ตอนที่ 10 นินจาอัจฉริยะ
ตอนที่ 10 นินจาอัจฉริยะ
“เซนจู ฮาราชิมะ?” ฉินยี่ถึงกับเสียศูนย์
ชื่อนี้เขารู้จักเป็นอย่างดี แต่มันก็ทำให้เข้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่า เขามาอยู่ในยุคในตำนานของเซนจู ฮาราชิมะ
“ถ้ามี เซนจู ฮาราชิมะ ก็ต้องมี อุจิวะ มาดาระอยู่ด้วยสิ”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี้จะเป็นก่อนมหาสงครามนินจาครั้งแรก ความขัดแย้งระหว่างหมู่บ้านโคโนฮะกับหมู่บ้านซึนะงากุเระเป็นเพียงสะเก็ดไฟก่อนที่จะเกิดเป็นสงคราม
ฉินยี่สามารถปรับตัวเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
ฉินยี่รู้สึกดีใจและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับมหาสงครามครั้งใหญ่แล้ว ตอนนี้ถือเป็นยุคที่ค่อนข้างสงบสุขเป็นอย่างมาก
ในยุคของการก่อตั้งโคโนฮะนั้น เป็นต้นกำเนิดของตระกูลอุจิวะ อุจิวะ มาดาระ และสถานการณ์ของหมู่บ้านต่างๆยังไม่ตึงเครียดเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามขึ้นมาระหว่างนินจาด้วยกัน
หลังจากที่พูดคุยกับนายพลฟางหลั่น ฉินยี่ก็เข้าใจสถานการณ์มากยิ่งขึ้น
พวกเขาถูกส่งมายังป่าในตอนที่สงครามระหว่างโคโนฮะและซึนะงากุเระได้เริ่มขึ้น บรรพบุรุษของเขาโง่เขลามากและกระโจนเข้าสู่สนามรบในทันที นี้ไม่ต่างอะไรกับการโยนก้อนหินใส่เท้าของตนเองเลย
การต่อสู้ของสองหมู่บ้านทำให้เขาเข้าใจพลังมากยิ่งขึ้น
เป็นไปได้ว่า โคโนฮะและซึนะงากุเระไม่ได้เห็นกองกำลังของเขาอยู่ในสายตา
“เยี่ยม เท่านี้ความเสี่ยงก็ลดลงแล้ว”
ฉินยี่รู้สึกผ่อนคลาย แต่เขาก็รู้สึกเคร่งเครียดเช่นกัน
“ฝ่าบาท ตอนนี้ความสำคัญของเราตอนนี้คือการตามหาองค์หญิงขอรับ”
ฟางหลั่นพูด
“ชี่เหยามีกำลังคนมากเท่าไหร่?”
ฉินยี่ถามออกมา
“หลังจากที่พี่น้องของเรากระจัดกระจาย ข้าคาดว่าน่าจะมี 5 ถึง 6 พันคนที่อยู่กับองค์หญิงขอรับ” ฟางหลั่นกล่าวตอบ
ฉินยี่พยักหน้า 5-6 พันคนก็ไม่ได้ใหญ่ ไม่ได้เล็กเท่าไหร่นัก
ในอาณาจักรของเขามีกำลังทหารถึง 10,000 คน
หลังจากที่ปรึกษากันมาสักระยะแล้ว
“โอ้!?”
ครึ่งชั่วโมงถัดมา แกนดัล์ฟได้กลับมาพร้อมกับนกยักษ์ของเขา
“มีอะไรหรือ แกนดัล์ฟ?”
ฉินยี่ถามอย่างรวดเร็ว
“ยังมีกองกำลังของเราที่กระจัดกระจายห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร”
หลังจากที่ฉินยี่พบตัวของฟางหลั่นแล้ว เขาก็รีบร่อนตัวลงมาก่อนในคราแรก หลังจากที่ไม่พบปัญหาใดๆ เขาก็ไหว้วานให้แกนดัล์ฟไปหากองกำลังที่กระจัดกระจายของเขา
“ฟางหลั่น ส่งทหารไปนำพี่น้องของพวกเรากลับมา” ฉินยี่สั่ง
คำสั่งได้ถูกถ่ายทอดออกไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านรู้สึกเช่นไรหลังจากที่ต่อสู้กับคนในโลกนี้?” แกนดัล์ฟถามในขณะที่พวกเขาเดินไปด้วยกัน
“นินจาที่มีชื่อว่ามิเระแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ช่องหว่างระหว่างข้ากับเธอนั้นใหญ่โตมาก หากข้าไม่ได้พลังแห่งราชาแล้ว เกรงว่าจะทำให้เธอล่าถอยไปไม่ได้”
“ถึงจะเพียงครู่เดียว แต่มันก็เผาผลาญจักระไปจำนวนมาก” ฉินยี่กล่าว
อย่างที่เขาพูด ในขณะที่เขาขี่นกยักษ์เขาก็มีความคิดนึงแว่บเข้ามาในหัว
พลังของราชานั้นสามารถผสานกับพลังทุกชนิดได้อย่างลงตัว หากเขานำคาถาไฟและคาถาลมเข้ามาผนวกด้วยกันแล้ว นี้จะไม่ต่างอะไรกับการสร้างพลังของขีเจำกัดทางสายเลือดขึ้นมาใหม่เลยหรือ?
ในการปะทะกับมิเระเมื่อครู่ เขาพยายามเป็นอย่างมากและนึกไม่ถึงว่าเขาจะประสบความสำเร็จ การรวมคาถาเข้าด้วยกันไม่เพียงแต่จะลำบาก แถมยังบริโภคจักรไปเป็นจำนวนมาก
ข้อเสียของมันใหญ่มาก
แต่นี้ยังทำให้เขาเห็นถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของราชามากยิ่งขึ้น แถมเขายังมีความคิดอันหลากหลายอีกด้วย
ในฐานะคนนอกนั้น เขานั้นคุ้นเคยกับโลกนารูโตะและรู้จักมากกว่าใครๆเสียอีก
“อืม..เช่นนั้นพลังในโลกแห่งนี้ก็คุ้มค่าที่จะฝึกฝน”
แกนดัล์ฟพยักหน้า
“แกนดัล์ฟ ข้าจะมอบวิธีฝึกวิชาพวกนี้ให้แก่ท่าน ท่านจงนำมันไปสอนแก่นทหารของอาณาจักรให้เร็วที่สุด” ฉินยี่กล่าวออกมา
เพียงแค่ดาบเหล็ก ไม่สามารถเอาตัวรอดภายในโลกอันโหดร้ายนี้หรอก
“ทราบแล้วฝ่าบาท ข้าเองก็สนใจพลังนี้อยู่เช่นกัน” แกนดัล์ฟพยักหน้า
หลังจากนั้นฉินยี่ได้ส่งต่อวิชาการฝึกนินจาให้แก่แกนดัลฟ์ รวมไปถึงด้านภาษาให้แก่ทุกคนในอาณาจักร แน่นอนเขาใช้รวมกับพลังแห่งราชาด้วย
ในฐานะราชานั้น สามารถส่งต่อความสามารถพื้นฐานให้แก่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจของเขาได้ นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของพลังแห่งราชา
แต่เขาก็ยังเสียใจที่อาณาจักรนั้นยังอ่อนแอ เขาจึงไม่สามารถใช้พลังแห่งราชาได้เต็มที่ แต่ว่าพลังแค่นี้ก็สามารถใช้พลังแห่งราชาส่งต่อความรู้ความสามารถให้แก่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจของเขาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ในขณะเดียวกัน มิเระได้มาถึงหมู่บ้านโคโนฮะ
“พวกเราได้ทำการติดต่อกับกองกำลังแปลกประหลาดนั้นแล้ว” เธอรายงาน
“รอบนี้เราสามารถทำการติดต่อได้ลุล่วง”
“จริงรึ แล้วพวกเขาว่ายังไงละ?”
โทบิรามะถามออกมา
“พวกเขาควรจะเป็นกองกำลังของแคว้นที่อยู่ใกล้เคียงเรา แต่ด้วยกำแพงของภาษา ทำให้เราไม่สามารถเข้าใจพวกเขาได้”
มิเระรายงานต่อ
“ข้าเข้าใจแล้ว” โทบิรามะพยักหน้า
“อีกอย่าง ยังมีนินจาอยู่ในหมู่พวกเขาด้วย” มิเระเหมือนจะลังเลที่จะรายงานเรื่องนี้
“กี่คน?” โทบิรามะสงสัย
“ชายคนนึงที่สามารถพัฒนาคาถาไฟและลมเข้ามารวมด้วยกันก่อให้เกิดคาถาใหม่ขึ้นมา คาดว่าจะเป็นขีดจำกัดทางสายเลือด” มิเระรีบรายงาน
ด้วยความสามารถนี้ ทำให้มิเระตัดสินใจล่าถอยออกมา เธอไม่แน่ใจว่าจะมีนินจาที่ซ่อนตัวอีกกี่คน มันเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะสร้างมิตรดีกว่าสร้างศัตรู ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสงคราม จะเป็นการดีที่มิเระจะไม่หาเรื่องใส่ตัว เพราะมันจะเป็นการสร้างปัญหาให้แก่โคโนฮะเช่นกัน
“หืม รวมคาถาเข้าด้วยกัน พลังของสายเลือด อัจฉริยะจริงๆ” หลังจากที่ใช้ความคิด โทบิรามะได้กล่าวออกมา
“หากเป็นไปได้ให้เชิญชายคนนี้เพื่อมาพูดคุยปรับความเข้าใจ แล้วก็บอกให้คนของเราอย่าไปปะทะกับคนกลุ่มนี้หากเป็นไปได้”
“หากว่าไม่ใช่ศัตรู การฆ่าก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลย”
“หากน้องชายชั้นรู้มันจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” โทบิรามะส่ายหัว เขาปวดหัวทุกครั้งเมื่อนึกถึงน้องชาย
“ค่ะ รุ่นพี่!”
มิเระตอบอย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างของเธอจะวับหายไป
“แคว้นที่ไม่รู้จักและมีสามารถคิดค้นคาถาใหม่ได้ นี้มันน่าสนใจแฮะ” โทบิรามะพึมพัม เขารู้สึกสนใจในชายผู้นั้นมาก
เขาคิดไตรตรองอยู่ครู่นึงก่อนที่จะเตรียมตัวกลับโคโนฮะ