บทที่ 33: ละอองดารา
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 33: ละอองดารา
“โธ่ พี่ฝาน… อย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลยหน่า อีกอย่างนะหยู่อั๋นนั้นเหี้ยมโหดอย่างมากเท่าที่ฉันได้ยินมา พี่จะสามารถได้ทันเห็นแสงแดดในเช้าวันเกิดของตัวเองรึเปล่า? แล้วก็เลิกคิดเรื่องแต่งงานกับเจ้าหญิงได้เลย!”
“หยู่อั๋น? เฮ้ คอยดูเถอะ ฉันจะซัดให้ฟันของเขาร่วงหมดปาก!”
ในอดีตนั้นโม่ฝานนั้นคิดมาเสมอว่าเขาจะทำอย่างไรถึงจะต่อสู้กับตระกูลมู่ได้ แต่ในตอนนี้โม่ฝานนั้นไม่ใช่เด็กอีกต่อไป แล้วทำไมเขาจะต้องเกรงกลัวด้วย?
ในมือซ้ายของเขาคือธาตุไฟ ส่วนมือขวานั้นคือธาตุสายฟ้า เขามีสองสิ่งนี้อยู่ในมือทำไมเขาจะต้องกลัว!
......
สุดท้ายผลการประเมินประจำปีได้ออกมาแล้ว ชื่อของโม่ฝานอยู่ตำแหน่งสูงสุดของกระดานดำ เขาคือที่หนึ่ง! ซึ่งในตอนนี้สายตานับร้อยคู่กำลังจับจ้องมาที่เขาด้วยความอิจฉาริษยา
‘โม่ฝานน่ะเหรอ? เรื่องบ้าอะไรกัน เขาควรจะอยู่ในระดับบีด้วยซ้ำ แต่เขาสามารถเอาชนะซู่จ้าวหยู่ธาตุสายฟ้าและมู่ไป๋ธาตุน้ำแข็งได้งั้นเหรอ?’
ผลคะแนนที่ออกมาทำให้นักเรียนจำนวนมากตกอยู่ในสภาวะโง่งม อีกทั้งโม่ฝานยังไปยั่วยุอาวุโสมู่โจวอวิ๋นภายในที่โล่งแจ้งและเขาจะต้องต่อสู้กับตระกูลมู่เมื่ออายุสิบแปดปี ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เขากลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน เขาไม่ได้เป็นเพียงตำนานของโรงเรียนเท่านั้น แต่เขาคือตำนานของเมืองเล็กๆแห่งนี้!
ในตอนนี้ทุกคนรู้ว่าโรงเรียนมัธยมเทียนหลานนั้นออกแบบมาสำหรับสร้างนักเวทย์ นักเรียนที่อยู่ตรงนี้หนึ่งพันห้าร้อยคน ล้วนแต่มีความสามารถและแฝงไปด้วยอัจฉริยะ แต่ทว่าเมื่อออกไปเทียบกับโรงเรียนอื่นหรือตระกูลใหญ่ๆ แน่นอนว่าเทียบกันไม่ได้เลย อย่างเช่นสมาคมนักฆ่าหรือตระกูลมู่ ถ้าหากเด็กนักเรียนเหล่านี้ก้าวขาออกจากโรงเรียน ผลสุดท้ายพวกเขาจะถูกขยี้ตายอย่างง่ายดายโดยอิทธิพลเหล่านั้น
โรงเรียนแห่งนี้เป็นทางเลือกที่ดี ที่จะเข้ามาเพื่อฝึกฝนพื้นฐานและกระโดดไปยังขั้นที่สองอย่างยอดเยี่ยม แต่มันไม่ได้หมายความว่ารุ่นเล็กจะสามารถไปยั่วยุรุ่นใหญ่ได้!
โม่ฝานนั้นไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่ไหนเลย เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำสมาธิ กินและนอน
ตอนนี้โม่ฝานนั้นถูกกล่าวถึงมากที่สุด เพราะเขาอยู่ในอันดับหนึ่งของโรงเรียน
ในห้องเรียนของหัวกะทินั้นมีทั้งหมดร้อยคน พวกเขาอยู่ในห้องเรียนขนาดใหญ่และมีสนามฝึกซ้อมที่กว้าง!
โดยทั่วไปแล้วนักเรียนจำนวนมากในคลาสนี้ล้วนแต่ควบคุมดวงดาวทั้งเจ็ดได้แล้ว แต่พวกเขายังไม่ชำนาญในการปลดปล่อยพลังเวทย์
ดังนั้น ชั้นเรียนแห่งนี้ทุกคนจะต้องปลดปล่อยพลังเวทย์ของตนเองให้ได้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ยอดเยี่ยมในแต่ละธาตุ!
ชั้นเรียนแห่งนี้ควบคุมการฝึกซ้อมจริงโดยอาจารย์ถังหยู่ ซึ่งได้รับขนานนามว่าเธอเก่งกาจในเรื่องนี้มากที่สุด ความสามารถของเธอนั้นไม่ธรรมดา เธอเพิ่งเข้ามาสอนในโรงเรียนแห่งนี้เพียงครึ่งปี แต่กลับได้รับมอบหมายให้สอนนักเรียนหัวกะทิ
ส่วนชุ่ยมู่เชิงนั้นเป็นอาจารย์ประจำชั้นของห้องเรียนนี้…
ในห้องเรียนของเขานั้นมีระดับเอสถึงสองคน แล้วผู้ที่จะครอบครองตำแหน่งนี้จะเป็นใครล่ะถ้าไม่ใช่เขา?
เรื่องนี้ต้องขอบคุณโม่ฝานอย่างมาก เขาทำให้ชุ่ยมู่เชิงได้รับความสนใจจากผู้อำนวยการโรงเรียน แน่นอนว่าผู้อำนวยการได้กำชับให้เขาดูแลโม่ฝานและจัดการเรื่องอารมณ์ดื้อรั้นของเด็กคนนี้อย่างใกล้ชิด
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ชุ่ยมู่เชิงนั้นรู้สึกปวดหัวอย่างมาก เขานั้นรู้สึกว่าโม่ฝานเป็นมากกว่าอัจฉริยะ อาจจะเทียบเท่ากับวายร้ายไม่ก็พระเจ้า!
......
เวลาเดินไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเหตุการณ์วันนั้น… ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว
ชุ่ยมู่เชิงนั้นยืนอยู่ที่ด้านหน้าของชั้นเรียนด้วยความประหม่าเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขานั้นรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เหล่านักเรียนก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน!
แล้วทำไมจะวันนี้ทุกคนจะต้องตื่นเต้นล่ะ?
เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่โรงเรียนจะแจกจ่ายอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสูงให้กับนักเรียนที่ติดอันดับ มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับนักเรียนที่เป็นออฟชั่นเสริมจากครูฝึกที่ดีที่สุด!
The great magical organizations and the magical family are so many leading civilian magicians, in addition to mastering a wealth of knowledge, know-how, experience, and more importantly, they have a stardust.
เหตุผลของตระกูลใหญ่มากมายที่ว่าเหตุใดจึงแข็งแกร่งและทรงพลังเช่นนั้น พวกเขานั้นมีความลับอยู่ภายในอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ วิธีการ ประสบการณ์และอีกมากมาย อีกหนึ่งที่สำคัญเช่นกันก็คืออุปกรณ์เวทมนตร์ที่ชื่อว่า เวทละอองดารา
มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนอกเหนือจากความรู้ วิธีการและศาสตร์ต่างๆรวมอยู่ในนี้ มันเป็นอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าใครก็ต้องการจะครอบครองมัน!
ภายในตระกูลใหญ่ พวกเขาล้วนแต่มีอุปกรณ์เหล่านี้อยู่เสมอ แม้ว่าชาวบ้านจะเข้ามาศึกษาต่อในโรงเรียนได้ แต่อุปกรณ์ของโรงเรียนก็ไม่อาจเทียบชั้นกับตระกูลเก่าแก่ได้เลย
เวทละอองดารานี้เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมาก มันจะช่วยรักษาความเหนื่อยล้าจากการใช้พลังหรือจากการฝึกสมาธิ เช่นนี้จึงทำให้นักเวทย์สามารถฝึกฝนครั้งต่อไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้เวลาของพวกเขาไม่สูญเปล่า
แน่นอนว่าโม่ฝานนั้นไม่ได้อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย เขาจะต้องได้รับอุปกรณ์จากโรงเรียน!
การแข่งขันในโรงเรียนที่กว้างใหญ่เช่นนี้ราวกับงมหาเข็มในทะเลทราย!
ซึ่งเขาโชคดีอย่างมากที่ได้ยืนอยู่ในอันดับสูงสุด แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่เขาจะได้รับนั้นต้องไม่น้อยหน้าใครและสามารถใช้ฝึกฝนได้อย่างสบายใจ
“สิ่งแรกที่พวกเธอควรจะรู้ก็คือสถานะปัจจุบันของพวกเธอนั้นสูงกว่าคนอื่น ในห้องเรียนปกตินั้นไม่มีเช่นนี้ อย่างไรก็ตามอย่าได้วางใจว่าพวกเธอปลอดภัยแล้ว ในทุกๆเทอมจะมีการสอบและรีอันดับอยู่เสมอ เวทละอองดารานั้นจะถูกสับเปลี่ยนผู้ใช้ใหม่อยู่เสมอถ้าหากว่าพวกเธอไม่คู่ควร นั่นหมายความว่าจงรักษาอันดับของตนเองไว้ให้ดี การสอบที่จะเกิดขึ้นครั้งต่อไป คนที่อยู่ในอันดับรั้งท้ายสี่สิบคนจะต้องถูกย้ายไปอยู่ในห้องเรียนธรรมดาและสิบอันดับแรกจะได้ย้ายไปอยู่ในห้องพิเศษ การที่โรงเรียนทำเช่นนี้ก็เพื่อให้พวกเธอนั้นกระตือรือร้นให้มากขึ้น!” ชุ่ยมู่เชิงกล่าว
การทำเช่นนี้ ก็ไม่ค่อยจะแตกต่างจากโลกเดิมของฉันสักเท่าไหร่.. โม่ฝานคิดในใจ
มีคนจำนวนมากที่ไม่ชอบการสอบและเกลียดช่วงเวลาของการเรียนมัธยม แต่มีหนึ่งประโยคได้กล่าวไว้และถูกต้องอยู่เสมอ ‘คุณจะไปยืนอยู่บนพื้นดินเดียวกันกับบุคคลที่ร่ำรวยได้อย่างไร ถ้าหากคุณไม่ต่อสู้ในด้านการศึกษาหรือต้องผ่านการทดสอบ?’
ทรัพยากรของโรงเรียนนั้นคงไม่แย่ไปกว่าของตระกูลใหญ่มากนัก ความแตกต่างมีเพียงนักเรียนที่มากมายราวกับเม็ดทรายเท่านั้น ซึ่งทำให้พวกมันไม่เพียงพอ
ในตอนนี้สิ่งเดียวที่ควรทำก็คือ แสดงความสามารถออกมาซะ เพชร.. ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มันก็ยังเป็นเพชรเสมอ!!!
......
“โม่ฝาน เธออยู่ในอันดับหนึ่งของห้องนี้ เธอควรจะได้ใช้มันได้ยาวนานกว่าคนอื่น แต่ด้วยพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอจะสามารถใช้มันได้เพียงสิบวันเท่านั้นจากหนึ่งเดือน นั่นคือบทลงโทษ!” ชุ่ยมู่เชิงกล่าวออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“โอ้ จากหนึ่งเดือนเหลือเพียงสิบวัน โหดร้ายเหลือเกิน นี่มันบทลงโทษอะไรกันเนี่ย?” นักเรียนคนอื่นเริ่มบ่นออกมา
“ถ้าหากเขายอมก้มหัวให้กับตระกูลมู่ เขาจะได้รับมากกว่านี้!”
“เฮ้! ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?” ชุ่ยมู่เชิงส่งสายตาดุเพื่อปรามให้เด็กๆหยุดพูด
“โม่ฝาน เธอมีอะไรจะคัดค้านรึเปล่า?” ชุ่ยมู่เชิงถามออกมา
“ไม่ครับ” โม่ฝานตอบเรียบๆ
โม่ฝานนั้นต้องการอุปกรณ์ชิ้นนี้อย่างมาก เขาต้องการใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวแต่ได้ผลลัพธ์สองเท่า!
อย่างไรก็ตามมันจะส่งผลก็ต่อเมื่อใช้เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ถ้าหากให้เวลาเขาถือได้เพียงเท่านี้นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเลวร้ายกับโม่ฝาน
“เฮ้ ไอ้ชาเย็น ฉันมีอะไรจะถามแกหน่อย” โม่ฝานหันไปด้านข้างของเขาพร้อมกับแสดงสีหน้าที่เขร่งขรึม
“แกเรียกฉันว่าอะไรนะ?” มู่ไป๋หันควับในทันที
“อ่าใช่! มู่ไป๋ ฉันมีอะไรจะถามหน่อยน่ะ”
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••