ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 293
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 295

Returning From The Immortal World - 294


.....................................................................................................................................................................................

ถังซิ่วรู้สึกพอใจกับมุมมองของโม่อาเหวินมากที่ไม่ทำให้คำพูดเมื่อครู่ของเขาเสียเปล่า ท้ายที่สุดเขาเองก็ได้พูดว่า

“ด้วยการหาความรู้และสิ่งต่างๆโดยใช้ความคิดและไล่ตามมันมีบทสรุปเหมือนการสัมผัสสวรรค์และโลกถึงสิ่งต่างๆ การเดินตามเส้นทางด้วยคุณธรรมตามจะช่วยขัดเกลาอารมณ์ให้กับนาย”

คำสอนนี้เป็นเหมือนกับแสงนำทางที่เปล่งประกายอยู่ในจิตใจของโม่อาเหวิน

โลกที่เป็นเหมือนดอกไม้ประดิษฐ์ของเขาได้เปลี่ยนไป

สัมผัสถึงความรู้สึก

เมื่อโม่อาเหวินสามารถรับรู้ถึงทุกสิ่งแล้วก็ทำให้หัวใจของเขาสั่นระรัว เขานั่งขัดสมาธิพร้อมกับปิดตาลงทันที

ถังซิ่วเองก็ชะงักไปเพราะเขาไม่คิดเลยว่าเพียงคำพูดของเขาจะสามารถทำให้หัวใจของโม่อาเหวินสั่นไหวได้ จิตสัมผัสของถังซิ่วนั้นก็แหลมคมอยู่แล้วและเขาเองก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณรอบๆข้างกำลังห้อมล้อมไปทั่วร่างกายของโม่อาเหวินซึ่งทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากก่อนที่จะเดินออกไป

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

โม่อาหวูเองก็ได้กลับมาอย่างแข็งแรงพร้อมกับทอมเรกกี้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ถังซิ่วได้โบกมือของเขาเพื่อให้พวกเขาเงียบลงพร้อมกับเดินไปที่ห้องโถงแล้วพูดว่า

“ตอนนี้ยังไม่สามารถไปรบกวนอาเหวินได้ พวกนายมาด้วยกันงั้นหรอ ?”

ทอมเรกกี้เองก็ได้ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า

“คุณถัง ผมเพิ่งจะรู้ว่าพี่ชายอาหวูเป็นพี่ชายแท้ๆของอาเหวิน พี่ชายคนนี้สุดยอดจริงๆ สุดยอดมากๆ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“นายหมายถึง........พลังต่อสู้ ?”

ทอมเรกกี้เองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดว่า

“พลังต่อสู้ ? แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งฉันก็จะไม่รู้สึกตกตะลึงขนาดนี้หรอก ฉันหมายถึงเรื่องของความอึด 3ชั่วโมง ! 3 ชั่วโมงที่เขาทำให้ผู้หญิง 4 คนคลานออกมาจากเตียงไม่ได้ ฉันเคยได้เห็นผู้ชายที่แข็งแกร่งอยู่บ้างแต่ก็ไม่เคยเห็นใครแข็งแกร่งเท่าเขามาก่อน”

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นเขาก็ได้แสดงท่าทางอิจฉาออกมา

ริมฝีปากของถังซิ่วเองก็บิดเบี้ยวทันที เขาไม่เคยคิดเลยว่าโม่อาหวูจะเป็นคนที่องอาจและแข็งแกร่งแบบนี้ แม้ว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้แย่แต่ก็คงไม่สามารถเทียบกับอาหวูได้อย่างแน่นอน ? เขามัน........เขามันเป็นผู้ชายเครื่องบินรบ

“มานั่งคุยกันเถอะ”

ถังซิ่วได้เปลี่ยนเรื่องทันทีพร้อมกับเชิญให้พวกเขานั่งลง

โม่อาหวูเองก็ได้ถามออกมาว่า

“บอสครับ อาเหวินเขา.......”

ถังซิ่วได้โบกมือเพื่อขัดคำพูดของเขาแล้วพูดว่า

“เขายังอยู่ดีและดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก อย่าได้เป็นกังวลไปเลย ให้เวลาเขาเสียหน่อย”

“ครับ”

โม่อาหวูเองก็รู้ว่าถังซิ่วจะไม่มีวันโกหกเขาดังนั้นจึงไม่ได้ถามต่อไป

ถังซิ่วได้มองไปที่ทอมเรกกี้พร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“งานเลี้ยงตอนเย็นนี้ฉันมีแขกด้วย หวังว่าคงไม่เป็นการรบกวนนะ ?”

ทอมเรกกี้เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่มีปัญหา เพื่อนของนายก็เป็นเพื่อนของฉันเพราะอย่างไรก็ตามเพื่อนของฉันก็มาด้วยเช่นกัน”

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่ทอมเรกกี้โดยมีความรู้สึกที่แปลกๆอยู่ในหัวใจ

เพื่อน ?

เขาเคยได้รับความทุกข์ทรมานจากคำนี้มามาก ตอนนี้อาจจะดูเหมือนว่าเพื่อนของเขามีเยอะแยะแต่คนที่เขาไว้ใจจริงๆนั้นมีน้อยมากแม้กระทั่งเขาเองก็ยังคงตั้งการ์ดเอาไว้กับคนเหล่านี้เพราะเขาต้องคอยระมัดระวังงูที่จะแว้งกัดเขาเสมอ

ยกตัวอย่างเช่นเฒ่าอ้วนหลี่ที่มีนิสัยตรงๆนั้นถังซิ่วชอบเขาเป็นอย่างมากแต่ทุกคนเองก็เก็บความต้องการเอาไว้ภายในใจ ใครจะไปรู้ว่าเฒ่าอ้วนหลี่จะมีความคิดชั่วๆอะไรซ่อนเอาไว้บ้าง ? ถังซิ่วเองก็คิดว่าคำพูดนี้มีเหตุผลอย่างมาก ในโลกนี้ไม่มีเหตุผลที่ตายตัว ยิ่งผลประโยชน์เยอะก็จะยิ่งโน้มไปทางฝั่งนั้น

เขาเองได้อ่านข่าวมามากมายบนอินเตอร์เน็ตและมีอยู่ข่าวหนึ่งที่มีพี่น้องคู่หนึ่งที่สนิทและรักใคร่กันอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาก็เผลอพูดเรื่องๆหนึ่งตอนที่เขาออกไปดื่มว่า ‘หากใครบอกว่าจะให้ฉันขายน้องตัวเองในราคา100ล้านนั้นฉันจะจัดการกับมัน หากใครให้ฉันขายในราคา1พันล้านฉันจะขอคิดดูก่อนแต่หากใครให้ฉันขายในราคา1หมื่นล้านฉันก็จะขายเขาทันที’

บางครั้งการหักหลักก็ขึ้นอยู่กับว่าราคาของมันพอหรือเปล่า

เหมือนกับดูชางซี่และฉีเฉินชางที่เกาะฮ่องกง พวกเขาเป็นเพื่อนกันมากว่าหลายสิบปี ไม่ว่าจะทำธุรกิจด้วยกันหรือเรื่องต่างๆอย่างไรก็ตามหลังจากที่ดูชางซี่ต้องจ่ายเงินออกไป3พันล้านแล้วเขาก็คิดจะเอาผลประโยชน์จากฉีเฉินชางในทันที

ทอมเรกกี้เองก็มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่คิ้วของเขาจะขมวดแล้วถามออกมาว่า

“คุณถังคิดว่าคำพูดของฉันมีปัญหาตรงไหนหรือเปล่า ?”

ถังซิ่วเองก็ได้สติกลับมาพร้อมกับส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ไม่มีปัญหา การมีเพื่อนมากเกินไปนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีทีเดียว โลกอันกว้างใหญ่นี้มีให้เห็นอยู่มากมายว่าเพื่อนเองก็จะต้องระแวงซึ่งกันและกัน”

ทอมเรกกี้เองก็ได้ปรบมือพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ดี ดี คุณถังยังอายุน้อยอยู่แท้ๆแต่กลับเข้าใจถึงแก่นแท้ของโลกใบนี้ เยี่ยม ยอดเยี่ยม”

ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป

ไม่นาน

พนักงานมากมายก็ได้นำอาหารและไวน์มาเสิร์ฟ ช่วงเย็นวันนี้บอสของพวกเขาต้องต้อนรับแขกดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการแจ้งเตือนแล้วว่าให้นำอาหารและไวน์ชั้นเลิศมาที่นี่

ขณะที่ถังซิ่วและทอมเรกกี้กำลังพูดคุยกันอยู่ที่ชั้นหนึ่งนั้นโม่อาหวูที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณก็รีบกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนทันที

หลังจากนั้นไม่นาน เฒ่าอ้วนหลี่ก็ได้นำภรรยาและลูกสาวของเขามาและสิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจนั้นคืออายุของเธอนั้นไม่มากนัก ดูประมาณ40ปีและลูกสางของเขาเองก็น้อยว่าถังซิ่วแค่1ปีเท่านั้น

“คุณลุงถัง”

หลี่เหวินเหวินเองก็ได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะพูด

เธอโกรธและอึดอัดเป็นอย่างมากเพราะพ่อของเธอบังคับให้เธอเรียกผู้ชายที่แก่กว่าเธอแค่หนึ่งปีว่าคุณลุง หากว่ามีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดก็ว่าไปอย่าง แต่อย่างไรก็ตามถังซิ่วนั้นเป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น การที่ต้องเรียกเขาเช่นนั้นมันทำให้เธอรู้สึกหดหู่มากๆ

ถังซิ่วเองก็เข้าใจได้ถึงเรื่องแบบนั้นพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าฝืนๆของหลี่เหวินเหวินก่อนที่เขาจะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องลำดับหรอก ให้เหวินเหวินเรียกฉันว่าถังซิ่วหรือพี่ถังก็พอแล้ว เฒ่าอ้วนหลี่ เราอยู่ในยุคที่เปลี่ยนไปแล้วอย่าได้ยัดเยียดความคิดเก่าๆนี้ให้แก่วัยรุ่นเลย”

ภรรยาของเฒ่าอ้วนหลี่เองก็คิดเช่นกันว่าการที่จะให้เรียกเด็กหนุ่มว่าลุงนั้นมันดูไม่เหมาะสนเท่าไหร่จึงได้พูดออกมาว่า

“ถือซะว่าเขาเป็นรุ่นเดียวกันแล้วกันนะ”

เฒ่าอ้วนหลี่เองก็ได้ชะงักไปก่อนที่จะอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ในเมื่อน้องชายถังพูดแบบนี้แล้วหากว่าฉันขัดนายก็คงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ แล้วแต่นายเลยแล้วกัน !”

ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มพร้อมกับชี้ไปที่ทอมเรกกี้ก่อนที่จะพูดว่า

“เขาชื่อทอมเรกกี้ซึ่งเป็นเพื่อนของลูกน้องฉันและยังเป็นเจ้าถิ่นอีกด้วย”

ทอมเรกกี้เองก็ได้ยิ้มออกมาขณะที่จับมือกับเฒ่าอ้วนหลี่แล้วพูดว่า

“ยินดีต้อนรับคุณหลี่และครอบครัวที่มาเที่ยวที่เกาะไซปันแห่งนี้ ในเมื่อคุณถังแนะนำคุณด้วยตัวเองงั้นเอาเป็นว่า ไม่ว่าคุณจะอยากอยู่ที่นี่นานแค่ไหนหรือทำอะไร ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะถูกยกเว้น”

“ยกเว้น ?”

เฒ่าอ้วนหลี่เองก็ถึงกับชะงักไป

ก่อนหน้านี้รองผู้จัดการอ้ายโม่ลี่เองก็ได้ให้ส่วนลดกับเขาแต่ตอนนี้มันทำให้เขาตกตะลึงกว่านั่นคือการยกเว้น

อย่าบอกนะว่า......

เขาเป็นบอสของที่นี่ ?

เฒ่าอ้วนหลี่เองก็ได้มองไปทางถังซิ่วก่อนที่จะขยิบตาให้กับเขา

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ทอมเรกกี้เป็นบอสของอ้ายโม่ลี่”

ในพริบตานั้น

เฒ่าอ้วนหลี่เองก็เข้าใจได้ทันทีว่าทอมเรกกี้นั้นเป็นเจ้าของโรมแรมแห่งนี้เพราะอย่างไรก็ตามบอสของรองผู้จัดการก็จะต้องเป็นเจ้าของอยู่แล้ว

“ขอบคุณมาก วันไหนที่คุณไปยังประเทศของเราแล้วก็ต้องติดต่อมาหาฉันนะ ฉันจะทิ้งงานทุกอย่างแล้วไปสร้างความบันเทิงให้เอง”

เฒ่าอ้วนหลี่เองก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

ทอมเรกกี้ได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ณ ตอนนี้

สาวสวยที่สวมรองเท้าส้นสูงพร้อมกับกระโปรงสีขาว ในมือของเธอกำลังถือกระเป๋าใบสีขาวเอาไว้พร้อมกับปล่อยผมสีบลอนด์ของเธอให้ปลิวไสว

“ฉันคงไม่ได้มาสายใช่ไหม ?”

เสียงที่น่ารักฟังของเธอก็ได้ถูกส่งไปในประสาทรับรู้ของทุกคน

คิ้วของถังซิ่วได้ยกตัวขึ้นก่อนที่จะมองไปด้วยความตกตะลึง อย่างไรก็ตามเขาไม่ทันจะได้พูดแต่ทอมเรกกี้เองก็ได้เดินออกไปหาเธอแล้วพูดว่า

“มิส เหว่ยเหว่ยมี่ ยินดีต้อนรับครับ ไม่ทราบว่าคุณพึงพอใจกับโรงแรมของเราหรือเปล่า ?”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

“ที่นี่ดีมากเลยล่ะ”

เพียงคำพูดไม่กี่คำเท่านั้นก็ทำให้ทอมเรกกี้ถึงกับพยักหน้าซ้ำๆแล้วพูดว่า

“ดีแล้วที่ทำให้คุณพึงพอใจ”

ถังซิ่วและเฒ่าอ้วนหลี่ที่ได้ฟังคำพูดของทอมเรกกี้ก็ตัดสินได้ทันทีว่าสถานะของเธอต้องไม่ธรรมดาแน่นอนเพราะทอมเรกกี้ทีมีอำนาจและมั่งคั่งกลับประจบประแจงเธอ

เธอมีสถานะอะไรกัน ?

ทำไมถึงได้มีคุณสมบัติพอให้ทอมเรกกี้ปฏิบัติต่อเธอแบบนั้น ?

“เธอชื่อว่าเหว่ยเหว่ยมี่งั้นหรอ ?”

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมา

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้ยิ้มออกมาจางๆก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

“แน่นอน แต่ว่าฉันยังไม่รู้จักชื่อนายเลยนะ”

“ถังซิ่ว นายใหญ่ของบริษัทถังผู้สูงส่งและผู้บ่มเพาะ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไป

รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหว่ยเหว่ยมี่ก่อนที่เธอจะพูดว่า

“ถังซิ่วเป็นชื่อที่ดี นายเป็นคนจากประเทศจีน ? ประเทศของนายนั้นดีมากมีประวัติศาสตร์พร้อมกับวัฒนธรรมที่ฉันชอบศึกษา”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“เธอมาจากไหน ?”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“โรม !”

คิ้วของถังซิ่วยกตัวขึ้น เขาเข้าใจสถานะของเธอได้ทันที มันมีโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่นซึ่งมีชื่อว่าโบสถ์แจ่มจรัสและกลิ่นอายที่เธอปลดปล่อยออกมานั้นน่าจะเป็นเพราะเธอบ่มเพาะด้วยพลังของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์แต่เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจถึงเรื่องนี้นัก

“โรมเองก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในหัวใจของคนนับไม่ถ้วน มันเป็นสถานที่ที่ดี”

ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างสงบ

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ถังซิ่ว เราไปหาที่เงียบๆคุยกันไหม ? หากพูดตามตรงแล้วฉันรู้สึกสนใจนายมากๆ”

ถังซิ่วเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ฉันเองก็สนใจในผู้หญิงรูปงามเหมือนกัน ตามฉันมาสิ !”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด