ตอนที่ 3 ชายผู้แข็งแกร่ง
บทที่ 3 ชายผู้แข็งแกร่ง
ในโลกนี้ ราชาคือสิ่งมีชีวิตที่พิเศษที่สุด
พวกเขาได้ความแข็งแกร่งจากโลกต่างมิติ เพื่อสร้างอาณาจักรของพวกเขา และเมื่อรวบรวมความแข็งแกร่งจนอาณาจักรรวมเป็นหนึ่ง ราชาก็จะประสบความสำเร็จมากที่สุด แต่กระบวนการนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง หากเขาไม่รู้อะไรเลย ชะตากรรมของฉินยี่ก็จะเหมือนบรรพบุรุษของเขา
ราชาหลายองค์ได้พบจุดจบอันน่าอดสู่ บางคนก็โชคดีพบเจอมิติที่ง่ายที่จะพิชิต หรือเรียกง่ายๆว่าไต่ระดับความยากไปเรื่อยๆก่อนที่จะพิชิตกับโลกอื่นที่แข็งแกร่ง
และราชามากกว่าหนึ่งคน ได้เสียชีวิตก่อนที่จะได้รวมกำลังเสียอีก
ความลำบากในการรวบรวมข้อมูลข่าวสารนั้นยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ลองนึกถึงต้องยกทัพไปที่ๆตนเองไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อยสิ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในแต่ละสถานการณ์แล้วพวกเขาควรทำอย่างไร?
แต่ว่าความลำบากของฉินยี่จะลดลง
เขาสามารถเลือกโลกได้ว่าเขาจะไปยังโลกไหน และข้อมูลจากชีวิตเก่าของเขานั้น จะทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้ทั้งหมด และได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น
เมื่อเทียบกับราชาองค์อื่นๆ ฉินยี่เหมือนจะสบายขึ้นเยอะ
“แต่การสร้างอาณาจักรในโลกนารูโตะ...”
หลังจากที่คิดถึงตรงนี้ใบหน้าของเขาก็เกิดความเคร่งเครียดทันที
เขาหลงระเริงกับความคิดอันตื้นเขินไปชั่วขณะนึง จนลืมไปว่ามันมีความยากลำบากของมันอยู่ แม้ว่าเขาจะคุ้นเคย กับตัวละครในต่างมิติหรือโลกอื่นๆ แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะพิชิตมันได้
ตอนนี้สถาณการณ์ภายในอาณาจักรของเขานั้นเลวร้ายจนไม่รู้จะเลวร้ายได้ถึงไหน แถมอาณาจักรเขานั้นยังใช้แค่อาวุธเย็น ไม่มีอาวุธจำพวกปืนแม้แต่กระบอกเดียว
“อารยธรรมอาณาจักรนี้ล้าหลังมาก!”
ฉินยี่ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ
เขาไม่ใช่เด็กอายุ 17 ทั่วไป เขาต้องพิจารณาสิ่งต่างๆอย่างสมเหตุสมผล เขาทราบว่าการพึ่งพาแค่ความกล้าหาญนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้แก้ไขปัญหาต่างๆได้ โดยเฉพาะโลกนารูโตะนั้น มันเป็นเรื่องที่แทบเป็นไม่ได้เลยที่จะเอาพิชตด้วยมีดและดาบ
จะให้เขาเอามีดกับดาบไปสู้กับพวกนินจาจอมคาถางั้นหรอ?
“แล้วข้อมูลละ เราได้ยินว่ามีคนสามารถนำข้อมูลกลับมาได้”
ทันใดนั้นเสียงก็เกิดความยุ่งเหยิงขึ้นมา
ฉินยี่เงยหน้าขึ้นมาก็พบกลุ่มคนๆนึงที่แต่งกายด้วยผ้าหยาบ ใบหน้าของฉินยี่ก็กลายเป็นเย็นชาขึ้้นมา
ขุนนางพวกนี้เป็นขุนนางกังฉินที่ทำให้อาณาจักรนี้ตกตํ่ามากขึ้นทุกวัน พวกมันเอาแต่ความสบายเข้าตัว มุดหัวอยู่ในกระดอง ฉินยี่เกลียดพวกมันเป็นอย่างมาก
“ฝ่าบาท!?”
เหล่าขุนนางหลายคนที่เห็นพบฉินยี่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นก็รีบมาถวายความเคารพในทันที
“เป็นเรื่องดีที่ไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น ท่านหมอบอกพวกเราว่า ต้องใช้เวลาอีก 2 วันกว่าฝ่าบาทจะตื่น ทำให้พวกเราตื่นตระหนกมากเลยพะยะค่ะ”
“ช่างน่ายินดีปรีดานักที่ฝ่าบาทตื่นขึ้นมาแล้ว”
เมื่อพบเจอฉินยี่ที่กำลังยืนอยู่แล้วเหล่า ขุนนางก็ปรายตามองมายังเขาทันที
ฉินยี่รู้ว่าพวกขุนนางคดโกงเหล่านี้ ไร้ประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง พวกมันทำอะไรไม่เป็นนอกจากประจบประแจง ราชาผู้ล่วงลับได้สาปแช่งเจ้าพวกขุนนางคดโกงทั้งหลาย แถมยังส่งต่อความเกลียดเชียงมาสู่ฉินยี่ นอกจากนี้ ไอ้พวกนี้แหละที่ออกเสียงให้ไปยังโลกนารูโตะ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกขุนนางเหล่านี้หวาดกลัวที่ฉินยี่จะพาพวกมันไปยังมิติอื่นอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ตื่นขึ้นมา
เอาจริงดิ?
“ฝ่าบาท ถ้าท่านฟื้นแล้วพร้อมที่จะทรงงานบางอย่าง ตราบใดที่ท่านอยู่อาณาจักรของเราก็จะไม่ล่มสลาย”
“ฝ่าบาท ถ้าท่านมัวแต่ไปยังมิติอื่น อาณาจักรของเรารั้งแต่จะล่มสลายเร็วขึ้น!”
“เราสามารถจัดกองทัพนักรบได้อีกครั้ง ถ้าพวกเราทำสำเร็จ อาณาจักรนี้ก็จะมีความหวังแล้ว”
เมื่อฟังเสียงนกเสียงกาของเหล่าขุนนาง ฉินยี่ก็ยิ้มออกมา
“ข้ามีความคิดของข้าน่า”
หลังจากนั้นฉินยี่ก็เดินหันหลังให้แก่ฝูงชน
เหล่าขุนนางตะลึงงัน ก่อนที่จะตระหนักได้ว่า ราชาของพวกตนหลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้ว ราวกับไม่ใช่คนๆเดียวกัน นี้ใช่ราชาจริงๆงั้นหรือ?
ฉินยี่ปลีกตัวออกมาเพราะเขาไม่ชอบใจ
ไอ้พวกขุนนางคดโกงมันก็แค่สวะเท่านั้น....
พวกมันต่างไร้สมองอย่างสิ้นเชิง บรรพบุรุษของเขาไม่ทราบเรื่องพวกนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าการเข้าสู่โลกนารูโตะนั้น หมายถึงความตาย แล้วพวกนี้ต้องการให้ฉินยี่ตายในโลกนารูโตะโดยการสนับสนุนให้เขาไป แม้แต่น้องสาวของเขาที่กำลังต่อสู้อยู่โลกอื่นก็ต้องประสบชะตาเดียวกันกับเขา
“ไอ้พวกขุนนางโง่นั้นคงไม่คาดคิดว่าเราจะไปในโลกนารูโตะในอีกไม่ช้า”
ฉินยี่รู้สึกไม่ดี
เขารู้ดีว่าต่อนนี้ไม่เหลือเวลาให้เขามาโอ้เอ้แล้ว แต่ถ้าเขารีบเร่งเกินไป ชะตาของเขาจะต้องเหมือนบรรพบุรุษของเขาอย่างแน่นอน
“ฉันสามารถใช้ใครได้บ้าง”
เขาไม่เคยสร้างประเทศหรือาณาจักรมาก่อน เขาเป็นคนที่พึ่งมาถึงโลกใบนี้ เขาไม่รู้วิธีการปกครองใดๆเลย แต่ไม่มีทางที่เขาจะยอมแพ้ในขณะนี้
มันยากที่จะทำใจได้ แต่ทันใดนั้นแสงในตาของฉินยี่ก็สว่างขึ้น
“จริงดิ!?”
“นี้มันเป็นเขาจริงๆ!?”
“ราชารุ่นก่อนช่างไร้ผิดชอบจริงๆ ทิ้งไว้ให้เขามาแก้ปัญหาพวกนี้”
ริมฝีปากของฉินยี่โค้งด้วยความพึ่งพอใจ
เขาจำได้แค่ ก่อนที่บิดาของเขาจะล่วงลับไปนั้น เขาได้ทิ้งคนๆนึงไว้ให้เขา แล้วบอกว่าให้เขาดูแลให้ดี แต่ในตอนที่เขา อายุ 17 บิดาก็ได้สิ้นพระชมน์ลงไป จากความไม่เข้าใจของพลังของบุคคลนั้น ทำให้เขาถูกลืมไปในที่สุด
แต่ฉินยี่นั้นแตกต่าง เขามีข้อมูลที่ทรงพลัง!
เมื่อเดินไปตามท้องตลาดฉินยี่ก็เริ่มหนักใจขึ้นเรื่อยๆ
ผังเมืองเละเทะ ไม่มีใครอยากมาทำการค้าขายตรงนี้ ไม่มีคนทำงาน มีแต่ผู้คนที่หิวโหยทุกหนแห่ง หน้าตาของพวกเราสิ้นหวังราวกับว่ากำลังรอความตายอยู่
เมื่อฉินยี่เดินผ่าน พวกเขาถึงมีปฎิกิริยาแห่งความหวังต่างหมอบกราบให้ความเคารพแก่เขา
ตอนนั้นฉินยี่พบกับความเคารพและความหวังในสายตาของประชาชนของเขา
ร่างกายของฉินยี่สั่นเทิ้ม เมื่อมองตาของพวกเขา ทำให้ฉินยี่เข้าใจความหมายของการเป็นราชา
เขาต้องรับผิดชอบชีวิตที่เหลือของเหล่าผู้คนของเขาให้ดีที่สุด
“บางทีถ้าหากบรรพบุรษมามองตาพวกเขา พวกเขาคงจะต้องละอายใจในตนเองแน่”
เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตนับแสนตรงนี้ ชีวิตของเขาจะมีค่าอะไร?
ปกป้องพวกเขา ดูแลพวกเขา ทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น นี้คือหน้าที่ของราชา!
ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความเร็วในการเดินของเขาอีกด้วย
ความยากง่ายจะขึ้นกับคนที่เขาจะไปหานี้แหละ!!