บทที่ 21: มู่หนิงเซวียมาถึง!
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 21: มู่หนิงเซวียมาถึง!
......
ภายในหอพักของนักเรียน
“พี่ฝาน ถึงเวลาที่เราจะต้องไปสอบแล้ว มันจะดีกว่าถ้าหากเราไม่ไปสายนะ” จางหู่กล่าวกับโม่ฝาน
“ไปก่อนเลย ฉันมีเรื่องต้องจัดการอีกนิดหน่อยน่ะ” โม่ฝานตอบ
“รีบมาด้วยนะ”
อีกสองสามคนที่อยู่ภายในห้องพักเดียวกันก็ไม่ได้รอโม่ฝาน พวกเขาแต่งกายด้วยเครื่องแบบจากนั้นออกจากห้องไปทันที
การสอบในวันนี้นั้นไม่เหมือนกับการสอบในกระดาษเหมือนที่พวกเขาเคยผ่านมา แม้ว่าจะมีการสอบทฤษฎีของเวทมนตร์ด้วยเช่นกัน แต่ทว่าคะแนนของมันส่วนใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับการสอบปฏิบัติทั้งสิ้น ดังนั้นความสำคัญของการสอบครั้งนี้คือจะต้องควบคุมเวทมนตร์ให้ได้!
ซึ่งในการสอบครั้งนี้สำคัญกับทุกคนอย่างมาก พวกเขาจะถูกวัดระดับการฝึกฝน ถ้าหากสามารถผ่านการทดสอบได้ พวกเขาจะถูกแบ่งระดับชั้นตามความสามารถอีกครั้งหนึ่ง
โม่ฝานเป็นคนสุดท้ายที่มาถึงสนาม โดยปกติแล้วทุกคนจะมาที่นี่เพื่อฝึกควบคุมเวทมนตร์อย่างจริงจัง แต่ในวันนี้ทุกสิ่งแตกต่างออกไป การจัดสถานที่นั้นให้อารมณ์ที่แตกต่างจากเดิม อีกทั้งยังมีหินเวทย์ดวงดาวตั้งอยู่อีกด้วย
หินเวทย์ดวงดาวนั้นมีสีดำและขนาดเท่ากับแตงโม มันถูกวางอยู่ด้านหน้าของสนามอย่างโอ่อ่า
หินเวทย์ดวงดาวชิ้นนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มันจะใช้ประเมินพลังของนักเรียน!
การสอบประจำปีนั้นทำได้อย่างง่ายดาย ดั่งเช่นกับพีธีปลุกพลังเวทย์ เพียงแค่นักเรียนวางมือลงบนหินเท่านั้น หินจะเป็นตัวตัดสินพลังเวทย์ของนักเรียนผู้นั้นจากความสว่างของมัน ซึ่งความสว่างนั้นจะมากน้อยขึ้นอยู่กับพลังเวทย์ที่มี
ซึ่งการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคตก็อาจจะใช้วิธีนี้เพื่อเป็นการประเมินเช่นกันว่าคนผู้นั้นควรจะได้ไปต่อ หรือถูกขับไล่ออกไปให้พ้นทางกันแน่
“จำได้ไหมฉันเคยบอกพวกเธอไปว่ากลุ่มดวงดาวที่พวกเธอมองเห็นนั้นคือระดับพลังของตนเอง ในวันนี้จงเปล่งประกายมันออกมา ทุกสิ่งล้วนมาจากพวกเธอที่พยายามอย่างหนักทั้งนั้น เวลาแสดงความสามารถมาถึงแล้ว!” ชุ่ยมู่เชิงอาจารย์ประจำชั้นกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
“อาจารย์ ฉันต้องขอโทษด้วยถ้าหากฉันไม่ได้ไปต่อ…” เด็กหญิงคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความกังวล ท่าทีของเธอแสดงถึงความประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้สายตาของเพื่อนร่วมชั้นอดที่จะสงสารไม่ได้
“เฮ้ อย่ากังวลไปหน่อยเลยหน่า ฉันเห็นว่าเธอฝึกฝนอย่างหนัก อย่ามองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยเลยนะ”
“แต่ฉันไร้พรสวรรค์ แม้ว่าฉันจะฝึกฝนอย่างหนักทุกวัน แต่ดวงดาวของฉันอ่อนแอเหลือเกิน…” เด็กหญิงกล่าวออกมาอย่างขมขื่น
“เหย่วหยู่ เธออย่ากังวลเลย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อ แต่ว่าเธอก็ยังมีมันอยู่ในร่างกาย เท่านั้นก็เพียงพอที่จะเป็นครอบครัวเดียวกับพวกเราแล้ว” ลู่เจียนฮัวกล่าวออกมาเพื่อปลอบใจเธอ
“อย่าเพิ่งคิดมากเลย บางทีอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้!”
“ฮ่าฮ่า จับตาดูชายผู้นี้ไว้ให้ดี ฉันนี่แหละจะทำให้ทุกคนตาบอดเพราะพลังเวทย์ของฉัน ฮ่าฮ่า!” ลู่เจียนหัวกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ
ในที่สุดผู้นำของโรงเรียนทั้งสามคนก็มาถึงสนาม…
เหล่าผู้นำเหล่านี้คล้ายกับผู้คุมกฏของโรงเรียน เมื่อนักเรียนเห็นพวกเขา แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนอยู่ในความสงบเสงี่ยมทันที
“เอาล่ะ เงียบๆกันหน่อย! วันนี้เป็นการสอบประจำปี ฉันหวังว่าทุกคนจะแสดงความสามารถของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่นะ!” ชุ่ยมู่เชิงกล่าวออกมาเรียกกำลังใจให้กับเด็กๆ
นักเรียนทั้งหมดที่อยู่ภายในนี้มีมากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคน จำนวนกว่าสามสิบห้อง ทุกคนล้วนแต่อยู่ในชุดเครื่องแบบของโรงเรียนเทียนหลาน ทั้งหมดยืนอยู่กลางสนามกันอย่างตื่นเต้น
ซึ่งก่อนที่จะทดสอบ แน่นอนว่าจะต้องให้ผู้อำนวยการของโรงเรียนขึ้นกล่าวอะไรสักอย่าง มันคือธรรมเนียมปฏิบัติในทุกๆปี
ในตอนนี้ผู้อำนวยการมาถึงแล้ว และเขาจะต้องเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อกล่าวสุนทรพจน์
ในขณะที่มู่เห่อก้าวขึ้นไปบนเวที โม่ฝานนั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะท่าทางที่ดูมาดมั่นของเขา!
ด้วยคำพูดของเขานั้นเต็มไปด้วยความมุ่งหวังที่มีต่อคนรุ่นใหม่ เต็มไปด้วยคุณธรรมและจริยธรรมที่นักเวทย์พึงมี แต่โม่ฝานนั้นรู้ดีมากกว่าใครว่าเขานั้นเป็นคนอย่างไร
“วันนี้… เป็นวันที่พิเศษที่สุด!”
“เพราะพวกเราได้เชิญนักเรียนหญิงที่เป็นอัจฉริยะในเมืองแห่งนี้มาร่วมงานด้วย เมื่อเธออายุได้สิบห้าปี เธอได้รับเชิญให้เข้าศึกษาภายในมหาวิทยาลัยจักรพรรดิ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่เธอยอมรับคำเชิญเพื่อมาร่วมงานในวันนี้… แน่นอน เธอคือมู่หนิงเซวีย! มาปรบมือให้กับนักเรียนที่ควรจะอยู่ในระดับเดียวกับพวกเธอ แต่ทว่าเธอถูกเชิญเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วกันเถอะ!” มู่เห่อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังสนั่น
ทันใดนั้น ภายในสนามเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที
“ว้าว นั่นคือมู่หนิงเซวียงั้นเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นธาตุน้ำแข็งสามารถทำให้พื้นแห่งนี้กลายเป็นน้ำแข็งได้อย่างง่ายดาย!”
“ฉันได้ยินมาว่าเธอสามารถฝึกทักษะแรกได้ภายในแปดเดือนอีกด้วย”
“แปด… แปดเดือน? พระเจ้า! ฉันต้องใช้เวลาทั้งปีเพื่อฝึกฝนมันแต่ยังทำได้เพียงแค่ควบคุมดวงดาวห้าดวงเท่านั้น! นี่เธอเป็นคนจริงๆรึเปล่าเนี่ย?”
“สิ่งพวกนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก ที่สำคัญก็คือเธอสวยมากเลย! อีกทั้งยังเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เกิด เธอเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเมืองนี้แล้ว!”
นักเรียนทุกคนต่างพากันพูดถึงมู่หนิงเซวียอย่างออกรส ทุกคนล้วนแต่ตื่นเต้นและชื่นชมมู่หนิงเซวียอย่างออกนอกหน้า
พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันสอบประจำปีจะได้พบกับนักเรียนเวทย์ที่เป็นอัจฉริยะที่สุดในตอนนี้!
“พี่ฝาน… พี่ฝาน!! นั้นมันเจ้าหญิงน้อย เป็นเธอจริงๆ เธอมาที่โรงเรียนของเรา!” จางหู่กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับดึงแขนของโม่ฝานอย่างควบคุมไม่ได้
โม่ฝานมองไปที่บนเวที เขาเห็นหญิงสาวที่งดงามราวกับหิมะในฤดูหนาวยืนอยู่ตรงนั้น เธอสวยราวกับดอกบัว ด้วยรูปร่างที่สมส่วนทำให้เธอยืนอยู่ด้านบนนั้นอย่างสง่างาม
เสน่ห์ที่มากล้นของดวงตาของเธอทำให้ทุกสิ่งดูน่าจดจ้องไปเสียหมด ผมยาวสีเงินนั้นทำให้ยิ่งดูลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละสายตาจากเธอไปได้เลย…
แม้ว่าอากาศในวันนี้จะร้อนมาก แต่หญิงสาวที่ยืนอยู่บนเวทีนั้นทำให้บรรยากาศโดยรอบเย็นสบาย ความสวยของเธอนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้คนทั่วทั้งโรงเรียนตกตะลึงและรู้สึกสบายตาสบายใจไปพร้อมๆกัน!
ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หรือนักเรียน ต่างตกอยู่ในภวังค์เดียวกัน…
‘อืม… ฉันเคยได้ยินชื่อของมู่หนิงเซวีย แต่ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอเลยสักครั้ง ใครก็บอกว่าเธอนั้นราวกับเจ้าหญิงหิมะ อีกอย่างด้วยเสื้อผ้าที่เธอสวม หรือเส้นผมของเธอล้วนแต่ทำให้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ’
‘นี่น่ะเหรอมู่หนิงเซวีย?’
‘สวยสมคำร่ำลือจริงๆ!’
โม่ฝานคิดกับตนเองเมื่อเขาได้พบเจอกับเจ้าหญิงอีกครั้ง… ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอน่าจะเป็นเหตุการณ์เมื่อสามปีที่แล้วล่ะมั้ง?
ในอดีตเด็กหญิงมักจะถูกเรียกว่าเป็นเจ้าหญิง เธออาศัยอยู่ที่ปราสาทด้านบนของยอดเขา แม้ว่าเธอจะแต่งกายด้วยชุดธรรมดาเหมือนเด็กทั่วไป แต่เมื่อใครมองมาก็ย่อมรู้ได้ว่าเธอเป็นคนชั้นสูง….
อย่างไรก็ตาม เรื่องนั้นผ่านมานานถึงสามปีแล้ว แน่นอนว่าโม่ฝานจำเธอไมได้…
เธอเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน มากเกินกว่าภาพที่เขาเคยจดจำซะอีก
เดิมทีเธออยู่ที่สวนดอกไม้แห่งนั้น ก็ยากมากที่จะเข้าถึงตัว แต่ในวันนี้ที่ได้พบเจอกันอีกครั้ง เขากลับรู้สึกว่าเธอยิ่งห่างไกลออกไปอย่างมาก…
เป็นเพราะว่าทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปจนหมดสิ้นแล้ว ทั้งอายุ และสถานะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ช่องว่างของทั้งสองมากขึ้นกว่าเดิมมาก
“พี่ฝาน… พี่ควรจะพาเจ้าหญิงน้อยหนีไปในครั้งนั้น น่าเสียดายจริงๆ เรียกว่าโง่ดีไหม? อิอิ” จางหู่กล่าวหยอกล้อเมื่อเขาเห็นว่าโม่ฝานกำลังมองมู่หนิงเซวียอย่างไม่วางตา
“ใครจะไปโง่เหมือนแกที่ทำลายห้องน้ำจนพังยับเยิน อีกทั้งตัวเองยังนอนอยู่ในกองเปรอะ!?”
“เฮ้! ฉันพูดเล่นหน่า!!!”
••••••••••••••••••••
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••