ตอนที่แล้วบทที่ 30: น้ำท่วมสมองเหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 32: ศีลธรรม?

บทที่ 31: สบถ!


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

••••••••••••••••••••

บทที่ 31: สบถ!

“โม่ฝาน แก… แกเป็นบ้าอะไร รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา รีบขอโทษคุณมู่โจวอวิ๋นเดี๋ยวนี้!” มู่เห่อโกรธจัด

นี่คือโม่ฝานงั้นเหรอ? ในตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กโง่เหมือนในวันวายแล้ว เขาไม่เกรงกลัวอิทธิพลของตระกูลมู่เลยแม้แต่น้อย!

“ขอโทษงั้นเหรอ? แน่น๊อน! แต่เขาก็ต้องขอโทษผมด้วยเหมือนกัน สำหรับเรื่องที่เกิดเมื่อสามปีที่แล้ว อย่าคิดว่าผมจะกลัวคุณเพราะว่าพลังเวทย์ของคุณแข็งแกร่งกว่า อีกอย่างนะถ้าหากเราอายุเท่ากัน ผมว่าคุณกับผมก็ไม่ได้เก่งกาจไปกว่ากันสักเท่าไหร่ หึ เมื่อไหร่ที่ผมอายุสิบแปดปีและไม่ได้เป็นนักเรียนอีกต่อไป บอกได้เลยว่าผมจะไปหาคุณเอง!” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างเปิดเผย แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่กล้าหาญ

“เพ้อเจ้อ!” มู่โจวอวิ๋นสบถออกมาพร้อมกับมองไปที่เด็กชายอย่างโกรธแค้น

แม้ว่าในวัยเด็กของมู่โจวอวิ๋นจะไม่ได้เก่งกาจนักเมื่อเทียบกับมู่หนิงเซวีย แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กนักเรียนไก่กาทั่วไป แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นหนึ่งในอัจฉริยะของโรงเรียนเหมือนกัน!

“โม่ฝาน… เธอเป็นเด็กที่กล้าหาญนะ ไม่ต้องพูดถึงวัยเด็กของมู่โจวอวิ๋นหรอก ในตอนนี้นักเวทย์ในตระกูลมู่นั้นมีมากมายและพวกเขามีความสามารถที่จะเอาชนะเธอได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว!” มู่เห่อกล่าว

“ใช่ ยังมีศิษย์มากมายอยู่ในครอบครัวของฉัน ฉันสามารถจะต่อสู้กับแกได้ ถ้าหากว่าแกแพ้ แกจะต้องคุกเข่าและขอโทษคุณมู่!” มู่ไป๋ลืมตาตื่นขึ้นมาจากความเจ็บปวด นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการกระโดดเข้าไปเลียไข่ของมู่โจวอวิ๋น

มู่เห่อและมู่ไป๋ต่างพากันเรียกร้องความยุติธรรมคืนให้กับตระกูลตนเอง!

มู่ไป๋นั้นคิดว่าเขาจะมอบความตายให้กับโม่ฝานเพื่อผ่อนคลายความโกรธของมู่โจวอวิ๋นลงบ้าง…

“ไม่ต้อง!”

ในขณะที่มู่ไป๋กำลังก้าวออกไปด้านหน้า เขาถูกเสียงที่เย็นชาแต่แฝงไปด้วยความอ่อนหวานหยุดไว้อย่างรวดเร็ว

ทุกคนมองไปยังทิศทางของเสียง

คนที่กล่าวออกมานั้นคือมู่หนิงเซวีย ใครจะไปคาดคิดว่าเธอจะเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตนเอง?

เธอเดินมายืนอยู่ระหว่างกลางของพ่อตนเองกับโม่ฝาน ดวงตาของเธอที่เย็นชานั้นถูกฉาบไปด้วยความโกรธที่อยู่ภายในอย่างเด่นชัด

แน่นอนว่าคนที่ทำให้เธอรู้สึกโกรธได้คือโม่ฝาน!

“เมื่อครู่นี้เธอบอกว่าพ่อของฉันทำได้เพียงรังแกคนที่อ่อนแอกว่า คุณบอกว่าพ่อของฉันนั้นใช้พลังเวทย์ข่มขู่คุณ… อืม ก็ดี ฉันกับคุณอายุเท่ากัน ถ้าอย่างนั้นฉันจะสู้กับคุณเอง!” น้ำเสียงของมู่หนิงเซวียนั้นราบเรียบแต่เต็มไปด้วยแรงกดดันที่เย็นเฉียบ!

“หืม หนิงเซวีย?” มู่โจวอวิ๋นมองไปที่ลูกสาวของตนเองที่ก้าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่มืดมนด้วยความโกรธ

โม่ฝานมองไปที่มู่หนิงเซวียที่โกรธจัดอยู่ด้านหน้า เขาเผยรอยยิ้มที่แสนขี้เกียจออกมาอย่างเบื่อหน่าย

‘ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่เธอเดินออกมารับหน้าแทน’

ในตอนแรกเขาคิดว่าการต่อสู้กับมู่ไป๋นั้นไม่ได้อะไรอย่างแท้จริง เสียเวลาเปล่า แต่ในวันนี้หญิงสาวอัจฉริยะแห่งมหาวิทยาลัยจักรพรรดิจะให้เกียรติต่อสู้กับเขางั้นเหรอ อืม น่าสนใจ!

“หนิงเซวีย กับคนๆนี้แค่ฉันคนเดียวก็สามารถจัดการได้ ไม่จำเป็นต้องให้ถึงมือของ…” มู่ไป๋รีบก้าวออกมาในทันที

“พ่อของฉันโดนดูหมิ่นและเขาไม่สามารถจัดการกับคนๆนี้ได้ด้วยตนเองเพราะสถานะที่ยิ่งใหญ่ แต่ฉันที่เป็นลูกสาวของเขาโดนตรงสามารถที่จะต่อสู้กับคนๆนี้ได้อย่างยุติธรรม! ฉันจะจัดการเอง!” มู่หนิงเซวียกล่าวแทรกมู่ไป๋อย่างไร้เยื่อใยพร้อมกับไม่แยแสมือของเขาที่พยายามจะยื่นเข้ามาช่วยแต่อย่างใด

“เอาล่ะ! พูดได้ดีมาก! มู่หนิงเซวียนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะถ้าอาวุโสทำเช่นนั้นเองเกรงว่าจะต้องอับอายไปอีกหลายชั่วอายุคน อีกอย่างเธอก็เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองนี้ ด้วยอายุและพรสวรรค์ล้วนแต่เหมาะสมอย่างยิ่ง” เติ้งข่ายรีบยกย่องเธอทันที

หลังจากที่กล่าวเช่นนั้นเสร็จ เติ้งข่ายได้จับไหล่ของมู่โจวอวิ๋นพร้อมกล่าวต่อ “พี่ใหญ่โจวอวิ๋น คุณไม่จำเป็นเลยที่จะต้องลงมือจัดการเด็กคนนี้ด้วยตนเอง เขายังไม่มีความสามารถพอให้เราบดขยี้เขาได้ อีกอย่างคุณไม่สามารถกลับไปตอนอายุสิบหกเพื่อต่อสู้กับเขา เช่นนี้ลูกสาวของคุณเสนอตัวเพื่อจัดการเรื่องนี้เอง ฉันว่ามันดีที่สุดในตอนนี้แล้ว!”

มู่โจวอวิ๋นไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงมองหน้าของเติ้งข่าย

เติ้งข่ายมองมู่โจวอวิ๋นที่กำลังพยายามควบคุมความโกรธของตนเองอยู่ เขาเผยยิ้มออกมาพร้อมกับเดินไปหาโม่ฝานและกล่าวว่า “โม่ฝาน ในฐานะที่ฉันเป็นผู้นำของสมาคมนักฆ่าของเมืองนี้ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อสามปีก่อน แต่อย่าดื้อด้านไปหน่อยเลย เธอควรจะขอโทษคุณมู่โจวอวิ๋นซะสำหรับพฤติกรรมที่แย่ของเธอในวันนี้ รู้รึเปล่าว่าสิ่งที่เขามอบให้กับเมืองเล็กๆนี่มันมากแค่ไหน? แต่ถึงจะอธิบายไปเธอก็คงไม่มีวันเข้าใจหรอก”

“ขอโทษงั้นเหรอ… ไม่มีปัญหา ผมสามารถหอบร่างกายที่เหวอะหวะไปด้วยชิ้นเนื้อที่รุ่งริ่งเพื่อคลานไปขอโทษเขาได้เท่าที่เขาพอจะพอ แต่ผมก็ต้องการคำขอโทษของเขาเช่นกัน อีกอย่างผมอยากรู้ว่าเขาจำอะไรได้บ้างไหม สิ่งที่เขาได้กล่าวไว้กับครอบครัวผมเมื่อสามไปที่แล้วน่ะ? ผมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน คุณเป็นคนมีสถานะภายในเมืองที่ใหญ่โต ไม่ควรจะกระตุ้นให้คนตัวเล็กๆโกรธอย่างนี้ เหอะ ผมเป็นคนๆนั้น คนที่จะตบหน้าของคุณจนกว่าคุณจะตายและถึงแม้ว่าคุณกำลังจะตาย ผมก็จะถามแค่ว่าคุณมีสมองบ้างไหม!” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส

“พวกเราอยู่ร่วมกันได้โดยกฏหมาย เธอจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน? ท้ายที่สุดก็จะเป็นเธอที่ถูกตามล่า!” ผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวพร้อมกับคิ้วที่ขมวดแน่น

“อืม ในเมื่อสถานการณ์นั้นบานปลายไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป ก็จงต่อสู้กับมู่หนิงเซวียด้วยเวทมนตร์ ถ้าหากว่าแพ้ ก็จะต้องขอโทษตระกูลมู่จนกว่าเขาจะพอใจแหละนะ แต่ว่า… ถ้ามู่หนิงเซวียแพ้ล่ะ…” เติ้งข่ายกล่าวออกมาเท่านั้น เขาส่งสายตาไปหามู่โจวอวิ๋นทันที

มู่โจวอวิ๋นสบถออกมา “มู่หนิงเซวียงั้นเหรอจะแพ้? เหอะ!”

“ไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็แค่พูดมาว่าไม่กล้า!” โม่ฝานเยาะเย้ย

แน่นอนว่าเรื่องศักดิ์ศรีนั้นเป็นสิ่งที่ตระกูลใหญ่ต้องรักษาไว้ยิ่งชีพ พวกเขาจะไม่ยอมสูญเสียใบหน้าเพียงเพราะเรื่องเท่านี้อย่างแน่นอน อีกอย่างโม่ฝานเป็นเด็กที่ไร้หัวนอนปลายเท้า เขาจะต้องถูกกดให้จมดิน!

‘จะให้เข้าไปอยู่ในตระกูลมู่งั้นเหรอ? เหอะ’

เขาไม่เคยลืมว่ามู่โจวอวิ๋นนั้นเป็นคนทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นคนจรจัดอย่างกับหมาข้างถนนและเขาก็ไม่เคยลืมที่มู่เห่อทำให้ครอบครัวของเขาต้องกดดันทุกวันคืน ถ้ามู่โจวอวิ๋นเพียงแค่โยนกระดูกมาให้เขาและเขาย้อนกลับคืนไป เช่นนั้นเขาก็จะเป็นหมาโดยสมบูรณ์ แล้วมันต่างอะไรกับจ้าวคุณซานและมู่ไป๋ล่ะ?

สำหรับเขางั้นเหรอ?

มันธรรมดามาก!

เมื่อสามปีที่แล้ว เขาเพียงอายุสิบสามและเขาไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับมู่โจวอวิ๋น แต่ในตอนนี้เขาอายุสิบหกหรือสิบเจ็ดแล้ว ทำไมเขาจะต้องเกรงกลัวด้วยล่ะ?

เมื่อถูกงูกัดมาเป็นเวลานาน ความกลัวได้หายไปจนหมดสิ้นแล้ว ในตอนนี้โม่ฝานกล้าที่จะกัดคืน เขาพร้อมที่จะเล่นกับงูตัวนี้แล้ว!

ในตอนนี้เขาได้พบเจอกับแมลงสาปที่น่าเกลียดตัวนั้นแล้ว มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องหนีโดยที่ไม่เอาเท้าเหยียบมันก่อน? นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการบดขยี้!

“โจวอวิ๋น คุณว่ายังไงกับเรื่องนี้ล่ะ?” เติ้งข่ายถามออกมา

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับข้อพิพาทและอยู่ต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน ถ้าหากสามารถย้ายเรื่องเลวร้ายนี้ไปจบที่การต่อสู้อย่างยุติธรรมได้ แน่นอนว่าผลของมันจะยอดเยี่ยมที่สุด ถ้าหากเขาไล่โม่ฝานออกจากโรงเรียนไป มันก็จะเกิดผลเสียอีกเช่นกัน เพราะโรงเรียนมัธยมเทียนหลานจะต้องสูญเสียอัจฉริยะ ความสามารถของเขานั้นถือได้ว่าเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมสำหรับการปลุกปั้น!

“เหอะ ฉันคงทำเช่นนั้นไม่ได้!” มู่โจวอวิ๋นกล่าวออกมาพร้อมกับหันไปหามู่หนิงเซวีย “หนิงเซวีย… ลูกไม่จำเป็นต้องทำเพื่อพ่อขนาดนั้นหรอก!”

••••••••••••••••••••

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด