MLVF Ch. 3 ความสัมพันธ์ที่ดี (2)
MLVF Ch. 3 ความสัมพันธ์ที่ดี (2)
มันเป็นงานศพในโบสถ์ที่หลุยส์พบกับเอียนเป็นครั้งแรก เธออายุหกขวบได้ไม่นานหลังจากที่เธอเข้าไปในเรื่องนี้
สำหรับเธอ งานศพเป็นเรื่องแปลกด้วยเหตุผลหนึ่งข้อ
'ทำไมถึงไม่มีใครร้องไห้เลยล่ะ'
ในขณะที่ผู้ร่วมไว้อาลัยทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีดำกำลังโค้งคำนับโดยไม่หลั่งน้ำตา เมื่อพิจารณาว่าผู้ตายเป็นราชินีดูเหมือนผิดปกติมากขึ้น มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ร้องไห้
แม่ของหลุยส์
ราชินีเกิดมาในฐานะสามัญชนและแม่ของหลุยส์เองก็แต่งงานกับนักธุรกิจธรรดาๆ พวกเธอสองคนมีความเหมาะสมที่จะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ของพวกเธอและก่อนหน้านั้นพวกเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่สถาบัน จากที่นั่นจนถึงปัจจุบันพวกเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
แม้กระทั่งก่อนที่หลุยส์จะเกิดราชินีก็พูดกับมาดามซวีนี่ว่า“จะเป็นยังไงน้า ถ้าเธอมีลูกสาวแล้วก็แต่งงานกับลูกชายของฉัน!”
แขกงานศพมองดูเธอด้วยสายตาที่แหลมคม หลุยส์เข้าใจความหมายการจ้องมองของพวกเขาหลังจากอ่านนวนิยายต้นฉบับ
ราชินีสามัญชนที่หันมากล่าวกันว่ายังไม่ได้รับการต้อนรับจากทุกคนในวัง เธอใช้ชีวิตส่วนตัวแทนที่จะมุ่งความสนใจไปที่การผลักดันลูกชายสุดที่รักของเธอ
การตายของเธอถูกมองว่าเป็นโอกาสสำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่จะอยู่เคียงข้างกษัตริย์ งานศพเป็นสุดยอดของความปิติยินดีนั้น แต่มาดามซวีนี่ผู้ร้องไห้น้ำตาแตกกับสถานที่เช่นนั้นคงจะเบื่อหน่าย
แม่ของเธอไม่ได้ออกจากโบสถ์เป็นเวลานานมากแม้หลังจากงานศพสิ้นสุดลง กระทั่งตอนที่นักบวชล้างโถงและเป่าเทียนเธอก็นั่งบนม้านั่งแล้วร้องไห้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หลุยส์นั่งเงียบ ๆ ข้างแม่ของเธอ เธอต้องการเช็ดน้ำตาของแม่ด้วยผ้าเช็ดหน้า แต่เธอไม่มี
“มาดามซวีนี่”
ภายในมุมมืดของโบสถ์เสียงนุ่มนวลมาจากเด็กคนหนึ่ง หลุยส์กระพริบตาและขยับตาไปยังแหล่งกำเนิดของเสียง ในที่สุดเด็กคนนั้นก็ก้าวเข้ามาข้างหน้าต่างกระจกสี
ผมสีเงินอ่อนนุ่มของเขาสะท้อนให้เห็นถึงแสงแวววาวที่ส่องเข้ามาในโบสถ์ มันเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสมที่จะคิดเรื่องนี้หลังจากงานศพ แต่หลุยส์คิดว่าเด็กชายคนนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน
“ฝ่าบาท”
แม่ของเธอพูดด้วยความประหลาดใจ มีเด็กน้อยเพียงคนเดียวในประเทศนี้ที่สามารถเรียกคำนั้นได้
เอียน อัธโมเนียล คราวน์
แม่ของเธอลุกขึ้นยืนด้วยความเคารพ แต่หลุยส์หลังเย็นวาบจนเธอลืมกะพริบตา
“ความเสียใจของฉัน…มันเป็นเรื่องยาก…สำหรับคุณที่จะ…”
แม่ของเธอพูดอย่างสะอึกสะอื้น
เอียนพยักหน้าเอาผ้าเช็ดหน้าออกจากแขนแล้วส่งให้มาดามซวีนี่
ผ้าเช็ดหน้าของเขาแห้ง เขาไม่ได้หลั่งน้ำตาเหมือนแม่ของเธอ
หลุยส์อายุหกขวบและเอียนอายุเพียงแปดขวบ เขายังสูงไม่ถึงเอวของผู้ใหญ่เลย
“ขอบคุณครับ มาดามซวีนี่”
เขาตอบกลับพร้อมกับใบหน้าที่เงียบสงบ
เขายื่นผ้าเช็ดหน้าออกมาอีกครั้ง แต่แม่ของเธอส่ายหัว ใครบ้างในโลกที่สามารถเอาผ้าเช็ดหน้าของเด็กชายที่เพิ่งสูญเสียแม่ของเขาไป
“…ผมไม่เป็นไร”
ดังนั้นเขาจึงพูด แต่หลุยส์เห็นรอยกัดบนริมฝีปากล่างของเด็ก บางทีเขาคิดว่าเขาไม่สามารถร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นได้
เธอนึกภาพเด็กชายตัวเล็ก ๆ หลั่งน้ำตาอยู่คนเดียวในห้องโดยไม่มีใครปลอบโยนเขา มันไม่เกี่ยวอะไรกับสถานะของเขาในฐานะพระเอกหรือรัชทายาท ทุกคนโศกเศร้าเมื่อสูญเสียครอบครัว
“ได้โปรดรับความเสียใจของฉันด้วยนะคะ”
หลุยส์ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วก้มศีรษะของเธอเข้าหาเขา
ดวงตาสีฟ้าที่ไร้น้ำตาของเขาหันมาหาเธอ
“ขอบคุณนะ หลุยส์ ซวีนี่”
ในขณะที่เขาตอบเลือดหยดสีแดงจากรอยกัดของเขาอยู่เหนือริมฝีปากของเขา
หลุยส์ก้าวเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติโดยที่ไม่รู้ตัว มันเป็นเรื่องหยาบคายที่หลุยส์เข้าหาราชวงศ์โดยไม่ขออนุญาต แต่เธอเมินความรู้เกี่ยวกับมารยาทเช่นนั้น
เธอแตะริมฝีปากเด็กน้อยอย่างเบามือ เขาขบมันมากจนทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
“ผ้าเช็ดหน้าของคุณ…ได้โปรดใช้มันเพื่อตัวคุณเองด้วยค่ะ”
หลุยส์มองผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่พับอยู่ในมือของเขา เอียนดูเหมือนจะค่อนข้างงุ่มง่าม แต่เขามีจิตใจที่อ่อนโยน เธอคิดว่าเขาต้องสืบทอดความเมตตาจากแม่ของเขาได้แน่ๆ
“ผ้าเช็ดหน้าจะคอยปลอบโยนคุณค่ะ”
“...”
มือของเขาค่อย ๆ เลื่อนไปที่อกของเขา
หลุยส์รู้ว่าเธอหยาบคายต่อเจ้าชายแห่งบัลลังก์หลังจากเห็นคนรับใช้ของเขายืนอยู่ข้างหลังเขาดูเหมือนว่ากำลังจะเป็นลม แม้ว่าเธอจะรู้จักกฎมารยาทก็อาจจะทำแบบเดิม
ไม่ใช่แค่เธอ ทุกคนก็คงไม่อยากให้เด็กชายตัวเล็ก ๆ เสียใจกับการตายของแม่ของเขาเพียงลำพัง
* * * *
* * * *
* * * *
หลังจากวันนั้นกษัตริย์ก็ประกาศให้เอียนเป็นทายาทขึ้นครองบัลลังก์
พ่อและแม่ของหลุยส์ประหลาดใจ แม้แต่หลุยส์เองก็แปลกใจ ในนวนิยายที่เขาอธิบายว่าเป็น 'รัชทายาท' ดังนั้นเธอจึงเดาได้ว่ามันจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามมันไม่สำคัญกับหลุยส์ว่าเอียนจะกลายเป็นเจ้าชายแห่งบัลลังก์หรือไม่ สิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับเธอคือการอยู่รอดอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายเหมือนหลุยส์ซวีนี่ เงินเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความอยู่รอดและความรู้จำเป็นต้องได้รับเพราะมันสามารถบริหารเงินนั้นได้
เธอแสดงความสนอกสนใจกับธุรกิจพืชสวนระหว่างพ่อและแม่ของเธอ พวกเขาต่างก็ภูมิใจในความอยากรู้อยากเห็นของลูกสาวที่น่ารักของพวกเขาในการปลูกพืชในเรือนกระจก แม่ของเธอนั่งถัดจากเธอและเล่าเรื่องดอกไม้และผลไม้ตามฤดูกาลให้เธอฟัง อย่างไรก็ตามมีหลายวันที่การศึกษาพืชสวนของเธอนั้นหยุดชะงัก
“ฝ่าบาท…?”
หลุยส์นึกสงสัยในขณะที่เอียนเริ่มมาเยี่ยมเรือนกระจกเป็นประจำ
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของราชินีบางครั้งเขาก็จะไปหามาดามซวีนี่และฟังเรื่องเล่า แม่ของหลุยส์จะบังคับให้เธอเข้าร่วมการอ่านหนังสือโดยกล่าวว่า“ฝ่าบาทของลูกต้องการเพื่อนตามวัยของเขา”
“มาดามซวีนี่ลูกสาวของคุณ มองมาที่ผมด้วยความไม่เคารพอย่างยิ่ง”
“ฝ่าบาท ทุกคนต่างทำแบบนี้ทั้งนั้นถ้าถูกลากไปอ่านหนังสือ!”
หลุยส์เพิ่มด้วยคำราม เธอพูดออกมาอีกครั้ง คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเจ้าชายมีสีหน้าแสดงออกอีกอย่างหนึ่งบนใบหน้าของเขา
“แต่สมองเธอควรได้รับการพัฒนา”
“ฝ่าบาทพวกเรายังเด็กอยู่นะคะ!”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันมาที่เรือนกระจก”
ใบหน้าของข้ารับใช้เหี่ยวย่นอีกครั้งเมื่อเด็กสองคนเริ่มทะเลาะวิวาท แม่ของหลุยส์ยิ้ม ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนเดียวที่พึงพอใจในฉากของพวกเขาทั้งสองเถียงกันไปมา
“ฉันคิดว่าฉันเข้าใจว่าทำไมพระราชินีสัญญากับฉันเรื่องการหมั้นในวัยเด็กระหว่างคุณสองคน คิกคิก”
หลุยส์สะดุ้งตัวโยน ด้วยคำพูดที่น่ากลัวนี้ มันเป็นคำทิ้งท้ายของหลุยส์ ซวีนี่ก่อนลงไปในนรก
“สัญญา ...การหมั้น?”
เอียนซึ่งดูเหมือนจะเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกก็เริ่มแสดงความสนใจ
เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเหรอ! ท่านแม่! อย่าพูดนะคะ! การบอกข้อมูลนั้นใส่หูปีศาจตนนี้มันตามหลอกหลอนลูกสาวของคุณในอนาคตนะ!
“ใช่แล้วจ้ะ ราชินีไม่ได้บอกฝ่าบาทเหรอ?”
“นั่นฟังดูน่าสนใจ ผมต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เอียนลากเก้าอี้ข้างๆเธอ หลุยส์รู้สึกใกล้นรกขึ้นมาหนึ่งก้าว