้
เนื้อของมันจะช่วยชักนำพลังดารามาขัดเกลาร่างกาย ช่วยให้ร่างกายยกระดับ!
นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่จะได้ครอบครงพลังดาราที่ทรงพลัง
ข่าวลือว่า หากบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกจะสามารถควบคุมพลังดาราได้… พลังดารานั้น เรียกอีกอย่างว่าปราณดารา ปราณดาราสามารถใช้ออกด้วยวิชา เสริมการจู่โจมให้ทรงพลังขึ้นไม่น้อย นอกจากนี้ การดูดซับพลังดายังช่วยให้ผู้เขี่ยวชาญที่บาดเจ็บสาหัส อาการทุเลาลงได้มากในเวลาสั้นๆ
หากได้ครอบครองบุบผาดาราม่วงชำระร่าง หนิงฝานจะสามารถหยิบยืมพลังดาราเพื่อช่วยฟื้นฟูทะเลสติที่แตกสลายของศพนางสวรรค์ได้
“ข้าต้องเอาบุบผานั่นมาให้ได้!” หนิงฝานตัดสินใจแน่วแน่ และเตรียมจะไปพบม่านฉาน
แต่ในขณะเดียวกันนั้น แววตาของซีหลานกลับเป็นประกาศ
“เจ้ารู้วิธีใช้บุบผาดาราม่วงชำระกายที่ถูกต้องหรือเปล่า?”
“วิธีที่ถูกต้อง?” หนิงฝานประหลาดใจ เขารู้มาว่าสามารถกินมันเข้าไปตรงๆได้
“ใช่… แต่ดูจากสีหน้าของเจ้าคงไม่รู้สิท่า… ถ้าเป็นแบบนั้น เจ้าก็ไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้ อาจารย์เจ้าไม่เคยสอนบ้างหรือไง?”
“ต้องทำยังไง?”
“ทำไมข้าต้องบอกเจ้า เมื่อครู่เจ้ายังข่มขู่ข้า ใจร้ายกับข้า… ถ้าอยากรู้ว่าใช้บุบผานั่นยังไง เจ้าต้องทำให้ข้าพอใจก่อน!”
ซีหลานหัวเราะอย่างพึงพอใจ ดูเหมือนยามนี้ นางจะเป็นฝ่ายข่มเหงหนิงฝานแทนแล้ว...