ตอนที่ 1431 ข้อตกลงร้อยชนเผ่าตอนที่
หลิงเหมยส่ายหัวของเธอและพูด “ข้าไม่สามารถไปจากที่นี่ได้!”
“ทำไมกัน?” หานเซิ่นถาม
“พวกเราได้ทำข้อตกลงกับอีกชนเผ่าหนึ่ง และมันก็เป็นเพราะข้อตกลงนั้นทำให้พวกเราไม่สามารถขึ้นไปข้างบนได้” หลิงเหมยอธิบายอย่างสั้นๆ
“ข้อตกลงอะไร? พวกเจ้าทำข้อตกลงกับใคร?” หานเซิ่นถาม
หลิงเหมยกลืนน้ำลายก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าไม่รู้ แต่ผู้อาวุโสของเผ่าบอกพวกเราว่าจะต้องยึดมั่นในข้อตกลงร้อยชนเผ่าหรืออะไรทำนองนั้น ถ้าข้าขึ้นไปที่ดินแดนเบื้องบน ข้าก็จะต้องตายและจะไม่มีใครล้างแค้นให้กับความตายของข้า!”
หานเซิ่นไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่จากที่ดูสีหน้าของเธอแล้ว เธอเองก็คงจะไม่รู้เช่นกัน มันฟังดูเหมือนกับเป็นข้อตกลงของหลายชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในดินแดนใต้ดินแห่งนี้ แต่หานเซิ่นคิดว่ามันเป็นอะไรที่บ้าบอ
แต่จะอย่างไรก็ตาม หานเซิ่นก็ตามเธอเข้าไปในถ้ำ ซึ่งมันแทบจะไม่ได้ใหญ่ไปกว่าห้องๆหนึ่งมากนัก และมันก็ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเมืองเลยสักนิด มันทั้งอึดอัดและสกปรก หานเซิ่นสามารถเห็นร่องรอยเกล็ดของราชาอสรพิษอยู่ทั่วทั้งถ้ำ มันเห็นได้ชัดว่าถ้ำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือของราชาอสรพิษ
ข้างในถ้ำมีมอนสเตอร์ระดับกลายพันธุ์และโบราณหลายอยู่ตัว รวมทั้งหมดแล้วพวกมันมีอยู่ประมาณ 20 ตัว พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ถูกพบโดยบังเอิญ หรือบางทีก็ถูกขโมยมาในตอนที่ยังเด็กอยู่ ซึ่งพวกมันดูค่อนข้างอ่อนแอราวกับขาดสารอาหาร
“ด้วยการที่มีพันธมิตรอย่างราชาอสรพิษอยู่ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะสามารถหาเมืองที่ดีกว่านี้ได้ นี่มันดูน่าหดหู่มาก”
หานเซิ่นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงได้ยอมมาอาศัยอยู่ในที่แบบนี้
หลิงเหมยรีบส่ายหัวอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะพูดกับหานเซิ่น
“ราชาอสรพิษติดตามข้าตามคำสั่งของผู้อาวุโส แต่เขาจะไม่ช่วยเหลือข้าในการเข้ายึดเมือง”
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘เธอจะต้องเป็นคนสำคัญต่อตระกูลแน่ๆ ถ้าผู้อาวุโสของเผ่าเลือกที่จะส่งมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดมาคอยดูแลเธออย่างใกล้ชิดขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สภาพที่อยู่อาศัยก็ดูแย่เกินไป’
ถึงหานเซิ่นต้องการจะไปจากที่นี่ แต่เขาก็คิดว่าควรจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเธอเอาไว้ แถมถ้าเขาจากไปตอนนี้ เขาก็จะไม่ได้รับอะไรเลย นอกจากนั้นแล้วหานเซิ่นก็ยังอยากจะรู้เกี่ยวกับข้อตกลงร้อยชนเผ่า
ดังนั้นในตอนนี้หานเซิ่นจึงยินดีที่จะทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่แบบนี้ไปก่อน สำหรับอาหารเย็น หลิงเหมยก็นำเห็ดมามอบให้กับเขา
หลังจากที่ลิ้มลองรสชาติของเห็ดในถ้ำแห่งนี้แล้ว หานเซิ่นก็คิดว่ารสชาติของพวกมันห่วยแตก และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็เป็นแค่ระดับกลายพันธุ์เท่านั้นเอง
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหานเซิ่น หลิงเหมยก็พูดด้วยสีหน้าที่กังวล
“มันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะเสิร์ฟเห็ดพวกนี้ให้เจ้าใช่ไหม? อย่าได้กังวลไป ครั้งต่อไปข้าจะหาอาหารที่ดีกว่านี้มาให้เจ้า”
หานเซิ่นพยักหน้า หลังจากนั้นเพื่อระงับความหิวกระหายของตัวเองในค่ำคืนนี้ หานเซิ่นก็นำอาหารและเครื่องดื่มออกมาจากขวดอำมหิต เนื่องจากเขายังไม่สามารถล่าเนื้อของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ ดังนั้นเขาจึงนำอาหารจากสหพันธ์ติดตัวมาด้วย
ขณะที่หานเซิ่นกำลังกินอาหารอยู่นั้น หลิงเหมยก็จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ
“เจ้าอยากจะลองสักหน่อยไหม?” หานเซิ่นถามด้วยรอยยิ้มแปลกๆ
หลิงเหมยส่ายหัวและพูดอย่างเขินอาย “ข้าเป็นเจ้าเมือง ข้าไม่สามารถแย่งอาหารของผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาได้ ดูเหมือนว่าข้าควรจะหาอาหารที่ดีกว่านี้มาเสิร์ฟให้กับเจ้าจริงๆด้วย!”
ในสายตาของหานเซิ่น ดูเหมือนกับว่าเธอยินดีที่จะเลี้ยงดูเขาราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักตัวหนึ่ง
“เจ้าแน่ใจหรอว่าไม่อยากจะลองมันสักหน่อย?” หานเซิ่นพยายามพูดให้เธอลองอาหารของเขา
หลิงเหมยกลืนน้ำลายและส่ายหัวอีกครั้งหนึ่ง
“เจ้าจะรู้ได้ยังไงว่าข้าชอบอาหารแบบไหน ถ้าเจ้าไม่ลองกินของพวกนี้? มาเถอะ ลองดูสักหน่อย”
หานเซิ่นส่งเนื้ออบแห้งและกระป๋องโซดาให้กับเธอ
“ก็ได้ งั้นลองสักนิดละกัน” สุดท้ายหลิงเหมยก็กินเนื้อและดื่มโซดาเข้าไปจนหมดอย่างรวดเร็ว ราวกับหมาป่าที่หิวโหย
เธอรีบถามหานเซิ่น “ของพวกนี้คืออะไรกัน? นี่เจ้าคั้นของเหลวนี้ออกมาจากพืชอย่างนั้นหรอ?”
“ของชิ้นนั้นได้มาจากเถาวัลย์เจอร์กี้ ส่วนเครื่องดื่มนั่นก็ได้มาจากต้นโซดา” หานเซิ่นบอกเธอ
“มันจะเสียมารยาทไหม ถ้าข้าจะขอเพิ่มอีก?” หลิงเหมยถามหานเซิ่น มันเห็นได้ชัดว่าเธอลำบากใจอย่างมากที่ต้องมาขอเพิ่มอีก
“ไม่เลย ยังไงซะเจ้าก็จำเป็นต้องจดจำรสชาติของสิ่งนี้เอาไว้อยู่แล้ว” หานเซิ่นพูด
หลิงเหมยรับเนื้ออบแห้งที่หานเซิ่นให้เพิ่มไปอีก และเธอก็กินพวกมันหมดอย่างรวดเร็ว
หานเซิ่นสังเกตว่าเธอยังไม่อิ่ม ดังนั้นเขาจึงเอาออกมาเพิ่มอีก แต่ครั้งนี้เขานำเนื้ออบแห้งที่มีรสเผ็ดออกมา เขาบอกกับเธอ
“อันนี้มีรสชาติที่เผ็ด ดังนั้นระวังเอาไว้ด้วย แต่ข้าก็ชื่นชอบมันมากเช่นกัน”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ควรจะลิ้มลองรสชาติของมัน ให้ข้าลองกินมันดูหน่อย”
หลิงเหมยเริ่มเชี่ยวชาญการเปิดห่อเนื้ออบแห้งแล้ว และทันทีที่เธอเปิดมันออก เธอก็เริ่มกินพวกมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเธอไม่ได้กินอะไรมาเป็นเดือนๆ
‘ใช่แล้ว กินมันเข้าไปและตกหลุมพรางของฉันซะ กินมันเข้าไปจนกว่าจะติดสินค้าที่มีแต่ฉันคนนี้ที่สามารถหามาให้เธอได้’ หานเซิ่นคิดอยู่ในใจ
หลังจากที่กินเนื้ออบแห้งเข้าไปหลายห่อและดื่มโซดาไปหลายกระป๋อง ในที่สุดหลิงเหมยก็เริ่มจะอิ่ม
หานเซิ่นคิดว่าตัวเองคงจะได้รับคะแนนความสัมพันธ์จากเธอจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงถามคำถามกับเธอ ขณะที่เธอกำลังกินเนื้ออบแห้งห่อสุดท้ายเข้าไป
มันมีเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับดาร์กสปิริตที่เธอไม่สามารถบอกกับหานเซิ่นได้ แต่นอกจากนั้นแล้วเธอก็บอกกับเขาเท่าที่จะบอกได้
หานเซิ่นได้รู้เรื่องราวส่วนใหญ่เกี่ยวกับดินแดนใต้ดินแห่งนี้ ที่ถูกเรียกว่าอันเดอร์เวิร์ล โดยมีผู้อยู่อาศัย ซึ่งมันถูกปกครองโดยชนเผ่าดาร์กสปิริตและยังมีชนเผ่าอื่นๆอยู่ด้วยเช่นกัน หลิงเหมยอ่อนแอเกินกว่าที่จะยึดครองเมืองมาเป็นของตัวเองได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามอย่างสุดความสามารถในการช่วยเหลือคนที่ยินดีจะเข้าร่วมกับเธอ
เธอมีเพียงแค่แกนยีนระดับทองแดงเท่านั้น ดังนั้นถ้าเธอและหานเซิ่นต้องการจะบุกโจมตีเมืองระดับทอง มันก็ยังเป็นเรื่องที่ยากอยู่ดี
“เจ้าจะถูกนับว่าเป็นชนชั้นสูงสำหรับดาร์กสปิริตอย่างนั้นหรอ ถ้าเจ้ามีเพียงแค่แกนยีนระดับทองแดง?” หานเซิ่นถาม
ถึงจะเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด แต่เธอก็ต้องเริ่มต้นจากแกนยีนที่อ่อนแอ และเธอก็ต้องพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองเช่นเดียวกับคนอื่นๆ หลิงเหมยจะต้องพัฒนาแกนยีนของตัวเอง ถ้าเธอต้องการที่จะขยายดินแดนออกไป