ตอนที่แล้วตอนที่ 253 เปิดฉากศึกครั้งใหญ่ (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 255 การต่อสู้ระหว่างผู้อยู่เหนือขอบเขต (ฟรี)

ตอนที่ 254 ม่อเนี่ยนปรากฎตัวอีกครั้ง (ฟรี)


“บุกเข้าไป สังหารพวกมันให้หมด!” เฒ่าประหลาดเนตรมารทอใบหน้าดุร้ายแล้วตะโกนออกไป จากนั้นศิษย์ฝ่ายอธรรมทั้งหมดก็วิ่งตะบึงฝ่ากลุ่มหมอกพิษออกมาอย่างรวดเร็ว

ทว่าทันใดนั้นเองที่เบื้องหน้าของฝ่ายธรรมะก็ได้มีเงาร่างขนาดมหึมาสายหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ปากขนาดใหญ่ของมันอ้ากว้างจนเผยให้เห็นก้อนกลมลูกหนึ่ง

ทันทีที่ก้อนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาก็ได้ทำให้บรรยากาศโดยรอบเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายอันน่าหวาดกลัว ภายในนั้นมีคมวายุนับพันหมื่นสายเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด ปะทุเป็นเสียงดังจนเสียดแก้วหูของผู้คน

ผู้คนทั่วทั้งสนามต่างก็ทอสีหน้าเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสายพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหูโดยพลัน ทว่ามีเพียงหลงเฉินที่แตกต่างออกไป บนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความลิงโลดอย่างถึงที่สุด ดวงตาคู่คมจ้องมองไปยังเสี่ยวเสว่ยที่เป็นสัตว์มายาระดับสามขั้นกลางไปแล้ว แม้แต่เขาเองก็ยังเกิดความหนาวเหน็บจนถึงกระดูกดำ

“ซูม”

ทันใดนั้นตรงใจกลางของก้อนกลมลูกนั้นก็มีของเหลวสีแดงส่องสว่างขึ้นมาประดุจเพลิงกาฬของมารร้าย จากนั้นเสี่ยวเสว่ยก็ขยับร่างเล็กน้อยแล้วปล่อยคมวายุออกไป

จากคมวายุที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางราวหนึ่งเซียะก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดใหญ่ถึงสิบจั่ง แล้วคมวายุที่อยู่ด้านในก็แยกออกมาจากก้อนกลมนั้นพุ่งเข้าหาศิษย์ฝ่ายอธรรมอย่างไม่ปราณีประดุจเป็นอาวุธสังหารของเทพแห่งสงคราม

“รีบหลบไป นั่นเป็นราชาสัตว์มายา!” เฒ่าประหลาดเนตรมารเบิกดวงตาโพลงโตด้วยความตกใจพร้อมกับแผดเสียงร้องเพื่อเตือนสติเหล่าศิษย์ของตัวเอง

การคงอยู่ของหมาป่าหิมะแดงเพลิงไม่ได้เป็นที่รู้จักของผู้ฝึกยุทธ์สามัญทั่วไป ด้วยพลังที่มีทั้งธาตุลมและเพลิงอยู่ในตัวจึงทำให้สัตว์มายาระดับสามชนิดนี้มีความแข็งแกร่งอย่างไร้ซึ่งผู้ต้านเลยก็ว่าได้ และหากหมาป่าหิมะแดงเพลิงสามารถเข้าสู่ขั้นสูงสุดได้แล้วก็จะกลายเป็นราชาหมาป่าหิมะแดงเพลิงหรือราชาของสัตว์มายาระดับสามนั่นเอง

ด้วยสายตาอันแหลมคมของเฒ่าประหลาดเนตรมารแล้ว ถึงแม้ว่าสภาวะบนร่างกายของหมาป่าหิมะแดงเพลิงตัวนั้นจะยังไม่เข้าสู่ขั้นสูงสุด ทว่ามันจะต้องเป็นราชาหมาป่าหิมะแห่งเพลิงแน่นอน และเมื่อใดที่หมาป่าหิมะแดงเพลิงได้กลายเป็นราชาหมาป่าหิมะแดงเพลิงแล้วก็จะมีพลังการต่อสู้มหาศาลจนสามารถพลิกฟ้าสะเทือนแผ่นดินได้เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องตะโกนออกไปอย่างร้อนรน

หลังจากที่เหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมได้ยินเสียงของเฒ่าประหลาดเนตรมารแล้วก็รีบหลบหนีออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ทว่าการโจมตีของเสี่ยวเสว่ยกลับแผ่ขยายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้พื้นที่ทั้งหมดรายล้อมไปด้วยคมวายุนับพันหมื่นสาย

ศิษย์ฝ่ายอธรรมที่อยู่ภายในบริเวณเหล่านั้นก็ได้ถูกคมวายุตัดผ่านร่างกายจนแหลกสลายกลายเป็นเนื้อบด แม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาก็ยังไม่ทัน

“แข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว”

ศิษย์ฝ่ายธรรมะคนอื่นๆ ต่างก็มองไปทางเสี่ยวเสว่ยด้วยสายตาโง่งมขึ้นมา ช่างเป็นสัตว์มายาที่มีท่วงท่าสง่างามยิ่งนัก

“ถู่ฟาง เจ้าตัวบัดซบ คนอย่างพวกเจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าฝ่ายธรรมะอยู่อีกหรือ ถึงกับใช้วิธีการลงมือที่ขัดต่อข้อตกลงถึงสามประการ พวกเจ้าก็ไม่ได้ต่างจากเดรัจฉานที่ไร้ยางอายเลย น่าชังสิ้นดี” เฒ่าประหลาดเนตรมารระเบิดโทสะแล้วด่าทอขึ้นมายกใหญ่

นี่ยังไม่ถึงเวลาของการปะทะกันที่แท้จริงเลยก็ว่าได้ ทว่าการโจมตีระลอกที่สองกลับทำให้ศิษย์ฝ่ายอธรรมบาดเจ็บและล้มตายกันไปมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะถ้าเป็นเพียงพวกเดนตายทั่วไปก็คงจะไม่เสียดายหากถูกคลื่นใหญ่ซัดไปจนหมดในครั้งก่อน ส่วนที่เหลือก็จะเป็นทองคำทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่เขาต้องการจากการเปิดศึกในครั้งนี้ก็คือทองคำเหล่านั้นนั่นเอง

ทว่าฝ่ายธรรมะกลับโจมตีเข้ามาอีกระลอกหนึ่งจนทำให้ทั้งทรายและทองคำวอดวายไปจนหมด ซึ่งนั่นเป็นการลงมือที่ทำให้เฒ่าประหลาดเนตรมารรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นมีโทสะจนเส้นโลหิตปูดโปนขึ้นมาทั่วทั้งร่างกาย

ถู่ฟางและเหล่าผู้อาวุโสต่างก็สบสายตามองกันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ฉากการต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้าได้สร้างความหวาดหวั่นระคนตกตะลึงขึ้นมาเป็นสาย ต่อให้ขบคิดเป็นพันเป็นหมื่นครั้งก็คิดไม่ถึงว่าหลงเฉินจะมีราชาหมาป่าหิมะแดงเพลิงเป็นสัตว์เลี้ยง

ด้วยพลังการต่อสู้อันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ต่อให้เป็นถึงศิษย์สายตรงก็ยังไม่อาจทานรับกระบวนท่าเช่นนั้นเอาไว้ได้ จึงไม่ต้องกล่าวถึงศิษย์สายในและสายนอกจำนวนมากมาย มีเพียงแต่จะต้องตายสถานเดียวเท่านั้นแล้ว

ถู่ฟางและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักอื่นๆ ต่างก็เคยผ่านศึกครั้งใหญ่ระหว่างธรรมะและอธรรมกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ทว่าด้วยวิธีการออกศึกเช่นนี้เพิ่งจะเคยพบพานเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเฒ่าประหลาดเนตรมารอยู่ในสภาพคล้ายกับอิสตรีปากร้ายนางหนึ่ง

“ตูม ตูม ตูม ตูม……”

ในขณะที่เฒ่าประหลาดเนตรมารกำลังด่าทอขึ้นมาไม่หยุด กัวเหรินก็ได้จ่อหน้าไม้ไปทางศิษย์ฝ่ายอธรรมเหล่านั้นแล้วปล่อยคมศรออกไปอย่างบ้าคลั่งประดุจห่าฝน เพราะหลังจากที่ศิษย์ฝ่ายอธรรมถูกหมอกพิษห้อมล้อมอยู่นั้นต่างก็หลบหนีออกมาจนกลายเป็นสองกลุ่มใหญ่ กลุ่มหนึ่งก็ได้ถูกเสี่ยวเสว่ยจัดการอยู่ทางด้านขวา ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่แยกออกมาจากทางซ้ายก็เป็นหน้าที่กวาดล้างของกัวเหรินนั่นเอง

“มารดาเถิด!”

ศิษย์ฝ่ายอธรรมเกิดอาการแตกตื่นกันไปถ้วนหน้า ดวงตาทุกคู่จ้องมองไปยังห่าลูกศรของกัวเหรินที่มีปลายแหลมเคลือบด้วยโอสถพิษเอาไว้อย่างเข้มข้น เพราะหากไม่ใช่โอสถพิษหนุนเสริมกำมะถันหยินหยาง พลังทำลายของลูกศรก็คงจะไม่รุนแรงพอที่จะโค่นล้มศิษย์ฝ่ายอธรรมได้ เพียงพวกเขาหยิบยืมฤทธิ์ของโอสถถอนพิษกับพลังการฝึกยุทธ์ของตัวเองขึ้นมาก็สามารถต้านทานพิษของกำมะถันหยินหยางได้แล้ว

“ฝ่ายธรรมะที่น่ารังเกียจ พวกเจ้าจะต้องไม่ตายดีแน่!” เฒ่าประหลาดเนตรมารตะโกนลั่นผืนฟ้าทั่วปฐพี แววตาทั้งสองทอประกายความดุร้ายขึ้นมา

จากนั้นเขาก็โบกมือขึ้นมาครั้งหนึ่ง เงาร่างหลายสายที่อยู่ทางด้านหลังค่อยๆ ลุกขึ้นจนเผยให้เห็นใบหน้าที่เยาว์วัยของพวกเขาเหล่านั้น “ไปจัดการเจ้าพวกสารเลวเหล่านั้นให้สิ้นซาก!”

ผู้คนเหล่านั้นพยักหน้ารับแล้วพุ่งทะยานสู่เบื้องหน้าไปในทันที คนที่อยู่ด้านหน้าสุดมีความรวดเร็วอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับแค่ใช้ความคิดก็สามารถไปถึงยังเป้าหมายได้แล้ว

หลงเฉินจ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มที่มีใบหน้าดุร้ายตามแบบฉบับของเฒ่ามารประหลาดผู้นั้น ตรงกลางหว่างคิ้วของเขามีบาดแผลปรากฏขึ้นมาจางๆ ราวกับเป็นดวงตาข้างหนึ่งที่ยังไม่ได้เบิกขึ้นมา

ทันทีที่คนผู้นั้นปรากฏอยู่ในระยะห่างจากศิษย์ฝ่ายธรรมราวสิบลี้ เขาก็ได้กางแขนออกพร้อมกับปะทุพลังสภาวะอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาขุมหนึ่ง ในมือมีดอกบัวสีทองปรากฏขึ้นมากลางอากาศ

บรรยากาศรอบดอกบัวดอกนั้นเกิดเป็นเสียงระเบิดดังไม่หยุด ทั้งยังสัมผัสได้ถึงพลังทำลายอันมหาศาลที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่หลงเฉินก็ยังต้องทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

“ซูม”

คนผู้นั้นขยับฝีปากพึมพำขึ้นมาแล้วโยนดอกบัวสีทองไปทางหลงเฉิน

“ทุกคนหลบไป!”

หลงเฉินตะโกนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนทำให้พวกพ้องแตกตื่นตกใจ ด้วยกระบวนท่าที่หนักหน่วงเช่นนี้ย่อมไม่มีผู้ใดที่จะทานรับเอาไว้ได้เป็นแน่ พลันก็ตระเตรียมที่จะนำดาบทลายมารออกมา

“ลูกศรทลายเมฆา”

“ตูม”

ทว่าทันใดนั้นเองก็ได้ลูกศรสีสันสดใสกระแทกเข้ากับดอกบัวสีทองดอกนั้นอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งขุนเขา หลงเฉินรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลขุมใหญ่ที่กำลังไหลเวียนเข้ามาไม่หยุดจนถูกพลังขุมนั้นซัดจนลอยกระเด็นออกไปในทันที

แม้แต่ศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ที่ถอยห่างออกไปไกลตั้งแต่ได้ยินเสียงตะโกนของหลงเฉินก็ยังไม่วายที่จะถูกพลังสภาวะอันบ้าคลั่งขุมนั้นซัดจนกระเด็นออกไปด้วยเช่นกัน ทว่าแรงกระแทกจากการระเบิดนั้นไม่ได้รุนแรงจนทำให้เกิดการบาดเจ็บหนัก ด้วยพลังการฝึกยุทธ์อันแข็งแกร่งของพวกเขาจึงสามารถใช้ปกป้องกายเนื้อของตัวเองเอาไว้ได้ทันท่วงที

หลังจากที่ฝุ่นควันเริ่มเจือจางลงไป ใบหน้าของผู้คนทั้งหมดก็เกิดอาการตะลึงลานมองไปยังพื้นที่กว้างด้านหน้าที่บัดนี้ได้กลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่กว่าร้อยจั่ง

จากนั้นก็มีเงาร่างสายหนึ่งเดินฝ่าสนามรบอันวุ่นวายเข้ามา ในมือของเขามีคันธนูยาวโบราณที่มีสีสันสดใส ทั้งยังสวมชุดยาวที่มีหมวกคลุมศีรษะ บนร่างกายของเขามีรังสีสังหารแผ่ออกมาอย่างหนาแน่น ทว่าหลงเฉินกลับจดจำคนผู้นี้ได้ในทันที เขาก็คือชายหนุ่มลี้ลับที่เรียกตัวเองว่าม่อเนี่ยนนั่นเอง

ม่อเนี่ยนเลิกหมวกคลุมศีรษะออก ดวงตาทอประกายเจิดจ้ามองไปที่ชายหนุ่มฝ่ายอธรรมผู้นั้นแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “หากข้าจำไม่ผิด เจ้าคงจะมีนามว่าหยินหลอที่ถูกขนานนามว่าผู้มีพรสวรรค์ประหลาดคนแรกในรอบพันปีของฝ่ายอธรรมใช่หรือไม่”

ในขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่นั้น ศิษย์ฝ่ายอธรรมก็ได้เร่งฝีเท้าไปรวมตัวกันอยู่ทางด้านหนึ่ง ทั้งยังอยู่ในสภาวะที่พร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ ทว่าสภาพของพวกเขานั้นกลับไม่ต่างจากลูกสุนัขตกน้ำเลยแม้แต่น้อย และจากจำนวนกว่าสองหมื่นคนก็หลงเหลืออยู่เพียงไม่ถึงหนึ่งหมื่นคนด้วยซ้ำไป

ส่วนศิษย์ฝ่ายธรรมะนี้ก็วิ่งตะบึงขึ้นมาอยู่รวมกันอีกฟากหนึ่ง เพราะทุกคนต่างก็รับรู้ได้ว่าการต่อสู้ที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้านี้

“ไม่ผิด ข้าคือหยินหลอ เจ้าเป็นผู้ใดกัน? เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเจ้ามาก่อน ฝ่ายธรรมะมีบุคคลเช่นเจ้าด้วยหรือ?” หยินหลอกล่าว

“ข้ามีนามว่าม่อเนี่ยน ข้าไม่ใช่คนของรัฐโจว ทว่าข้าได้ยินมาว่าฝ่ายอธรรมของรัฐโจวมีผู้มีพรสวรรค์ประหลาดเช่นเจ้าปรากฏตัวขึ้นมา ฉะนั้นข้าจึงอยากทดสอบพลังฝีมือกับเจ้าดูสักครั้งหนึ่ง

เพราะตาแก่ที่สำนักของข้าเอาแต่บอกว่าข้านั้นเกียจคร้านมากเกินไปจนถูกเจ้าแซงหน้าไปเสียแล้ว เมื่อได้ฟังอยู่แล้วครั้งเข้าก็รำคาญขึ้นมาจึงดั้นด้นมาตามหาเจ้าถึงที่ เพื่ออยากจะรู้ว่าข้านั้นสามารถโค่นล้มเจ้าได้หรือไม่ เช่นนั้นเหล่าตาแก่ที่สำนักก็จะได้ไม่บ่นจู้จี้จุกจิกกับข้าอีก” ม่อเนี่ยนพาดคันธนูสีรุ้งไว้ที่บ่าแล้วตอบกลับไป

การปรากฏตัวของม่อเนี่ยนทำให้ถู่ฟางและผู้อาวุโสทอสีหน้าแตกตื่นเสียยิ่งกว่าเดิม เพราะต่อให้เป็นศิษย์ฝ่ายธรรมะที่เป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตก็ไม่ได้มีพลังฝีมือที่น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้

“เขามาจากสำนักตระกูลม่ออย่างนั้นหรือ?” ถู่ฟางกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่แน่ใจ

“หากเป็นเช่นนั้นจริง คงจะหมายถึงสำนักที่มีวิชาธนูจัดอยู่ในขั้นเทพใช่หรือไม่? เกรงว่าคงจะมีเพียงคนของสำนักตระกูลม่อเท่านั้นที่จะใช้วิชาเช่นนี้ได้” ฮวายวี่กล่าวพร้อมกับพยักหน้าไปมา

เมื่อได้ยินวาจาไม่แยแสของม่อเนี่ยนแล้ว หยินหลอก็หัวเราะเสียงดังจนสะท้านไปทั่วทั้งผืนฟ้า “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบเจอกับบุคคลที่โอหังเกินตัวเช่นเจ้า เหอะ น่าสนใจดีนี่”

หยินหลอถูกเรียกขานว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ประหลาดที่ยากจะพบเจอในรอบหมื่นปีของฝ่ายอธรรม ตลอดชีวิตที่ผ่านมานี้ยังไม่เคยพบพานกับคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับตัวเองมาก่อนเลยแม้แต่คนเดียว ต่อให้เป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตก็ยังไม่อาจทานรับกระบวนท่าของเขามากกว่าสิบกระบวนท่า ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมจึงยกให้เขาเป็นผู้นำทัพในครั้งนี้

“แน่นอน คนอย่างข้าน่าสนใจอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าก็คงจะไม่เปลืองแรงบุกป่าฝ่าดงมาหาเจ้าถึงที่แห่งนี้ รีบมัดหัวออกมาจากกลุ่มเฒ่าชราเหล่านั้นได้แล้ว”

ม่อเนี่ยนยิ้มกริ่มแล้วกล่าวออกไป ทว่าจู่จู่ก็หันกลับมาหาหลงเฉิน “สหาย ข้าขอชิงศัตรูผู้นี้ของเจ้าไปก่อนนะ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ถือสา”

หลงเฉินผายมือออกเชิงว่า ‘เชิญ’ แล้วตอบกลับไปว่า “หากทำให้เจ้ามีความสุขก็เอาไปเถิด ข้าไม่ถือสาอยู่แล้ว ทว่าหากรวมไปถึงเฒ่ามารตายยากเหล่านั้นด้วยก็จะดีมากกว่านี้”

ม่อเนี่ยนทอสีหน้าฉงนสงสัยขึ้นมาชั่วครู่ แล้วทันใดนั้นก็หัวเราะฮาฮาขึ้นมายกใหญ่ “ยอดมาก สหายที่ดีเช่นเจ้า ข้าจะขอน้อมรับเอาไว้ เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ”

ทันทีที่ม่อเนี่ยนกล่าวจบก็ได้ปะทุพลังสภาวะทั่วทั้งร่างกายขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นอย่างรุนแรง พลังอันน่าหวาดกลัวขุมหนึ่งพวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าสีครามจนกลายเป็นพายุขนาดใหญ่ที่กำลังหมุนวนอย่างรุนแรงจนน่าตกใจ

“หยินหลอ มอบชีวิตของเจ้าให้ข้าซะ!”

ม่อเนี่ยนแผดเสียงร้องขึ้นมาแล้วขยับคันธนูยาวในมือ ลูกศรสายหนึ่งรวมเอาพลังสภาวะอันน่าหวาดกลัวทั้งหมดเอาไว้

หยินหลอส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชาแล้วบอกกล่าวกับผู้คนที่อยู่ด้านหลังว่า “พวกเจ้าไปจัดการพวกปลาซิวปลาสร้อยเหล่านั้นให้สิ้นซาก ส่วนข้าจะจัดการเจ้าหนูผู้โอหังนี่เอง”

.

ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา <<< (ถึงตอนที่ 758 แล้วครับ)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด