ตอนที่ 427 ฮ่องเต้ที่น่ารักปรารถนาที่จะหนีไป
ตอนที่ 427 ฮ่องเต้ที่น่ารักปรารถนาที่จะหนีไป
เฟิงเฉินหยูถูกตัดสินโทษประหารแล้ว นางไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ความงามของนางเพื่อแลกเปลี่ยนเพื่อโอกาสในการรอดชีวิต เมื่อนางเห็นมันก็ไม่มีชายใดที่ไม่ลุ่มหลงกามา จากรูปลักษณ์ของนาง ตราบใดที่นางเต็มใจ จะมีคนกล้าปฏิเสธนางหรือ ?
นางยิ้มให้เห็นฟันของนางและดึงเสื้อของนางลงเล็กน้อย เผยให้เห็นไหล่ที่เปลือยเปล่าบางส่วนของนาง
โชคไม่ดีที่ผู้คุมเรือนจ้องมองนางก่อนที่จะผละออกไปอย่างรวดเร็ว ไหล่อะไร เขาไม่สนใจมันแม้แต่น้อย
เฟิงเฉินหยูรู้สึกไม่ได้รับการตอบกลับ ดังนั้นนางจึงปลดกระดุมอีกสองเม็ดที่ด้านหน้าหน้าอกของนาง และร้องอีกครั้ง “พี่ชาย”
ผู้คุมหมดความอดทนและตะโกนเสียงดัง “ติดกระดุมเสื้อของเจ้าให้เรียบร้อย ! หากเจ้าไม่สามารถหาวิธีที่จะสวมใส่เสื้อผ้าของเจ้าได้อย่างถูกต้องก็ถอดมันออก ! เจ้าไม่ได้คิดถึงสิ่งที่เจ้าทำ ผู้หญิงคนหนึ่งที่สูญเสียเกียรติของตัวเองยังคงต้องการที่จะใช้อุบายเช่นเดิมอีกหรือ”
อีกคนหนึ่งก็พูดว่า “ใช่ ใครจะคิดว่าคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์ที่สง่างามของเสนาบดีซึ่งเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในเมืองหลวงจะสำส่อนเช่นนี้”
ทั้งสองเดินกลับไปกลับไป น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เฟิงเฉินหยูไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่คนอื่นมองนาง นี่คือทั้งหมดที่นางเหลืออยู่ หากสิ่งนี้ไม่ได้ผล นางจะถูกประหารชีวิตโดยการตัดเอวหรือไม่ ?
นางเลื่อนลงกับพื้น มันยังคงเป็นฤดูร้อนที่แผดเผาด้านนอก แต่ด้านในของเรือนจำสำหรับผู้เคราะห์ร้ายนั้นเย็นยะเยือก ยามทั้งสองเสริม “ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้ที่ทำบาปจะต้องไม่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ คนที่ถูกขังอยู่ที่นี่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถเอาชีวิตรอดได้”
เฟิงเฉินหยูเข้าใจว่าไม่มีเส้นทางหลบหนีที่นี่
ในเวลานี้เฟิงจินหยวนคุกเข่าที่หน้าห้องโถงสวรรค์ ในขณะที่พระชายาเซียงนั่งอยู่ในพระราชวังจิบชากับฮองเฮา
ฮองเฮายังคงปรากฏตัวตามปกติของนางราวกับว่าทุกสิ่งไม่เกี่ยวข้องกับนาง แต่นางก็ยังสามารถพูดคำสองสามคำได้ในช่วงเวลาวิกฤติ ในไม่ช้าพระชายาเซียงก็นั่งข้างนาง ใบหน้าของของนางเผยให้เห็นถึงความสุขจากการแก้แค้นสำเร็จ นางยิ้มและพูดกับพระชายาเซียง “หากเจ้าไม่มีความสามารถเหมือนกับองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อัน เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะปกปิดอารมณ์ของเจ้า คนที่เจ้ารัก คนที่เจ้าเกลียด เจ้าต้องไม่เปิดเผยสิ่งเหล่านี้ เจ้าต้องไม่ให้ใครรู้ เช่นนี้เจ้าจึงสามารถมีชีวิตยืนยาวได้”
พระชายาเซียงพยักหน้า “ขอบคุณเสด็จแม่สำหรับคำแนะนำเพคะ”
ฮองเฮากล่าวต่อ “เมื่อพูดถึงองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อัน นางเป็นบุคคลในตำนานจริง ๆ ในตอนแรกนางพึ่งพาหมิงเอ๋อเพื่อให้การสนับสนุน และนางก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ แต่ผู้หญิงคนนั้นมีชะตากรรมคล้ายกันกับหมิงเอ๋อเล็กน้อย ในตอนแรกหมิงเอ๋อพึ่งพาความโปรดปรานของพระชายาหยุนเพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ทำให้เขาทำตามที่เขาพอใจได้ แต่หลังจากนั้นเขาก็มีโอกาสสดใสของตัวเอง ด้วยความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงของเขา องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันก็เช่นกัน ถ้านางพึ่งพาหมิงเอ๋อเพียงอย่างเดียว นางคงไม่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่นางก็มีความสามารถที่ยอดเยี่ยม นางยังสามารถหลอมเหล็กกล้าได้อีกด้วย ด้วยความสามารถนี้ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับทั้งราชวงศ์ต้าชุนที่จะเจริญรุ่งเรือง”
พระชายาเซียงเห็นด้วยโดยกล่าวว่า “เสด็จแม่พูดถูกเพคะ หากปราศจากความสามารถนั้น เราจะต้องระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเปิดเผยสิ่งใด โชคดีที่องค์หญิงแห่งมณฑลเป็นคนที่มีเหตุผลและไม่ได้มีความคิดเช่นเดียวกับตระกูลเฟิง ไม่งั้นข้าก็กลัว...”
“ไม่มีอะไรต้องกลัว” ฮองเฮาวางถ้วยชาลงในมือแล้วยิ้มเบา ๆ “เฟิงจินหยวนนั้นตาบอดมาตลอด จนถึงทุกวันนี้เขาไม่รู้ว่าใครควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นความหวังที่แท้จริงของตระกูลเฟิง จากจุดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันจะเป็นคนที่มีความคิดเหมือนกันกับตระกูลเฟิง” นางมองไปที่พระชายาเซียงแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า มันเป็นตระกูลเฟิงที่ขาดวินัย ทำให้เฟิงเฉินหยูทำสิ่งที่เลวร้ายทางศีลธรรม แค่รอดูว่าฮ่องเต้จะลงโทษอย่างไร ! ถึงเวลาแล้วที่ตระกูลเฟิงจะถอยห่างจากราชสำนัก”
พระชายาเซียงเริ่มคิดกับตัวเอง ถ้าตระกูลเฟิงตกต่ำ แล้วหลานสาวของฮองเฮาจะเป็นเช่นไร ? นางส่งหลานสาวสองคนไปที่คฤหาสน์เฟิง อย่างไรก็ตามตอนนี้นางดู เมื่อตระกูลเฟิงค่อย ๆ ตกต่ำ นางมีใจแบบไหน
ฮองเฮาอยู่ตามลำพังในพระราชวังหลักมาหลายปี ดูเหมือนว่านางไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อความโปรดปราน แต่ในความเป็นจริงนางฉลาดและมีไหวพริบมาก ด้วยการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของพระชายาเซียง นางแทบจะเข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ และนางอดไม่ได้ที่จะยิ้มกล่าวว่า “ไม่ว่าผู้หญิงจะมีชีวิตที่ดีหรือไม่ก็ไม่เคยพึ่งผู้ชาย ถ้าเฟิงจินหยวนไม่มีความทะเยอทะยานหรือไม่ได้รับสนับสนุน พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ข้าบอกพวกนางแล้วว่าเฟิงจินหยวนไม่ได้รับการสนับสนุนที่แท้จริงในตระกูลเฟิง การสนับสนุนที่แท้จริงของพวกนางคือองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อัน นอกจากนี้การสนับสนุนนี้ไม่เพียงแค่ตอนนี้ มันจะเป็นเหมือนกันในอนาคต”
พระชายาเซียงเข้าใจทันที ความคิดของฮ่องเต้ไม่เคยเปลี่ยน ความหวังของเขาอยู่ที่องค์ชายเก้า ตราบใดที่พี่น้องเฉิงยังคงมีความคิดเช่นเดียวกับเฟิงหยูเฮง นั่นก็คือที่ที่พวกเขาฝากความหวังไว้ เฟิงหยูเฮงจะเป็นคนดูแลพวกนางตลอดชีวิตที่เหลือของพวกนาง !
น่าเสียดายที่ทุกคนไม่เข้าใจเหตุผลนี้ มีบางคนที่ไม่เข้าใจเหตุผลนี้ เฟิงจินหยวนเป็นตัวอย่าง ในความคิดของเขา เขาได้ตัดเฟิงหยูเฮงจากตระกูลเฟิงโดยสิ้นเชิงแล้ว ความรุ่งเรืองของผู้หญิงคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฟิงอย่างเด็ดขาด และตระกูลเฟิงไม่สามารถพึ่งพาเฟิงหยูเฮงเพื่อรับผลประโยชน์ใด ๆ ได้เลย เขาคิดถึงเฟิงเฉินหยูทุกอย่าง หลังจากนั้นเขาฝากความหวังครึ่งหนึ่งไว้กับเฟิงเซียงหรู แม้กระนั้นเขาไม่ประสงค์ที่จะยอมรับว่าคนเดียวที่สามารถปกป้องตระกูลเฟิงได้คือบุตรสาวคนที่สองที่เขาเกลียด
เขาคุกเข่าข้างนอกห้องโถงสวรรค์ และจางหยวนก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้คำแนะนำเขา “กลับไปเถิด ! ฝ่าบาทตรัสแล้วว่าไม่พบเจ้า ไม่มีเหตุผลอะไรที่เจ้าจะต้องคุกเข่าอยู่ที่นี่ ! เสนาบดีเฟิง อย่าโทษบ่าวรับใช้คนนี้ว่าพูดมากเกินไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตำหนักเซียงได้แพร่กระจายไปทั่วพระราชวังแล้ว ลองคิดดูสิ องค์ชายสามเป็นถึงองค์ชาย ไม่ต้องพูดถึงความไม่พอใจของฝ่าบาทที่มีต่อพระองค์ พระองค์ยังสามารถเป็นส่วนหนึ่งของราชนิกูล และพระองค์ยังเป็นพระโอรสของฮ่องเต้ แต่บุตรสาวของเจ้าทำให้พระโอรสของฝ่าบาทต้องสวมหมวกเขียวขนาดใหญ่เช่นนี้แล้ว เจ้ามาที่นี่เพื่อคุกเข่าขอโทษ นั่นถือว่าเพียงพอหรือไม่ที่จะแก้ไขสิ่งต่าง ๆ”
(TL สวมหมวกเขียว คือ โดนสวมเขา)
เฟิงจินหยวนเงยหน้าขึ้นมองเขา ในใจเขาสงสัยว่าจะเป็นเช่นไร?
จางหยวนกรอกตาของเขาแล้วตะโกน “เสนาบดีเฟิง กลับไป มันเป็นพรไม่ใช่คำสาป แต่ถ้าเป็นคำสาปมันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แทนที่จะคุกเข่าที่นี่ มันจะดีกว่าที่เจ้าจะกลับไปปลอบโยนตระกูลของเจ้าและรออยู่ด้วยกัน”
เฟิงจินหยวนใจหายวูบ จางหยวนเป็นคนประเภทเดียวกันกับฮ่องเต้มาโดยตลอด เขาดูแลฮ่องเต้ตั้งแต่เขายังเด็ก ในปัจจุบันเขาสามารถเข้าใจความคิดของฮ่องเต้ได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้คำพูดดังกล่าวมาจากปากของจางหยวน เป็นที่ชัดเจนว่าฮ่องเต้ได้ตัดสินใจแล้วเกี่ยวกับการลงโทษถึงตาย ไม่มีจุดประสงค์ในการคุกเข่าต่อไป
เฟิงจินหยวนยืนขึ้นและเดินโซเซออกจากพระราชวัง จางหยวนมองตามเขาด้วยดวงตาของเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าก่อนกลับเข้ามาในห้องโถงสวรรค์
ฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์มองผ่านรายงาน เมื่อเร็ว ๆ นี้รายงานทำให้เขารู้สึกรำคาญมาก ฤดูร้อนนี้มีฝนตกชุก ตอนนี้เกือบ 8 เดือนแล้ว โดยปกติแล้วตอนนี้เริ่มเข้าฤดูใบไม้ร่วง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างไม่มีการขาดแคลนน้ำในปีนี้ ดูเหมือนว่าทุกมณฑลกำลังส่งรายงานขอความช่วยเหลือจากภัยพิบัติ และภาษีที่ลดลง นี่มันช่างน่ารำคาญจริง ๆ
เมื่อเห็นจางหยวนเข้ามาในห้องโถง เขาก็โยนรายงานลงบนโต๊ะแล้วถามว่า “เขากลับไปแล้วหรือ ?”
จางหยวนพยักหน้า “พะยะค่ะ”
“หืมม !” ฮ่องเต้โกรธมากพออยู่แล้ว เมื่อเรื่องของตำหนักเซียงมาถึงเขา เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น “บุตรสาวของไอ้แก่นั่น เฟิงจินหยวน ช่างบังอาจเสียจริง กล้าที่จะทำสิ่งนี้ อย่างที่เราเห็นที่ เจ้าเก้าตัดสินให้ประหารชีวิตโดยการถูกตัดที่เอวนั้นเบาเกินไป นางควรถูกประหารชีวิตโดยการทำลายอวัยวะ ! สูญเสียอวัยวะ !”
จางหยวนที่อยู่ด้านหลังปลอบโยนเขา “ฝ่าบาทต้องทรงปล่อยวางความโกรธของฝ่าบาทสักหน่อย การตัดที่เอวไม่ใช่การลงโทษที่เบาเลย สำหรับผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้ นางจะถูกตัดที่เอวเป็นสองส่วน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากถูกตัด คนจะยังคงมีสติในทันทีหลังจากที่ถูกตัด เมื่อถึงเวลานั้น วางก้นของนางต่อหน้านาง ในท้ายที่สุดนางจะตายด้วยความกลัว”
ฮ่องเต้สั่นไหวเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “เมื่อได้ยินเจ้าพูดอย่างนี้ การถูกตัดเอวไม่ใช่การลงโทษเบา ๆ เจ้าเก้าทำได้ดีกับการตัดสินใจของเขา”
จางหยวนตอบว่า “พะยะค่ะ”
ปึก !
ทันใดนั้นฮ่องเต้ก็ตบโต๊ะด้วยความกลัวของจางหยวน จากนั้นฮ่องเต้ก็กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าบอกว่าดี ข้าเสียเวลาไปกับอะไร ? ทำไมเราไม่ควรยกบัลลังก์ให้เขา ?”
จางหยวนรีบแนะนำเขาว่า “จะยกบัลลังก์ให้เพียงแค่พูดได้อย่างไรพะยะค่ะ ! แม้ว่าจะมีตำแหน่งของอดีตฮ่องเต้อยู่ แต่ฝ่าบาทเคยเห็นอดีตฮ่องเต้หรือไม่พะยะค่ะ ? นับตั้งแต่การก่อตั้งราชวงศ์ต้าชุน โอ้ ถ้าเรารวมราชวงศ์ก่อนหน้านั้น ฝ่าบาทเคยได้ยินเรื่องอดีตฮ่องเต้หรือไม่พะยะค่ะ ?”
ฮ่องเต้ตกตะลึง อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่า“จะต้องมีคนแรกเสมอ ! เราไม่รังเกียจที่จะเป็นคนแรก”
“ช่างเป็นเรื่องดีจริง ๆ !” จางหยวนไม่รู้วิธีให้คำปรึกษาเขาต่อไป เขาคิดเพียงเล็กน้อยว่า“ตอนนี้ชายแดนยังไม่สงบและการหลอมเหล็กยังไม่เสร็จสมบูรณ์ องค์ชายเก้าและองค์หญิงแห่งมณฑลต้องใช้เวลาทุกวันในค่ายทหาร ยุ่งกับงานของตัวเอง ฝ่าบาทต้องทรงคิดแทนองค์ชายพะยะค่ะ อย่าทำให้เมืองหลวงเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่องค์ชายเอาชนะเฉียนโจวสำเร็จแล้ว ไม่เช่นนั้นองค์ชายจะต้องต่อสู้เพื่อกลับมา สถานการณ์จะเป็นแบบไหนพะยะค่ะ ?”
ฮ่องเต้คิดเกี่ยวกับสิ่งนี้และรู้สึกว่าจางหยวนพูดถูก ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างไร้ประโยชน์ “จากนั้นเราจะช่วยเขาอีก 2 ปี เราต้องรักษาบัลลังก์ให้ปลอดภัยสำหรับหมิงเอ๋อ มิฉะนั้นที่รักจะไม่ให้อภัยเรา เรารู้ว่านางไม่ชอบพระราชวังของฮ่องเต้ ถ้าไม่ใช่เพื่อหมิงเอ๋อ นางคงไม่เชื่อฟังอย่างแน่นอนภายในกำแพงสูงเหล่านี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องช่วยหมิงเอ๋อปกครองอาณาจักรนี้อย่างปลอดภัย หากเรายังคงรอ เราจะไม่สามารถรอจนกว่านางจะออกจากพระราชวัง”
จางหยวนรู้สึกสำลักและดวงตาเกือบหลุกจากเบ้าตาของเขา เขามองออกไป และถามอย่างงุ่มง่าม “ถ้าทั้งสองคนหนีไป แล้วบ่าวรับใช้คนนี้ควรทำอย่างไรพะยะค่ะ ?”
ฮ่องเต้จ้องมองเขา “โอ้ ดูเจ้าสิ ถ้าเจ้าทั้งสองออกจากพระราชวัง ข้าต้องทำอย่างไร ? เจ้าคิดว่าเจ้าควรทำอะไร แน่นอนเจ้าควรมาดูแลเรา ! ถ้าเราไม่อยู่ในพระราชวังนี้อีกต่อไป เจ้าวางแผนที่จะอยู่ที่นี่เพื่อดูแลองค์ชายเก้าที่อารมณ์แปรปรวนหรือ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าเจ้าสามารถทำแบบที่เจ้าทำกับเราตอนนี้ ทำสิ่งที่เจ้าพอใจได้หรือไม่ ? ตัวอย่างเช่นเมื่อวานนี้เจ้าตื่นสาย เราตื่นแล้วเพื่อขึ้นราชสำนัก แต่เจ้ายังคงนอนหลับฝันดีอยู่ในห้องของเจ้า ถ้านี่เป็นองค์ชายเก้า เขาจะยอมห้เจ้าทำตัวอย่างนี้หรือไม่”
จางหยวนพยักหน้าซ้ำ ๆ “ฝ่าบาทตรัสถูกต้อง ถ้านี่เป็นองค์ชายเก้า พระองค์ก็จะส่งบ่าวรับใช้นี้กลับไปที่บ้านเกิดของข้าทันทีพะยะค่ะ”
"ใช่ ! เจ้าเก้านั้น มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าอยู่ห่างจากหมิงเอ๋อเล็กน้อย นอกจากนี้พระชายาของเขา นางก็ดูเหมือนจะไม่เหมือนใครบางคนที่ง่ายต่อการพูดด้วย เป็นการดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ดูแลพระราชวัง"
"ไม่เป็นไรพะยะค่ะ ฝ่าบาท เมื่อใดก็ตามที่ฝ่าบาทตัดสินใจที่จะหนีไปกับพระชายาหยุน บ่าวรับใช้นี้จะเก็บของและหนีตามฝ่าบาท ! ”
เพี้ยะ !
ฮ่องเต้ตบหัวของเขา “เจ้าหมายถึงอะไร ? ! หากเจ้าต้องการที่จะหนีไป ทำมันด้วยตัวเจ้าเอง สิ่งที่เราจะทำเรียกว่าหนีออกจากบ้าน องค์ชายที่เก้าเป็นบุตรที่กตัญญู เขาจะส่งคนไปตามหาเราอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นมารดาของเขาจะใจอ่อนและอาจกลับมา”
จางหยวนกรอกตา “หลังจากที่ทรงตรัสมาทั้งหมดนี้ ฝ่าบาทก็แค่อยากจะเป็นอดีตฮ่องเต้ !”
“ไร้สาระ ทั้งหมดนี้คืออะไร !” ฮ่องเต้จ้องมองเขา “เอาล่ะ เราจะไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไป มาที่นี่แล้วช่วยเราคิด ในครั้งนี้ สำหรับความผิดของเฟิงจินหยวน เราควรลดขั้นสำหรับความผิดของเขาอย่างไร เพื่อให้เกิดความบันเทิงมากที่สุด ?”