GE290 บุบผาดาราม่วง [ฟรี]
หมียักษ์ล่าถอย มันไม่กล้าต่อกรกับหนิงฝานเพราะแรงกดดันจากสายเลือดของเขา
แม้จะเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น แต่กลับให้ความรู้สึกอันตรายร้ายแรง มันจึงต้องยอมเลิกล้มการตามล่าสตรีทั้งสองไป
มันคาดไม่ถึงว่าจะมีผู้ครอบครองโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิมาที่นี่ และคนผู้นี้สมควรมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าคอยปกป้อง
หมีตนนั้นชื่อ ‘ม่านฉาน’ แม้มันจะมีร่างกายใหญ่โตและแข็งแกร่ง แต่มันไม่โง่ หากมันลงมือกับหนิงฝาน ต่อให้มันอยู่ขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง มันก็ไม่รอด
แม้จะเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิด แต่มันก็ต้องถอย
“ช่างเถอะ… แม้พวกนางจะเด็ดบุบผาแห่งความโชคดีไปครึ่งหนึ่ง แต่อย่างน้อยๆก็ยังเหลือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดอย่าง ‘บุบผาดาราม่วง’ อยู่... แค่บุบผาครึ่งดอกย่อมไม่คุ้มที่จะยั่วยุเจ้าเด็กนั่น!”
เมื่อหมีตอนนั้นยอมถอย หนิงฝานก็ผ่อนคลายลง หากต้องต่อสู้กันจริงๆ เขามั่นใจเพียงครึ่งว่าจะเอาชนะมันได้ คงต้องระวังอย่าให้พบมัน
สิ่งที่หนิงฝานสนใจในตัวหมีตนนั้นคือ มันวิวัฒนาการมาจากดารา โลหิตที่เคยเป็นพลังดาราได้กลายเป็นโลหิตอสูร จนมันดูเหมือนสัตว์อสูรตัดวิญญาณทั่วไป การเปลี่ยนแปลงระดับนี้ย่อมทำให้หนีออกไปจากที่นี่ได้
“บางทีเจ้านั่นคงจะมีโอกาสทะลวงจุดตีบตันของตน...”
หนิงฝานกล่าวกับตนเองก่อนหันมองสนมอสูรซีที่หมดสติ และหันมองวู่หยานที่กำลังจ้องเขาไม่วางตา
นางตกตะลึงที่หนิงฝานไล่หมีตนนั้นไปได้ หมีตนนั้นบรรลุขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง การที่หนิงฝานไล่มันไปได้ย่อมไม่ธรรมดา
“เจ้าแข็งแกร่งมาก...” เมื่อรอดพ้นจากอันตราย หัวใจที่บีบรัดกดดันได้ผ่อนคลาย ความเหน็ดเหนื่อยทั้งมวลถาโถมจนนางผลอยหลับไป
ทางเหนือของเกาะคือถิ่นของหมีตนนั้น ดังนั้นหนิงฝานจึงยึดทางใต้ของเกาะเป็นถิ่นของตน เขาสร้างถ้ำแห่งหนึ่ง กลิ่นหอมสมุนไพรจำนวนมากลอยออกมาจากถ้ำ
“ถ้าไม่อยากตาย… อย่าได้ย่างกรายเข้ามา!”
ภายในถ้ำ วู่หยานและสนมอสูรจื่อนอนพักอยู่ กลิ่นโอสถทำให้วู่หยานได้สติ แม้ว่านางอยากจะลืมตา แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้นางไร้เรี่ยวแรง
นางได้สติรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ยามนี้ นางสัมผัสอ้อมแขนที่โอบประครองนาง สัมผัสได้ถึงผ้าชุบน้ำที่คอยเช็ดทำความสะอาดใบหน้าและลำคอ ก่อนจะวางร่างนางลง
แต่เมื่อนางสัมผัสได้ว่าหน้าอกของตนกำลังถูกสัมผัส นางกลับสั่นสะท้านไปทั่วร่าง
เพียงแต่การสัมผัสนั้นไม่ได้ทำเพื่อล่วงเกิน แต่ทำเพื่อทำความสะอาดร่างกายให้นาง
บาดแผลบริเวณหน้าอกของนางค่อนข้างร้ายแรงจากการลอบจู่โจมของหมีตนนั้น ยามนี้ มือคู่ใหญ่กำลังสัมผัสหน้าอกของนางเบา ทำความสะอาดบริเวณปากแผล
“มีหน้าอกที่งดงามขนาดนี้ แต่กลับต้องมาถูกเจ้าหมียักษ์ทำให้เสียหาย… ช่างน่าเศร้า”
นางแค่เสียงในใจ นางอยากจะลุกขึ้นแล้วด่าทอ แต่นางทำไม่ได้
เรือนร่างของนางนั้น นอกจากตัวนางแล้วไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นมาก่อน หนิงฝานจึงถือเป็นผู้แรกที่ได้เห็นและสัมผัส
แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ แม้นางจะไม่พอใจ แต่นางกลับไม่ดิ้นรนขัดขืน กลับกัน นางอยากให้มืออุ่นๆของหนิงฝาน สัมผัสหน้าอกนางอยู่อย่างนั้น
การกระทำของหนิงฝานต่างไปจากที่นางแอบหวัง เพราะหลังจากอันความสะอาดบาดแผลเสร็จแล้ว เขาก็นำโอสุที่เตรียมไว้มาทาบาดแผลอย่างระมัดระวัง
โอสถที่ผ่านการบดเหล่านี้อุดมไปด้วยปราณสมุนไพรที่หนาแน่น ซึ่งพวกมันสมควรเป็นสมุนไพรหมื่นปี
นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานถึงกับยอมนำสมุนไพรล้ำค่าเช่นนี้มารักษาให้
หลังจากทาสมุนไพรได้พักใหญ่ หนิงฝานก็อุ้มนางลงไปแช่ยังอ่างน้ำเย็น ที่ภายในได้เตรียมสมุนไพรหมื่นปีไว้หลายชนิด หากนางเดาไม่ผิด สมุนไพรเหล่านี้สมควรเป็นสมุนไพรที่หาได้จากวังดาราแห่งนี้
นางหวั่นไหวกับการกระทำของเขา นางไม่รู้ว่าเพราะอะไรหนิงฝานถึงได้ยอมช่วยนางมากขนาดนี้ นางอยากจะบอกเขาว่าไม่ต้องนำสมุนไพรล้ำค่ามาใช้กับนางให้สูญเปล่า
หลังจากได้แช่อ่างสมุนไพร อาการบาดเจ็บของนางดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดที่เคยมีได้กลายเป็นความสบายอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
นางอยากจะจมอยู่กับความรู้สึกเช่นนี้โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นว่าอาการของนางดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หนิงฝานก็ยิ่งอย่างผ่อนคลาย นางสมควรปลอดภัยแล้ว
หนิงฝานไม่รู้ว่าการกระทำของเขาทุกอย่าง อยู่ในการรับรู้ของวู่หยาน แม้นางจะดูเหมือนหมดสติ แต่แท้จริงกลับไม่ใช่
วู่หยานเป็นสตรีที่งดงามอย่างที่สุด หากไม่ใช่สตรีที่งดงามราวกับนางสวรรค์เช่นนาง ย่อมทำให้หนิงฝานหวั่นไหวไม่ได้
แม้การรักษาวู่หยานจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่กับสนมอสูรซีกลับพบปัญหา
นางบาดเจ็บหนักจนแทบจะรั้งชีวิตไว้ไม่ไหว เพียงแต่เมื่อหนิงฝานสัมผัสกายนาง นางกลับลืมตาตื่นขึ้น!
หนิงฝานเริ่มปลดกระโปรงของนาง สีหน้าของนางเริ่มแปรเปลี่ยนจากมึนงงเป็นโกรธแค้น แต่ที่น่าเสียดายคือนางไม่อาจขยับกายต่อต้าน
นางรู้สึกเย็นบริเวณหว่างขาราวกับมีของเหลวบางอย่างมาสัมผัส นางพยายามเค้นกำลัง ดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาบดบังเพราะไม่ให้อยากให้หนิงฝานเห็นจุดสงวน
“เจ้า… เจ้าไม่ไร้ยางอาย… ห้ามมอง… ห้ามมอง”
“เจ้าตื่นแล้วเหรอ… แต่อาการของเจ้าไม่ค่อยดีนะ...” หนิงฝานขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้ในช่วงที่วู่หยานยังได้สติ หนิงฝานใช้วิชาคารมกับนางเพื่อสอบถามเรื่องต่างๆ จนรู้ว่าสนมอสูรซีสนิทกับวู่หยานมาก หากไม่ใช่เพราะนางเป็นสหายกับวู่หยาน หนิงฝานคงดูดซับพลังของนางไปแล้ว
การฟื้นคืนสติของนางทำให้อาการบาดเจ็บทรุดลง
หากนางไม่ได้สมุนไพรช่วยไว้ ป่านนี้นางคงตายไปแล้ว
“ลู่เป่ย… เจ้ามีวิชากำหนัดที่น่ากลัว! อย่ามาใกล้ข้า อย่าใช้วิชากำหนัดกับข้า...” เมื่อมองเห็นชัดว่าผู้ที่กำลังล่วงเกินนางเป็นใคร นางก็เริ่มหวาดกลัว กลัวว่าหนิงฝานจะพรากพรหมจรรย์ของนางไป
หนิงฝานไม่ได้สนใจคำกล่าวนาง เขาเร่งเตรียมน้ำสมุนไพรด้วยสมุนไพรหลายชนิด จากนั้นกรอกปากให้นางดื่ม
แม้วิธีการทำโอสถเช่นนี้จะไม่เหมาะสมและมีสิ่งปนเปื้อนมากเกินไป แต่การช่วยชีวิตนางสำคัญกว่า อีกอย่าง หากไม่ได้โอสถที่มีฤทธิ์แรงมาก อาจรั้งชีวิตของนางไม่อยู่
เมื่อได้ดื่มโอสถเข้าไป ดวงตาของนางปรากฏน้ำตาไหลริน
“เจ้าเอาโอสถปลุกกำหนัดให้ข้ากิน ไอ้คนสารเลว!!”
ดูเหมือนการจะทำให้นางอยู่นิ่งๆเหมือนวู่หยานก็คงเป็นไปได้ยาก
ดังนั้นเขาจึงต้องใช้กำลังบังคับให้นางอยู่นิ่งๆ เพื่อที่เขาจะได้ถ่ายปราณอสูรเข้าไปในร่างนาง ช่วยให้นางดูดซับโอสถได้เร็วขึ้น
นางร่ำไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ “โอสถปลุกกำหนัด… ไม่เอา… ข้าอยากตาย ข้าจะฆ่าตัวตาย!”
“หุบปาก! เจ้าจะร้องไห้ทำไม รู้หรือเปล่าว่ายิ่งเจ้าขัดขืนเจ้ายิ่งตาย อยู่นิ่งแล้วตั้งใจดูดซับโอสถไป! ถ้าเจ้ากล้าเปล่งเสียงอีกสักครั้ง ข้าจะจับเจ้าแก้ผ้าให้หมด!”
หนิงฝานตะคอกใส่จนทำให้นางไม่กล้าเอ่อยปากอีก
เดิมทีนางเป็นถึงองค์หญิงของเผ่า ที่นางได้เข้าร่วมตำหนักราชาอสูรก็เพราะนางมีพรสวรรค์ ที่สำคัญ นางยังได้รับมอบหมายภารกิจที่สำคัญในโลกมนุษย์ด้วย
นางไม่เคยให้ผู้ใดเห็นเรือนร่างของนางมาก่อน เว้นแต่ครั้งแรกที่ตำหนักราชาอสูร ยามนั้นสนมอสูรจื่อได้ตรวจสอบร่างกายของนาง
“เจ้าตำหนิข้า...” นางบุ้ยปาก โอสถที่ออกฤทธิ์รักษาอย่างรุนแรง นำมาซึ่งความเจ็บปวดจนนางแทบอยากจะร้อง แต่เมื่อหนิงฝานจ้องนางเขม็ง นางจึงไม่กล้าปริปาก
นางกลัวหนิงฝานมาก กลัวว่าเขาจะจับนางแก้ผ้า
ในสายตาของนางหนิงฝานเป็นบุรุษที่น่าสะพรึงกลัว เขาแข็งแกร่ง โหดเหี้ยม และมีวิชากำหนัดที่น่ากลัวขนาดที่นางต้องผวา
“โอสถปลุกกำหนัดของเจ้า… ทำให้ข้าเจ็บมาก” โอสถปลุกกำหนัดสมควรเป็นโอสถที่ทำให้ผ่อนคลาย แต่การที่นางเจ็บมากขนาดนี้ แสดงว่าหนิงฝานให้โอสถฤทธิ์เพื่อจะข่มเหงนาง
“ข้าจะฟ้องพี่วู่หยาน...” นางดูราวกับสตรีที่ไม่ได้ค่อยได้ออกมาสัมผัสกับโลกภายนอกนัก หากหนิงฝานคิดร้ายกับนางจริง นางคงเสร็จเขาไปแล้ว
ยิ่งด้วยที่นี่เป็นโลกมนุษย์ ต่อให้นางตายก็ไม่มีใครรู้
ไม่นานนางเริ่มสัมผัสถึงกลิ่นอายของวู่หยานได้ นางจึงพยายามจะขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อชำเลืองเห็นว่าวู่หยานกำลังแช่อยู่ในอ่างด้วยสภาพเปลือยเปล่า นางรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของหนิงฝาน นางจึงร้องออกมาสุดเสียง
“ไม่เอา… อย่าถอดอาภรณ์ข้า ข้าจะแต่งงานไม่ได้อีก”
“เงียบสักที!”
หนิงฝานใช้ดรรชนีคลายหยินจี้เข้ากลางหน้าผากของนาง สีหน้านางเริ่มแปรเปลี่ยน ความสงบกลับมา ความเจ็บปวดที่ได้รับทุเลาลงมาก
เดิมทีหนิงฝานไม่จำเป็นต้องช่วยรักษานางขนาดนี้ก็ได้ แต่ด้วยเขาเห็นแก่หน้าวู่หยาน จึงต้องทุ่มกำลังรักษานาง
เขาไม่สนใจสตรีเช่นนาง หากไม่ได้นำนางมาเป็นกระถางขัดเกลา เขาก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนางอีก
เมื่อปลดอาภรณ์ของนางแล้วเสร็จ เขาก็อุ้มนางไปแช่อ่างสมุนไพรที่เตรียมไว้
หลังจากจัดการพวกนางเสร็จ หนิงฝานกลับไปนั่งที่โขดหิน พลางสำรวจกระเป๋าของพวกนาง
การที่เขาเสียสมุนไพรหมื่นปีเพื่อรักษาพวกนางไป เขาย่อมชิงสมุนไพรในกระเป๋าพวกนางกลับมาด้วย
หลังจากชิงสมุนไพรทั้งหมดของวู่หยานมาแล้ว เขาก็ค้นกระเป๋าของสนมอสูรซีต่อ
นางมีสมบัติมากมาย หากนางไม่สังหารหรือปล้นชิง แสดงว่านางร่ำรวยมาก
หนิงฝานที่สังหารผู้คนไปมากมาย อย่างมากก็ได้หยกสวรรค์แค่ไม่กี่ร้อยล้าน วู่หยานเองก็มีเพียง 80 ล้าน แต่นางกลับมีถึงพันล้าน!
นอกจากนี้ นางยังมีผลึกเซียนอีก 25 ก้อน ผลึกเซียนคือเงินตราที่ใช้ในแดนสวรรค์ หนึ่งก้อนเท่ากับ 5 ล้านหยกสวรรค์ และมันยังหาได้ยากในโลกมนุษย์
นอกจากเงินตรา นางยังมีสมบัติและสมุนไพรอยู่เป็นจำนวนมาก หนิงฝานค้นเจอโอสถผันแปรที่ 5 ประเภทรักษา หากรู้ก่อนว่านางมีโอสถแบบนี้อยู่กับตัว เขาคงเอาโอสถเหล่านี้ให้นางกินไปแล้ว
“นางน่าจะไม่ได้เป็นแค่สนมอสูรแห่งตำหนักราชาอสูร บางทีนางอาจมีสถานะสูงส่งในเผ่าของนาง”
หนิงฝานเปรียบเทียบกับตนเอง เขาต้องฆ่าล้างสังหารไปมากมายกว่าจะมั่งคั่ง แต่นางกลับไม่ต้องทำอะไรเลยแม้แต่น้อย
เขาต้องชิงของนางมาให้หมด!
หยกสวรรค์พันล้านทำเพียงพอให้เขาสร้างแผ่นข่ายอาคมที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับอาวุธของเขาได้ด้วย
อาวุธเทพโบราณชิ้นที่ 3 ของเขาต้องใช้หยกสวรรค์จำนวนมหาศาล ซึ่งอาจมากถึงพันล้านหยกสวรรค์
ความมั่งคั่งระดับนี้เทียบได้กับแคว้นระดับสูงทั้งแคว้น
แม้สนมอสูรซีจะมีสมบัติมากมาย แต่สิ่งที่ต้องตาหนิงฝานมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
นั่นคือบุบผาแห่งความโชคดี มันเป็นบุบผาโปร่งใส่ เปล่งประกายงดงาม ทั้งยังมองเห็นโครสร้างของมันได้อย่างชัดเจน
บนบุบผามีร่องรอยกลิ่นอายของหมีตนนั้นเหลืออยู่ และดูเหมือนนี่คงจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกนางถูกตามล่า
หนิงฝานไม่รู้ว่าบุบผาแห่งความโชคดีนี้เป็นสายพันธุ์ใด เพราะบุบผาแห่งความโชคดีนั้นมีหลายสายพันธุ์ ส่วนมากมันจะมีอายุอยู่ที่ 5 พันปี จัดเป็นสมุนไพรผันแปรที่ 4 แต่หากบริเวณที่มันเกิดนั้นมีปราณพิเศษเฉพาะ อาจช่วยพวกมันยืดอายุถึงหมื่นปี ซึ่งจัดเป็นสมุนไพรผันแปรที่ 5
หากเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั่วไป บุบผาแห่งความโชคดีสมควรมีค่ามหาศาลกับคนเหล่านั้น แต่กับนางที่มั่งคั่ง บุบผาแค่นี้ไม่สมควรให้นางเสี่ยงชีวิตเข้าไปเก็บ นั่นหมายความว่า ยังมีบางสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าอยู่ในถ้ำของหมีตัวนั้น
หากจะยิ่งคิด หมีตัวนั้นบรรลุขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง มันไม่สมควรไล่ล่าพวกนางอย่างเอาเป็นเอาตายเพียงเพื่อสมุนไพรพันปี
“บุบผานี้คงจะไม่ธรรมดาอย่างที่คิด...”
แม้จะลองทำความเข้าใจกับสมุนไพร และพึ่งพาความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ เขาก็ยังไม่รู้ถึงฤทธิ์ที่แท้จริงของมัน
“นางเป็นสตรีที่มีนิสัยอ่อนหวาน อ่อนโยน และเรียบร้อย ทำไมนางถึงกล้าเข้าไปในถ้ำของหมี บุบผาแค่นี้นางย่อมหาซื้อได้… แสดงว่านางต้องรู้ถึงความพิเศษของมัน และความรู้ทางสมุนไพรของนางสูงกว่าข้า หรือนางจะเป็นองค์หญิงของเผ่าสมุนไพร...”
หนิงฝานขมวดคิ้ว
ถ้านางได้สติอีกครั้ง เขาจะถามนางว่าบุบผาดอกนี้สำคัญยังไง เขามีวิชาคารมอยู่ ไม่ว่ายังไงนางก็ต้องบอกความจริงกับเขา
“ในระหว่างที่พวกนางพักฟื้น ข้าคงต้องเริ่มสร้างเข็มทิศดาราเป็นของตัวเอง… พอนางฟื้นค่อนถามความจริง ถ้าเกิดบุบผานั่นมีประโยชน์กับข้า ต่อให้ต้องสู้กับหมีนั่นข้าก็จะทำ!”...