บทที่ 18: ทีมนั้นสำคัญไฉน?
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 18: ทีมนั้นสำคัญไฉน?
สายตาอันเฉียบแหลมของถังหยู่มองไปที่ร่างกายของโม่ฝาน ในขณะที่นางกำลังพิจารณาอยู่นั้น นางอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากแน่นโดยไม่รู้ตัว
“โม่ฝาน แกคงจะตื่นเต้นมากสินะกว่าจะลุกขึ้นยืนได้ เทอมแรกผ่านไปซะแล้วแต่แกยังไม่สามารถควบคุมดวงดาวได้สักดวง ดาวทุกดวงก็คงจะอยู่ในความมืดมิดไม่มีวันออกมาพบหน้าแกหรอก!” จ้าวคุณซานกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยาม
ในตอนท้ายของเทอมจะมีการสอบวัดความสามารถของนักเรียน นอกจากนี้ดวงดาวของโม่ฝานธาตุไฟนั้นยังไม่ขยับแม้แต่น้อย ซึ่งเหตุนี้ทำให้จ้าวคุณซานและมู่ไป๋อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน!
“ไอ้คนงี่เง่าที่มันสามารถทำได้เพียงแค่ปลุกธาตุไฟขึ้นมา แต่กลับโง่เง่าเกินกว่าจะใช้งานได้ เช่นนี้ก็คงไม่สามารถเป็นนักเวทย์ได้หรอกในชั่วชีวิตนี้”
“ธาตุไฟของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก ทำไมเธอถึงอ่อนแออย่างนั้นล่ะ? โม่ฝานมีนักเวทย์หลายคนปรารถนาที่จะปลุกธาตุไฟขึ้นมา เธอนั้นได้รับในสิ่งที่หลายคนอยากได้ ทำไมจึงทำเหมือนว่าไม่ต้องการมันเช่นนั้น จงพยายามให้มากกว่านี้รู้ไหม?” ถังหยู่มองไปที่โม่ฝานอย่างหดหู่
“ผมรู้ครับอาจารย์ถังหยู่” โม่ฝานพยักหน้ารับเบาๆ
เมื่อนักเวทย์ทำสมาธิไปถึงระดับหนึ่งที่แข็งแกร่งมากพอแล้ว จะสามารถรับรู้ถึงพลังของผู้อื่นได้
เช่นนี้ด้วยความแข็งแกร่งของอาจารย์จึงสามารถประเมินความสามารถของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างคร่าวๆ
ซึ่งโม่ฝานนั้นรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ในตอนนี้สิ่งที่โม่ฝานทำก็คือซ่อนพลังของสายฟ้าเอาไว้ เขาเปิดเผยเพียงธาตุไฟเท่านั้น ดังนั้นผู้อื่นจะสามารถมองเห็นว่าเขามีเพียงแค่ธาตุไฟและไม่สามารถตรวจจับธาตุอื่นในตัวของเขาได้
เช่นนี้โม่ฝานจึงเลือกที่จะซ่อนมันจากสายตาของบุคคลอื่นโดยเด็ดขาด!
“ผมต้องการฝึกฝนธาตุไฟ ในตอนนี้ผมมีอาจารย์ที่เก่งกาจเช่นกัน เช่นนี้จึงหวังว่าผมจะสามารถผ่านการทดสอบใหญ่ตอนท้ายเทอมไปได้!” โม่ฝานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มบาง
‘หืม?’
‘ทำไมหญิงสาวคนนี้จึงจ้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะ?’
‘ดูเหมือนว่าจะชื่อซูมินสินะ เด็กเรียนดีประจำชั้นล่ะสิ เหอะๆ ธาตุไฟด้วย!’
โม่ฝานหันไปมองซูมินด้วยสายตาประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจะต้องจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเช่นนั้นด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง ซูมินขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องมองไปที่โม่ฝานอย่างไม่วางตา แน่นอนว่าเธอกำลังไม่พอใจเขาอย่างมาก
ซูมินกำลังรู้สึกแย่! แย่มากๆ!
‘ทำไมโม่ฝานคนนี้ถึงมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมกว่าเธอ?’
ชุยมู่เชิงซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นกล่าวไว้ว่าพรสวรรค์ของโม่ฝานนั้นยอดเยี่ยมอย่างมากเมื่อเขาปลุกพลังเวทย์ขึ้นมาได้ อีกทั้งในตอนนี้เขายังได้รับคำชมจากถังหยู่ว่ามีพรสวรรค์ที่เป็นเลิศเช่นกัน
‘ช่างมันเถอะ ฉันไม่จำเป็นต้องโกรธอะไรขยะเปียกนี้สักหน่อย ยังไงซะภายในครึ่งปีนี้นายก็ไม่มีทางที่จะปลดปล่อยธาตุไฟได้หรอก สุดท้ายนายก็จะสอบไม่ผ่านแล้วก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียน อีกครึ่งปีเราก็คงไม่ต้องเจอกันอีกแล้วล่ะ’
“ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ครอบครัวก็ยากจนขนาดนั้น แทบจะต้องขายบ้านเก่าๆเพื่อได้เข้ามาอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ แต่หลังจากปลุกธาตุไฟขึ้นมาได้กลับเย่อหยิ่ง ขี้เกียจ ไม่สนใจครอบครัว นี่มันสุนัขประเภทไหนกัน? เหอะ”
ด้วยการถากถางของจ้าวคุณซานที่มีมู่ไป๋คอยบ่งการ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้สถานะของโม่ฝานนั้นถูกเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด
“ตอนนี้ฉันได้รู้เรื่องการสอบประจำปีแล้วจากอาจารย์ประจำชั้นของพวกเธอ หนึ่งคือนักเรียนที่ไม่มีคุณสมบัติจะต้องออกจากโรงเรียน สองนักเรียนที่ได้ไปต่อจะถูกแยกออกไปตามระดับความสามารถ ถ้าหากได้อยู่ในห้องต้นๆ แน่นอนว่าจะมีสิทธิ์ได้เข้ามหาลัยที่ยอดเยี่ยมแน่นอน เช่นนี้หวังว่าในเทอมนี้พวกเธอจะฝึกฝนกันอย่างหนักนะ” ถังหยู่กล่าวกับนักเรียนทุกคน
“อาจารย์ถังหยู่ ในปีถัดไปพวกเราจะได้เจอคุณใช่ไหม?” นักเรียนหนุ่มคนหนึ่งถามออกมา
“แน่นอน ย่อมเป็นเช่นนั้น ฉันได้สอนพวกเธอแน่ในอนาคต” ถังหยู่พยักหน้าอย่างสดใส
“อาจารย์… ฉัน… ชื่อหวงเฟ่ยเฟิงจะฝึกฝนอย่างหนัก!”
“อาจารย์ถังหยู่ ผมจะไปพบคุณอีกแน่นอน”
ถังหยู่เผยยิ้มกว้างออกมาอย่างสดใส ในตอนนี้เธอรู้แล้วว่าการเรียนการสอนในวันนี้เป็นไปด้วยดี นักเรียนทั้งหมดถูกปลุกความหลงใหลในเวทมนตร์ขึ้นมาอีกครั้ง
“เยี่ยมมาก ถ้าหากพวกเธอสามารถควบคุมดวงดาวทั้งเจ็ดได้แล้ว สามารถมาพบฉันเป็นการส่วนตัวได้เลย ฉันสามารถจะสอนขั้นต่อไปให้ได้” ถังหยู่กล่าวต่อ
“โว้ว… โว้… ว้าว…ว้าวววว~~~~~~~~~~~~”
นักเรียนชายหลายคนส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น
ทันใดนั้นการควบคุมดวงดาวทั้งเจ็ดกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนต้องการจะทำให้สำเร็จ
“ฉันอยู่ไม่ไกลจากดาวทั้งเจ็ดแล้ว ฮ่าฮ่า อาจารย์ถังหยู่ รอผมก่อนเถอะ…”
“จริงเหรอ ควบคุมได้เท่าไหร่แล้วล่ะ?”
“สอง”
“บ้าบอ!”
“ฉันสามแล้ว ฮ่าฮ่า!” หวงเฟ่ยเฟิงกล่าวเกทับ
“สามงั้นเหรอ ฮ่า ฉันสามารถควบคุมได้สี่ดวงแล้ว ดวงที่สี่นั้นยากมากถ้าหากเธอไม่เข้าใจ เธอก็จะทำไม่ได้แน่นอน ฮ่าฮ่า!” ชูชินกางกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยัน
“ฉันอยากรู้ว่ามู่ไป๋ได้กี่ดวงแล้ว?”
“ห้า… ห้าดวง เขาฝึกฝนได้รวดเร็วมาก!”
“ฉันได้ยินมาว่าขนาดอัจฉริยะของโรงเรียนยังทำได้เพียงแค่ห้าดวงเท่านั้น”
บทสนทนารอบๆกำลังกล่าวถึงมู่ไป๋อย่างออกรส
อย่างไรก็ตาม เพื่อภาพลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมมู่ไป๋จะไม่แสดงสีหน้าพอใจหรือยินดีกับคำเยินยอเหล่านั้นเด็ดขาด เขาวางมาดและคอตึงดั่งเช่นทุกวันที่เคยทำ
แต่จ้าวคุณซานไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเขาเห็นว่าลูกพี่ของตนเองได้รับคำชม เขาจะกระโดดออกไปรับแทนอย่างออกหน้าราวกับสุนัขได้กระดูก เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้มู่ไป๋ไม่สามารถทำมันได้ด้วยตนเอง เช่นนั้นเขาจะทำแทน!
มู่ไป๋ไม่สามารถพูดได้ว่าเขาควบคุมได้เท่าไหร่ และไม่สามารถเหยียดหยามผู้อื่นที่ได้ สองหรือสาม สี่… เขาไม่ให้ราคากับการพูดคุยเหล่านี้ เขาชื่นชอบที่จะถูกวางไว้ด้านบนเป็นบุรุษที่ใครก็ไม่สามารถเอื้อมถึง เช่นนี้จ้าวคุณซานจึงต้องคอยเป็นลิ่วล้อทำให้เขาได้สมหวังในสิ่งที่จะเป็นคือ ความสมบูรณ์แบบ!
เช่นนี้ทุกคนจึงมองเขาว่าเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบโดยสมบูรณ์ เขาคืออัจฉริยะผู้ที่สุขุมและไม่มีวิสัยทัศน์แย่ๆ นับได้ว่าจ้าวคุณซานนั้นเป็นลิ่วล้อที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!
••••••••••••••••••••
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••