GE286 วังทั้งสาม [ฟรี]
หนิงฝานเก็บรถเพลิงทองคำและศพปีศาจ เดินเคียงคู่ว่านเอ๋อร์ด้วยสีหน้าสงบท่ามกลางสายตาของผู้เชี่ยวชาญมากมาย
การปรากฏตัวของหนิงฝานทำให้ผู้เชี่ยวชาญเผ่าต่างๆตื่นตัว หันมาป้องมือให้ด้วยความนับถือและหวาดกลัว ภาพที่หนิงฝานใช้วิชาหมอกเมฆาม่วงสังหารหวางเซี่ยวจนกลายเป็นธุลียังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ ยิ่งศพปีศาจในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง ยิ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นหวาดกลัวขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะกับผู้นำเผ่ารอยแยกพิภพ มันเคยเป็นผู้ประกาศรางวัลค่าหัวหนิงฝาน แต่ตอนนี้มันยอมรับแล้วว่ามันไม่อาจล่วงเกินหนิงฝานได้
“ในที่สุดนายกองเป่ยก็มา พวกข้ารอท่านมาพักหนึ่งแล้ว… ได้ยินว่าท่านออกเดินทางไปทั่วทุกเผ่าเพื่อเสาะหาข่ายอาคมโบราณ ไม่ทราบว่าท่านต้องการข่ายอาคมชนิดใด ข้าจะได้ช่วยเป็นธุระให้อีกแรง”
ผู้นำแต่ละเผ่าตอนรับหนิงฝานด้วยความนอบน้อม หนิงฝานเองก็ป้องมือให้กับเหล่าผู้นำเผ่าแต่ละคน และปฏิเสธความช่วยเหลือ
“ข้ารวบรวมข้าข่ายอาคมได้ครบตามที่ข้าต้องการแล้ว คงไม่รบกวนผู้นำเผ่ารอยแยกพิภพเป็นธุระ”
หนิงฝานปฏิเสธความช่วยเหลือผู้นำเผ่ารอยแยกพิภพอย่างตรงไปตรงมา
หนิงฝานหันมองลู่ตู้เฉินและลู่เจี่ยเฟิน ทั้งสองยิ้มให้เขาอย่างมีนัย ลู่ตู้เฉินอยากให้เขารักษาสัญญาที่จะช่วยลู่หวู่ ที่ชายชราเตรียมการมาทุกสิ่งก็เพื่อวันนี้
เพียงแต่… เมื่อครู่ที่เขาสบตาลู่เจี่ยเฟิน มันให้ความรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
ถึงแม้ลู่เจี่ยเฟินจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสุดท้าย แม้จะดูแข็งแกร่งทรงพลัง แต่ก็ยังไม่ทัดเทียวหวางเซี่ยว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวล
เพียงแต่ อีกกลิ่นที่มันพยายามปกปิดเอาไว้ ทำให้หนิงฝานสัมผัสได้ถึงอันตราย และกลิ่นอายนั้นก็คล้ายคลึงกับกลิ่นอายที่เขาเคยสัมผัสได้จากฉู่เฮ่อ หยิงเฮ่อ และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆจากวังผนึกอสูร เพียงแต่กลิ่นอายที่ได้จากลู่เจี่ยเฟินรุนแรงกว่าหลายเท่า
“ดูเหมือลู่เจี่ยเฟินจะเกี่ยวพันกับวังผนึกอสูรไม่น้อย ข้ารู้สึกราวกับว่ามันมีวิชาที่จะช่วยยกระดับขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ… หรือวังผนึกอสูรจะมีเป้าหมายเป็นดาราแห่งจักรพรรดิเหมือนกัน”
หนิงฝานขบคิดถึงความเป็นไปได้ แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า
เผ่าปีศาจยักษ์คือผู้ที่พบสถานที่แห่งนี้เป็นผู้แรก ยิ่งด้วยที่สถานที่แห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนวิญญาณอสูรอสูร วังผนึกอสูรและแดนสวรรค์อสูรจึงหมายตา ฝึกฝนเหล่าคนของตนเพื่อมุ่งเข้ามาที่นี่
ยามนี้ดูเหมือนวังผนึกอสูรกำลังเตรียมการอะไรบางอย่าง
วังผนึกอสูรและเผ่าเพลิงมีแผนอะไรกัน… แต่ไม่ว่าพวกมันจะมีแผนอะไร หนิงฝานก็มีไพ่ตายอยู่ในมือมากมาย ไม่จำเป็นต้องกังวล
“ลู่เจี่ยเฟิน… ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ดาราแห่งจักรพรรดิก็ต้องเป็นของข้า!”
หนิงฝานเดินตรงไปหาลู่ตู้เฉิน
ชายชรากล่าวยิ้มให้พลางกล่าวกับหนิงฝานด้วยสัมผัสเทพ “ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องเจ้า!”
ชายชรานำกล่องหยกสีเงินออกมาแล้วยื่นให้หนิงฝาน
เมื่อเขาแผ่สัมผัสเทพสำรวจภายใน เขาขมวดคิ้วก่อนจะเก็บกล่องไป
ข้างในกล่องใบนั้นคือกุญแจสีเงิน!
หนิงฝานพอจะเดาได้ว่ามันคือกุญแจของวังดารา ของสิ่งนี้สำคัญยิ่งกว่าแผนที่ที่หนิงฝานได้มา… ตอนแรกชายชราไม่ได้ยอมให้หนิงฝานง่ายๆนัก แต่ยามนี้ ดูเหมือนชายชราจะไว้ใจในตัวเขามาก ถึงได้ยอมให้ง่ายๆแบบนี้
“วางใจเถอะ!” หนิงฝานกล่าวตอบเบาๆ แต่ชัดเจนและเข้าใจง่าย
แม้หนิงฝานเป็นคนที่ไม่เชื่อใจใครง่ายๆ แต่หากอีกฝ่ายแสดงความจริงใจก่อน เขาก็จะไม่ทรยศอีกฝ่ายเช่นกัน
ชายชราพยักหน้าพลางหันมองประตู
“ประตูกำลังจะเปิดแล้ว… พอบูชายัญโลหิตอสูรเสร็จ เจ้าก็นำแผนที่ทั้งหมดมาประกอบกันเพื่อให้มันแผ่กลิ่นอายของลู่หวู่ออกมา เมื่อนั้น ประตูก็จะถูกเปิดออก! เจ้ามีแผนที่วังดาราอยู่แล้ว สมควรวางใจได้ระดับหนึ่ง”
“อืม...”
แล้วพิธีบูชายัญโลหิตอสูรก็เริ่มขึ้น โลหิตอสูรจำนวนมหาศาลผสานเข้าไปในประตู ผู้เชี่ยวชาญร้อยคนยืนล้อมรูปสลักของลู่หวู่พลางร่ายเคล็ดความ
ข่ายอาคมขนาดยักษ์ที่ถูกเตรียมไว้เปล่งประกายเจิดจ้า แรงกดดันที่รุนแรงแผ่ออกมาจากประตู กินวงกว้างกว่าแสนลี้
ผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มและต่ำกว่าไม่อาจทนแรงกดดันที่รุนแรงได้ คนเหล่านั้นต้องทรุดเข่าลงกับพื้นเพื่อเลี่ยงแรงกดดัน แต่ถึงแม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณก็ใช่ว่าต้านรับแรงกดดันได้ง่ายเช่นกัน
เมื่อแรงกดดันแผ่มาถึงบริเวณของเผ่าลั่วหยุน ดวงตาข้างซ้ายหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาเอื้อมมือไปเบื้องหน้าทำท่าคว้าจับอากาศ ก่อนที่แรงกดดันที่ตรงเข้ามาจะสลายไป เพื่อปกป้องว่านเอ๋อร์
การกระทำของหนิงฝานทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆตกตะลึง แต่ในขณะนั้นเอง ประตูขนาดยักษ์ก็เริ่มเกิดการตอบสนอง เพียงแต่มันยังไม่เปิดเท่านั้น เหตุเพราะยังขาดแผนที่จากหนิงฝาน
หนิงฝานรู้ว่าหากเขาผ่านประตูไปแล้ว คงยากที่จะได้กลับมาที่นี่อีก และเขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตนถึงจะมีโอกาสได้กลับมา
แม้นางจะแสดงรอยยิ้มที่งดงามออกม แต่แววตาของนางกลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากแยกจาก
นางพยายามอดทนที่จะไม่ร่ำไห้ แต่ร่างกายของนางกลับหยุดสั่นไม่ได้
“หากความแค้นทั้งหมดยุติลง… ข้าจะกลับมา”
เมื่อกล่าวจบ ร่างหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นหมอกม่วง มุ่งขึ้นสู่ประตูขนาดยักษ์
เมื่อไปถึงหน้าประตู หนิงฝานนำแผนที่ทั้งหมดออกมา ประกอบพวกมันเข้าด้วยกัน ลวดลายขายข่ายอาคมที่สลักอยู่บนแผ่นที่ทั้งหมดเปล่งแสง ก่อนที่แผนที่จะผสานรวมเป็นหนึ่งกับประตู
ชั่วพริบตานั้น บนหน้าผากของผู้นำแต่ละเผ่าปรากฏรอยสลักสีทอง
“ท่านลู่หวู่” ลู่ตู้ฉานกล่าวด้วยสีหน้ายินดี ผิดกับผู้เชี่ยวชาญเผ่าอื่นๆที่ถอนหายใจ เพราะพวกมันไม่ได้เข้าไปยังแดนสาม มีเพียงลู่เจี่ยเฟินเท่านั้นที่แสดงสีหน้าละโมบ
“หากได้ดาราแห่งจักรพรรดิ ลู่เจี่ยเฟินที่เป็นร่างแยกของข้าคงบรรลุขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง… และเมื่อร่างแยกและร่างจริงผสานกัน ข้าก็จะบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงโดยสมบูรณ์ เมื่อนั้น ข้าจะได้ครองทะเลส่วนใน!”
ประตูบานยักษ์แง้มเปิด เผยให้เห็นมิติที่อยู่ภายใน
ภายในมิติที่มืดสนิท มีเส้นทางที่เปล่งแสงเรืองรองนำทางไปเบื้องลึก
“นั่นมัน...” ผู้เชี่ยวชาญทุกคนจ้องมองด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
ที่ปลายเส้นแสงสมควรเป็นแดนสาม ดินแดนที่อสูรในขอบเขตไร้ดัดแปลงหลับไหล
ลู่หวู่สมควรหลับไหลอยู่ภายในไข่อสูรขนาดยักษ์ ไม่ว่าจะผ่านการเวลาไปนานเพียงใด สมควรยังคงสภาพก่อนจะหลับไหล
เพียงแต่ว่า ลู่หวู่จะหลับไหลอยู่ในไข่จริงหรือ?
ถ้าเกิดแดนสามไม่ได้มีไข่อสูรอย่างที่ว่า มีเพียงมิติที่ว่างเปล่าหล่ะ?
หากเป็นแบบนั้นจริง ซูฉวนและลู่เจี่ยเฟินคงตกตะลึงไม่น้อย
แม้จะขบคิดต่างๆนาๆ แต่ก็ยังไม่อาจหาคำตอบ หนิงฝานจึงทำได้เพียงมุ่งหน้าตามเหล่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆสู่แดนสาม
ยามนี้ มีเพียงหนิงฝานและลู่ตู้เฉินเท่านั้นที่ทราบความจริง
กระจะก้าวเข้าประตู หนิงฝานหันมองว่านเอ๋อร์ กำหมัดแน่นก่อนจะก้าวเข้าประตูไป
เมื่อเท้าพ้นประตู เส้นแสงที่เห็นนำทางหนิงฝานไปยังบางแห่งในวังดารา
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆก็ถูกส่งไปตามเส้นทางของตน
“เขาไปแล้ว...” ว่านเอ๋อร์ไม่อาจเก็บรอยยิ้มไว้ได้อีก น้ำตานางไหลรินอาบแก้ม
“ข้าจะตั้งใจฝึกฝนและยกวิชาเสริมความสามารถสมบัติ เพื่อให้ตำหนักราชาอสูรต้องตาข้า ให้ข้าได้มีโอกาสเหมือนท่านอาจารย์… เมื่อถึงยามนั้น ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง… เจ้าจะได้ใช้้ชีวิตอย่างวางใจ”
ระหว่างทีหนิงฝานมุ่งไปนั้น แม้เขาจะพยายามใช้ดาราอสูรเพื่อมองสิ่งรอบข้า แต่กลับมองไม่ทัน เพราะเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงจนเกินไป อย่างน้อยๆก็รวดเร็วกว่ารถเพลิงทองคำของเขา 6 เท่า ซึ่งอาจเทียบได้กับความเร็วของผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้แบ่งแยก
เส้นแสงชักนำไปร่วม 10 วัน เมื่อเส้นแสงหายไป หนิงฝานปรากฏกายอยู่ภายในวังที่งดงามระยิบระยับด้วยแสงสีเงิน
อิฐทำด้วยเงิน กระเบื้องทำด้วยเงิน ทุกสิ่งที่อยู่ภายในถูกสร้างด้วยเงิน
เมื่อหนิงฝานเอื้อมมือสัมผัสผนัง พลังงานที่รุนแรงบางอย่างได้แล่นมายังฝ่ามือ ผลักให้เขาถอยไปกว่า 10 ก้าว
ดูเหมือนผนังวังจะแฝงไปด้วยพลังที่รุนแรง หากไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งจริงก็ไม่อาจสัมผัสมันได้
พลังสายนั้นคือพลังดารา! หมายความว่าที่นี่คือวังดารา ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยอันตราย แม้หนิงฝานจะได้แผนที่จากลู่ตู้เฉิน แต่ใช่ว่าสิ่งที่ระบุอยู่ภายในนั้นจะถูกต้องไปซะทั้งหมด แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน
“ที่นี่คือวังมนุษย์...”
หนิงฝานนำแผ่นหยกที่ชายชราให้ออกมา นำมาจ่อที่หน้าผากก่อนข้อมูลแผนที่ทั้งหมดปรากฏขึ้นบนหัว
วังดาราคือเขาวงกตขนาดยักษ์ ตามที่ชายชราได้บันทึกไว้ วังดาราแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ วังมนุษย์ วังพิภพ และวังสวรรค์
วังมนุษย์คือบริเวณที่อยู่ขอบนอกที่สุดของวังดารา หากผ่านวังมนุษย์ไปได้ จะได้พบกับวังพิภพ จากนั้นก็เป็นวังสวรรค์
ตามโครงสร้างที่บ่งบอกไว้ในแผนที่ บริเวณที่เป็นสวนสมุนไพรของจักรพรรดิสวรรค์นั้น สมควรอยู่ในวังสวรรค์ ที่สำคัญ ตำแหน่งที่ดวงจิตของลู่หวู่อยู่ ก็อยู่ในวังสวรรค์
หนิงฝานเก็บแผ่นหยกพลางกล่าว “ไม่รู้ว่าคนอื่นๆถูกส่งไปที่ไหน...”
เขาแผ่สัมผัสเทพไปรอบๆแต่ไม่พบสิ่งใด สถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล ระหว่างทางอาจมีกลไกต่างๆมากมายที่ไม่อาจสัมผัสพบ ดังนั้น จึงไม่อาจเคลื่อนไหวได้เฉกเช่นทั่วไป
ในระยะหมื่นลี้รอบข้างไม่มีผู้ใดอยู่ แต่หนิงฝานสัมผัสได้ถึงสมุนไพรพันปีและหมื่นปีจำนวนมาก สมุนไพรนั้นสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มีอายุยืนยาว แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และความอุดมสมบูรณ์ของปราณด้วย
เมื่อสมุนไพรเติบโตไปจนถึงขีดจำกัดของมัน มันจะสลายเป็นธุลีคืนสู่ธรรมชาติ
“ข้าจะเก็บสมุนไพรพวกนั้นให้หมด...”
หนิงฝานกระตุ้นตาซ้ายให้กลายเป็นสีม่วง ปีกฟู่ลี่กางสยาย พลางกระพือพัดส่งร่างของตนให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด
การเคลื่อนไหวโดยไร้ความระมัดระวังเช่นนี้ ย่อมกระตุ้นกลไกกับดักให้ทำงาน ลูกศรจำนวนมากยิ่งเข้าใส่หนิงฝาน แต่ด้วยสัมผัสรับรู้ ทำให้เขาหลบพวกมันได้อย่างง่ายดาย
แม้จะหลบกลไกเหล่านี้ได้ง่ายๆ แต่เขายังไม่อาจสงบใจ เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่เป็นอันตราย
ไม่นาน ผนังรอบข้างก็แผ่แรงกดดันที่รุนแรง กดทับเข้าใส่หนิงฝานจนเขายากจะหายใจ
เขาไม่สามารถต่อต้านพลังดาราเหล่านี้ได้ ร่างกายเหมือนถูกตรึง และชั่วพริบตานั้น แสงสีเงินได้ห้อมล้อมกาย นำตัวเขากลับมายังจุดเริ่มต้น!
“บินไม่ได้!”
สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยน ดูเหมือนวงกตแห่งนี้จะเหมือนแห่งอื่นๆที่กฏว่าห้ามบิน ไม่อย่างนั้นจะถูกส่งกลับมายังจุดเริ่มต้น วังดาราที่กว้างใหญ่ขนาดนี้...จะเดินเท้าได้ยังไงไหว?
หนิงฝานลองกระตุ้นปีกอีกครั้ง แรงกดดันเหล่านั้นก็เข้ากดทับร่างของเขาจนไม่อาจขยับได้อีก
“วังดาราแห่งนี้มีเจตจำนงค์อสูรของใครบางคน เจตจำนงค์ที่มีความสามารถในการห้ามบิน ถ้าเกิดจะบิน ก็ต้องใช้เจตจำนงค์ในระดับเดียวกันต้าน”
หนิงฝานเก็บปีก สองเท้าก้าวไปเบื้องหน้า ไม่นาน ทั่วร่างของเขาก็ปกคลุมด้วยไอน้ำ พร้อมกับพิรุณในระยะทางสั้นๆ
เจตจำนงค์เทพพิรุณ!
เมื่อเขาใช้เจตจำนงค์พิรุณ เขาสัมผัสได้ว่าเจตจำนงค์ที่ต่อต้านการบินนั้นอ่อนกำลังลง เมื่อเขาลองใช้เจตจำนงค์ปีศาจและเจตจำนงค์อสูรฟู่ลี่ แรงกดดันนั้นอ่อนกำลังลงยิ่งขึ้นไป ทำให้เขาบินด้วยความเร็ว 5 ใน 10 ส่วนได้
ดูเหมือนเจตจำนงค์เทพของเขายังไม่ทรงพลังพอที่จะต้านแรงกดดันได้อย่างสมบูรณ์
แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ว่าเจตจำนงค์ของเขาสามารถต้านเจตจำนงอสูรของที่นี่ได้ หากเจตจำนงค์ของเขาทรงพลังพอ เขาก็จะสยบเจตจำนงค์ที่นี่ได้อย่างสมบูรณ์ และกลับมาบินได้ใหม่อีกครั้ง
นอกจากนี้หนิงฝานยังพบอีกว่า เจตจำนงค์พิรุณของเขายกระดับขึ้นจากผลกระทบของเจตจำนงค์อสูรของที่นี่
“น่าสนใจ… เจตจำนงค์ของที่นี่ทำให้เจตจำนงค์พิรุณของข้ายกระดับ”
การสร้างเจตจำนงค์เทพเป็นของตนได้นั้นถือเป็นก้าวแรก ขั้นต่อไปคือการผสานเจตจำนงค์เทพกับวิชา เพื่อยกระดับให้เจตจำนงค์เทพทรงพลังยิ่งขึ้น
ในขอบเขตตัดวิญญาณ ผู้เชี่ยวชาญที่สร้างเจตจำนงค์ของตนได้นั้น ถือว่าประสบความสำเร็จในก้าวเล็กๆ เมื่อระดับพลังสูงขึ้นและความเข้าใจในเจตจำนงค์สูงขึ้น เจตจำนงค์เทพจะยกระดับไปยังขอบเขตที่สมบูรณ์แบบ กระทั่งผสานเข้ากับร่างกายเพื่อรวมเป็นหนึ่ง
การที่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจะทะลวงขอบเขตขั้นกลางได้นั้น นอกจากจะต้องมีปราณที่เพียงพอแล้ว ยังต้องบรรลุเจตจำนงค์เทพในขั้นต้น และหากจะบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง เจตจำนงค์ต้องบรรลุขั้นสูง
เจตจำนงค์เทพของหนิงฝานถือกำเนิดมาแตกต่างจากทั่วไป แต่ด้วยยามนี้มีเจตจำนงค์อสูรของวังดารากระตุ้น มันจึงค่อยๆยกระดับเข้าใกล้ขอบเขตขั้นข้นอย่างช้าๆ
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก สถานที่แห่งนี้เคยผสานกับเจตจำนงค์เทพของจักรพรรดิสวรรค์ แม้ยามนี้เจตจำนงค์จะสลายไปแล้ว แต่แรงกดดันของมันยังคงอยู่ ซึ่งนั่นเป็นตัวช่วยยกระดับเจตจำนงค์ได้เป็นอย่างดี
“ลู่ตู้เฉินบอกว่า หากข้าได้ดาราแห่งจักรพรรดิ ข้าจะทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง แต่ก่อนจะได้มัน ยามนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ข้าจะยกระดับเจตจำนงค์เทพ… กุญแจวังดาราอยู่กับข้า ไม่มีใครได้ครอบครองดาราแห่งจักรพรรดิ ข้าไม่จำเป็นต้องรีบ”
ผู้ที่เข้ามายังแดนสามถูกส่งตัวกระจายไปยังส่วนต่างๆของวังมนุษย์ เมื่อคนเหล่านั้นทิวทัศน์รอบข้าง สีหน้าพวกมันแปรเปลี่ยน
พวกมันล้วนมีเป้าหมายในการปลุกลู่หวู่ และชิงดาราจักรพรรดิมาครอบครอง แต่ยามนี้ สิ่งที่ปรากฏกลับแตกต่างจากที่พวกมันคิดโดยสิ้นเชิง เพราะที่นี่คือเขาวงกตขนาดยักษ์ ไม่ว่าที่ใดก็ห้ามการบิน
เมื่อไม่อาจบินได้ ย่อมทำความเร็วได้มากสุดเพียง 1 ใน ส่วนของตน
สนมอสูรจื่อขมวดคิ้วแน่น นางคาดไม่ถึงว่าแดนสามจะเป็นแบบนี้
“บัดซบ ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้! แบบนี้จะไปหาสวนสมุนไพรของจักรพรรดิได้ยังไง… ถ้าทำงานตามที่ราชาปีศาจสั่งไว้ไม่ได้ ข้าตายแน่!”
นางนำเข็มทิศออกมา “ที่นี่มีเจตจำนงค์อสูรที่ไม่ทรงพลังเท่าไหร่นัก อย่างน้อยถ้าบินก็ทำความเร็วได้ครึ่งเดียว… ตอนนี้ต้องรีบหาสนมอสูรคนอื่นๆให้เจอ… ต่อให้ไม่เจอสวนสมุนไพร แต่สมุนไพรที่นี่ก็มีมากมาย น่าจะเก็บไปให้ราชาอสูรได้บ้าง”
สถานที่แห่งนี้มีอันตรายซ่อนอยู่ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ แต่หากเดินทางลำพัง ย่อมเป็นอันตรายมากกว่า
“คาดไม่ถึงว่าแดนสามจะเป็นเขาวงกต ทิ้งยังบินไม่ได้… แต่ก็ถือว่าดีที่ข้าได้มาอยู่ถูกตำแหน่ง อีกไม่ไกลก็จะถึงประตูทางเชื่อมไปยังวังพิภพ แบบนั้นข้าคงไปหาดาราจักรพรรดิได้ก่อนใคร… หากข้าดูดซับมันและทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง ข้าจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งของเผ่า!”
นายกองคนนี้เป็นคนของเผ่าวารี มันโชคดีที่ได้มาอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ทางเข้าสู่วังถัดไป
เมื่อมันไปถึงตำแหน่งของประตู มันผลักประตูเข้าไปภายใน ก่อนจะปลุกสิ่งที่หลับไหลให้ตื่นขึ้น
“ผู้ใดที่เข้ายังเขาวงกตต้องตาย!”
เมื่อแรงกดดันที่รุนแรงปรากฏ นายกองคนนั้นสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“ทาสในขอบเขตตัดวิญญาณ! ทำไมถึงได้มีมากมายขนาดนั้น!”
เสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น ก่อนที่ประตูบานนั้นจะปิดตัวลงอีกครั้ง
วังสวรรค์… เหล่าผู้นำเผ่าได้ถูกนำตัวมายังวังสวรรค์โดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อพวกมันตั้งสติได้ พวกมันก็เร่งขบคิด
ยามนี้ ลู่ตู้เฉินขมวดคิ้ว ถ้าเดาไม่ผิดที่นี่สมควรเป็นวังสวรรค์
“วังสวรรค์! ที่นี่คือวังสวรรค์ไม่ผิดแน่… แต่เหตุใดพวกข้าถึงได้ถูกนำตัวมาที่นี่”
*โฮก*!
เสียงคำรามของอสูรดังสะท้อนไปทั่ววังสวรรค์ แรงกดดันที่ทรงพลังของมันทำให้เหล่าผู้นำเผ่าหวาดกลัวจนต้องเร่งถอย
ต้นเสียงนั้นดังมาไม่ไกลจากประตูทางเข้าวังสวรรค์ หากไม่เร่งถอยห่าง แม้เป็นเพียงเสียงคำราม ทั้งหมดอาจต้องบาดเจ็บสาหัสได้
“นายท่าน… ไม่! ไม่ใช่! นี่มัน...” สีหน้าลู่ตู้เฉินแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
ชายชราเข้าใจไม่ผิด ดวงจิตของลู่หวู่ถูกใครบางคนพันธะนาการไว้ที่นี่ นั่นหมายความว่า ในวังดาราแห่งนี้มีสิ่งที่เป็นอันตรายร้ายแรงอยู่
“ลู่ตู้เฉิน นี่เจ้ากำลังปิดบังอะไรข้าอยู่! ทำไมนายท่านถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้… ทำไมท่านถึงเหมือนถูกผนึกแบบนั้น!”
แม้ลู่เจี่ยเฟินจะเดือดดาล แต่แววตาของมันยังแฝงไปด้วยความกังวล
หรือว่าลู่หวู่ตื่นจากหลับไหลแล้ว? แต่ถ้าตื่นแล้ว ทำไมปราณแห่งความถึงหนาแน่นขนาดนั้น?
“นายท่าน...ตายแล้ว” สีหน้าลู่เจี่ยเฟินแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง...