GE296 ยกระดับร่างกายด้วยวิชาแปลงศพ [ฟรี]
ผ่านไป 1 เดือน วู่หยานและซีหลานรู้สึกตัวตื่น
การที่พวกนางหมดสติไปนานทำให้ยังมึนงง แต่เมื่อเริ่มได้สติ พวกนางจึงรู้ว่ายามนี้ตนเองนอนแช่อยู่อ่างสมุนไพร ร่างกายเปลือยเปล่า มีผ้าห่มผืนบางห่มคลุมขอบสระ ปกร่างพวกนางไว้บางส่วน
วู่หยานก้มมองหน้าอกของตนและพบว่า บาดแผลที่น่าหวาดกลัวได้หายไป นางเข้าใจได้ทันทีว่า หนิงฝานรักษาให้นาง
แต่ถึงจะช่วย เขายังถือโอกาสสัมผัสเรือนร่างที่บริสุทธิ์ของตน
ความรู้สึกซับซ้อนหลากหลายปรากฏขึ้นในใจนาง แต่เมื่อนางหยิบกระเป๋าและสำรวจดูของภายใน กลายเป็นว่าสมุนไพรของนางหายไปจนแทบจะหมด
“ลู่เป่ย… เจ้าใช้สมุนไพรหมื่นปีมาผสมน้ำอาบให้ข้า ถึงจะเสียดาย แต่หากไม่ได้เจ้า ข้าคงตายไปแล้ว...”
วู่หยานขึ้นจะอ่าง เช็ดตัว และสวมอาภรณ์ของศพนางสวรรค์
วู่หยานจดจำศพนางสวรรค์ได้ แต่นางเพิ่งจะเคยเห็นเยว่หลิงคนเป็นครั้งแรก แม้นางจะดูเหมือนเด็กสาวที่น่ารัก แต่ตัวนางแผ่นกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงที่ทรงพลัง ที่สำคัญ วู่หยานยังสัมผัสได้ว่า นางไม่อาจต่อกรกับสาวน้อยนางนี้ได้
จากลักษณะแล้ว พวกนางสมควรเป็นสตรีของหนิงฝาน
ศพนางสวรรค์ถูกหนิงฝานพรากพรหมจรรย์ไปตั้งแต่ตอนที่อยู่เมืองหนิง
ส่วนเยว่หลิงคงก็ร่วมรักกับหนิงฝานเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง
“ร่างกายของข้าไม่บริสุทธิ์แล้ว...” วู่หยานเศร้าใจ
เมื่อลูบสัมผัสบริเวณหน้าอกของตน นางก็นึกถึงฉากที่หนิงฝานรักษาและแอบสัมผัสหน้าอกนาง ยิ่งนึกถึงนางก็ยิ่งไม่พอใจ เพียงแต่นางยังจำสัมผัสในครั้งนั้นได้อย่างชัดเจน มือที่อุ่น ความรู้สึกที่ไม่อยากจะให้หนิงฝานปล่อย
นางหันมองศพนางสวรรค์และเยว่หลิงคง สตรีสองนางนั้นงดงาม งดงามจนทำให้นางรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่า
“ข้าถูกขับออกจากตระกูล… ไม่มีสิ่งใดที่สำคัญพอให้ยืนข้างกายเขา ข้าเป็นพี่สาวขงอว่านเอ๋อร์ บางที… ที่เขาช่วยข้าสมควรเป็นข้าคือพี่สาวของว่านเอ๋อร์เท่านั้น… เขาคงไม่เคยมีข้าอยู่ในใจ”
ศพนางสวรรค์จ้องมองเงียบๆ หนิงฝานสั่งให้นางคอยดูแลวู่หยานและซีหลาน ตราบใดที่พวกนางไม่หนี ศีรษะ นางสวรรค์จะไม่ลงมือ
แต่เยว่หลิงคงไม่พอใจ นางเป็นถึงประมุขนิกายที่ยิ่งใหญ่ แค่สุดท้ายก็ต้องมาคอยรับใช้หนิงฝาน
“หนอย! คิดว่ามีอะไรกับข้าครั้งเดียว แล้วข้าจะเป็นสตรีของเจ้าหรือไง? ฝันไปเถอะ ถ้าเจ้ายังกล้าสั่งข้าแบบนี้อีก ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่”
แม้นางจะบ่นกล่าวแทบทุกวัน แต่นางไม่เคยขัดคำสั่ง
“พวกเจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้ ไม่งั้น...ข้าคงต้องใช้กำลัง!” เยว่หลิงคงข่มขู่
“ข้าไม่หนีหรอก… ข้าเป็นสตรีของเขาแล้ว” วู่หยานจัดแตงอาภรณ์พลางกล่าว
วู่หยานเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดี แต่ที่เป็นปัญหาคือซีหลาน นางยังเป็นผู้เยาว์ที่อ่อนต่อโลก หากนางตื่นขึ้นมาและพบว่าตนเองนอนเปลือยเปล่าอยู่ในอ่าง นางจะตกใจขนาดไหน
โดยเฉพาะหากนางยังฝังใจว่าหนิงฝานป้อนโอสถกำหนัดให้นาง นางคงจะร้องไห้โฮว่าตนไม่อาจแต่งงานได้อีก
ไม่นานนักซีหลานก็ตื่น และสิ่งที่นางทำก็เหมือนกับที่คาดเดา นางวิ่งร้องไห้ฟูมฟายออกไปยังปากถ้ำ แต่ขณะที่นางกำลังจะพ้นปากถ้ำออกไป เยว่หลิงคงกลับกล่าวขึ้น
“ถ้าออกไปอีกก้าวเดียว ตาย!”
แม้เยว่หลิงคงจะน่ารักเหมือนกัน แต่ซีหลานสัมผัสถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของเยว่หลิงคง
ซีหลานรู้สึกราวกับว่า หากนางก้าวเท้าออกไปอีกก้าวเดียว เยว่หลิงคนจะสังหารนางทันที
“เจ้าข่มเหงข้า! เจ้ากับลู่เป่ยเป็นพวกเดียวกัน!”
แม้นางจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง แต่ประสบการณ์การต่อสู้จริงของนางมีน้อยมาก หากเทียบกับเยว่หลิงคงแล้ว นางเอาชนะได้แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด
ซีหลานไม่กล้าวิ่งต่อ นางฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่สวมอาภรณ์ หากสัตว์อสูรข้างนอกเห็นเข้านางคงแย่
ดังนั้นตอนนี้นางคงทำได้แค่ร้องไห้ หากนางร้องไห้ก็จะมีคนมาโอ๋นาง
“ถ้าเจ้ายังไม่หยุดร้อง ข้าจะตัดมือเจ้าทิ้งซะ!”
เยว่หลิงคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ปราณสังหารที่นางแผ่ออกมากลับทำให้วู่หยานรู้สึกราวกับแทบจนต้านทานไม่ไหว
ซีหลานเองก็เงียบทันที แต่ร่างกายของนางยังสั่นเทิ้มด้วยความเสียใจ
นางเดินกลับเข้ามาในถ้ำ รับอาภรณ์ที่ศพนางสวรรค์ส่งให้ แต่เมื่อนางสวมอาภรณ์ นางกลับรู้สึกราวกับร่างกายเบาหวิว แขนขาเคลื่อนไหวได้อย่างสบาย ไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆ
“หืม? แผลของข้าหายแล้วเหรอ? หรือที่ลู่เป่ยเอาให้ข้ากินจะไม่ใช่โอสถกำหนัด?”
“ฮึ่ม! เด็กนั่นไม่ต้องใช้โอสถปลุกกำหนัดหรอก แค่ดรรชนีเดียวเจ้าก็ไม่รอดแล้ว!”
เยว่หลิงคงกล่าวเย้ยหยัน
“งั้นหมายความว่าเค้าจงใจจะช่วยข้าเหรอ? แต่ทำไมเค้าต้องช่วยข้า?” ซีหลานปาดน้ำตา แววตาแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัย นางหันมองวู่หยานที่มีใบหน้าแดงระเรื่อ
นางรู้ว่าที่หนิงฝานช่วยซีหลานเพราะเห็นแต่แก่นาง
เขาไม่จำเป็นต้องรักษาซีหลานก็ได้ เขาสังหารสตรีได้อย่างเลือดเย็น แต่เขาเลือกที่จะเห็นแก่หน้าวู่หยาน จึงช่วยชีวิตซีหลานไว้
“บางที… เขาอาจจะตกหลุมรักเจ้าก็ได้” วู่หยานตอบส่งๆ
“อะไรนะ! เขาตกหลุมรักข้า! ทำไมข้าไม่รู้ ใบหน้าน้อยๆของนางแดงระเรื่อ ตั้งแต่เข้าสู่โลกของผู้ฝึกตน นางยังไม่เคยได้รับคำว่ารักก่อน ยามนี้นางจึงหัวใจเต้นรัว
“แต่ถ้าเขารัก ทำไมเขาต้องทำรุนแรงกับข้า ทำไมเขาถึงด่าทอข้า… เขาบอกว่าถ้าข้ายังไม่หยุดร้อง เขาจะฆ่าข้า! เขาเป็นเพียงอสูรต้อยต่ำ แต่ข้าเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าสมุนไพร บิดาข้าไม่ยอมให้แต่งงานกันแน่...” นางบุ้ยปากพลางกล่าว
“เด็กโง่...” วู่หยานกล่าวไม่ออกเมื่อเห็นท่าทางของซีหลาน
นางแค่พูดลอยๆ แต่ซีหลานกลับเชื่อจริงๆ กระทั่งคิดไปถึงเรื่องแต่งงาน
“แสง...ของข้า...” ศพนางสวรรค์กล่าว แววตาของนางเผยความขุ่นเคือง
“สตรีของเด็กนี่มีมากมาย ทำไมเจ้ายังอยากแต่งงานกับมัน… แล้วเผ่าสมุนไพรของเจ้ายิ่งใหญ่มากเลยหรือไง?” เยว่หลิงคงเย้ยหยัน
“ก็เค้าเห็นเรือนร่างข้าทั้งหมด ถ้าเขาไม่แต่งงานกับเขาแล้วข้าจะทำยังไง!” ซีหลานกล่าว
“เห็นเรือนร่างแล้วยังไง ไม่เห็นจำเป็นต้องแต่งงาน เจ้าบ้าไปแล้วหรือเปล่า!” เยว่หลิงคงเย้ยหยันอีกครั้ง
“ไม่! ยังไงเขาก็ต้องแต่งงานกับข้า!” นางเถียงสุดใจโดยลืมเจตนาของตนก่อนหน้านี้ไปแล้ว
ตอนนี้นางคิดเพียงว่า หนิงฝานต้องแต่งงานกับนางเพื่อรับผิดชอบ ไม่อย่างนั้น นางก็แต่งงานกับใครไม่ได้อีก
ดูเหมือนซีหลานจะเป็นสตรีที่ไร้เดียงสาที่สุดเท่าที่หนิงฝานเคยพบมา
ขนาดจื่อเฮ่อ มู่เหว่ยเหลียง มู่เซียวหวน และศพนางสวรรค์ ยังไม่อาการหนักขนาดนาง อย่างน้อยๆทั้งหมดก็รู้เรื่องระหว่างบุรุษตรี แต่ซีหลานไม่เข้าใจ ไม่รู้กระทั่งว่าการร่วมรักต้องทำยังไง
“แสง... ไม่… แต่งงาน… เจ้า...”
“เขาต้องแต่งงานกับข้า!”
“ไม่… แต่ง… เจ้า...”
“ต้องแต่ง!”
ซีหลานเถียงสุดใจ นางพยายามจะเอาชนะศพนางสวรรค์ เพราะในที่นี้ ศพนางสวรรค์เถียงสู้นางไม่ได้...
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หนิงฝานที่ดูดซับปราณแห่งความตาย จนทำให้แรงกดดันของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ยามนี้ ใบหน้าของหนิงฝานดูน่าสะพรึงกลัว ร่างกายเน่าเปื่อยลงอย่างรวดเร็วจนดูราวกับศพที่เน่าเปื่อยมานาน
ปราณแห่งความตายลอยวนรอบกาย ยามนี้ปราณปีศาจของหนิงฝานบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นแล้ว และตอนนี้ กำลังก้าวสู่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง
แต่น่าเสียดายที่ปราณแห่งความตายยามนี้หมดแล้ว หากจะยกระดับปราณปีศาจ และยกระดับวิชาแปลงศพ คงทำได้ยากแล้ว
ยามนี้วิชาแปลงศพของหนิงฝานบรรลุระดับ 4 ขั้นสูงสุด เขาสามารถทำให้ศพปีศาจมีร่างกายที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ ร่างกายของเขายังทรงพลังยิ่งขึ้น แม้จะอยู่ในขอบเขตกระดูกหยกที่ 2 แต่เขาสามารถเร่งพลังได้ถึงขอบเขตกระดูกหยกที่ 3
นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของวิชาแปลงศพ
ในอดีตที่ปีศาจทมิฬจู่โจมเมืองหนิง ร่างกายของมันทรงพลังจนน่าสะพรึงกลัว ซึ่งเป็นผลมาจากวิชาแปลงศพนี้
ครั้งนั้น หนิงฝานไม่อาจสังหารมันได้ และตอนนี้ หนิงฝานกำลังทำให้ร่างกายของตนยกระดับด้วยวิชาแปลงศพอีกครั้ง
ครั้งแรกที่หนิงฝานยกระดับร่างกายด้วยวิชาแปลงศพนั้น ทำให้ร่างกายของเขายกระดับจนเหนือขีดจำกัดของตนได้
และการยกระดับครั้งที่สองนี้ จะช่วยให้การจู่โจมและการป้องกันทรงพลังขึ้นมหาศาล
หากเขายกระดับร่างกายครั้งที่ 3 ได้ เขาจะมีชีวิตนิรันดร์ ร่างกายระดับนั้นคือการเป็นศพปีศาจโดยสมบูรณ์ ซึ่งไม่เกี่ยวพันกับความตายอีกต่อไป
ยามนี้ หนิงฝานโคจรปราณแห่งความต่ายทั่วร่าง เขารู้สึกราวกับมีแมลงจำนวนมากกัดกินร่างกายของตน ความรู้สึกเจ็บปวดที่รุนแรงถาโถม แต่หากอยากจะยกระดับร่างกายให้สำเร็จ ต้องอดทนเท่านั้น
ผ่านไป 10 วัน หนิงฝานรู้สึกราวกับมีแมลงกัดกินอวัยวะภายในของเขา เขารู้ดีว่าหากทนความเจ็บระดับนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่คู่ควรที่จะได้พลังที่ทรงพลังยิ่งขึ้น
ไม่นานนักหนิงฝานก็ลืมตา ปราณปีศาจที่ทรงพลังปะทุ เนื้อและผิวหนังที่เน่าสลายแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท หลุดร่อนออกจากร่างกาย จากนั้นเปลวเพลิงสีดำลุกโหมขึ้นทั่วร่าง สร้างเนื้อและผิวหนังที่เนื้อหายไปให้กลับมา
หนิงฝานลุกยืน ก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ทุกก้าวที่เคลื่อนไหว ทิ้งรอยเท้าที่มีเปลวเพลิงสีดำลุกไหม้ พร้อมทั้งแรงกดดันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่นาน หนิงฝานก็ฟื้นฟูร่างกายดังเก่า ร่างกายดูอ่อนเยาว์ ผิวหนังเรียบเนียนกระจ่างใส แม้ร่างกายของเขาจะไม่ได้กำยำ แต่กลับแฝงไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัว
แม้ระดับของร่างกายจะยังอยู่ในขอบเขตกระดูกหยกที่ 2 แต่ด้วยการสร้างร่างขึ้นใหม่จากวิชแปลงศพ ทำให้พละกำลังและความแข็งแกร่งของร่างกายเพิ่มพูนมหาศาล จนเทียบได้กับขอบเขตกระดูกหยกที่ 3
นั่นหมายความว่า แม้ไม่ใช้ปราณ หนิงฝานก็สามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้
การยกระดับร่างกายครั้งที่สองด้วยวิชาแปลงศพ เป็นไปอย่างราบรื่น ในขณะเดียวกัน หนิงฝานแบมือ เปลวเพลิงสีดำลุกโชนที่ฝ่ามือ เพลิงชนิดนี้คือเพลิงที่เกิดจากผลพวงของการยกระดับร่างกายด้วยวิชาแปลงศพ ผสานกับเพลิงปีศาจทมิฬที่เขาครอบครองอยู่ก่อน ทำให้เกิดเพลิงชนิดใหม่ที่เรียกว่า ‘เพลิงศพ’ ขึ้น
หนิงฝานได้เพลิงศพมาอย่างคาดไม่ถึง ทำให้เขามีเพลิงชีพจรพิภพอยู่ทั้งหมด 4 ชนิด ปราณน้ำแข็งสวรรค์อีก 5 ชนิด! แต่ด้วยจำนวนที่ยังไม่สมดุล ทำให้สีเพลิงของหนิงฝานไม่ใช่สีเทาเหมือนก่อน
หนิงฝานมีปราณอสูรทั้งหมด 20150 เกราะ ปราณปีศาจ 31720 เกราะ และปราณดั้งเดิม 5884 เกราะ ด้วยปราณทั้งหมดที่มีนั้น เขาทรงพลังทัดเทียมผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง
ประโยชน์ที่เขาได้ในครั้งนี้ ทำให้เขาพึงพอใจมาก หากเกิดปราณทั้งสามชนิดที่มีบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางทั้งหมด หากผสานพวกมันเข้าด้วยกัน เขาสมควรมีระดับปราณที่ทัดเทียมผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูง
“สิ่งที่ผู้อาวุโสเว่ยฉวนทำเพื่อข้า… ข้าจะไม่มีวันลืม!”
หนิงฝานสวมอาภรณ์ นำขวดหยกที่ชายชรามอบให้ออกมา เทหยดโลหิตที่อยู่ในนั้นลงฝ่ามือและจ้องมอง
โลหิตหัวใจข่ายอาคมหยดนี้แฝงด้วยพลังที่หนาแน่น ซึ่งสามารถยกระดับจิตใจและสัมผัสเทพได้มาก
โลหิตหยดนี้เกิดจากการที่เซียนผู้เป็นผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคมได้ตกทอดไว้ ก่อนตาย ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะนำโลหิตของตนไปให้ขุมกำลังหรือนิกายที่สังกัด เพื่อมอบให้กับผู้สืบทอดที่เหมาะสม
“ถ้าดูดซับโลหิตหยดนี้ อย่างน้อยสัมผัสเทพของข้าสมควรบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง จิตใจย่อมยกระดับมหาศาล ที่สำคัญ...มันยังแฝงด้วยข่ายอาคมโบราณที่ตกทอดมา”
ดวงตาหนิงฝานเป็นประกาย หากเขาผสานกับมัน เขาอาจจะมีวิธีการจัดการกับศัตรูที่มากขึ้น
นอกจากจะทำให้จิตใจและวิชาทรงพลังแล้ว ในอนาคต บางทีเขาอาจจะวางข่ายอาคมได้โดยใช้แค่เพียงปราณ
ข่ายอาคมระดับตัดวิญญาณ เทียบได้กับวิชาระดับตัดวิญญาณ หากจะกล่าว ข่ายอาคมและวิชามีระดับที่ทัดเทียมกัน
นอกจากนี้ การได้หัวใจข่ายอาคมมา จะช่วยเสริมประสิทธิภาพอาวุธของเขาด้วย
หนิงฝานตัดสินใจดื่มโลหิต จากนั้นนั่งขัดสมาธิเพื่อผสานกับโลหิตอย่างตั้งใจ
ชั่วพริบตาที่เริ่มผสาน หยดโลหิตแปรเปลี่ยนเป็นเส้นสายสีเงินนับไม่ถ้วน เคลื่อนไหวไปทั่วร่าง สลักอักษรราวกับข่ายอาคมลงในร่างหนิงฝาน ข่ายอาคมที่ซับซ้อนและลึกล้ำเหล่านี้เป็นของสำนักเฮ่อหลัว พวกมันผสานเข้ากับร่างของหนิงฝานอย่างสมบูรณ์และน่าอัศจรรย์
หนิงฝานรู้สึกราวกับปลดพันธนาการตนเองจากโซ่ตรวน แสงสีเงินเปล่งประกายเจิดจ้าในทะเลสติ พร้อมกับสัมผัสเทพที่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง
สัมผัสขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง ร่างกายขอบเขตกระดูกหยกที่ 2 เสริมด้วยการผลัดร่างจากวิชาแปลงศพ วิชาที่หยิบยืมพลังจากธรรมชาติ ทั้งหมดนั้นรวมกัน ทำให้หนิงฝานต่อกรผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดได้
สัมผัสของหนิงฝานดีขึ้น เขาสัมผัสสิ่งรอบตัวได้อย่างชัดเจนจนไม่น่าเชื่อ เขาคาดไม่ถึงว่าสัมผัสของเขาจะเฉียบคมได้ขนาดนี้
เมื่อมองไปยังทิวทัศน์รอบกาย เขาเห็นข่ายอาคมที่ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติมากมายนับไม่ถ้วน
เมื่อเขาลองนำเข็มทิศดาราที่ตนเองสร้างขึ้น เขากลับต้องขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้สิ่งที่เขาเห็นคือเข็มทิศนี้ไม่ได้ต่างจากเข็มทิศทั่วไป แต่ตอนนี้เขากลับมองเห็นข่ายอาคมที่ซับซ้อนถักทอกันอยู่ภายใน พร้อมกับจุดผิดพลาดหลายๆจุด
“คาดไม่ถึงว่าการที่โลหิตหัวใจข่ายอาคมจะทรงพลังขนาดที่ทำให้ข้าเห็นเส้นสายของข่ายอาคมได้อย่างชัดเจน… มิน่าพวกผู้ถูกเลือกถึงทรงพลังกว่าคนทั่วไป… แต่ตอนนี้ข้าเองก็ได้ครอบครองโลหิตหัวใจข่ายอาคมแล้ว ถ้าในอนาคตแพ้ให้กับพวกผู้ถูกเลือกคงขายหน้าแย่”
“ข้าเก็บตัวมาสักพักแล้ว สมควรถึงเวลากลับ ไม่รู้ว่าวู่หยานกับซีหลานรู้สึกตัวหรือยัง ข้าอยากถามเรื่องบุบผาดาราม่วงกับซีหลานเสียหน่อย… ข้ามีตัวตนของผู้อาวุโสเว่ยฉวนหนุนหลัง ต่อให้ขอบุบผาดาราม่วงกับหมีเฒ่าตรงๆ มันคงไม่กล้าปฏิเสธ…”