MLVF Ch. 4 ยินดีต้อนรับคู่หมั้นของฉัน (1)
MLVF Ch. 4 ยินดีต้อนรับคู่หมั้นของฉัน(1)
หลังจากนั้นเป็นต้นมาเอียนก็เริ่มเรียกเธอด้วยชื่อเล่นใหม่
“ยินดีต้อนรับคู่หมั้นของฉัน ฉันหวังว่าเธอคงไม่มีปัญหาที่มาเยี่ยมฉันในวันนี้”
ชื่อที่น่ากลัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ในปีที่เธออายุสิบสี่ หลุยส์รู้สึกไม่สบายใจเสมอเมื่อเอียนพูดอย่างเป็นเจ้าของ
"ด้วยความยินดีค่ะ แล้วก็ ช่วยหยุดเรียกฉันด้วยชื่อแปลกๆได้มั้ยคะ”
“แปลกตรงไหน? ฉันแค่ทำตามความต้องการของท่านแม่”
หลุยส์เสียเปรียบแน่ ถ้าพวกเขายังสนทนาในหัวข้อนี้นานเกินไป
“มีอะไรถึงเรียกฉันมาที่นี่คะ?”
“ฉันต้องการให้เธอมากับฉัน”
'ไปกับเขาเหรอ'
เอียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบด้วยเสียงเบาๆเล็ก ๆ
“ฉันอยากไปเยี่ยมบ้านเกิดของท่านแม่…”
เสียงของเขาค่อยๆลดลงเรื่อย ๆ หลุยส์รอเขาพูดอย่างอดทน
“มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ไปที่นั่น”
“...”
“แม่ของฉันเป็นคนนอกและฉันไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ”
"ทำไมต้องเป็นฉันล่ะคะ?"
“เพราะเธอเป็นคู่หมั้นของฉัน”
“…ฉันจะกลับบ้านแล้วค่ะ”
"ล้อเล่นน่า ฉันเลือกเธอเพราะเธอเป็นคนเดียวที่ฉันรู้จัก”
เขายิ้มอย่างเชื่องช้าราวกับว่าเป็นเรื่องปกติที่เขาจะขอความช่วยเหลือจากเธอ
“คนเดียวที่ฉันรู้จักและไม่ใช่ขุนนางนั่นคือเธอ”
หลุยส์ชะงัก ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อใจเธอมากนอกเหนือจากความสัมพันธ์ของเธอกับเขาในฐานะคู่หมั้นที่เรียกว่า…
เธอไม่สามารถปล่อยให้เขาไปคนเดียวได้! ครอบครัวซวีนี่ให้ความไว้วางใจเหนือสิ่งอื่นใด และเมื่อเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มีใครรอบ ๆ ตัวเจ้าชายที่สามารถไว้วางใจได้
“เอาล่ะ ฉันจะไปกับคุณก็ได้ค่ะ”
หลุยส์คิดซะว่าเป็นงานการกุศลแล้วกัน
* * * *
* * * *
* * * *
ตอนจบของเทพนิยายของสาวสามัญกลายเป็นราชินีในความเป็นจริงไม่ได้มีสวยหรูมากนัก เห็นได้ชัดเพียงแค่ได้เห็นสีหน้าย่ำแย่ของเอียน
"…ทำไม"
ชายคนนั้นเป็นชาวนาในชนบทที่ไม่มีความรู้เรื่องมารยาทแม้แต่เล็กน้อย และไม่สนใจที่จะถามว่าทำไมหลานชายของเขาจึงมาเยี่ยม ใบหน้าของเขามีรอยย่นเล็กน้อย
“ผมต้องการดูว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่?”
มันเป็นภาพที่ดูงุ่มง่ามที่จะเห็นเจ้าชายรัชทายาทในชุดเสื้อผ้าชั้นดีของเขา คำนับชายชราในผ้าขี้ริ้ว
“... ท่านลอร์ด”
เอียนพูดกับชายชราโดยตำแหน่งที่มอบให้เขาเมื่อลูกสาวของเขากลายเป็นราชินี มันเป็นเพียงชื่อในนามที่มาพร้อมกับที่ดิน
ความไม่พอใจปรากฏบนใบหน้าของชายชราทำให้หลุยส์แก้ไขให้เอียนอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่ 'ท่านลอร์ด'ค่ะ ต้องเรียก 'ท่านตา' เพราะเขาเป็นพ่อของแม่ค่ะ!”
หลุยส์แสร้งทำตัวร่าเริง จนกระทั่งชายชราก็สังเกตุเธอ
"คุณคือใคร?"
“หนูชื่อหลุยส์ค่ะ หนูไม่ใช่ผู้สูงศักดิ์ และเขาเป็น -”
ความสัมพันธ์ของเธอกับเจ้าชายคืออะไร? ไม่ใช่คู่หมั้นของเขาแน่นอน และก็ไม่ใช่คนรับใช้ของเขา เธอไม่รู้จะพูดอะไรอีก
“- เป็นเพื่อนมั้งคะ”
“...”
“...”
การค้นหาคำตอบที่งุ่มง่ามของเธอทำให้บรรยากาศเงียบไปอย่างน่าเหลือเชื่อ มันต้องไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง
ชายชราดูเหนื่อยล้า ขณะที่เขาเริ่มผ่อนคลายตัวเองด้วยการนั่งลงในเก้าอี้เก่าดังเอี๊ยดอ๊าด
“…มันถูกแล้วเหรอที่จะอยู่กับคนที่มีค่า”
ถึงเขาจะมีอายุมากแล้ว แต่เสียงของเขายังมีพลังอยู่
“เม็ดทรายที่เข้าไปในเมล็ดของข้าวสาลีจะต้องถูกกลืนหายไป”
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นสิ่งที่ไม่เหมาะสม สมควรจะหายไป
"ไม่มีอีกแล้ว"
ตาของชายชราหันไปทางกำแพงที่เศร้าซึม
มีภาพวาดขนาดใหญ่สีสันสดใสมองออกไปนอกบ้าน บ้านที่ไม่มีชีวิตชีวา หลุยส์เดาว่ามันเป็นภาพเหมือนของราชินี เขาจับมันและกอดมันในขณะที่เขาสะอื้น เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“หลานไม่สามารถอยู่กับคนอย่างเธอได้”
“...”
เอียนไม่สามารถต่อต้านคำพูดของเขาได้
ความทุกข์ยากของท่านตาของเขาเกี่ยวข้องกับการปีนบันไดวังของท่านแม่ แม้ว่าจะไม่มีรายละเอียดที่เปิดเผยออกมา แต่เป็นไปได้ว่าราชินีถูกวางยาพิษ ท่านตาของเขาทรุดโทรมหลังจากการตายของลูกสาวและทิ้งไว้เพียงโศกนาฏกรรมครั้งนี้ สูญเสียความปรารถนาในการมีชีวิตทั้งหมด
เขากลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งกับเด็กสาวสาวที่ไม่ใช่ลูกขุนนางข้างหลานชายของเขา
“แม้ว่าฉันจะเป็นแบบนี้ แต่ฉันต้องการให้หลานคนเดียวของฉันสัญญากับฉันได้มั้ย มันเป็นความต้องการของฉัน”
"ได้โปรดบอกผม..."
“ห้ามขัดกับสิ่งที่ฉันจะกำลังพูด”
ชายชรามองเอียนด้วยสายตาแหลมคม
“ดินที่มีสุขภาพดีต่อเมื่อมันอยู่ใต้ท้องฟ้า อย่าปรารถนาที่จะเอาดินขึ้นไป”
มันเป็นคำเตือนที่ไม่ต้องการให้เขาเจ็บปวดท่านตามีประสบการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครในโลกนี้
หลุยส์จำไม่ได้ว่าสิ่งที่เอียนตอบสนองต่อคำแนะนำของปู่ของเขาว่าอะไรบ้าง ทั้งหมดที่เธอจำได้คือความทุกข์ทรมานจากถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อในการเดินทางกลับในระหว่างเดินทาง พวกเขาหยุดเพื่อที่เธอจะได้กำจัดสิ่งที่อยู่ในท้องของเธอ แต่อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้น หลุยส์อ่อนล้าจนสลบไสลไป
ในที่สุดเมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็ไม่มีการสั่นหรือการกระตุกอีกแล้ว พวกเขาจะต้องอยู่บนถนนที่ปูอย่างดี
เขาใช้เวทมนตร์รึป่าว? เธอหายเมารถและรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย มันเป็นเรื่องดีที่ได้งีบสักหน่อยเช่นกัน ...
ฮะ? เดี๋ยวก่อนนะ!
มีแค่สองคนอยู่ที่อยู่ในรถม้าและมีเพียงวิธีเดียวที่เธอจะนอนอย่างสบายบนที่นั่ง - คือนอนบนตักของคนที่อยู่ถัดจากเธอ!
นี่เธอทำอะไรลงไป!
เสื้อผ้าของเขาที่โดนแก้มเธอยังรู้สึกถึงความสูงศักดิ์
บ้าไปแล้วหลุยส์! เธอไม่สามารถใช้เจ้าชายเป็นหมอนได้นะ!
ขณะที่เธอกรีดร้องอยู่ในใจ เธอรู้สึกว่ามีมือค่อยๆลูบไล้เส้นผมด้วยจังหวะเนิบนาบ
โอ้ เขากำลังทำอะไรอยู่?
ถ้าเธอบอกเอียนว่า ฉันตื่นอยู่นะ เธอคงจะเขินตัวแตก
หลุยส์ไล่สายตาของเธอแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ โชคดีที่หัวของเอียนหันไปทางหน้าต่าง เขาดูเหมือนว่าเขามีเรื่องที่ต้องขบคิด
ดวงตาของเขามืดเล็กน้อยเหมือนท้องฟ้าสีครามแต่อาจจะมาจากเงาที่หลังคารถ หรืออาจเป็นเพราะอารมณ์ของเขา
หลุยส์พยายามเดาว่าอะไรที่ทำให้เขากำลังเศร้า เขาเศร้าเรื่องท่านตาของเขาหรือเปล่า หรือบางทีเขาอาจจะโหยหาคุณแม่ที่เสียชีวิตในสถานการณ์แปลกๆ ...
"ปวดขา"
“...”
อา… ขาเล็กๆของเขา หัวใหญ่ๆของเธอวางแมะลงบนตักอันมีค่าของเขา
หลุยส์พยายามยกตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่มือของเขากดลงเบา ๆ อีกครั้ง
“คุณบอกฉันว่า คุณปวดขาไม่ใช่หรอคะ?”
“ฉันพูดออกมาเพราะฉันเขินที่เธอเอาแต่จ้องฉัน”
เธอชื่นชมที่เขาซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง
"ฉันสบายมาก"
มือที่อบอุ่นวางบนหน้าผากของเธอ
“ตัวเธอยังเย็นอยู่เลยนะ”
"ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ...จริงๆนะ"
คำพูดของหลุยส์คลุกเคล้ากับคำขอโทษ เธอไม่ต้องการนอนบนขาอันมีค่าของเขาด้วยหัวโตๆของเธอ
เอียนตั้งใจปล่อยเธอไป หลุยส์นั่งขึ้นแล้วแปรงผมของเธอกลับเข้าที่ แต่เพราะเธอนอนนานเกินไปมันทำให้ผมของเธอพันกัน ไม่ว่าทำยังไงก็ไม่กลับเข้าทรงเดิม เธอแทบจะร้องไห้ด้วยความหงุดหงิดที่เอียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“อย่าหัวเราะสิคะ ผมของคุณไม่ได้ยาวเหมือนฉันนี่”
"แบบนี้ก็ดีนี่ มันดูทันสมัยมาก ฉันเชื่อว่ามันจะกลายเป็นแฟชั่นใหม่ของยุค"
หลุยส์ยอมแพ้กับความพยายามที่จะทำให้ผมของเธอเรียบตรง เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง
รถม้าหยุดซึ่งทำให้เธอไม่รู้สึกถึงแรงกระแทก พวกเขาอยู่ที่ไหน?
“พวกเรา-”
“-อยู่หน้าบ้านของเธอ”
เธอสามารถเห็นหน้าบ้าน พวกเขาจอดอยู่ใกล้ๆสวน
“ทำไมคุณมาที่นี่แทนที่จะเป็นที่วังละคะ”
“ถ้าฉันไปที่วังแทนล่ะก็เธอจะต้องเป็นคนหาทางกลับบ้านเอง”
นั่นจะเป็นนรกสำหรับเธอ
“คุณควรจะปลุกสิคะ”
“เธอเป็นคนหลับลึกมาก”
จริงๆความสามารถของเธอที่หลับไปแทบทุกที่ที่เธอวางหัวของเธอดูเหมือนไม่ได้เปลี่ยนแปลงเมื่อเธอเข้ามาสู่โลกนี้
หลุยส์ถอนหายใจและตัดสินใจที่จะหยุดการเป็นศัตรูกับเขา เนื่องจากการพิจารณาแล้ว เขาทำให้เธอไม่ต้องทนนั่งรถม้าสายอื่น
"ขอบคุณมากค่ะ"
“ไม่มีปัญหาสำหรับคู่หมั้นของฉัน”
“…ฉันขอคืนคำขอบคุณได้ไหมคะ”
“ไม่ได้ เธอจะลงตรงนี้แล้วเดินเข้าไปหรือ จะให้จอดที่ประตูหน้าคฤหาสน์?”
ต้องนั่งในรถม้าต่อ?
หลุยส์ส่ายหัวอย่างแรงแล้วเปิดประตูรถ
กลิ่นหอมสดชื่นของหญ้า เธอมองออกไปข้างนอกและเริ่มรู้สึกโล่งใจขณะที่เอียนออกจากรถผ่านมา
เขายิ้ม เมื่อลมพัดกระจายผมสีเงินละเอียดของเขา ความมืดที่เคยปรากฏในดวงตาของเขาดูเหมือนจะจางหายไประยะหนึ่ง หลุยส์รู้สึกว่าหัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อย
'ทำไมกัน?'
ก่อนที่เธอจะตั้งคำถามกับความรู้สึกของตัวเองเอียนก็ยื่นมือออกมา
“ฉันจะเดินไปกับเธอสักพักละกัน ขาของฉันยังปวดเหมือนโดนไส้เดือนยักษ์ทับอยู่เลย”
จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างมีความสุขอีกครั้ง ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ! ไม่มีสถานการณ์ใดที่หลุยส์ซวีนี่จะรักเจ้าชายได้หรอกค่ะ! ความหวานที่เขาแสดงให้นางเอกอยู่ในนิยายต้นฉบับนั้นอยู่ที่ไหน! หลอกลวงทังเพ!