ตอนที่ 1 อุจิวะ
บทที่ 1 อุจิวะ
ใบหน้าของฉินยี่แต้มไปด้วยความสุข เมื่อเขาถูกเมดสาวสวยเรียกเขาว่า “ฝ่าบาท”
“ท่านต้องสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่นะเจ้าค่ะ รวมถึงสร้างฮาเร็มด้วย ท่านสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยที่ท่านไม่ต้องเหงื่อหยดออกจากงานแม้แต่หยดเดียว”
แต่ในทันทีนั้นราวกับระฆังฆ้องขึ้นมาในหัวของเขา ร่างกายกับวิญญาณของเขารวมเป็นหนึ่งคำแรกที่เขาสะดุ้งขึ้นมา พร้อมกับตระหนักว่าเขาอยู่ในสถานะการณ์ไหน เขาบ่นออกมาคำแรกว่า
“ชั้นอยากกลับไปโลกเฟ้ย!!”
นี้มันเป็นโลกมหัศจรรย์เหมือนกับหลุดออกมาจากนิยาย ดวงดาวและจักรวาลหลายๆแห่งนั้นพระเจ้าได้รังสรรค์มันขึ้นมา พลังเหนือธรรมชาติก็เช่นกัน แม้ว่าในความคิดนั้นสิ่งเหล่านี้จะไร้สาระบัดซบแค่ไหนแต่ก็ต้องก้มหัวให้กับพลังๆนึง
นั้นคือพลังแห่งราชา
พลังแห่งราชานั้นสามารถก้าวผ่านทุกดินแดนได้ สามารถสร้างพรรคพวกและลูกน้องได้อย่างตามใจนึก แค่นึกตามภาพก็จะเห็นว่า มีราชาคนนึง ในหลายๆมิติที่คนไม่สามารถเข้าไปได้ แต่เขาสามารถเข้าไปได้!! ความแข็งแกร่งของเขาแม้แค่ดีดนิ้วโลกก็ยังต้องสั่นสะเทือน
กระทั่งเทพก็ยังอิจฉาและหวาดกลัวในพลังของเขา
ฉินยี่เองก็อยากเป็นราชาประเภทนี้เสียด้วย....
ไม่นานมานี้ฉินยี่ตระหนักได้ว่าเขานั้นอยู่จุดตํ่าสุดของโลก แม้แต่เหลือบไรยังไม่แม้แต่ะเสียเวลามาเสวนากับเขา แม้แต่ประเทศของเขา เขายังไม่สามารถรักษามันไว้ได้เลย
“พื้นที่ในดินแดน 10000 ตารางกิโลเมตร พลเรือน 600000 คน” สิ่งเหล่านี้ค่อยๆถดถ่อยไปด้วยความเสื่อมโทรมของประเทศของฉินยี่
“เดือนที่ผ่านมา ไอ้เด็กเจ้าของร่างกายคนนี้ได้ใช้พลังของตนในการก้าวข้ามโลกและมิติ แต่มันซวยชะมัดที่เข้ามาในต่างมิติครั้งแรก กลับโดนลูกกระจ๊อกตบตายคาที่ สุดท้ายตูก็ต้องมาอยู่ในร่างห่วยๆเนี้ยอะนะ? บ้าไปแล้ว”
“โลกนี้ของเจ้าราชาเด็กหัวกระโปกนี้กำลังจะสลายหายไป มีอะไรเละไปกว่านี้ไหมฟ่ะ”
“เฮ้อ ไม่นานโลกนี้คงกลายเป็นฝุ่นแน่นอน”
ฉินยี่รู้สึกแย่เรื่อยๆ
เขาพยายามเค้นความทรงจำต่างๆที่อยู่ในร่างนี้ แต่เขากลับไม่พบอะไรที่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
“ฝ่าบาท ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว เดี๋ยวข้าจะนำเอาอาหารให้ท่านมาเสวยบัดนี้”
ฉินยี่รู้สึกดีขึ้นมากเมื่อมองไปยังเมดสาวใช้สุดสวยคนนี้
ไม่มีเมคอัพ ไม่ทารองพื้น มีแต่ใบหน้าอันบริสุทธ์ผุดผ่อง ใบหน้ากลมเป็นรูปไข่ คิ้วก็เรียวยิ่งกว่าใบหลิว ฉินยี่อยากโต้ตอบบทสนทนานี้ แต่กลับกลายว่าเขาไม่สามารถขยับตัวได้ แม้แต่ยกนิ้วยังยากสำหรับเขาเลย
“เกิดอะไรกับไอ้เด็กหัวโปกคนนี้ก่อนที่มันจะตายฟ่ะ ชั้นรู้สึกว่าวิญญาณของชั้นกำลังหลอมรวมได้อย่างคงที่...แต่มันเหมือนมีภาพแฟลชแบ๊คอะไรบางอย่าง”
ภาพในหัวของเขายังคงเป็นภาพเบลอเช่นเคย
“อีกแล้วหรอ?”
ฉินยี่ปวดหัวอีกครั้ง การเดินทางข้ามโลกนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายและท้าทายเป็นอย่างมาก ดังนั้นผลกระทบก็ต้องมากตามอยู่เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าสาวใช้ของเขามีใบหน้าที่ยิ้มแย้มหลังจากที่ฉินยี่รู้สึกตัว เธอนำโจ๊กอุ่นๆมาให้เขาทาน ก่อนที่จะใช้ช้อนป้อนให้เขา
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ฉินยี่ก็หมดแรงอีกครั้ง ร่างกายของเขาลงไปฟุ่บกับเตียง ไม่นานเขาก็สลบไสลไปอีกรอบ
เมื่อหลับไปเต็มๆอีกสามวัน ฉินยี่ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึง ความรู้สึกปวดหัวมึนงงได้หายไปและตอนนี้เขาสามารถลุกขึ้นยืนได้แล้ว
“โดนของตัวไหนมาฟ่ะเนี้ย”
ฉินยี่รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย เขารู้สึกว่าสถานการณ์รอบๆตัวเขาได้เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
“ฝ่าบาท ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้นมาแล้ว หมอบอกว่าหากท่านหายดีแล้วเท่านี้อาณาจักรของเราก็อยู่รอดปลอดภัยแล้ว!!”
หญิงสาวที่สวยงามรู้สึกตื่นเต้นมาก เธอนำเอาฝ่ามือของตนไปอังศีรษะของฉินยี่เพื่อเช็คว่ายังมีไข้เหลืออยู่ไหม
“เป็นแบบนั้นรึ?”
“ใช่แล้ว ท่านขุนนางได้บอกว่า ตราบใดที่ท่านสามารถฟื้นคืนสติได้ ท่านก็สามารถท่องไปยังโลกอื่นๆและพิชิตมันได้ เท่านี้อาณาจักรของเราก็จะพ้นจากการล้มสลาย!! ประชาชนจะหายจากความหวาดกลัว!”
สาวใช้พูดออกมาอย่างแผ่วเบา
ฉินยี่เองก็ถอนหายใจ เขาไม่พูดอะไร
เขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้กำลังหมายถึงอะไรอยู่ ในแต่ละโลกนั้น จะต้องมีราชา ราชาจะต้องมีอาณาจักรเป็นของตนเอง แล้วจะต้องท่องไปยังดินแดนต่างๆเพื่อพิชิตมัน เหตุการณ์มิติทับซ้อนจะทำให้เกิดการหดตัวของมิติ และตอนนี้มิติที่เขาอยู่นั้นกำลังจะพังแหล่มิพังแหลแล้ว
หลังจากที่รับประทานโจ๊กอีกครั้งฉินยี่ก็พูดกับสาวใช้เพื่อเช็คสถานการณ์รอบนอก
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงระฆังดังหกรอบทำให้สาวใช้สุดสวยสีหน้าเปลี่ยนภายในทันที จานชามที่อยู่ในมือของเธอก็หลันหลุดออกจากมือ
เพล้ง!!
“ระฆังดังหกรอบ ทหารของอาณาจักรคงได้แต่ทิ้งร่างที่มิติอื่น”
สาวใช้ของเขาหน้าซีดเซียว
ฉินยี่เองก็กังวลและเศร้าในเวลาเดียวกัน เขาเข้าใจความหมายของระฆังที่ถูกตีไป 6 ครั้งอย่างดี เมื่อเขาไปต่อสู้กับอารยธรรมอื่นจะตีระฆังเพียง 3 ครั้ง มันเป็นเสียงที่หนักแน่นและเต็มไปด้วยความหวังของประชาชนในอาณาจักร แต่ถ้าระฆังดัง 6 ครั้งนั้น หมายถึงความพ่ายแพ้อันน่าอดสูและความสิ้นหวัง แต่ถ้าเขากลับมาพร้อมกับระฆัง ดัง 9 ครั้งนั้นหมายความว่าเขาได้รับชัยชนะ!!
ในขณะนี้ เสียงระฆังที่ดังหกครั้งทำให้สถาณการณ์ต่างๆในอาณาจักรยํ่าแย่กว่าเดิม
บรรพบุรุษของฉินยี่นั้น เป็นกลุ่มแรกที่เหยียบเข้ามิติย่อยอื่นๆ และเป็นกลุ่มแรกที่ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า การโจมตีในครั้งแรกนั้นมันเป็นไปได้ยาก ท้ายที่สุดก็ต้องกลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้
ฉินยี่ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ สีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปทันที
“พาฉันไปหาพวกเขา”
“ฝ่าบาทแต่ร่างกายของท่าน...”
เมดตัวน้อยของเขาพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว
อย่างไรก็ตามฉินยี่ก็ไม่ต้องการพูดอะไรอีก เขาเดินออกไปยังด้านนอก ตรงไปทางพระราชวังฝั่งนอก อารมณ์ของฉินยี่แย่ขึ้นเรื่อยๆ สถาณการณ์ในปัจจุบัน แม้พระราชวังของเขาตอนนี้จะเล็กจนน่าสมเพช มันไม่ควรเรียกว่าพระราชวังเสียด้วยซํ้า เขาไม่คิดว่าจะเข้ามาอยู่ในร่างนี้หลังจากที่เขาตายเลยด้วยซํ้า
ยังกะนิยายแฟนตาซีเลย
สาวใช้รีบตามเขามา แต่เธอพบว่าฝ่าบาทของเธอนั้นเดินเร็วมาก
ณ เกต ตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักร
นักรบผู้ห้าวหาญที่ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเลือดได้พุ่งออกมาจากทางประตูอันใหญ่โต แต่เมื่อเขากลับมานั้นกลับทิ้งตัวลงไปด้วยท่าทางไร้พลัง ยามที่อยู่รอบๆนั้นตื่นตระหนก ตระโกนเรียกแพทย์สนามให้มาที่นี้โดยไว
หน่วยแพทย์สนามที่ได้มาถึงก็ได้มีสีหน้าที่หม่นหมอง
“เขาตายแล้ว!”
“พวกเขา...ตายหมดทุกคนเลย”
“เหล็กนี้ทะลุผ่านหัวใจเขาเป๊ะ ยังไงก็ไม่รอดหรอก”
“ทำไมมิติของเราถึงได้มีสถาณการณ์ที่ยํ่าแย่นัก? ไม่เพียงแต่ประชาชนที่หวาดกลัวแล้ว อัตราการตายของนักรบฝั่งเราถึงได้มากกว่าที่อื่นนัก ทำไมพวกเราถึงได้สูญเสียมากกว่าใครอื่น!!”
นักรบคนนึงได้คำรามออกมาด้วยความเศร้าโศก
ไม่มีใครทราบว่าหลังจากนักรบชุดแรกได้ไปยังมิติอื่นแล้ว พวกเขาเป็นตายร้ายดีก็ยังไม่มีใครทราบ แต่นักรบในอาณาจักรนี้กลับสูญเสียชีวิตอย่างรวดเร็วอย่างน่าใจหายจากการท่องไปยังต่างมิติ สิ่งที่พวกเขาได้กลับมามีเพียงแต่ร่างอันไร้วิญญาณของนักรบเหล่านั้น และข้อมูลที่ไร้ประโยชน์
ทหารที่อยู่รอบๆประตูนั้นไร้การเคลื่อนไหว
“13!”
บรรยากาศหนักและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทันใดนั้นประตูก็สว่างขึ้นอีกคนกระโดดออกมาทำให้ทหารจ้องเขม็ง เขาเต็มไปด้วยเลือดหันไปมองที่พื้น ลมหายใจของเขาอ่อนแอและดูเหมือนว่าเขาจะใช้เวลาสุดท้ายของเขา
ถึงกระนั้นชายผู้นี้ยังคงรวบรวมความแข็งแกร่งของเขาและตะโกนเสียงสุดท้ายของชีวิต
ผู้ชายคนนี้พูดว่า
“อุจิวะ !!”