ตอนที่ 8 ศัตรูที่อ่อนแอ
ตอนที่ 8 ศัตรูที่อ่อนแอ
“เหมือนว่าเราจะเข้ามายังเกต โลกนารูโตะนั้นเป็นโลกที่ค่อนข้างแข็งแกร่งนะ”
“ถึงแม้ว่าเราจะเข้าสู่มิติธรรมดาอย่างอื่น ตอนนี้หล่ะ เหมือนกับเขาคอไปขึ้นเขียงชัดๆ!”
ฉินยี่รู้สึกแย่มาก
ครึ่งชั่วโมงถัดมาแกนดัล์ฟก็มองไปยังจุดๆนึง
“ข้าพบแล้ว นั้นมันทหารจากอาณาจักรของเรา” ชายชราชี้ไปยังจุดๆนึง นกยักษ์ก็ทำการร่อนลงไปยังพื้นอย่างนุ่มนวล
เมื่อมองไปยังทหารของอาณาจักรของเขานั้นมันทำให้เขารู้สึกแย่ขึ้นเรื่อยๆ
“ไอ้พวกบรรพบุรุษเวรตะไลเอ้ย!”
เข้าสู่โลกที่ตนเองไม่รู้จัก พร้อมกับกองทัพของตน สุดท้ายก็พ่ายแพ้กลับมาอย่างอนาถ
นี้จะโง่เกินบรรยายไปมั้ง?
ขณะเดียวกันภายในป่า
นักรบของอาณาจักรทำการสร้างรั้วขึ้นมารอบๆศูนย์บัญชาการเป็นวงกลมเพื่อให้ง่ายแก่การเฝ้ายาม
“นายพลฟางหลั่นภารกิจเร่งด่วนของเราคือการตามหาองค์หญิงโดยเร็วที่สุด”
ทหารได้พูดออกมาข้างหลังเขามีนายพลผู้น่าเกรงขามยืนอยู่
เมื่อบ่ายวานนี้หลังจากกู้ะทะกับกลุ่มคนจากโลกนี้พวกเขาพลัดทางกับองค์หญิง การพาองค์หญิงกลับคืนสู่อาณาจักรถือเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“ข้ารู้ แต่ในป่าแห่งนี้มีทหารศัตรูจำนวนมากเกินไป หากเราหุนหันพลันแล่นเราจะถูกตรวจพบโดยกองกำลังของศัตรูแน่นอน”
ฟางหลั่นกล่าวออกมา
สีหน้าของเขาแย่มาก เพียงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเมื่อเขามาถึงมิตินี้ครั้งแรกเขาได้นำกองทัพที่เหลือไปต่อสู้กับกองกำลังของศัตรู แต่ผลลัพธ์ของการต่อสู้ทำให้พวกเขาเกือบหมดหวัง
ศัตรูของพวกเขามีพลังเหนือธรรมชาติ พวกมันสามารถโจมตีพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับพละกำลังอันน่าหวาดกลัว
นักรบกว่าหนึ่งหมื่นคนได้ล้มหายตายจากไป เหลือเพียงพันกว่าคนเท่านั้น ความตึงเครียดภายในค่ายพักทหาร หากพวกเขาเดินออกจากค่ายไปโดยไม่ระมัดระวัง พวกเขาคงถูกฆ่าทันทีที่ถูกพบ
“โธ่เว้ย ไอ้พวกนั้นเป็นใครกันแน่ ทำไมพวกมันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?”
ทหารคนนึงพูด
ฟางหลั่นได้แต่ขบริมฝีปาก ไม่พูดอะไร
พวกเขาในที่นี้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าระดับอารยธรรมของพวกเขาและโลกใบนี้นั้นมันแตกต่างกัน คนของโลกใบนี้สามารถโลดแล่นบนกิ่งไม้ได้อย่างง่ายได้ มีความแข็งแกร่งที่น่าหวาดหวั่น
ส่วนพวกเขานะหรอ?
ได้แค่มองตาละห้อยให้พวกมันมาฆ่าทิ้งเท่านั้นแหละ
ทหารทุกคนในที่นี้ย่อมเป็นทหารชั้นยอดฝีมือดีที่สุดในหมู่พวกเขา แต่การต่อสู้ของโลกใบนี้ช่างแปลกประหลาด พวกเขามีการโจมตีแปลกๆที่แม้แต่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขายังพลาดท่า ไม่นับเป็นการต่อสู้เสียด้วยซํ้า
“นายพลฟางหลั่น พวกเราต้องตามหาองค์หญิงให้พบให้เร็วที่สุด ต่อให้พวกเราจะสิ้นชีพ ตราบใดที่องค์หญิงยังอยู่ พวกเราก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น!!”
ทหารหลายคนได้พูดออกมา
ฟางหลั่นกำหมัดของเขาแน่นแล้วมองไปรอบๆตัวเขา
เขาเห็นได้ชัดเจนว่าทหารของเขานั้นขาดเสบียงกรังไปได้หลายวันแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาวะขาดแคลนเสบียงไปหลายวัน เห็นได้ชัดว่ากำลังใจของทหารของเขาตอนนี้ถดถอยไปมากเลยทีเดียว
“ท่านนายพล การปกป้ององค์หญิง เป็นเรื่องที่ชนชั้นสูงพึงกระทำ ตราบใดที่องค์หญิงปลอดภัย ความตายของเราก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะหยิบยกมาพูดเลย”
“ถูกแล้วท่านนายพล ยกกองทัพไปกันเถอะ!”
“โปรดให้คำสั่งแก่พวกเราด้วย นายพลฟางหลั่น พวกเราจะสู้จนตัวตาย!”
ทหารทุกคนตอนนี้ต่างเอ่ยออกมาเป็นความเห็นเดียวกัน
พวกเขาถูกปลูกฝังเรื่องความรักชาติมาตั้งแต่เด็ก การเสียเลือดเนื้อเพื่อแก่องค์รัชทายาทนั้นเป็นเรื่องที่สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง
นี้คือทหารเกราะเหล็ก นี้คือพวกที่ไม่กลัวความตาย นี้คือผู้คนที่เปี่ยมไปด้วยรักและศรัทธาอย่างแรงกล้า
ไม่กี่นาทีต่อมา ฟางหลั่นก็คลายหมัดของตน ก่อนที่ออกคำสั่งด้วยนํ้เสียงเย็นเยียบ
“ตั้งกระบวนทัพ รูปแบบป้องกัน เดินหน้าเต็มกำลัง!”
“พวกเราต้องหาองค์หญิงให้พบ!”
“ขอรับท่านนายพล!!”
เมื่อเขาออกคำสั่ง ทหารของเขาก็รับคำสั่งอย่างรวดเร็ว
หน่วยนี้มี 100 กว่าคนก็รีบเดินหายเข้าไปในป่าอย่างไม่รีรอ
ในเวลาเดียวกัน สิบกิโลเมตรห่างจากที่พวกเขากำลังอยู่
มีกลุ่มคนที่สวมชุดนินจาสีเขียว กำลังตรวจสอบพื้นที่รอบๆอยู่
ในทันใดนั้น
“รุ่นพี่โทบิรามะ กลุ่มที่รุ่นพี่ให้ความสนใจตอนนี้กำลังเคลื่อนพลแล้ว”
นินจาคนนึงรีบวิ่งเข้าไปในเต้นท์ก่อนที่จะคุกเข่าเข้ามารายงานอย่างรวดเร็ว
“พวกมันมีสามกลุ่ม กลุ่มไหนละที่เคลื่อนไหว?” โทบิรามะถาม
หนึ่งเดือนที่ผ่านมามีกองทัพไม่ทราบชื่อปรากฎตัวอยู่ในป่า พวกเขาสู้กับนินจาของหมู่บ้านทราย และทหารพวกนี้ก็มีจำนวนมาก สิ่งที่พวกเขาตกใจมากที่สุดก็คือ ทหารพวกนี้ปรากฎตัวราวกับผุดขึ้นมาจากดิน แต่ทว่ากลุ่มคนเหล่านี้ก็อ่อนแอมากเช่นกัน
สงครามได้เกิดขึ้น พวกเขาทำการปะทะเป็นย่อมๆ อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับนินจาจากหมู่บ้านซึนะงากุเระ อีกทั้งทหารพวกนี้ก็ยังบ้าขึ้นไปอีก ทำการโจมตีหมู่บ้านโคโนฮะอีกเช่นกัน พวกนี้ราวกับคนเป็นบ้า โจมตีคนอื่นไปทั่ว
โชคดีนักที่โคโนฮะ และซึนะงากุเระพบว่ากองกำลังนี้ อ่อนแอเป็นอย่างมาก ภายใต้แรงกดดันของสงครามก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย หลังจากการต่อสู้หลายครั้งในสนามพวกเขา กองกำลังที่ไม่ทราบชื่อก็ได้รับความพ่ายแพ้และได้กระจัดกระจายอยู่ในป่า
หลังจากที่พบว่ากองกำลังที่ไม่ทราบชื่อนั้น ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิดว่า โคโนฮะ และซึนะงากุเระจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้เสียเท่าไหร่
“ตะวันตกเฉียงเหนือของป่า ห่างจากเราไปสิบกิโลเมตร”
“กลุ่มคนพวกนี้การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็แปลกๆ ภาษาก็เช่นกัน พวกเขาพูดคนละภาษากับพวกเรา ในอดีตตามบันทึกก็ไม่ได้มีข้อมูลใดๆเลยปรากฎเอาไว้เกี่ยวกับคนเหล่านี้”
นินจาสาวรายงานออกมา
หมู่บ้านโคโนฮะนั้นไม่ชอบที่จะทำสงคราม แต่ว่าในขณะนี้สถานการณ์กับหมู่บ้านต่างๆมันตึงเครียดและอ่อนไหวเป็นอย่างมาก และแน่นอนการหลีกเลี่ยงการทำสงครามเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ
โทบิรามะเดินออกไป
“ส่งทีมนึงออกไปเจรจากับพวกเขาซะ จะดีมากหากได้คุยกับพวกระดับสูงของพวกเขา”
“ถ้าการเจรจาไม่เป็นผลละ”
สายตาของโทบิรามะเย็นเยียบ
“ทำลายมันซะ!”
ในช่วงเวลาสงคราม ไม่มีเวลาให้พวกเขามานั่งลังเล เขาจะปล่อยให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นไม่ได้หากเขาปล่อยกลุ่มที่ไม่ทราบชื่อนี้ออกไปเดินเผ่พ่าน
“รับทราบคะท่าน!” เธอตอบอย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างของเธอจะกระพริบหายไป
ไม่ช้า ก็มีนินจา 4 กลุ่มกำลังยืนอยู่บนกิ่งไม้ ทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ ห่าง 400 เมตร ที่อยู่ใกล้เคียงกับกองกำลังของฟางหลั่น
“ท่านมิเระ กลุ่มพวกนั้นเป็นใครกัน?”
กลุ่มนินจาพวกนี้มีอายุประมาณ 15 ถึง 16 ได้แสดงท่าทีงงงวยออกมา
“ข้าไม่รู้ หากว่าเป็นศัตรูละก็ ก็มีทางเดียว!”
มิเระพูดออกมา
“ถ้างั้นพวกเขาเป็นศัตรูไหม?” นินจาคนนึงถามออกมาอย่างสงสัย
“ตามรายงานแล้ว พวกนี้แหละคือศัตรู”
ทันใดนั้นมิเระยิ้มเยาะออกมาและพูดอย่างดูถูก
“ศัตรูที่แสนจะอ่อนแอ”