GE292 พลังมิติ [ฟรี]
สตรีสองนางปรากฏตัว สีหน้าเย่อหยิ่งถือดี
พวกนางเป็นสตรีที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้าม คิ้วหนา ดูไม่เจริญตา พวกนางแผ่กลิ่นอายขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด แรงกดดันที่รุนแรงเข้ากดดันหนิงฝาน ฝุ่นทรายปกคลุมทุกทิศทาง
เมื่อแรงกดดันของพวกนางทั้งสองผสานกัน กลับทรงพลังจนเทียบเคียงผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง
หนิงฝานขมวดคิ้ว พวกนางแข็งแกร่งมาก แต่และก้าวที่พวกนางสัมผัสพื้น พื้นดินทรุดเป็นหลุม
พวกนางคือภรรยาของหมีเฒ่า แม้จะหน้าตาอัปลักษณ์จะเรื่องความแข็งแกร่งไม่อาจดูแคลนพวกนางได้ หากพวกนางร่วมมือกัน สามารถต่อกรได้แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง
แต่ไม่นานนัก หนิงฝานที่แผ่แรงกดดันปะทะกับพกวนาง ก็ค่อยๆทำให้กลิ่นอายของพวกนางลดระดับความรุนแรง แรงกดดันที่ผสานกันของพวกนางค่อยๆแยกออกจากกัน แต่แรงกดดันของหนิงฝานค่อยๆส่งผลกับพวกนางมากขึ้น
“ฮึ่ม! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นจะมีแรงกดดันที่ทรงพลังกว่าพวกข้า! ใช้วิชาลับเลย!”
“อืม!”
พวกนางหันมองหน้ากัน สายตาประสานเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
พวกนางขบกันปลายนิ้ว บีบเอาโลหิตสีเงินออกมา หยดโลหิตแปรเปลี่ยนเป็นหมอกควัน ผสานเข้ากับแรงกดดันเสริมให้แรงกดดันของพวกนางทรงพลังยิ่งขึ้น
หนิงฝานขมวดคิ้ว หากพวกนางเป็นบุรุษ เขาจะไม่กล้าประมาทพวกนางเลยแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อพวกนางเป็นสตรี ตัวเขาที่มีเส้นลมปราณหยินหยางย่อมไม่หวาดกลัวสตรี
ดวงตาซ้ายกลายเป็นสีม่วงประกาย โลหิตฟู่ลี่สี่หยดถูกกระตุ้น แรงกดดันที่รุนแรงส่งผ่านออกมาจากภายในจนทำให้สีหน้าพวกนางแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“โลหิตโบราณ… เด็กนั่นมีโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ!”
เผ่าพันธุ์อสูรให้ความสำคัญกับสายเลือดมาก ยิ่งมีสายเลือดสูงส่ง แรงกดดันก็ยิ่งทรงพลังจนทำให้คู่ต่อสู้ต้องยอดสยบ
บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่หมิงเชว่ สาวน้อยในสุสานใต้นิกายกุ่ยเชว่ผู้มีระดับพลังไม่สูง แต่เหล่าอสูรที่อยู่ในนั้นกลับไม่กล้าทำอะไรนาง
ยามนี้ แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แม้จะดูเรียบเฉยแต่กลับดูทรงอานุภาพ
พวกนางเห็นหนิงฝานในยามนี้เป็นเหมือนภูเขาสูงตระหง่าน ผิดกับพวกตนที่เป็นเพียงมดตัวน้อย
*ตูม*
ภูเขาสีดำทมิฬขนาดยักษ์ผุดขึ้นใต้ฝ่าเท้าหนิงฝาน แรงกดดันของเขาเพิ่มพูนจนสยบแรงกดดันของพวกนางอย่างสมบูรณ์
พวกนางผงะถอยด้วยความตระหนก ไม่อาจหยัดยืนได้อย่างมั่นใจภายใต้แรงกดดันของเขา สีหน้าของพวกนางสู้ดี ปราณภายในร่างปั่นป่วน
ปีกสีดำผุดขึ้นที่แผ่นหลังหนิงฝาน พัดกระพือส่งร่างของเขาเข้าประชิดนางด้วยความเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง เมื่อเข้าประชิด ดรรชนีจี้เข้าที่ร่างของพวกนาง
“เร็วมาก! ไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลงเลย!”
เมื่อพวกนางตั้งตัวได้ทัน พวกนางเพ่งมองและสัมผัสได้ว่าระดับร่างกายของหนิงฝานบรรลุขอบเขตกระดูกหยกที่สอง แต่พวกนางบรรลุขอบเขตกระดูกหยกที่ 3
แม้หนิงฝานจะทรงพลัง แต่การเข้าประชิดพวกนางที่มีระดับร่างกายที่ทรงพลังยิ่งกว่า เท่ากับการรนหาที่ตาย!
เพียงแต่หากเป็นบุรุษ หนิงฝานจะไม่เสี่ยงเข้าใกล้ แต่ในเมื่อพวกนางเป็นสตรี เพียงถูกดรรชนีคลายหยินเจ้าไป พวกนางก็สิ้นฤทธิ์ และกลายเป็นเนื้อบนเขียงให้หนิงฝานจัดการ และนั่นคือความลับที่พวกนางไม่มีทางรู้
พวกนางชกหมัดสวนเข้าใส่หนิงฝาน เพื่อหวังจะบดขยี้ดรรชนีของเขา
แต่ในชั่วพริบตานั้น เงาร่างของคนผู้หนึ่งได้ปรากฏขวางหน้าหนิงฝานและพวกนาง ก่อนตะโกนลั่น
“เจ้าพวกโง่! ข้าบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาหาเรื่องน้องชายคนนี้ที่นี่ กลับบ้านเดี๋ยวนี้ กลับไปอุ่นเตียงให้ข้าซะ!”
เงาร่างของคนผู้นั้นสูงใหญ่ ร่างกายกำยำ ใบหน้าดูโหดเหี้ยม มันรับหมัดพวกนางอย่างง่ายดาย แล้วจับพวกนางขว้างออกไปไกลถึงพันจ้าง แต่ไม่ได้ทำให้พวกนางได้รับบาดเจ็บ
จากนั้นมันหันมาหนิงฝาน ทำมือคว้าจับเบื้องหน้า ฉีกอากาศจนเห็นอีกมิติที่อยู่ภายในเพื่อป้องกันดรรชนีของหนิงฝาน
หนิงฝานขมวดคิ้ว แม้เขาไม่เคยเห็นบุรุษเบื้องหน้า แต่กลิ่นอายของมันเขายังจำได้ มันคือหมีเฒ่าตัวนั้น!
หากดรรชนีของหนิงฝานล้ำเข้าไปในเขตพลังมิติ นิ้วของเขาจะถูกบดขยี้จนเละ ดังนั้นเขาจึงถอนมือและถอยห่างออกมา พลางจ้องมองหมีเฒ่า
เมื่อครู่มันจะจู่โจมหนิงฝานก็ได้ แต่มันเลือกที่จะไม่ทำเพราะไม่อยากมีปัญหากับหนิงฝาน
ชายมันเร่งขว้างภรรยาทั้งสองออกไป เพราะมันรู้ว่าหนิงฝานกำลังจะใช่วิชากำหนัดที่น่าสะพรึงกลัว ดังนั้น แม้ภายนอกมันทำเป็นด่าทอ แต่จริงๆแล้วมันช่วยภรรยาของมันไว้
“ท่านพี่! รีบฆ่าเด็กนั่นเร็วเข้า!”
“หุบปาก!”
มันตะคอกใส่ภรรยาก่อนจะหันไปป้องมือให้หนิงฝาน
“ขอบคุณที่นายท่านเมตตา! หากท่านใช้ศพปีศาจแล้วหล่ะก็ ภรรยาของข้าทั้งสองคงไม่รอด”
มันรู้ว่าหนิงฝานมีศพปีศาจอยู่กับตัว
หนิงฝานปราณีกับพวกนางอย่างที่กล่าว หากเขาใช้ศพปีศาจ พวกนางคงจบไม่สวย
มันกล่าวเตือนหนิงฝานเป็นนัย หนิงฝานเองก็ข่มขู่มันเป็นนัยเช่นกัน ประตูสู่วังสวรรค์อยู่ในอาณาเขตมัน ดังนั้นหากไม่จำเป็นหนิงฝานจะไม่สังหารผู้ใด ส่วนเรื่องบุบผาดาราม่วง เขาจะรอถามความจริงจากสนมอสูรซีก่อนถึงจะไปชิงทีหลัง
“ท่านสมควรดูแลสตรีของท่านให้ดี หากเกิดข้าพลั้งมือทำร้ายพวกนาง ท่านจะตำหนิข้าไม่ได้” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย
“ฮ่าฮ่า! นายท่านวางใจเถอะ จะไม่มีเรื่องแบบนี้เป็นครั้งที่สองเด็ดขาด… ต้องขอบคุณที่ท่านไม่ทำร้ายภรรยาข้า นี่ถือเป็นสิ่งตอบแทน!”
มันหัวเราะพลางโยนแผ่นหยกให้หนิงฝาน ก่อนจะหันกลับไปหาภรรยาของตน
“กลับบ้าน!”
พวกนางไม่กล้าขัดขืนและกลับไปพร้อมกับหมีเฒ่าทันที
เมื่อทั้งสามจากไป หนิงฝานยังไม่เร่งร้อนสำรวจสิ่งที่อยู่ภายในแผ่นหยก เขาตรวจสอบหากับดักที่อีกฝ่ายวางไว้ เมื่อเห็นว่าไม่พบ จึงถ่ายสัมผัสเทพเข้าสำรวจ
เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เพราะมันบันทึกผู้ที่ตามล่าเขาไว้
ยามนี้ผู้ที่ออกตามล่าเขาคือหนึ่งในสี่อสูรดารา!
หากหมีเฒ่าไม่บอก เขาคงไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกตามล่าอยู่
“อสูรตนนั้น...” หนิงฝานนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า มีอสูรกึ่งไร้ดัดแปลงตามล่าและยกทัพหมายสังหารเขา คราวนั้น เขาสังหารพวกมันไปมากมาย จนสุดท้ายกลับกลายเป็นว่า ทำให้อสูรกึ่งไร้ดัดแปลงตนนั้นไม่พอใจและออกตามล่า หากวันนั้นเขาไม่มีรถเพลิงทองคำ เขาคงไม่อาจรอดพ้นจากมันมาได้ง่ายๆ
การได้รู้ว่าตนเองถูกตามล่า ทำให้เขาระวังตัวมากขึ้น
ตนเองถูกกลุ่มอสูรตัดวิญญาณจู่โจมก่อน แม้การสังหารพวกมันไปจะไม่ใช่เรื่องผิดวิสัย แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความแค้นที่อีกฝ่ายมีให้
ในโลกใบนี้ หากไม่ไประรานผู้ใด ย่อมไม่ถูกคนผู้นั้นระราน
“หมีเฒ่านั่นน่าสนใจ”
หนิงฝานยิ้ม แม้หมีเฒ่าจะดูสมองกล้าม แต่มันไม่ได้เบาปัญญาอย่างที่คิด
เมื่อลองขบคิด การที่หมีเฒ่าแสดงเจตนาดีต่อตน เพราะตนได้ไว้ชีวิตภรรยาของมัน
“มันสมควรคบหาเป็นสหาย การบอกกล่าวถึงภัยถือเป็นสิ่งที่สหายควรทำ… เรื่องแบบนี้หาได้ยากในโลกของผู้เชี่ยวชาญ ที่ข้าไม่สังหารภรรยาของมันไม่ใช่เพราะข้ามีเมตตาขนาดนั้น ข้าแค่อยากเตือนให้มันรู้ตัว มันเองก็คงเหมือนกัน มันไม่อยากให้ข้าไปสร้างความวุ่นวานในถิ่นของมัน… เหมือนข้ากับอาจารย์ เพราะตัวข้าไม่ยอมตายและยอมที่จะเป็นศิษย์ อาจารย์จึงช่วยเหลือภรรยาของข้าเอาไว้ ทั้งยังสอนสั่งข้า...”
“นี่คงเป็นกรรม...ผลของการกระทำ! แม้เป็นสิ่งที่ซับซ้อนแต่เข้าใจได้ หากลงมือกระทำก็ย่อมมีผลของการกระทำตามมา”
หนิงฝานยืนนิ่ง ผมดำขลับพลิ้วไสวไปตามลม แววตากระจ่างใสราวกับเข้าใจบางสิ่งอย่างถ่องแท้
หนิงฝานใช้เวลาอยู่ในวังมนุษย์ 3 เดือน ในสามเดือนนั้น เจตจำนงค์เทพพิรุณ เจตจำนงค์ปีศาจ และเจตจำนงค์อสูรฟู่ลี่ได้ยกระดับทั้งหมด
เหตุที่เรียกขานว่าเจตจำนงค์เทพนั้น เป็นเพราะเจตจำนงค์เทพคือเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ สวรรค์อยู่ข้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผิดกับเจตจำนงค์อสูรและปีศาจ ที่อยู่ข้างเผ่าพันธุ์ปีศาจและอสูร
เจตจำนงค์เหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะการบากบั่นฝึกฝน และความเข้าใจ เจตจำนงค์เหล่านั้นจึงถือกำเนิด
เจตจำนงค์พิรุณโลหิตพันหยดสามารถพรากชีวิตศัตรูได้
เจตจำนงค์ปีศาจภูเขาปีศาจ สามารถสะกดข่มศัตรูได้
เจตจำนงค์อสูรฟู่ลี่ ช่วยให้ความเพิ่มขึ้นจนน่าตระหนก
เมื่อเจตจำนงค์ทั้งหมดบรรลุสู่ขั้นสูง ย่อมสร้างวิชาที่ทรงอานุภาพเฉพาะตนด้วยเจตจำนงค์เหล่านั้นได้
วิชาแห่งเจตจำนงค์นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของปราณ แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและระดับของเจตจำนงค์
“หากจะบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง เจตจำนงค์ต้องบรรลุขั้นสูง… แต่เจตจำนงค์ของข้าต่างจากผู้อื่น… ผู้อื่นมีเพียงเจตจำนงค์เทพ อสูร หรือปีศาจ อันหนึ่งอันเดียว แต่ข้ากลับครอบครองพวกมันทั้งหมด แม้ที่นี่จะช่วยให้เจตจำนงค์ของข้ายกระดับสู่ขั้นต้น แต่การจะบรรลุขั้นสูงไม่ใช่เรื่องง่าย… ข้าต้องทำยังไง?”
ยิ่งขบคิดยิ่งสงสัย ยิ่งสงสัยก็ยิ่งความหาความจริง
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หนิงฝานก็ก้าวถึงจุดตีบตัน เขามองเห็นกำแพงตระหง่านที่ขวางกั้น หากทะลวงมันได้ เจตจำนงค์ของเขาจะบรรลุขั้นสูง
ในขณะที่หนิงฝานขบคิดหาหนทางอยู่นั้น ที่ปลายนิ้วของเขากลับปรากฏหมอกเมฆาม่วงทองลอยขึ้น
“หมอกเมฆา… วิชาที่ข้าสร้างมันได้จากความเข้าใจในพลังแห่งชีวิตของเทพเซียนสื่อเซ่า… ที่ข้าเข้าใจมันเพียงผิวเผิน เพราะข้าคิดว่าระดับความแข็งแกร่งของมันขึ้นอยู่กับปราณ แต่ความจริงไม่ใช่… มันขึ้นอยู่กับเจตจำนงค์ แต่ยังไงข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
“ตัวข้ามีเต๋าเป็นของตน หากวิชาหมอกเมฆาม่วงไม่เป็นไปตามเต๋าของข้า มันก็ไม่ใช่วิชาของข้า แม้มันจะแฝงด้วยพลังแห่งชีวิตที่ทรงพลังเพียงใด มันก็ไม่ใช่เต๋าของข้า!”
“เทพเซียนสื่อเซ่าเคยบอกข้า ว่าข้านั้นแตกต่างจากผู้อื่น… ตอนแรกข้าดูเหมือนจะเข้าใจ...แต่เปล่าเลย สิ่งที่ข้าแตกต่างจากผู้อื่นไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก...แต่เป็นวิถี! ทุกคนมีวิถีเป็นของตน แม้จะเป็นหยดพิรุณเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วไม่เหมือนกัน”
แววตาหนิงฝานเปล่งประกายราวกับเขาเข้าใจบางสิ่ง
“ข้าเข้าใจแล้ว! หากเจตจำนงค์จะบรรลุขั้นสูง ก็ต้องยกระดับเต๋าของตน… ข้าเป็นผู้สร้างวิชาหมอกเมฆาขึ้นมา หากข้ายกระดับมัน ก็เท่ากับยกระดับเต๋าของตน”
หนิงฝานรู้แล้วว่าเขาต้องยกระดับสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากตนเอง
เมื่อความเข้าใจบรรลุถึงจุดที่กระจ่าง หมอกเมฆาที่ปลายนิ้วได้เปลี่ยนไป จนกลายเป็นพลังมิติ!
ยามนี้หมีเฒ่าและภรรยาของมันได้ออกห่างจากหนิงฝานมาไกลมาก แต่จู่ๆพวกมันกลับชงักฝีเท้า
ภรรยาทั้งสองของมันที่เงียบมาตลอดทาง ยามนี้สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเคืองอย่างที่สุด หมีเฒ่าที่เห็นก็ทำได้แค่ยิ้ม
*เพี๊ยะ!*
ภรรยาของมันหวดเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงทั้งยังดึงดูของมันพลางกล่าวด้วยความเดือดดาน
“ข้าขอสักทีเถอะ! เป็นไงหล่ะ พอใจเจ้าหรือยังที่ช่วยให้เด็กนั่นยกระดับ!”
“ฮึ่ม! บอกให้พวกข้ากลับไปอุ่นเตียง… ฝันไปเถอะ!”
“เด็กนั่นไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้า แต่เจ้ากลับเลือกที่จะปกป้องมัน ถ้าเจ้าไม่ขวาง ป่านนี้พวกข้าคงสังหารมันไปแล้ว!”
หมีเฒ่าทำหน้าเจื่อน มันไม่กล้าโต้เถียงพวกนาง
“ข้าผิดไปแล้ว ยกโทษให้ข้าด้วยเถอะ… แต่ถ้าข้าไม่ขวางพวกเจ้าไว้ พวกเจ้าคิดว่าจะรับดรรชนีนั่นได้เหรอ? ดรรชนีนั้นคือวิชากำหนัดที่น่าสะพรึงที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น ถึงพวกเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าเด็กนั่น พวกเจ้าก็ไม่รอด! อีกอย่างมันยังมีศพปีศาจในระดับกึ่งไร้ดัดแปลง ถ้าเกิดมันเอาออกมาจริงๆ พวกเจ้าคงตายไปแล้ว”
หากมันไปถึงที่นั่นช้ากว่านี้อีกนิด ภรรยาของมันคงเสร็จหนิงฝานไปแล้ว
“วิชากำหนัด? ศพปีศาจกึ่งไร้ดัดแปลง?”
พวกนางตกตะลึง พวกนางไม่รู้ว่าหนิงฝานได้ซ่อนสิ่งที่อันตรายเอาไว้
ทำไมเด็กนั่นถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?
“เจ้าพูดจริงเหรอ?” พวกนางกล่าวถาม
“จริงแท้แน่นอน! ถ้าข้าโกหก พวกเจ้าลงโทษข้าบนเตียงคืนนี้นะ!” หมีเฒ่ากลืนน้ำลายพลางจ้องมองภรยาทั้งสอง
“งั้นที่เจ้าตามล่าสตรีสองคนนั้นก็เพราะพวกนางงดงามงั้นเหรอ?”
“จะบ้าหรือไง? ร่างกายบอบบางขนาดนั้น ผิวกายก็ไม่ดำเงา ข้าไม่สนใจหรอก!” หมีเฒ่ากล่าว มันไม่ชอบสตรีที่มีรูปร่างผอมบาง มันชอบสตรีที่มีร่างกายกำยำ เพราะย่อมทำเรื่องบนเตียงได้เร่าร้อนกว่า
มันจ้องมองภรรยาทั้งสองพลางยิ้มด้วยความภาคภูมิ ราวกับพวกนางเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในสายตาของมัน
“ฮึ่ม! ไม่ต้องมาปากหวาน”
พวกนางมีความสุข แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าตนเองอัปลักษณ์ไม่สมกับความเป็นสตรี แต่การที่บุรุษของพวกนางเห็นว่าพวกนางงดงามในสายตาตน พวกนางก็มีความสุขมากแล้ว
ยามนี้พวกนางเชื่อแล้วว่าหนิงฝานแข็งแกร่ง เพราะการที่จะสะกดแรงกดดันของพวกนางได้ในเวลาสั้นๆไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้
“เห็นแก่คำหวานของเจ้า ข้าจะลงโทษเจ้า 3 วัน 3 คืนเลย!”
“มาเลยยอดรัก!”
แต่ในขณะที่ทั้ง 3 กำลังอบอวนไปด้วยบรรยากาศที่คลุมเครือ สีหน้าทั้งสามกลับแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“พลังมิติ! เด็กนั่น...บรรลุพลังมิติ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
ในขณะเดียวกัน สูงขึ้นไปบนท้องนภาอันไพศาล ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่บนขวดสุราขนาดยักษ์ ไม่มีผู้ใดสัมผัสถึงตัวตนของชายชราได้
ในขณะที่ดื่มสุราอยู่นั้น ชายชราก้มมองเกาะดาราพลางกล่าวกับตนเอง
“แดนสวรรค์นั้นกว้างใหญ่ ข้าออกท่องเที่ยวใช้ชีวิตมามากมาย… แม้วังสวรรค์จะมีความลับบางอย่าง จนทำให้คนของแดนสวรรค์สนใจ แต่ข้าว่ามันก็ไม่น่าจะเป็นประโยชน์กับพวกมัน… เห้อ… น่าเสียดายที่ตาเฒ่าหานไม่ได้อยู่ในโลกพิรุณ ได้ยินว่ามันเดินทางไปยังโลกกระบี่ ข้าเองก็ยังไปก้าวก่ายที่นั่นไม่ได้… หืม? มีคนกำลังใช้พลังมิติ! อยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณแต่กลับบรรลุพลังมิติด้วยวิชาที่ตนสร้างขึ้น ฮ่าฮ่า คาดไม่ถึงจะมีคนทำได้!”
*อึก… อึก...*
ชายชราดื่มสุราอึกใหญ่พลางหวนนึกถึงสหายของตน
ในเวลาเดียวกันนั้น ทั่วร่างของหนิงฝานลุกโชนด้วยเพลิงสีดำที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของหานหยวนจี๋ผู้เป็นอาจารย์
“กลิ่นอายของตาเฒ่าหาน! เด็กนั่นเกี่ยวข้องกับตาเฒ่าหาน!” สีหน้าชายชราแปรเปลี่ยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...