ตอนที่ 255 การต่อสู้ระหว่างผู้อยู่เหนือขอบเขต (ฟรี)
ทันใดนั้นเองในมือของหยินหลอก็มีหอกยาวสีทองปรากฏขึ้นมาแล้วกวาดปัดลูกศรของม่อเนี่ยนได้อย่างทันควัน เมื่อลูกศรและหอกยาวปะทะกันอย่างรุนแรงก็ได้เกิดเป็นขุมพลังอันมหาศาลแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศจนพื้นดินโดยรอบเกิดการสั่นไหวไปมาอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งยังแตกระแหงออกเป็นใยแมงมุมขนาดใหญ่
“ยอดมาก ไม่ทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังที่ดั้นด้นมาไกลเสียจริง ฮาฮา เปลี่ยนสนามต่อสู้กันเถิด ที่นี่คับแคบจนเกินไป” ม่อเนี่ยนก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าวพลันเงาร่างก็ได้ไปปรากฏที่บริเวณห่างไกลออกไปสิบลี้ และเพียงสามก้าวก็ออกไปอีกร้อยลี้จนผู้คนที่มองอยู่ถึงกับปากอ้าตาค้างไปตามๆ กัน
หยินหลอส่งเสียงชิขึ้นมาอย่างเย็นชาแล้วรีบขยับฝีเท้ามุ่งหน้าตามม่อเนี่ยนไปในทันที หอกยาวสีทองแฝงด้วยรังสีสังหารอันแรงกล้าที่สามารถทลายได้ทั้งผืนฟ้าในพริบตาเดียว
สายธนูถูกง้างออกติดต่อกันจนเกิดประกายแสงอันคมกล้าแหวกอากาศออกไปหาหยินหลอถึงสามครั้ง ทั้งยังปิดล้อมทุกเส้นทางการหลบหนี เส้นผมของหยินหลอลอยระบำไปมาพร้อมกับแทงหอกยาวในมือออกไปสะบัดทุกคมศรจนมลายหายไปในทันที
“ตูม ตูม ตูม”
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวผู้คนทั้งหมดรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันมหาศาล
“แข็งแกร่งมาก!”
แม้แต่หลงเฉินที่อยู่ห่างหลายร้อยลี้ก็ยังตื่นตกใจ พลังการต่อสู้ของม่อเนี่ยนและหยินหลอเรียกได้ว่าอยู่ห่างชั้นจากเขาไปมากจนไม่อาจเอื้อมถึง นี่คือพลังอันมหาศาลของผู้มีพรสวรรค์ประหลาดอย่างนั้นหรือ?
“ฆ่าพวกมันให้สิ้นซาก”
หลังจากที่ม่อเนี่ยนและหยินหลอปลีกตัวออกไปแล้ว อาวุธมากมายก็ได้ปะทะกันอย่างดุเดือดจนกลายเป็นขุมพลังที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วผืนฟ้า ศิษย์ฝ่ายอธรรมนับไม่ถ้วนบุกเข้าจู่โจมหลงเฉินและศิษย์ฝ่ายธรรมะอย่างบ้าคลั่ง และเป้าหมายที่สำคัญที่สุดก็คือการสังหารหลงเฉินโดยเร็วที่สุด
ชายหนุ่มที่มีใบหน้าซีดเผือดและมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับผีดิบผู้หนึ่งพุ่งทะยานร่างเข้าไปหาหลงเฉินพร้อมกับกวาดกรงเล็บอันแหลมคมออกไปจนเกิดเสียงตัดผ่านห้วงอากาศ ด้วยความรวดเร็วและหนักหน่วงนั้นคล้ายกับว่าหมายที่จะฉีกเนื้อหนังของหลงเฉินออกเป็นชิ้นๆ ในทันทีอย่างไรอย่างนั้น
บริเวณใจกลางฝ่ามือทั้งสองของชายหนุ่มมีอักขระสีโลหิตที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอย่างเข้มข้น บรรยากาศบนร่าปกคลุมไปด้วยพลังกดดันที่แผ่ซ่านออกไปทั่วทุกสารทิศจนทำให้ผู้คนทั้งหลายเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาไม่หยุด
“เจ้าหนูก่อโลหิต จงตายไปซะ”
ชายหนุ่มผู้นั้นตะโกนเสียงดังกังวานแล้วมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของหลงเฉินพอดี หลงเฉินจ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยจิตใจที่ไม่อาจหลงระเริงจนเกินไปพร้อมกับไหลเวียนพลังทั้งหมดขึ้นมา ดาบยาวในมือถูกกวาดออกไปต้านทานกับกรงเล็บของชายหนุ่มฝ่ายอธรรมเอาไว้อย่างรีบร้อน
“ตูม”
คมดาบและกรงเล็บอันแข็งแกร่งปะทะกันจนเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาเป็นสาย ทว่าหลงเฉินกลังต้องแตกตื่นเป็นอย่างยิ่งนั่นก็คือดาบยาวในมือของเขาได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยพลังสภาวะอันมหาศาลจึงถูกซัดจนลอยกระเด็นออกไปไกล
ทว่าชายหนุ่มฝ่ายอธรรมก็ได้ทอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน เขาเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยที่อยู่ในขอบเขตก่อโลหิตผู้หนึ่งจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ ถึงกับสามารถรับกระบวนท่าที่เขาได้ใช้พลังทั้งหมดโจมตีออกไป ทั้งยังเป็นพลังอันมหาศาลของผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรม นอกเสียจากหยินหลอแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถรับกระบวนท่าของเขาได้อีกแล้ว
หรือต่อให้เป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลายก็ยังถูกสังหารได้ในพริบตาเดียว เมื่อเห็นว่าหลงเฉินสามารถรับกระบวนท่าของเขาได้โดยที่ไม่ได้รับการบาดเจ็บใดใดเลยจึงทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“จงตายไปในกระบวนท่าที่สองซะ!”
ชายหนุ่มฝ่ายอธรรมแผดเสียงร้องขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราดแล้วระเบิดพลังทั่วทั้งร่างกายออกมาไม่หยุดจนบรรยากาศโดยรอบเกิดเป็นหมอกโลหิตอันเย็นเยียบขึ้นมาเป็นสาย
ทันทีที่หมอกโลหิตแผ่ซ่านไปทั่วทั้งบริเวณ หลงเฉินก็รู้สึกได้ว่าภายในโสตประสาทของเขาราวกับมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาไม่หยุด
นี่ก็คือความน่ากลัวของเคล็ดวิชามารนั่นเอง ไม่เพียงแต่มีพลังการต่อสู้ที่น่าเกรงขามเท่านั้น ทว่ายังมีรูปแบบการโจมตีเข้าไปในจิตใจของผู้คนได้อีกด้วย หากคนผู้นั้นมีความแน่วแน่ในจิตใจไม่เพียงพอก็อาจจะทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาจนเสียสติสัมปชัญญะไปในที่สุดก็ว่าได้
ทว่าความแน่วแน่ภายในจิตใจของหลงเฉินนั้นมั่นคงมากถึงเพียงใดนั้น ต่อให้เป็นคนหูหนวกหรือตาบอดก็ยังสัมผัสได้ และแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับพลังทำลายแห่งนรกและสวรรค์ก็ยังไม่อาจสั่นคลอนความแน่วแน่ของเขาได้เลย เช่นนั้นจึงไม่ต้องเอ่ยถึงความหวาดกลัวกับหลงเฉิน
“หนามไม้ศิลา”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเจื้อยแจ้วก็ดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับมีหนามไม้หลายร้อยสายผุดขึ้นมาจากผืนดินอย่างกะทันหัน ทั้งยังพุ่งเข้าทิ่มแทงชายหนุ่มฝ่ายอธรรมไม่หยุด
ชายหนุ่มผู้นั้นเกิดอาการตกใจแล้วรีบกวาดกรงเล็บออกไปอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าหนามไม้นับร้อยสายจะแข็งและเหนียวเป็นอย่างยิ่ง ทว่ากลับแหลกละเอียดอยู่ในกำมือของชายหนุ่มผู้นั้นไปในทันที
แต่ถึงอย่างไรก็ตามหนามไม้เหล่านั้นก็มีมากจนเกินไปจนเขาไม่อาจปัดป้องได้หมดทุกสายจึงถูกปลายแหลมสายหนึ่งแทงเข้าไปที่ร่างกายอย่างรุนแรง จากนั้นหนามไม้เหล่านั้นก็แปรสภาพคล้ายกับเป็นแหจับปลาขนาดใหญ่เข้าปกคลุมทั่วบริเวณนั้นจนชายหนุ่มฝ่ายอธรรมไม่อาจจะหลบหนีได้
“หาที่ตาย”
ชายหนุ่มผู้นั้นระเบิดโทสะขึ้นมายกใหญ่พร้อมกับตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ใบหน้าของเขาในตอนนี้แทบจะไม่ต่างไปจากมารร้ายตนหนึ่งเลยก็ว่าได้ อีกทั้งทั่วทั้งร่างกายยังเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ายกับถูกชโลมด้วยโลหิตสดใหม่ของผู้คน บรรยากาศโดยรอบเกิดเป็นพลังสภาวะอันน่าหวาดกลัวปะทุขึ้นมาไม่หยุด
“ตูม”
หนามไม้มากมายถูกทำลายไปในพริบตาเดียว เศษไม้และฝุ่นละอองคละคลุ้งไปทั่วทั่วผืนฟ้า เรียกได้ว่าเป็นพลังทำลายที่รุนแรงอย่างถึงที่สุด แม้แต่ศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ก็แทบจะไม่มีบุคคลเช่นนี้ปรากฏตัวมาก่อน ช่างเป็นพลังสภาวะที่ยากจะเอาชนะได้เลยก็ว่าได้
ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่เกรงกลัวต่อความตาย ทว่าหากต้องมาเผชิญหน้ากับบุคคลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ย่อมต้องเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาภายในจิตใจอย่างไม่เสื่อมคลาย
“หลงเฉิน ให้ข้าจัดการคนผู้นี้เองเถิด”
ฉู่เหยาหันมายิ้มแล้วบอกกล่าวต่อหลงเฉินด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น จากนั้นก็หันไปผนึกพลังบางอย่างเอาไว้บนหน้าอกจนเกิดเป็นตราสัญลักษณ์ประหลาด
“หมื่นบุบผาแห่งการกำเนิด”
ฉู่เหยาแผดเสียงสูงดังขึ้นมาเป็นสายแล้วใต้ผืนดินโดยรอบหลายสิบลี้ก็แตกระเบิดออกจนเผยให้เห็นแท่งไม้นับไม่ถ้วนพุ่งทะยานขึ้นมาประดุจดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานพุ่งเข้าหาชายหนุ่มฝ่ายอธรรมผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มฝ่ายอธรรมทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ดวงตาจ้องมองไปยังแท่งไม้เหล่านั้นด้วยความไม่เชื่อสายตา ช่างเป็นการจู่โจมที่รวดเร็วยิ่งนัก พลันก็รีบขยับร่างหลบหลีกการโจมตีอันบ้าคลั่งเหล่านั้นพัลวัน หากหลบไม่พ้นก็มีแต่จะต้องเอาชีวิตเข้าแลกด้วยการเข้าประชิดแล้วทำลายแท่งไม้เหล่านั้นให้เร็วที่สุด
ทว่าเขาได้ออกกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปแล้วเมื่อครั้งก่อนจึงไม่อาจปลดปล่อยออกมาได้อีกครั้ง เพราะเกรงว่าหากพลังที่มีเหลือถูกลดทอนลงไปก็คงจะใช้ได้เพียงไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น
หากคิดจะประลองกับยอดฝีมือธาตุไม้แล้วจะต้องใช้ความอดทนและยืดหยัดให้นานที่สุด ไม่เช่นนั้นจะเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ เพราะยอดฝีมือธาตุไม้ตามปกติแล้วจะมีพลังแห่งแผ่นดินค่อยหนุนเสริมอยู่ หรือเรียกว่ามีพลังอันมหาศาลที่ไม่จำกัดนั่นเอง ทว่าพลังการโจมตีโดยรวมกลับไม่ได้หนักหน่วงหรือรุนแรงมากนัก
ทว่าฉู่เหยากลับเป็นยอดฝีมือที่มีพลังแห่งธาตุไม้จัดอยู่ในระดับสูงซึ่งพบได้ยาก ทั้งยังเป็นพลังจากต้นกำหนดที่แท้จริงอยู่ส่วนหนึ่งด้วยจึงสามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่งอย่าง ต่อให้แข็งกว่าศิลาผาหรือขุนเขาก็ไม่หวั่น
ด้วยเหตุนี้นางจึงได้กราบท่านเจ้าสำนักแห่งตำหนักป่าสวรรค์เป็นอาจารย์ในทันทีที่เข้าไปถึงสำนัก ที่ทำให้ผู้คนแตกตื่นตกใจอย่างถึงที่สุดคงจะเป็นเพราะว่าเจ้าสำนักแห่งตำหนักป่าสวรรค์นั้นเป็นบุคคลที่มีความหยิ่งทระนงตนอย่างถึงที่สุดจึงไม่เคยรับผู้ใดเป็นศิษย์มาก่อน ฉู่เหยาจึงเป็นศิษย์คนแรกของเขาเลยก็ว่าได้
หลังจากที่ท่านเจ้าสำนักได้รับฉู่เหยาเป็นศิษย์แล้วก็ได้สั่งสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองได้ศึกษามาตลอดชีวิตให้ฉู่เหยาได้เรียนรู้ และด้วยความมุ่งมั่นของฉู่เหยาที่อยากจะเป็นฝ่ายปกป้องหลงเฉินบ้างจึงได้ฝึกยุทธ์อย่างไม่คิดชีวิตจนเกิดเป็นพลังการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวดังเช่นที่ประจักษ์อยู่แก่สายตาในตอนนี้
เศษไม้ปลิวว่อนไปทั่วทั้งผืนฟ้าราวกับเป็นแมลงฝูงใหญ่กำลังบินโฉบไปมาอย่างบ้าคลั่งจนถู่ฟางและเหล่าผู้อาวุโสมากมายทอสีหน้าปากอ้าตาค้างขึ้นมา คงจะมีเพียงฮวายวี่เท่านั้นที่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ ว่า “เหอะเหอะ นังหนู ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว สมกับเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตแห่งตำหนักป่าสวรรค์ของพวกเราเสียจริง”
ชายหนุ่มฝ่ายอธรรมผู้นั้นก็เป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตเช่นเดียวกับฉู่เหยา ทว่าเมื่อต้องมาอยู่ภายใต้การคุมคามของเหล่าหนามไม้แล้วก็ทำได้แค่เพียงเป็นฝ่ายตั้งรับเท่านั้น นอกจากนี้การโจมตีของฉู่เหยาก็เรียกได้ว่าปกคลุมอาณาเขตที่กว้างขวางจนเกินไปจนคนผู้นั้นไม่อาจทำลายหนามไม่เหล่านั้นได้ทัน เพียงแค่พริบตาเดียวก็ถูกปิดล้อมเอาไว้จนไม่อาจหลบหนีได้อีกแล้ว
บริเวณใจกลางของค่ายกลพฤกษชาติมีเงาร่างยืนเด่นประดุจเสาหลัก หนามไม้ที่รายล้อมอยู่โดยรอบต่างก็เป็นเสมือนจิตสำนึกของฉู่เหยาหรือเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของนางเลยก็ว่าได้
ชายหนุ่มฝ่ายอธรรมทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาเรื่อยๆ จนใบหน้าที่คล้ายกับผีดิบยิ่งเหมือนกับผีดิบมากขึ้นไปอีก เพราะในขณะนี้เขาได้ถูกขังอยู่ในค่ายกลพฤกษชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คงจะต้องอยู่ในสนามรบแห่งนี้ไปอีกเนิ่นนานอย่างไม่มีวันจบสิ้นแน่นอน ด้วยพลังแห่งธาตุไม่อันแกร่งกล้าเช่นนั้นย่อมต้องถูกจัดการอยู่ฝ่ายเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายหนุ่มจึงกวาดกรงเล็บไปยังม่านหนามไม้เหล่านั้นด้วยความเกรี้ยวกราด ภายจิตใจก็ทราบดีว่าฉู่เหยาจะต้องใช้พลังที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาแล้ว ขอเพียงจัดการกับหนามไม้เหล่านี้แล้วเข้าประชิดฉู่เหยาได้ก็จะถือว่าเป็นปิดฉากการต่อสู้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทว่านั่นก็เป็นเพียงแผนการที่วางเอาไว้เท่านั้น เพราะในขณะนี้เขายังไม่อาจฝ่าม่านหนามไม้เหล่านี้ไปได้เลยแม้แต่น้อยจนอดไม่ได้ที่จะมีโทสะขึ้นมาแล้วตะโกนเสียงดังว่า “มาช่วยข้าสังหารสตรีนางนี้เร็วเข้า!”
แม้เสียงของเขาจะดังกึกก้องไปทั่วทั้งขุนเขา ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะศิษย์ฝ่ายอธรรมทั้งหมดได้มุ่งหน้าบุกไปหาฝ่ายธรรมะจนหมดสิ้นแล้ว
ทว่าทันใดนั้นเองก็มีขวานยักษ์ขนาดใหญ่ด้ามหนึ่งของผู้อยู่เหนือขอบเขตฝ่ายอธรรมกำลังพุ่งแหวกอากาศเข้ามาช่วย ในขณะที่ขวานด้ามนั้นกำลังลอยเข้ามาก็ได้ถูกเขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมากระแทกเข้าไปอย่างรุนแรง
“ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตายคามือเอง”
อาหมานที่เคยเห็นเด็กน้อยผู้โง่งมกลับรู้จักเรียนรู้และเฉลียวฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว การท้าทายศัตรูในครั้งนี้จึงไม่ต้องให้หลงเฉินเอ่ยปากบอกเลยแม้แต่น้อยก็สามารถค้นหาเป้าหมายด้วยตัวเอง
เพราะผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมผู้นั้นมีร่างกายกำยำ กล้ามเนื้อปูดโปนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ทั้งยังถือขวานยักษ์อยู่ในมือ ดูไปแล้วช่างเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยพลังกายที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นอาหมานจึงนึกคิดไปว่าคนผู้นี้จะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขาในสนามรบแห่งนี้แน่นอน
ยอดฝีมือผู้ถือขวานจึงแผดเสียงคำรามขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราดพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาอาหมานอย่างไม่คิดชีวิต
“ตูม”
ไม่เพียงแค่ผู้คนในสนามรบแห่งนั้นที่หันกลับมามองด้วยความตกใจ เพราะแม้แต่ยอดฝีมือระดับผู้อาวุโสของฝ่ายธรรมะและอธรรมยังต้องทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง พวกเขาต่างก็สัมผัสได้ถึงความรุนแรงของขุมพลังของศิษย์ทั้งสองคนจนศิลารอบข้างสั่นไหวไปมาไม่หยุด
“นั่นคือเจ้าหนูผู้โง่งมในครั้งที่ยังอยู่จักรวรรดิเฟิงหมิงใช่หรือไม่?” ฮวายวี่ถามหยั่งเชิงขึ้นมาด้วยความลังเลอย่างถึงที่สุด
“ถูกต้อง เป็นเด็กน้อยผู้นั้น” ถู่ฟางพยายามข่มความลิงโลดภายในจิตใจเอาไว้ ช่างสมกับเป็นศิษย์ของชางหมิงจริงๆ เป็นพลังสภาวะที่น่าหวาดกลัวจนราวกับเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น
เหล่าศิษย์พี่ที่เป็นผู้คุมกฎของหมู่ตึกพลิกสวรรค์เองก็ได้จ้องมองไปทางอาหมานที่กำลังร่ายรำเขี้ยวหมาป่าขนาดใหญ่อย่างสง่างามด้วยจิตใจที่เต้นระรัวจนแทบจะบ้าคลั่งขึ้นมา เหล่าศิษย์น้องในปีนี้ช่างมีพลังการต่อสู้ที่สูงล้ำเกินไปแล้ว เพิ่งจะเข้ามาอยู่ในสำนักได้ไม่ถึงครึ่งปีก็อยู่เหนือพวกเขาไปแล้ว
“สนุกมาก!”
อาหมานฟาดเขี้ยวหมาป่าออกไปแล้วตะโกนเสียงดังด้วยความฮึกเหิม นอกจากชางหมิงแล้วก็ไม่เคยได้ใช้พลังทั้งหมดในการต่อสู้กับผู้ใดมาก่อนเลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงเกิดความยินดีขึ้นมาเป็นสาย
“นี่ไม่ใช่การละเล่นนะอาหมาน รีบทุบเขาให้ตายได้แล้ว” หลงเฉินกล่าวตักเตือนด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ได้เลยพี่หลง” อาหมานรีบตอบกลับไปด้วยใบหน้าใสซื่อ
การสนทนาของหลงเฉินและอาหมานทำให้ยอดฝีมือผู้ถือขวานเกิดโทสะขึ้นมาอย่างเดือดดาล คำพูดเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการดูแคลนผู้คนมากจนเกินจะให้อภัยแล้ว
“ไปตายซะ พลังเกล็ดสีทอง”
ยอดฝีมือผู้ถือขวานแผดเสียงคำรามขึ้นมา ทั่วทั้งร่างมีเกล็ดสีทองงอกเงยขึ้นมาชั้นหนึ่ง ดวงตาข้างหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นแนวตั้งคล้ายกับเป็นดวงตาของอสรพิษร้ายตัวหนึ่ง
“ตาย”
ขวานยักษ์ของผู้อยู่เหนือขอบเขตฝ่ายอธรรมแหวกม่านอากาศไปทางอาหมานจนบรรยากาศเกิดการบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
.
ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา <<< (ถึงตอนที่ 762 แล้วครับ)