บทที่ 310 - ก็เหมือนๆกับฉันนั่นแหละ (2) [20-04-2020]
บทที่ 310 - ก็เหมือนๆกับฉันนั่นแหละ (2)”
การได้เห็นเลียร่าที่โผล่ออกมาพร้อมปีกมังกรได้ทำให้ทั้งกลุ่มพูดไม่ออกกันแล้ว ในท้ายที่สุดพวกเธอก็ได้รู้แล้วว่าทำไมยูอิลฮานถึงได้เป็นกองกำลังที่มีชื่อว่าดราก้อนเนส และเข้าใจถึงศักยภาพของเขาในฐานะหัวหน้ากองกำลัง แน่นอนว่าคนที่ตกใจที่สุดเลยก็คือเจ้าตัวอย่างเลียร่านั่นเอง
"ฉันรู้สึกได้ถึงสายเลือดมังกรที่ไหลเวียนในตัวฉัน นอกไปจากนี้... ฉันยังได้พลังกลับมาแล้วจริงๆ ไม่สินี่มันมากยิ่งกว่าเก่าอีกด้วย"
เลียร่าได้พึมพัมกับตัวเองอย่างสับสนและดีดนิ้วขึ้นมา เธอสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลภายในร่างของเธอ พลังที่แกร่งยิ่งกว่าในตอนที่เธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงซะอีก นี่มันทำให้เธอพอใจมากๆ
ไม่ใช่แค่นั้นในตอนนี้เธอยังได้เกิดใหม่ขึ้นมาในฐานของมังกร เธอได้มีความงามที่ทำให้คนมองต้องใจเต้นแรง ในตอนที่เธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงนั้น เธอไม่อาจจะดึงเอาพลังพรจากเทพแห่งความรักออกมาใช้ได้ง่ายๆ แต่นับตั้งแต่ที่เธอได้สูญเสียฐานะทูตสวรรค์ไปได้ทำให้เธอมีแค่พรเท่นั้นที่เหลืออยู่ พรและสายเลือดมังกรในร่างของเธอประสานกันจนทำให้เธอได้รับพลังของเธอกลับคืนมา
ดวงตาสีแดงของเธอได้กลายเป็นกระจ่างใสและลึกซึ้งยิ่งขึ้น สีผมขาวอมชมพูของเธอได้เปล่งประกายจางๆออกมา ผมสีบลอนด์ที่เงางามอยู่แล้วของเธอได้มีไรผมสีแดงผสมเข้ามาและพริ้วไสวไปตามานาราวกับมีชีวิต ตัวเธอในตอนนี้เหมือนกับ... เทพธิดา
ยูอิลฮานได้ถามเธอออกมาอย่างเป็นห่วง
"เลียร่ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง? มีตรงไหนไม่สบายหรือ..."
"ยอดเยี่ยมที่สุด!"
"เฮ้.."
หลังจากนั้นเธอก็ได้พุ่งเข้ามาจูบยูอิลฮานในทันที ปีกมังกรบนหลังของเธอที่มาแทนทีปีกทูตสวรรค์กระพืบไปมาทำให้เธอดูน่ารักเล็กๆ เฮเรียน่าที่เห็นแบบนี้ได้ตอบกลับมาอย่างหดหูใจ
[ปีกมังกรมันไม่น่าจะเกี่ยวกับพลังนะแต่ว่าทำไมเลียร่าถึงมีปีกคู่นั้นล่ะ?]
"เลียร่าเคยเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงมาก่อนเพราะงั้นฉันคิดว่านี่มันน่าจะมีผลด้วย อ๊า ปล่อยฉันก่อน มันน่าจะมีเวลาอยู่ซักพักเพื่อที่เธอจะได้คุ้นกับร่างในตอนนี้"
"อ๊า แต่ถึงแบบนั้น"
จริงแล้วค่าประสบการณ์ที่เลียร่าได้รับมาในตอนที่เธอเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ก็ส่งผลให้เธอพัฒนาขึ้นมาเช่นกันและในตอนนี้เลเวลของเธอก็ได้ก้าวข้ามเลเวลเดิมของเธอตอนเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงไปไกลแล้ว ตอนเธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงเธอมีเลเวลอยู่ที่ 430 ปลายๆ แต่ว่าในตอนนี้เมื่อเธอได้เกิดใหม่ขึ้นมาในฐานะมังกร เลเวลในปัจจุบันของเธอคือ 483 มันได้แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าสนามรบที่เธอได้เผชิญในระหว่างอยู่กับยูอิลฮานมันยากลำบากมากแค่ไหน
"สกิลทั้งหมดของฉันได้เปลื่ยนแปลงไปแล้วก็วิวัฒนาการด้วย นอกไปจากนี้... ฉันคิดว่าฉันสามารถเปลื่ยนร่างไปเป็นมังกรได้ด้วยล่ะ"
"อย่าเปลื่ยนร่างที่นี่นะ"
"...แล้วงั้นฉันควจจะไปช่วยพวกข้างนอกไหม?"
หลังจากมองไปที่การต่อสู้ด้านนอกดวงตาของเลียร่าก็เป็นประกายขึ้นมา เธออยากที่จะทดสอบพลังใหม่งั้นสินะ ยูอิลฮานได้หยักหน้าให้เธอด้วยรอยยิ้ม
"อย่าใช้พลังฆ่าพวกนั้นมากเกินไปล่ะ พวกข้างนอกยังต้องพัฒนาอีกมาก"
"โอเค ไว้ใจได้เลย!"
เธอได้กางปีกบินออกไปข้างนอกบาเรียทันที ตัวเธอในตอนนี้ได้อยู่ท่ามกลางมอนสเตอร์แล้ว นี่มันเหมือนกับการวาปมากกว่าบินไปซะอีก
[มะ มังกร!]
[มีมังกรอีกตัว! เกิดอะไรขึ้นด้านในนั้นกัน!?]
[พวกเราต้องฆ่ามันไม่ว่ายังไงก็ตาม! เราต้องฆ่าคนที่อยู่ข้างใน.... ก๊าซซซ!]
"โอราๆๆๆๆๆๆ! ทูตสวรรค์... ไม่สิหอกคลื่นมังกร!"
แม้ว่าเธอจะกลายมาเป็นมังกรไปแล้ว แต่การตั้งชื่อของเธอก็ยังแยเหมือนอย่างเคย! ยังไงก็ตามคลื่นกระแทกขนาดยักษ์ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยพลังเพลิงก็ทรงพลังมากพอที่จะทำให้ทุกๆคนลืมเรื่องชื่อนั่นไปได้ลย
เมื่อคลื่นกระแทกได้กระจายไปที่สนามรบจากหอกของเธอ มอนสเตอร์นับแสนก็ได้กลายเป็นชิ้นๆ
[ก๊าซซซซซซซซ!]
[ดะ ได้ยังไงกัน! เธอแกร่งกว่าท่านพี่ซะอีก!]
ทั้งมอนสเตอร์ที่เข้ามาโจมตีและมังกรต่างก็ไม่อาจจะซ่อนความตกตะลึงเอาไว้ได้ ส่วนคนที่อยู่ด้านในก็ไม่ต่างกัน
"ฉันพอว่าอย่ามากเกินไปไงล่ะ ให้ตายสิ...!"
"เลียร่าเธอมีความภาคภูมิใจในพลังของเธอแม้กระทั่งในตอนเธอเป็นทูตสวรรค์ การที่เธอเลือกทิ้งพลังไปอยู่กับนายนั่นเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก... แต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าบุคคลิกนั่นของเธอก็ยังคงอยู่สินะ"
แม้ว่าเอิลต้าจะกำลังวิเคราะห์ในตัวเลียร่าอยู่ แต่สายตาของเธอได้จ้องตรงมาที่ยูอิลฮาน สายตาเธอเป็นประกายออกมาราวกับจะถามว่า 'ใครเป็นคนต่อไป?' 'เป็นฉันใช่ไหม?' เป็นฉันสินะ? ได้โปรดเป็นฉันเถอะนะ! ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมากับสีหน้าแบบนี้ของเธอและกระดิกนิ้วขึ้น
"ยินด้วยนะเอิลต้า การก้าวไปสู่คลาส 6 นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเธอสินะ?"
***
คังมิเรย์กำลังเดินอยู่ภายในหุบเหวมืด ที่นี่มันลึกและเต็มไปด้วยม่านหมอกความมืด เธอไม่รู้เลยว่าเธอกำลังยืนอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดมันอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่ามันมีกี่ชั้น ไม่รู้แม้แต่ว่ามันมีเพดานหรือป่าว ที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งที่เธอไม่รู้เลย ที่แห่งนี้มันมีอยู่จริงๆด้วยงั้นหรอ?
"ทำไม... ฉันถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?"
ก่อนหน้านี้เธอกำลังสู้อยู่ ช่วยคนอื่นๆเพื่อโจมตีโลกที่กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงปกครองอยู่ตามคำขอของยูอิลฮาน...
คังมิเรย์ได้ทำภารกิจนี้ของเธออย่างสุดความสามารถไปพร้อมๆกับทุกๆคนเพื่อที่จะตอบแทนยูอิลฮาน... และให้เขาสนใจตัวเธอมากขึ้น แถมนี่กำลังเป็นไปด้วยดีด้วย
"อ่า นั่นมัน"
เธอจำได้แล้ว ตอนนั้นเธอกำลังสู้กับพวกกองกำลังสิ่งมีวิตชั้นสูงอย่างราบรื่นร่วมกับโอโรจิในร่างอิชจาร์ เฮเรีน่าที่เป็นคลาส 7 ที่ไม่สมบูรณ์ และอดีตทูตสวรรค์อย่างเลียร่ากับเอิลต้า เธอได้อยู่ร่วมกับพรรคพวกที่ไม่อาจจะใช้สามัญสำนึกปกติมาคิดได้
แต่แล้วทุกๆอย่างก็มีปัญหาขึ้นมาเมื่อพวกเธอได้มาเจอเขากับสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่เหมือนกับทูตสวรรค์ที่ปรากฏตัวขึ้นมา
พวกมันมีความสามารถในการต้านทานมานาที่สูงมากๆและมีกระทั่งบาเรียพิเศษที่ใช้ปิดกั้นการใช้งานมานาในพื้นที่ระดับหนึ่ง
พวกเธอทุกคนได้ต่อสู้กับเจ้าพวกนั้นอย่างยากลำบาก ยังไงก็ตามเมื่อพวกเธอได้ยกเลิกการปิดกั้นการใช้มานาได้ชั่วคราวจากการช่วยของเฮเรียน่า คังมิเรย์ก็ได้ใช้โอกาสนี้สร้าประตูมิติขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อจัดการฆ่าเจ้าตัวแปลกๆที่โผล่ขึ้นมา เธอไม่น่าจะทำแบบนั้นได้เลย แต่แล้วเธอทำมันได้ยังไงกัน? คำถามนี้ได้วนเวียนอยู่ภายในจิตใจของเธอ
"เพราะงั้นฉันก็เลยตายแล้วสินะ?"
มันเป็นเพราะว่าเธอโลภมาก มันเป็นเพราะว่าเธอได้ทำอะไรที่เกิดกำลังงั้นหรอ?
เธอคนเดิมเป็นคนที่จะต้องหนีไปในทันทีที่เจอในสิ่งที่เธอได้ตัดสินแล้วว่ามันอันตราย แต่ว่าปัญหาคือเธอไม่กล้าทำมันเพราะเธอไม่อยากทำให้ยูอิลฮาเสียใจงั้นหรอ? เพราะงั้นเธอก็เลยตายแล้วตกมาอยู่ในมิติที่ว่างเปล่านี้?
"ถ้ามาคิดดูแล้ว นี่มันเริ่มต้นจากที่ลานปาส"
ถ้าเป็นตัวเธอในอดีต เธอก็แค่จะรอคอยไปจนกว่าที่มันจะเป็นไปได้ที่จะกลับไปสู่โลกอื่นครั้งและตั้งใจไปกับการพัฒนาความสามารถของเธอเอง เธอจะทำในสิ่งที่มันเป็นไปได้เท่านั้นและเชื่อว่านั่นมันดีที่สุดแล้วสำหรับตัวเธอ
ยังไงก็ตามเธอไม่ยอมทำแบบนั้น เธอได้เริ่มวิจัยเรื่องเวทย์มิติที่ไม่ใช่ด้านที่เธอเชี่ยวชาญเลยสักนิด ทำไมกัน? เพื่อที่จะช่วยคนบนโลกงั้นหรอ? เพื่อไปหาพี่น้องเธองั้นหรอ? เพื่อไปหานายูนาหรือสมาชิกในครอบครัวงั้นหรอ?
ไม่เลย นั่นมันเพราะเธออยากจะไปเจอยูอิลฮาน เธออยากจะเจอเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ พูดตรงๆเลยก็คือเธอไม่ได้คิดถึงคนอื่นนอกไปจากเขาเลย เธอรู้สึกเหมือนกับเธอจะบ้าเพราะเธออยากจะเจอยูอิลฮาน ในตอนนั้นเธอก็ได้รู้ตัวเองแล้วว่าหัวใจเธอได้พองโตโดยที่ไม่คิดถึงใครอื่นนอกจากเขาอีกแล้ว ต่อให้นายูนาจะเสียใจเพราะเรื่องนี้ แต่มันก็คือเรื่องจริง เธอไม่อาจจะทำอะไรได้
เพราะแบบนั้นในท้ายที่สุดเธอก็เลยได้กลายมาเป็นจอมเวทย์มิติที่ได้รับพรจากเทพแห่งเวทมนต์ และได้เจอกับเขาคนนั้นอีกครั้ง
"อิลฮาน..."
เธอได้ยอมแพ้กับการเก็บซ่อนความรู้สึกไปแล้ว มีคนมากมายที่อยู่เคียงข้างเขาและคนเหล่านั้นก็งดงามยิ่งกว่าเธออีก คนที่รักเขามากยิ่งกว่าเธอ เธอคิดว่ามันอาจจะมีหวังอยู่กับชายที่ขโมยหัวใจเธอไป แต่ใช่แล้วในความเป็นจริงเธอรู้สึกหมดหนทางและอึดอัดใจ
แต่ต่อให้แบบนั้นเธอก็ไม่อยากจะทำให้ยูอิลฮานลำบากใจ เนื่องจากว่าเขาเป็นคนที่ดีแบบนั้น เธอก็ไม่อยากจะให้เขาต้องลำบากใจที่จะมาปฏิเสธเธอ
เขาเป็นคนใจดีแบบนี้เสมอไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งจนไม่ต้องสนใจสิ่งใดก็ได้!
เธอได้บอกกับตัวเองว่าแค่ยืนข้างๆเขาเธอก็พอใจแล้ว และเธอก็จะเดินเคียงข้างเขาตลอดไป ถึงแม้บางครั้งมันอาจจะทำให้ยูอิลฮานอึดอัดเพราะไม่ได้เป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้ก็ตาม...
เธอมีความสุขแล้ว เธอยินดีกับมัน ถึงมันจะเจ็บปวดแต่ก็อบอุ่นใจ
"แต่ตอนนี้สุดท้ายฉันก็กำลังตายแล้ว"
ในตอนนี้เธอจะไม่มีวันได้เจอกับเขาอีก นี่มันเป็นเรื่องเศร้ามากจนเธออยากจะทรุดตัวลงร้องไห้ซะเดี๋ยวนี้
ในตอนนี้เองเธอก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
[นังหนู]
น้ำเสียงทีเหมือนกับ เสียงเด็ก เสียงคนแก่ เสียงคนหนุ่ม เสียงหญิงสาว เป็นเสียงที่จะว่าใช่ก็ใช่จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่
[เธอได้ครอบครองในพลังที่น่าทึ่ง เธอได้บุกเบิกในดินแดนต้องห้ามด้วยตัวของเธอเอง ความสามารถนี้ของเธอนับได้เลยว่าคือบันทึกใหม่อย่างแท้จริง]
"..."
คังมิเรย์ได้เงยหน้าของเธอขึ้น บางทีเธออาจจะยังไม่ตายก็ได้? นี่คือความคิดแรกที่ได้เข้ามาในหัวของเธอ
[เธอน่ะสามารถปฏิเสธความตายได้ ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังมีคุณสมบัติที่สามารถเปล่งประกายได้ยิ่งกว่าใครๆ]
"คุณเป็นใครกัน?"
[ฉันคือพระเจ้า]
คำตอบที่เรียบง่าย เรียบง่ายจนเธออยากจะหัวเราะออกมา คังมิเรย์ได้หัวเราะและส่ายหัวออกมา
"ดูเหมือนฉันจะตายแล้วสินะ"
[นังหนู ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ว่าฉันมีตัวตนแค่เพียงฐานะพระเจ้าเท่านั้น เธออยากจะฟังเรื่องราวของฉันไหมล่ะ]
"ฟู่"
คังมิเรย์ได้มองตรวจดูสภาพรอบๆตัวโดยไม่สนเสียงที่ดังขึ้นมาเลย เธอไม่อาจจะรู้สึกถึงมานาได้และดูเหมือนเธอจะไม่อาจจะทำอะไรได้ เธอได้แต่หยักหน้าอย่างจนใจ
"งั้นก็เล่ามา"
[ถ้างั้นก่อนอื่นเลยฉันจะขอเล่าถึงว่าทำไมเธอกับฉันถึงได้มาเจอกัน]
"คุณเป็นผู้บงการของเจ้าพวกทูตสวรรค์แปลกๆนั่นสินะ ฉันได้ฆ่าแล้วก็ดูดซับบันทึกเจ้าพวกนั้นมามากมาย เพราะงั้นเราก็เลยได้เจอกันผ่านบันทึกกพวกนั้นถูกไหม?"
[..เธอนี่มันโดดเด่นกว่าที่ฉันคิดอีกนะ]
ถูกจุดสินะ คังมิเรย์ได้สรุปเรื่องต่างๆออกมาโดยที่มีคำใบ้เพียงคำเดียวที่เธอได้ยินนั่นก็คือ 'พระเจ้า' นี่ยิ่งทำให้เธอเก่งยิ่งกว่าอัจฉริยะซะอีก ผู้ที่ประกาศตัวเองว่า 'พระเจ้า' ดูจะตกใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย แต่ว่าในฐานะของพระเจ้าเขาได้กลับมาตั้งสติและพูดต่อออกมาได้อย่างรวดเร็ว
[โลกในตอนนี้ไม่ถูกต้อง บาปและกรรมที่ฉันได้สร้างเอาไว้ได้ทำให้มันเป็นแบบนี้ มีสิ่งมีชีวิตที่ประกาศตัวเองว่าเป็นพระเจ้ามากเกินไปและจำนวนของโลกก็ได้เพิ่มมากขึ้นจนเกินควบคุม มานาได้พังทลายลง ฉันไม่รู้เลยว่าพลังที่นได้มอบให้ไปจะเป็นอันตรายแบบนี้ และหลังจากฉันได้พยายามจะหยุดมันมันก็ได้กลายมาเป็นแบบนี้]
"คุณจะข้ามรายละเอียดไปเยอะเลยนะ"
[แต่เรื่องพวกนั้นเธอก็รู้อยู่แล้วนี่]
คังมิเรย์ได้หยักหน้าออกมาตรงๆ เธอรู้เรื่องพวกนั้นหมดแล้ว
หากว่าคำพูดของ 'พระเจ้า' คือเรื่องจริง ถ้างั้นเขาก็คือผู้ที่สร้างจักรวาลนี้ขึ้นมา และยังเป็นคนที่กระจายพลังมานาออกไปด้วย
ยังไงก็ตามมีสิ่งมีชีวิตมากมายที่แข็งแกร่งเกินไปเพราะมานา และทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆนั่นกระทั่งมาคุกคามในตำแหน่งของพระเจ้า มีโลกจำนวนมากมายและทุกๆอย่ายก็ไม่ได้เป็นไปตามที่พระเจ้าต้องการ ก็แค่นี้แหละ
"เพราะงั้นคุณก็เลยทำให้เกิดภัยพิบัติอะไรแบบนี้สินะ?"
[ฉันคิดที่จะทำให้ทุกๆอย่างหายไปและเริ่มต้นใหม่]
หืม นี่มันแย่ยิ่งกว่าภัยพิบัติอีกนะเนี้ย คังมิเรย์ได้มองมาที่พระเจ้าด้วยความสงสัยและถามยืนยันออกมา
"...สร้างใหม่จากอดัมกับอีฟงั้นหรอ?"
[เธอไม่อยากจะเป็นอีฟงั้นหรอ?]
"แล้วอดัมคือใครล่ะ?"
[ฉันจะมอบยูอิลฮานให้กับเธอ เธอชอบเขาไม่ใช่หรอ? เธอไม่อยากจะให้เขามาอยู่กับเธอคนเดียวงั้นหรอ? ฉันจะทำให้ความต้องการของเธอเป็นจริง]
คังมิเรย์พูดไม่ออกแล้ว นี่มันเพราะว่าเธออายกับตัวเองที่คิดไปว่านั่นมันเป็นข้อเสนอที่ดีอยู่ครู่หนึ่ง
[ฉันจะสร้างใหม่กองทัพขึ้นมา คนที่เธอได้ทำลายไปคือสมาชิกของกองทัพนั่นแหละ ในตอนนี้ฉันต้องการพลังของเธอในตอนนี้ เมื่อเธอได้รับพลังในฐานะสิ่งมีชีวิตฉันสูง เธอก็จะได้รับพลังที่จะทำให้ทุกๆอย่างอยู่ใต้เท้าเธอ เพราะงั้นฉันจะให้เธอเป็นรองเพียงแค่ฉันเท่านั้น]
"แล้วกองทัพสวรรค์ล่ะ?"
[กองทัพใหม่มีไว้สำหรับคนใหม่ๆเท่านั้น ฉันสนใจแค่ตัวเธอกับยูอิลฮานเท่านั้น]
คังมิเรย์ได้หลับตาของเธอลง นี่เป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจเอามากๆ หากว่าตัวตนที่แข็งแกร่งถึงขนาดติดต่อมาหาเธอได้ผ่านบันทึก เขาคนนั้นก็น่าจะมีพลังทำให้เรื่องนั้นกลายเป็นจริงด้วย
เพราะงั้นเมื่อไหร่ที่เธอหยักหน้าออกมา เธอก็จะได้ครอบครองยูอิลฮานเพียงผู้เดียว...
ยังไงก็ตาม
"ฉันขอปฏิเสธ"
[ทำไมกันล่ะ?]
"คุณก็รู้ดี ยังต้องถามกันอีกหรอ?"
[แผนของฉันได้พังมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และในทุกๆครั้งไปมันก็เป็นเพราะอารมณ์ที่มาจากมนุษย์อยู่ตลอดๆ เพราะงั้นฉันจึงสรุปออกาได้เพียงแต่ว่าอามรมณ์ของมนุษย์ได้ทำให้แผนของฉันวุ่นวาย นั่นก็คือเหตุผลที่ฉันได้กระตุ้นอารมณ์ของเธอเพราะต้องการอีกผลลัพธ์หนึ่ง แล้วผลลัพธ์เป็นยังไงล่ะ? หัวใจของเธอไม่สั่นไหวจากคำพูดที่ฉันบอกว่าเธอจะได้ครอบครองยูอิลฮานเลยสักนิด]
"นั่นมันก็จริง แต่ว่านะ"
คังมิเรย์ได้ยิ้มขำๆออกมา
"คุณยังรู้จักมนุษย์ดีไม่พอ จริงๆคุณยังไม่รู้จักมนุษย์ด้วยซ้ำไป คุณไม่รู้และไม่เข้าใจในเรื่องของความรักแม้แต่นิดเดียว"
เธอยังมีช่วงชีวิตที่สั้นและในชีวิตครั้งหนึ่งเธอก็เคยปฏิเสธในเรื่องความรักเช่นเดียวกัน ยังไงก็ตามเธอได้รู้จักคำๆนี้แล้ว แน่นอนว่าเธอก็คงจะไม่ได้พวกคำพูดอย่าง 'ความรักไม่ใช่การผูดมัด มันคือการให้' หรือคำพูดทำนองนี้
ตัวเธอต้องการยูอิลฮาน ต่อให้จะเป็นการกักขังเขาและมัดให้เขามองมาแต่เธอ เธอก็อยากจะทำแบบนี้ มันไม่เพียงแค่เธออยากจะมอบความรักให้เขา แต่เธอยังอยากที่จะได้ความรักกับมาเช่นกัน เธออยากจะได้ความรักของเขาก็เท่านั้น
"มันไม่มีอะไรน่าขยะแขยงไปกว่างานแต่งงานที่ถูกเตรียมไว้อยู่แล้วหรอกนะ? ความรักน่ะคือการแย่งชิง ไว้กลับไปหาอ่านหนังสือเรื่องนี้แล้วค่อยกลับมาคุยกับฉันนะ"
[...ฉันคงทำอะไรไม่ได้แล้วสินะ ฉันเสียใจด้วยนะแต่ว่าตัวเธอน่ะเป็นอุปสรรคกับแผนของฉันมากยิ่งกว่ายูอิลฮานซะอีก]
เธอก็พอจะเดาคำพูดต่อไปได้แล้ว ฉันคงจะขอให้เธอตายสินะ หรือทำไมฉันถึงได้มาอธิบายอย่างใจดีมากจนถึงตอนนี้? หรือคำพูดอะไรก็ตามในทำนองของพวกตัวร้าย นี่แหละคือสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ ไม่ว่าจะวางตัวมาดีแค่ไหนเจ้านี่ก็คือผู้บุกรุก
[ยินดีต้อนรับสู่การพัก... หืม]
เขาได้พยายามที่จะสร้างอิทธิพลต่อจิตใจของคังมิเรย์ได้สำเร็จด้วยการแทนกแซงเข้ามาผ่านการตายของทูตสวรรค์แปลกๆและพยายามที่จะโจมตีจิตใจของเธอโดยตรง หากว่าเป็นยูอิลฮานที่มีหัวใจไม่สั่นคลอนการจะทำแบบนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ว่าเขาคิดว่ายูอิลฮานไม่น่าจะทำอะไรได้เพราะเธอยังไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเลยด้วยซ้ำ
ยังไงก็ตามนั่นมันก็แค่ความคิดของเขาฝ่ายเดียว
"ไสหัวไปตายไหนก็ไป"
คังมิเรย์ได้ยกมือขึ้นมาพร้อมกับพูดคำพูดที่หยาบคายที่สุดนับตั้งแต่เธอเกิดมาทำให้แม้แต่พระเจ้าก็ยังพูดไม่ออก
สิ่งที่รวมอยู่ในฝ่ามือของเธอก็คือแสงสีขาว มานา
[อะไรกัน!?]
ตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงพลังมานาในตัวเองแล้ว ไม่สิ องค์ประกอบของมิตินี้ก็คือมานาของตัวเธอเอง ในที่แห่งนี้สิ่งที่ไม่ใช่มานาก็ต้องเป็นมานา หากเธอไม่มีมานา เธอก็แค่ต้องเรียกมันออกมาจากทุกๆอย่างรอบตัวเธอ ทำไมเธอถึงได้พึ่งมารู้เอาตอนนี้กันนะ? ทั้งๆที่เหล่ามานาได้กระซิบบอกเธออยู่ตลอดเวลา!
[เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน นี่มันจะผลิบานเร็วเกินไปแล้ว.. มันเร็วจนเกินไปจริงๆ]
"ฟู่"
มานาได้พังทลาย? พระเจ้าเป็นคนที่ได้เผยพลังงานที่งดงามนี้ออกมาแน่ แต่ว่าเขาต้องไม่ใช่คนสร้างมันแน่นอน! เธอได้ยิ้มเย้ยพระเจ้าและฉีกมิติแห่งนี้ด้วยมานาในมือของเธอ
[ฮ่าห์!]
มิติได้พังทลายลงไปทันที เสียงของพระเจ้าและเจตจำนงได้พังทลายลงและหายไป คังมิเรย์ได้ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา
"รอให้ยูอิลฮานไปอัดนายได้เลย"
รอบๆตัวได้สว่างสดใสขึ้นมา คังมิรย์ได้รู้สึกได้ว่าอีกไม่นานเธอก็จะตื่นขึ้นมาแล้ว
ในตอนนี้เองได้มีข้อความเด้งขึ้นมา
[คุณได้สัมผัสถึงมานาได้ด้วยพลังของตนเองเพียงลำพังโดยไม่ต้องใช้สกิลใดๆช่วย นี่คือความสำเร็จที่ไม่เคยมีใครไปถึงมาก่อน มันคือบันทึกที่ไม่อาจจะบันทึกไว้ได้ และจะไม่มีวันถูกบันทึกไว้ คุณคือผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านมานสูงที่สุดนัตั้งแต่ที่บันทึกนภามีตัวตนขึ้นมา]
[คุณสามารถกลายเป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบได้ ยังไงก็ตามคุณจะต้องเติมเต็มอีก...]
"หุบปากน่า"
ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้รวบรวมมานาในมือของเธอและตบมันออกไป มีเพียงแค่พลังของเธอเท่านั้นที่ยังคงอยู่และการเปลื่ยนแปลงก็ไม่ได้เกิดขึ้น ด้วยความสามารถของเธอที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้ทำให้เธอสามารถจะเละพวกสิ่งที่ขวางทางออกไปจากทางเธอได้
"ฉันจะไม่ทำมันคนเดียว ฉันจะไปหาอิลฮาน"
จากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้นมา
คนที่เธอกำลังเฝ้าหารอคอยมานา และคนที่มีปีกมังกรอยู่บนหลังได้มองมาที่เธอกันทุกคน
"ยินดีต้อนรับกลับมานะมิเรย์"
ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมา คังมิเรย์ก็ยิ้มออกมาเหมือนกับเด็กน้อยหลังจากเห็นเขา เพราะแบบนี้ทุกๆคนได้มารวมตัวกันแล้ว