GE293 ชายชราลงมือ [ฟรี]
Chapter 293 ชายชราลงมือ
สนมอสูรซีและวู่หยานยังคงหลับไหลอยู่ภายในถ้ำ
นอกถ้ำ หนิงฝานใช้วิชาดรรชนีหมอกเมฆา
ยามนี้หมอกเมฆาของหนิงฝานได้กลายเป็นสีม่วงทอง อาบย้อมผืนนภาเป็นวงกว้างกว่าหมื่นจ้าง เหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่เคลื่อนผ่านหมอกเหล่านั้น สลายกลายเป็นเถ้าธุลี
ไกลออกไป ม่านฉานหรือหมีเฒ่าเฝ้ามองหมอกม่วง หมอกเหล่านั้นทำให้มันเสียวสันหลัง
แม้ยามนี้ดรรชนีหมอกม่วงจะสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้ แต่หากจะให้สังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดยังไม่เพียงพอ ยิ่งกึ่งไร้ดัดแปลงยิ่งรับได้ไม่ยาก
แม้ม่านฉานจะรับดรรชนีหมอกเมฆาของหนิงฝานได้ แต่อานุภาพของมันก็ทำให้ม่านฉานนับถือ
ด้วยความสำเร็จนั้น ทำให้ม่านฉานรู้สึกถึงความห่างชั้นระหว่างตนเองกับหนิงฝาน
ภรรยาของมันเองแตกตื่น เพราะหากได้ต่อสู้กับหนิงฝานจริง แม้พวกนางจะรับดรรชนีหมอกเมฆาได้ แต่ไม่อาจเลี่ยงอาการบาดเจ็บ
หากหนิงฝานบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง พวกนางคงถูกสังหารตายในพริบตา
หากม่านฉานไม่เข้าขวางเอาไว้ พวกนางคงไม่รอด
“เด็กนั่นอยู่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นจริงเหรอ?”
ในขณะเดียวกัน ชายชราชุดคลุมดำผู้หนึ่งวางขวดสุรา ยิ่งชายชราจ้องมองหมอกม่วงที่ปกคลุมเต็มท้องนภา สีหน้าชายชรายิ่งเคร่งเครียดจริงจัง
ชายชราเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น แต่นี่เป็นเพียงอีกร่างของชายชรา ร่างที่แท้จริงชายชราเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่ 2!
แต่ถึงขอบเขตพลังจะสูงส่ง แต่ชายชรากลับไม่รู้ว่าหมอกสีม่วงนั้นคืออะไร
แต่เมื่อวิชาหมอกเมฆาของหนิงฝานยกระดับ หมอกม่วงกลายเป็นหมอกทอง แววตาชายชราที่เฝ้ามองเปล่งประกาย!
จริงๆแล้วชายชราเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในแดนสวรรค์ เหตุที่ต้องสร้างร่างแยกเพราะต้องการเข้าใจในเต๋าของข่ายอาคม จึงลงมาหาที่เบื้องล่าง
หมอกทองเบื้องล่างนั้นแฝงด้วยเต๋าของข่ายอาคมอันยิ่งใหญ่
“ใช้หมอกสร้างข่ายอาคม สลักบางสิ่งบนหมอกเพื่อเสริมให้บรรลุขั้นสูง… บางทีเต๋าแห่งข่ายอาคมของเด็กนี่อาจเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกบางคนซะอีก ดูจากอายุกระดูกแล้ว อายุยังไม่ถึง 400 ปีด้วยซ้ำ… ทำยังไงถึงมีเต๋าแห่งข่ายอาคมที่สูงส่งขนาดนี้… หรือตาเฒ่าหานจะเป็นอาจารย์… เช่นนั้นเจ้าสมควรเป็นศิษย์ของตาเฒ่าหาน”
ชายชราจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาที่รู้สึกผิด
เมื่อหนิงฝานแสดงเจตจำนงค์พิรุณ ชายชราก็กล่าวชมอีกครั้ง
“เจตจำนงค์เทพระดับ 8...เจตจำนงค์พิรุณ! เด็กนี่ช่างมากพรสวรรค์ แม้อยู่เพียงขอบเขตระดับล่างแต่ยังสร้างเจตจำนงค์เทพเป็นของตนเองได้ ถ้าเกิดเจ้าอยู่ในแดนสวรรค์ เจ้าคงได้ประชันกับพวกผู้ถูกเลือก”
นอกถ้ำ หนิงฝานที่ยืนอยู่นั้นไม่ทราบว่ามีชายชราคนหนึ่งเฝ้ามอง เขารู้เพียงว่าม่านฉานเฝ้ามองเขาอยู่
หนิงฝานไม่กลัวหากม่านฉานจะเฝ้ามอง เพราะเจตจำนงค์ทั้ง 3 ของตน มีหมอกเมฆาบดบังอยู่ มันไม่อาจมองเห็นได้
คำว่า วัฏจักร วนเวียนอยู่ภายในใจหนิงฝาน การเวียนว่าย เกิดขึ้นแล้วกับไป ความเข้าใจในวัฏจักรเช่นนั้นทำให้เจตจำนงค์ทั้งสามของหนิงฝานยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้วัฏจักรจะดูยิ่งใหญ่ แต่พลังแห่งชีวิตนั้นยิ่งใหญ่กว่า ในโลกที่เต็มไปด้วยวัฏจักรนั้น พลังแห่งชีวิตได้ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตมากมาย ผสานกับวัฏจักรจนกลายเป็นวังวนเหมือนอย่างหยินและหยาง
สร้อยหยินหยางของเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของพลังแห่งชีวิต
จ้าวแห่งจักรพรรดิก็เคยได้เข้าในพลังแห่งชีวิตที่เทพเซียนสื่อเซ่าได้ทิ้งไว้ จนคิดค้นวิชาแปลงหยินหยางเป็นของตน ส่วนหนิงฝานก็สามารถสร้างวิชาดรรชนีหมอกเมฆาเป็นของตนได้
แต่ถึงแม้ทั้งสองวิชาจะมีจุดร่วมเหมือนกัน แต่ระดับยังต่างกันมาก
“เจตจำนงค์พิรุณ...”
หนิงฝานขมวดคิ้ว พิรุณโลหิตพันหยดโปรยปรายใส่หมอกเมฆา
ยามนี้เองที่หนิงฝานหวนนึกถึงเมืองฉีเหม่ย
“ข้าสังหารผู้คนมามากมาย… แม้จะสร้างศัตรูไว้ไม่น้อยก็ไม่เป็นไร… เจตจำนงค์ปีศาจ...ภูเขาปีศาจ!”
เจตจำนงค์พิรุณผสานกับหมอกเมฆจนกลายเป็นบุบผาดอกตูม ซึ่งเขาจะต้องทำให้มันให้ได้
ปราณปีศาจผสานเข้ากับบุบผาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บุบผาเริ่มแปรสภาพเป็นต้นไม้ แตกกิ่งก้าน
“นั่นมันอะไร?” หมีเฒ่าพยายามจะใช้สัมผัสเทพหยั่งเข้าไปในหมอกเมฆา แต่ก็ถูกหมอกเมฆาสลายไปในพริบตา มันตกตะลึงและไม่กล้าหยั่งสัมผัสเทพเข้าไปอีก เพราะหมอกเมฆาของหนิงฝานกำลังทรงพลังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อหนิงฝานใช้เจตจำนงค์ปีศาจ ม่านฉานประหลดใจ
“เจตจำนงค์ปีศาจแห่งขุนเขา! ถ้าหากเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง จะสร้างเจตจำนงค์ของตนได้มากกว่า 1 ชนิดในประเภทเดียว แต่เด็กนี่เป็นอสูร...มันกลับมีทั้งเจตจำนงค์เทพ และเจตจำนงค์ปีศาจ เป็นไปได้ยังไง? แต่ถึงอย่างนั้น อย่างมากเจตจำนงค์แห่งขุนเขาก็เป็นเจตจำนงค์ระดับ 8... มันทำได้ยังไง เจตจำนงค์ปีศาจแห่งขุนเขาชนิดไหนกัน?”
แม้มันจะประหลาดใจ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ฉากที่ทำให้มันประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
มันเห็นเด็กหนุ่มอายุราว 16 ปี ยืนจ้องมองต้นไม้
เงาร่างของเด็กคนนั้น หากมันเข้าใจไม่ผิด สมควรถือกำเนิดขึ้นมาจากเจตจำนงค์อสูร!
แม้มันจะรู้จักเผ่าอสูรมากมาย แต่เจตจำนงค์อสูรม่วงที่ก่อตัวเป็นร่างของเด็กชายนั้น มันไม่รู้ว่าเป็นเจตจำนงค์ของอสูรเผ่าพันธุ์ใด
“เจตจำนงค์อสูรอะไรกัน! เหมือนกับผู้ที่ต้องสาป… เหมือนกับผู้ที่ทรงพลังอย่างที่สุด! เจตจำนงค์อสูรระดับนี้เป็นของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ โดยไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์หงส์เพลิงและมังกรเลย!”
“เด็กนั่นมีเจตจำนงค์ถึง 3 เผ่าพันธุ์… ทั้งของมนุษย์ อสูร และปีศาจ! เป็นไปได้ยังไง?”
มันจับจ้องหนิงฝานไม่วางตา แม้อยากจะมองให้กระจ่าง แต่ยังไม่อาจเห็นสิ่งที่ต้องการ
คนทั่วไปไม่มีทางที่จะครอบครองเจตจำนงค์ของทั้งสามเผ่าพันธุ์ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป โลกคงได้สั่นสะเทือน
“ไม่! บางทีจนถึงตอนนี้ อาจจะยังไม่มีใครรู้ก็ได้ว่าเด็กนี่มีเจตจำนงค์ของทั้งสามเผ่าพันธุ์ แล้วเจตจำนงค์ทั้งหมดนั้นกำลังผสานรวมเป็นหนึ่ง!”
สูงขึ้นไปท้องนภาอันไพศาล ชายชราชุดคลุมดำผู้นั้นเฝ้าสังเกตุเห็นหนิงฝาน สำหรับชายชราแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจะทำเรื่องที่แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์ยังทำไม่ได้
ก่อนหน้านี้ชายชราเชื่อว่าหนิงฝานไม่อาจบรรลุสู่เจตจำนงค์ขั้นสูงได้ แต่ตอนนี้ เมื่อหนิงฝานเข้าใจเต๋า หากจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ไม่น่าประหลาดใจนัก
ยิ่งชายชราจ้องมองหนิงฝาน ก็ยิ่งรู้สึกว่าหนิงฝานคล้ายหานหยวนจี๋มาก
เจตจำนงค์ระดับนี้… ยากที่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นจะบรรลุได้
หากผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นจะบรรลุขั้นกลาง คนเหล่านั้นต้องเข้าใจและสัมผัสให้ได้ถึงพลังมิติ เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเท้าเข้าสู่ปราณไร้ลักษณ์ ของเหล่าผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก
ปราณไร้ลักษณ์ หรือพลังมิติ ทั้งสองคือสิ่งเดียวกัน
หากผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นกลางจะบรรลุขั้นสูง ต้องข้ามสิ่งที่เรียกว่าเขตแดนไร้ลักษณ์
เมื่อผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นสูงจะบรรลุขั้นสูงสุด ต้องข้ามผ่านสิ่งที่เรียก เขตแดนไร้ลักษณ์ขั้นสูง เพื่อทำให้ร่างกายปรับตัวกับปราณไร้ลักษณ์ได้
สิ่งสำคัญของผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงคือทำความเข้าใจเจตจำนงค์เพื่อให้เข้าถึงปราณไร้ลักษณ์
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ปราณคือปราณดั้งเดิม… เมื่อบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ปราณคือปราณสวรรค์… เมื่อบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงและก้าวเข้าสู่ขอบเขตไร้แบ่งแยก ปราณคือปราณไร้ลักษณ์
หากผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณไม่อาจบรรลุก้าวแรกของปราณไร้ลักษณ์ได้ ในอนาคตจะส่งผลกระทบต่อการควบคุมปราณไร้ลักษณ์
“เจ้าบรรลุสู่ก้าวแรกของปราณไร้ลักษณ์สำเร็จแล้ว!” ชายชราชุดคลุมดำกล่าว
หนิงฝานสัมผัสได้ว่าตนเองผสานเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ และผสานร่างเป็นหนึ่งกับเด็กหนุ่มอายุ 16 ปีคนนั้น
เขารู้สึกราวกับตนเองย้อนกลับไปเมื่อตอนอายุ 16 ครั้งที่เขายังอยู่ในเมืองฉีเหม่ย และยืนมองต้นท้อแห่งนั้น
แม้จะเป็นเพียงรู้สึก แต่มันกลับดูราวกับจริง เหมือนยามนี้เขาได้ไปยืนอยู่จุดนั้นด้วยตนเอง นั่นคือความรู้สึกที่หนิงฝานได้รับ แต่ยามนี้ ร่างกายของเขากำลังผสานเข้ากับพลังแห่งชีวิต มันกำลังก่อร่างขึ้นภายในกาย
“สิ่งใดคือความจริง… สิ่งใดคือภาพลวง!”
“ตอนนี้ข้าอยู่บนเกาะดารา… ตอนนี้ข้าอยู่ภายในข่ายอาคมหมอกเมฆา… ตอนนี้ข้าอยู่ในสวนสมุนไพรของจักรพรรดิสวรรค์… คนไหนคือตัวจริงของข้า!”
การสัมผัสถึงปราณไร้ลักษณ์นั้นแบ่งเป็น 7 ขอบเขต แต่ละขอบเขตจะได้สัมผัสกับปราณไร้ลักษณ์มากขึ้น ในระหว่างนี้หากไม่อาจแยกแยะความจริงกับภาพลวงได้ ก็ไม่อาจควบคุมปราณไร้ลักษณ์ได้!
“สิ่งใดคือภาพลวง”
หนิงฝานชี้นิ้วไปบนท้องนภา ปราณไร้ลักษณ์ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว ก่อนผสานเข้ากับหมอกเมฆาจนกลายเป็นหิมะสีดำ
“ข้าคือความจริง...”
“แต่ความว่างเปล่าก็ใช่ว่าจะเป็นภาพลวง… ข้าเคยยืมมองต้นท้อจริง แต่นั่นก็เป็นเรื่องอดีต”
“ข้าเคยอยู่บนภูเขาสูง 7 ล้านจ้าง เทพเซียนสื่อเซ่าบอกว่า แม้จะเป็นภาพลวง แต่ก็ยังเป็นความจริงได้… ข้าเข้าใจแล้ว จะถูกต้องหรือลวงหลอกนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แม้จะเป็นภาพลวง แต่หากบอกว่าจริงมันคือความจริง...”
หนิงฝานดูราวกับเริ่มเข้าใจมากขึ้น หมอกเมฆาปกคลุมจางหายไป แต่เงาร่างของฟู่ลี่กลับปรากฏปกคลุมท้องนภา มันก้มหน้าราวกับทั้งสองจ้องมองกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
หนิงฝานหลับตาแน่น แรงกดดันยกระดับเพิ่มพูน แต่แรงกดดันนั้นไม่ได้มาจากระดับพลัง แต่มาจากการยกระดับของเจตจำนงค์!
เจตจำนงค์ทั้งสามผสานเข้าหากันช้าๆ กลายเป็นเจตจำนงค์ที่มีสีดำอมแดง พร้อมกับการก้าวไปยังเจตจำนงค์ขั้นสูง!
หนิงฝานลืมตา ยกมือขึ้นฟ้า แขนข้างซ้ายปรากฏสายลมสีม่วง แขนขวาปรากฏหิมะสีดำ
“แขนซ้ายข้าคือสายลม… แขนขวาข้าคือหิมะ… หิมะถาโถม สายลมผันเปลี่ยนชีวิต สองสิ่งผสานกลายเป็นพลังแห่งชีวิต!”
เมื่อหนิงฝานประกบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน พลังทั้งสองสายผสานเป็นหมอกสีม่วง ก่อตัวเป็นต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ บนนั้นมีบุบผาบานสะพรั่งนับพัน
เมื่อเปลี่ยนท่ามือผสาน ฝ่ามือของหนิงฝานก็เปล่งแสงสีม่วงที่แฝงด้วยหิมะสีดำ เสริมกำลังกันจนทำให้น่ากลัว
เขายื่นมือไปเบื้องหน้าราวกับคว้าจับบางสิ่ง ชั่วพริบตานั้น ผืนนภาที่อยู่ไกลออกไปพันจ้างเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ผืนนภาราวกับถูกฉีกกระชกจนมองเห็นมิติที่อยู่ภายใน
ม่านฉานที่เฝ้ามองสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง แม้มันจะบรรลุกึ่งไร้ดัดแปลง แต่การจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตแรกของปราณไร้ลักษณ์นั้นไม่ใช่เรื่องที่มันทำได้ง่ายๆ
“หมอกเมฆาของเทพเซียนคือการเติมเต็ม… แต่สายลมและหิมะของข้าคือความโดดเดี่ยว… สายลมและหิมะของข้าทรงพลังยิ่งกว่าหมอกเมฆาของเทพเซียน สายลมและหิมะเหมาะกับข้าที่สุด… เพราะสายลมและหิมะนี้ คือสิ่งที่มาจากเมืองฉีเหม่ย บ้านที่ให้กำเนิดตัวข้า”
เจตจำนงค์สลายไป สายลมและหิมะจางหาย หนิงฝานชูมือขึ้นฟ้า ปราณไร้ลักษณ์ปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือ
ปราณไร้ลักษณ์คือปราณที่ทรงพลังมาก และไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจะมีในครอบครอง
ก่อนหน้านี้เขายังต้องพึ่งพาระฆังทะเลตะวันออกในการป้องกันพลังไร้ลักษณ์ แต่ยามนี้ เพียงแค่คิดเขาก็สามารถควบคุมมันได้ เพียงแต่อาจจะไม่นานนัก
การบรรลุก้าวแรกของปราณไร้ลักษณ์ ทำให้หนิงฝานควบคุมมันได้ ยิ่งบรรลุระดับความเข้าใจที่สูงขึ้น ก็ยิ่งควบคุมปราณไร้ลักษณ์ได้มากขึ้น
หนิงฝานได้ยกระดับวิชาหมอกเมฆา โดยการผสานเอาเจตจำนงค์ทั้งสามเข้าด้วยกัน ถือกำเนิดเป็นสายลมและหิมะของเมืองฉีเหม่ยที่เป็นจุดเริ่มต้นของตน นอกจากนี้ หนิงฝานยังได้หยั่งเท้าเข้าสู่ก้าวแรกของปราณไร้ลักษณ์… หากตงสู่ชายชรานักพยากรณ์บรรลุก้าวแรกของปราณไร้ลักษณ์ได้ ชายชราจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงทันที!
สูงขึ้นไปบนท้องนภา ชายชราในชุดคลุมดำถอนหายใจ
“เป็นเด็กนั่นบรรลุก้าวแรกของปราณไร้ลักษณ์ จึงสัมผัสและควบคุมมันได้… ทั้งเจตจำนงค์อันยิ่งใหญ่ ทั้งปราณที่ทรงพลัง ช่างเหมือนตาเฒ่าหานจริงๆ เด็กนั่นคือศิษย์ของหานหยวนจี๋แน่นอน”
แต่ชั่วพริบตานั้น ชายชรากลับตกตะลึง
“แย่แล้ว ไอ้หนูระวัง!!”
ชายชรานึกขึ้นได้ว่ารอยแยกมิติที่หนิงฝานเป็นผู้เปิดมันนั้น ยังไม่ปิดตัวลง! นั่นหมายความว่า มันไม่อาจปิดตัวลงได้ด้วยตนเอง
หากการปรากฏของรอยแยกมิติ เกิดจากปราณที่ทรงพลังของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ รอยแยกมิติจะผสานเข้ากันด้วยตัวเอง แต่หากเกิดจากปราณไร้ลักษณ์ หากไม่สั่งให้ปิด รอยแยกก็จะคงอยู่เช่นนั้น
หากเปิดรอยแยกมิตินานเกินไป สิ่งที่ตามมาคืออันตรายร้ายแรง นั่นคือก็พายุมิติ!
พายุมิตินั้นทรงพลังพอที่จะบดขยี้แคว้นระดับกลางได้อย่างง่ายดาย
หากปล่อยให้มันปรากฏ ทุกสิ่งที่อยู่บนเกาะดารานี้คงไม่รอด
ชายชราเคลื่อนไหว หนิงฝานในยามนี้ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ตนจึงต้องเข้าช่วยเหลือทันที ที่สำคัญ หนิงฝานยังเป็นศิษย์ของหานหยวนจี๋
“ระวัง!”
ชายชราปรากฏตัวขึ้นโดยไร้ที่มา ทำเอาหนิงฝานและม่านฉานตกตะลึง
ที่นี่ยังมีคนอยู่อีก? แม้จะเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น
แต่ชั่วลมหายใจนั้น ไม่มีเวลามากพอให้ขบคิด เพราะพลังมิติที่รุนแรงกำลังก่อตัวจากรอยแยกมิติ เพื่อเตรียมจะให้กำเนิดพายุมิติที่ทรงพลัง
ม่านฉานหวาดกลัว แม้หนิงฝานจะไม่กลัวพลังมิติเพราะเขามีระฆังทะเลตะวันออก แต่สตรีอีกสองนางไม่มี หากพายุมิติเข้าจู่โจม พวกนางไม่รอดแน่
หนิงฝานตัดสินใจปกป้องถ้ำที่อยู่ข้างหลัง แต่ก่อนที่พายุมิติจะสำแดงเดช ชายชราในชุดคลุมดำปรากฏตัวเบื้องหน้าหนิงฝาน พลางนำขวดสุราขวางระหว่างตนกับพายุมิติ จากนั้นเคลื่อนมือเป็นท่าทางพลางใช้วิชา
“ทะลาย!”
พายุมิติสลายไปในชั่วพริบตา
“ขอบเขตไร้แบ่งแยก… คนผู้นี้คือผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก!” สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยน หากผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเข้ามาที่นี่ ที่นี่จะพังทะลายทันที อย่างมากผู้ที่เข้ามาที่นี่ได้คือผู้เชี่ยวไร้ดัดแปลง ดังนั้นชายชราอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
“ครั้งหนึ่งข้าเป็นสหายของหานหยวนจี๋… แต่ตอนนี้ข้าคงไม่คู่ควร… ข้าไม่ได้คิดร้ายกับเจ้า เจ้าวางใจได้” เมื่อเห็นหนิงฝานกังวล ชายชราจึงกล่าวพลางถอนหายใจ
“ท่านเคยเป็นสหายกับอาจารย์ข้า?” หนิงฝานไม่รู้ว่าคนผู้นี้พูดจริงหรือโกหก แต่หากเคยเป็นสหายจริง ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก เหตุใดไม่คู่ควรเป็นสหาย… อีกอย่าง เท่าที่รู้ หานหยวนจี๋ก็มีเพียงกุ่ยเชว่สื่อเป็นสหาย ซึ่งไม่น่าจะแข็งแกร่งในขนาดที่หยุดพายุมิติได้ง่ายๆ
“เด็กนั่นมีผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกหนุนหลัง! โชคดีที่ข้าไม่ได้ยั่วยุมัน ไม่งั้นหล่ะก็...” ไม่งั้นมันคงถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
“คาดไม่ถึงว่าเด็กนั่นจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก… เราออกไปคารวะผู้อาวุโสกันเถอะ!”
เมื่อภรรยาของหมีเฒ่ากล่าวจบ ชายชราที่อยู่ห่างออกไปเหมือนจะรู้ จึงกล่าวขึ้น
“ข้าให้เวลา 3 ลมหายใจ ไสหัวไปซะ!”
ท่าทางของชายชราเหมือนกับหนิงฝานในคราวนั้น
เมื่อได้ยินคำกล่าว ม่านฉานเร่งคว้าตัวภรรยาและทะยานหนีอย่างสุดชีวิต
มันไม่เหลือความยิ่งใหญ่อีกแล้ว ผิดกับหนิงฝานที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ในเมื่อหนิงฝานมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่ง หากเขาต้องการบุบผาดาราม่วง ม่านฉานก็คงต้องจำใจยอม
“ข้าจะไปขัดผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกได้ยังไง? แค่ข้าไม่ถูกสังหารก็ดีมากแล้ว”...