GE285 ประตูสู่แดนสาม [ฟรี]
3 ปีผ่านไปในพริบตา
ในที่สุดหนิงฝานก็สร้างอาวุธเทพโบราณชิ้นที่ 3 เสร็จ นอกจากนี้ เขายังสลักอักษรอสูร ‘แข็ง’ ลงไปมากถึง 18,450 ครั้ง
นอกจากนี้ หนิงฝานยังได้สั่งให้คนไปรวบรวมข่ายอาคมโบราณทั้งหมดในเมืองลั่นหยุน จนทำให้หยกสวรรค์ที่มีร่อยหรอไปมาก
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหนิงฝานจะเอาข่ายอาคมไปทำอะไร
หลังจากลู่ว่านเอ๋อร์เสร็จสิ้นการเก็บตัวฝึกฝน นางก็คอยมาอยู่ข้างกายหนิงฝานพร้อมกับศพนางสวรรค์
หนิงฝานและพวกนางออกเดินทางไปรวบรวมข่ายอาคมจากเผ่าต่างๆในแดนสอง เขาได้นำรถเพลิงทองคำและศพปีศาจออกมาช่วยลากรถ จนทำให้รถเพลิงทองคำของเขารวดเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตไร้ดัดแปลง ในเวลาหนึ่งวัน พวกเขาสามารถเดินทางข้ามเส้นทางได้มากกว่า 30 ล้านลี้
ภายในหนึ่งปี หยกสวรรค์ที่หนิงฝานมีถูกใช้ไปจนหมด แต่ระหว่างการเดินทาง เมื่อเจ้าเมืองต่างๆได้เห็นรถเพลิงทองคำและผู้ลากจูงในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง คนเหล่านั้นก็จะนำสมบัติและหยกสวรรค์มามอบให้ด้วยความยำเกรง
ดังนั้น การเดินทางจึงบรรลุเป้าหมายได้อย่างราบรื่น
ผ่านไปหนึ่งปี หนิงฝานสิ้นสุดการเดินทางและกลับมายังเมืองลั่วหยุน แต่เมื่อมาถึง เขาได้รับจดหมายจากลู่ตู้เฉินว่าประตูเข้าสู่แดนสามได้ถูกเตรียมจนเรียบร้อยแล้ว
ระหว่างการเดินทาง ว่านเอ๋อร์อยู่ข้างกายหนิงฝานไม่ห่าง เพียงแต่...นางไม่ได้อยู่กับหนิงฝานเพียงลำพัง
เดิมทีหนิงฝานจะมีศพนางสวรรค์อยู่ข้างกาย แต่ในระหว่างนั้น เขาได้นำเหล่าสตรีทั้งหมดในแหวน ออกมาสูดกาศภายนอก และให้พวกนางได้อาศัยอยู่ในรถเพลิงทองคำ
ว่านเอ๋อร์รู้ว่าสตรีเหล่านี้คือกระถางขัดเกลาของหนิงฝาน แต่ที่นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะดีกับพวกนางมากขนาดนี้ ที่สำคัญ นางยังไม่รู้ว่าหนิงฝานรวบรวมสตรัเหล่านี้มาได้ยังไง กระทั่งฝึกฝนให้พวกนางสามัคคีและกลายเป็นกำลังให้เขาได้
สำหรับหนิงฝานแล้ว เขาจะโหดเหี้ยมกับศัตรู แต่กับคนของเขาจะใจดีด้วยเป็นอย่างมาก
ระหว่างการเดินทาง นอกจากจะได้สมบัติต่างๆมา หนิงฝานยังได้โอสถมาเป็นจำนวนมาก เขามอบโอสถให้ว่านเอ๋อร์แจกจ่ายให้กับเหล่ากระถางขัดเกลา
พวกนางหลายคนยังเยาว์วัย บางคนถึงจุดตีบตัน ดังนั้นโอสถที่หนิงฝานให้ไปสมควรเป็นประโยชน์กับพวกนาง
ด้วยจำนวนที่มากเช่นนั้น ทำให้หนิงฝานมีเวลาอยู่กับว่านเอ๋อร์เพียงลำพังแค่หนึ่งคืน
“สตรีของเจ้ามีมากเลยนะ...” ว่านเอ๋อร์กล่าวด้วยความขุ่นเคือง
“ในอนาคตพวกนางจะกลายเป็นกำลังให้… ข้าสัมผัสได้!” หนิงฝานยิ้ม
ยิ่งระดับพลังสูงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญยิ่งสัมผัสถึงสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้น และสัมผัสที่ว่านั้น มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงสูง
นางคาดเดาว่า ในอนาคต หนิงฝานจะมีกระถางขัดเกลามากขึ้น
“ถ้าเกิดพวกนางเป็นกำลังให้เจ้าไม่ได้… ข้าจะรับพวกนางไว้เอง...” นางถอนหายใจ ด้วยความที่อยู่กับหนิงฝานและศพนางสวรรค์มานาน นางสังเกตุเห็นว่าศพนางสวรรค์ไม่ยอมอยู่ห่างกายหนิงฝาน
หนิงฝานให้ความสำคัญกับกระถางขัดเกลาทุกคน
“เจ้าอยากร่วมเดินทางไปกับข้าหรือเปล่า?”
เมื่อเข้าสู่แดนสาม หนิงฝานอาจไม่ได้กลับออกมาแดนสองอีก
เขาสามารถพานางร่วมทางเดินไปด้วยได้ แต่เขาไม่อยากบังคับให้นางต้องจากบ้านเกิด เพราะการร่วมเดินทางนั้น นางต้องใช้ชีวิตอยู่ในแหวนกระถางขัดเกลา
แต่หากจะทิ้งนางไว้ที่นี่เขาก็กังวลใจ เขาสังหารศัตรูไปมากมาย และทุกคนในแดนสองก็รู้ว่านางเป็นภรรยาของเขา พวกมันอาจเอาความแค้นมาลงที่นาง
“ตอนนี้ข้ายังไม่คู่ควรที่จะเดินเคียงข้างเจ้า หากตามไปก็รังแต่จะเป็นตัวถ่วงเท่านั้น… ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ ศึกษาวิชาเสริมความสามารถสมบัติ ที่นี่ปลอดภัย เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ามีทั้งพี่ชาย อาจารย์ และพี่วู่หยาน… เจ้ามีวิธีช่วยพี่วู่หยานจริงๆใช่มั้ย?”
“อืม...” หนิงฝานไม่กล่าวสิ่งใด ขอเพียงนางปลอดภัยเขาก็วางใจ
“ข้ามีความลับจะบอกเจ้า… เจ้ารู้หรือเปล่าว่าทำไมตำหนักราชาอสูรถึงให้ความสำคัญกับอาจารย์ข้ามาก?” ว่านเอ๋อร์กล่าว
“ข้าไม่รู้ แต่ข้าคิดว่ามันแปลก... ทำไมราชาอสูรถึงให้ความสำคัญกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางมากขนาดนั้น แม้แต่วู่หยานและสนมอสูรจื่อยังต้องไว้หน้า”
“สนมอสูรจื่อบอกว่า วิชาเสริมความสามารถสมบัติของอาจารย์ข้าเป็นที่ต้องตาราชาอสูร… อีก 100 ปีข้างหน้าตำหนักราชาอสูรจะส่งคนรับอาจารย์ข้าไปยังแดนสวรรค์อสูร และจะช่วยให้ท่านได้บรรลุเซียนในระยะเวลา 1000 ปี! ด้วยสถานะอันสูงส่งของอาจารย์ข้า ต่อให้เป็นองค์ชายซูฉวนก็ไม่กล้ายั่วยุ หากอาจารย์ข้าบรรลุเซียนเมื่อไหร่ ข้าจะขอให้ท่านแก้แค้นให้เจ้า!” นางกล่าวอย่างจริงจัง
“เซียน… วิชาเสริมความสามารถสมบัติ...” หนิงฝานขมวดคิ้ว เหตุใดราชาอสูรถึงได้ให้ความสำคัญกับวิชาเสริมความสามารถสมบัติของลู่ตู้เฉินนัก เขาไม่ทราบว่าหากนางอยู่ข้างกายอาจารย์จะปลอดภัยจริงหรือเปล่า
ศัตรูของหนิงฝานแต่ละคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง บางทีวันหนึ่งพวกมันอาจลงมือกับนางก็ได้
แต่การที่ลู่ตู้เฉินเป็นที่โปรดปราณของราชาอสูรมากมายขนาดนี้ บางทีว่านเอ๋อร์ที่เก่งกาจวิชาเสริมความสามารถสมบัติไม่แพ้กัน อาจได้รับความดีความชอบและมีโอกาสได้ยกระดับเป็นเซียนก็ได้
แม้หนิงฝานจะมีศัตรูที่ทรงพลัง แต่หากชื่อของลู่ตู้เฉินเลื่องลือและคนรู้จัก ต่อให้เป็นเผ่าพันธุ์อสูรโบราณที่อยู่บนแดนสวรรค์อสูร คงไม่กล้ายั่วยุลู่ตู้เฉิน เหมือนกับสนมอสูรจื่อที่แม้นางจะทำตัวกร่าง แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุเพราะเกรงต่ออำนาจของตำหนักราชาอสูร
“ตำหนักราชาอสูร… ข้าต้องชิงตัวสนมอสูรจื่อเพื่อช่วยเหลือวู่หยาน เมื่อถึงยามที่ต้องกลับไปแดนสวรรค์อสูร ผู้ที่กลับไปจะมีเพียงวู่หยาน เช่นนั้น นางจะได้ไม่ต้องถูกขังหมื่นปี… ว่านเอ๋อร์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลู่ตู้เฉินคุ้มครอง บางที อีก 1000 ปีข้าหน้านางอาจจะบรรลุเซียนก็ได้”
เมื่อขบคิดถึงสิ่งต่างๆ หนิงฝานก็ตัดสินใจว่าจะให้นางอยู่ที่นี่
นางมีทั้งอาจารย์และพี่ชาย สมควรปลอดภัยเป็นอย่างมาก ที่สำคัญ การได้อยู่กับครอบครัวย่อมมีความสุขยิ่งกว่า
“ครอบครัว...” หนิงฝานยิ้ม เขาไม่มีครอบครัว
เขาไม่ได้อยู่ลำพัง เขายังมีศพนางสวรรค์ที่อยู่ไม่ห่างกายนัก ยามนี้นางกำลังปักผ้าเป็นรูปผีเสื้อ ผีเสื้อที่นางปักขึ้นนั้นเป็นผีเสื้อครึ่งขาวครึ่งดำ
มู่เซียวหวนนั่งอยู่ข้างๆศพนางสวรรค์ กินขนม พลางมองผ้าที่นางปัก
ในเวลาเดียวกันนั้น หนิงฝานราวกับมีความหวังบางอย่าง
“ลู่หวู่… วังดารา… สวนสมุนไพร… ไม่รู้ว่าในแดนสามจะมีวิธีฟื้นความทรงจำและดวงจิตให้นางหรือเปล่า...”
หนิงฝานโดยสารรถเพลิงทองคำมุ่งไปยังทางใต้ของเผ่าลั่วหยุน ผ่านไปครึ่งเดือน หนิงฝานก็ไปถึงจุดหมาย พื้นที่บริเวณนั้นเป็นเขตอากาศหนาว รอบข้างปกคลุมไปด้วยหิมะ มีทหารในชุดคลุมยืนคุ้มกัน
เมื่อเหล่าทหารเห็นรถเพลิงทองคำมาถึง พวกมันเร่งวางอาวุธและป้องมือคารวะด้วยความเคารพ
“ข้าเฟิงหาน นายกองประจำการที่นี่ คารวะนายกองเป่ย!”
กองทหารที่เฝ้าระวังที่นี่มีกองกำลังนับหมื่น ในจำนวนนั้น มีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม 400 นาย และผู้เชี่ยวชาญจัดวิญญาณที่เป็นผู้นำทัพ
เฟิงหานรับหน้าที่ดูแลทางใต้ของเผ่าลั่นหยุน มันเป็นผู้เย่อหยิ่งทะนงตน แม้จะมีนายกองคนอื่นๆมา มันยังไม่เคยกล่าวตอ้นรับด้วยความนอบน้อมเช่นนี้ แต่เมื่อมันได้ชมการประลองของหนิงฝาน มันจึงหวาดกลัวและนับถือ
นอกจากนี้ เบื้องหน้าคือศพปีศาจในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง มันหวาดกลัวและประหลาดใจ เพราะเหตุใดถึงได้ให้ศพปีศาจระดับสูงเช่นนี้มาลากรถ
ยามนี้หนิงฝานนำเหล่ากระถางขัดเกลากลับเข้าไปในแหวน จึงเหลือเพียงศพนางสวรรค์
หนิงฝานเปิดม่านสีทองจ้องมองเฟิงหานและเหล่าทหารที่มารอต้อนรับ แต่แรงกดดันของเขากลับทำให้พวกมันหวาดกลัวจนตัวสั่น ราวกับผู้ที่จ้องมองมันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น แต่เป็นอสูรโบราณที่ทรงพลัง
ด้วยโลหิตอสูรโบราณบริสุทธิ์จำนวน 4 หยดที่หนิงฝานได้มา ไม่ว่าอสูรตนใดย่อมหวาดกลัวในตัวเขา
เฟิงหานเร่งก้มศีรษะพลางกล่าว มันไม่กล้าสบตาหนิงฝาน
“คนจากแดนสวรรค์และคนของทุกเผ่ามารวมตัวกันแล้ว ยามนี้ประตูสู่แดนสามได้ตระเตรียมจนพร้อมสรรพ เหลือแผ่นที่ของท่านที่ต้องนำไปประกอบกัน!”
“อืม… เช่นนั้นเจ้าขึ้นมาแล้วพาข้าไป!”
คำกล่าวของหนิงฝานทำให้ทุกคนตกตะลึง เหล่าทหารอิจฉาเฟิงหานที่ได้รับใช้หนิงฝาน
ตัวมันเองก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มันเร่งป้องมือรับคำและขึ้นสู่รถเพลิงทองคำของหนิงฝานอย่างรวดเร็ว
“ขอรับ!” มันคาดไม่ถึงว่าจะได้นั่งรถเพลิงทองคำ
รถเพลิงทองคำที่มีศพปีศาจขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลงลากนั้น มีความเร็วสูงจนมองเห็นสิ่งต่างๆได้ไม่ชัด การที่ได้นั่งอยู่บนรถคันนี้จึงเป็นเหมือนฝันของเฟิงหาน
การได้นั่งบนรถคันนี้เป็นเหมือนเกียรติยศของมัน
“หนิงฝาน เจ้าเห็นอะไรในตัวเฟิงหาน ถึงได้ให้มันขึ้นมา?” ว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจเจตนาหนิงฝาน
“ข้าไม่ได้คิดอะไรมากหรอก… แค่คิดว่า ถ้ามันปฏิเสธ ข้าจะฆ่ามันและชิงสมบัติของมันทั้งหมด ช่วงนี้หยกสวรรค์ที่ข้าต้องใช้ยิ่งไม่พออยู่”
หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว เขาไม่รู้ว่าที่กล่าวไปเหมาะสมหรือเปล่า
หากนางได้รู้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในป่าแห่งภูติพราย นางจะรู้ว่าสิ่งที่หนิงฝานทำยามนี้ ถือว่ามีเมตตามากแล้ว
การจะสังหาร ไม่จำเป็นต้องมีเมตผลมากนัก
เป้าหมายที่เฟิงหานจะพาหนิงฝานไปนั้น เป็นพื้นที่ห่างไกลทางตอนใต้ของเผ่า ที่นั่นมีภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์อยู่
กลิ่นอายโลหิตที่รุนแรงพัดโชย อสูรจำนวนมหาศาลถูกสังหารเพื่อนำโลหิตมาบูชายัญ นอกจากนี้ บนผืนฟ้ายังมีประตูสีแดงขนาดยักษ์ลอยเด่นอยู่
ประตูยังคงปิดสนิท จำเป็นต้องใช้แผนที่ของหนิงฝานประกอบกันเพื่อกระตุ้นข่ายอาคม
ยิ่งเข้าใกล้ประตูบานนั้นมากเท่าไหร่ ว่านเอ๋อร์ก็ยิ่งทุกข์ใจ เพราะหากหนิงฝานผ่านประตูบานนั้นไป คงอีกนานแสนนานกว่านางจะได้หนิงฝานอีกครั้ง
“หนิงฝาน...” นางปรารถนาจะให้หนิงฝานอยู่กับนางที่นี่ไปตลอดชีวติ แต่นางรู้ว่าหนิงฝานมีหลายเรื่องต้องทำ
“ข้าจะกลับมา!” หนิงฝานสัมผัสใบหน้านางพลางกล่าวอย่างอ่อนโยน
ในที่สุด รถเพลิงทองคำก็เดินทางมาถึงบริเวณที่เตรียมการไว้
การปรากฏตัวของรถเพลิงทองคำ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนหวาดกลัว
“ดูนั่น! เขาใช้มังกรทมิฬในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลงลากรถ! สมแล้วที่เป็นนายกองเป่ยที่ไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุ”
“อืม… เป็นศพปีศาจที่สมบูรณ์แบบ หากลู่เป่ยมีศพปีศาจอยู่ข้างกาย ในแดนสองนี้คงไม่มีใครกล้ายั่วยุ”
ผู้คนพูดคุยถึงความยิ่งใหญ่ของหนิงฝาน แต่ก็มีบางคนที่เห็นเฟิงหานนั่งอยู่บนรถด้วย
หนิงฝานและว่านเอ๋อร์เดินเคียงคู่ออกมาจากรถเพลิงทองคำ วู่หยานที่เห็นทั้งสองมีความสุข นางยิ่งรู้สึกอิจฉา
“เขาบอกว่าจะช่วยข้า… เขาจะทำได้จริงเหรอ?”
สนมอสูรจื่อขมวดคิ้วเมื่อเห็นศพปีศาจของหนิงฝาน ที่สำคัญ นางยังรู้สึกไม่สบายใจ
“บัดซบ! ถ้าเด็กนั่นมีศพปีศาจระดับนั้นอยู่ข้างกาย ข้าก็ทำอะไรมันไม่ได้ง่ายๆ”
ด้านซูฉวนเองก็ดวงตาเปล่งประกาย ตัวมันเป็นถึงองค์ชายผู้สูงศักดิ์ และยามนี้ มันก็จ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเจตนาต่อสู้
“ลู่เป่ยตู่ควรที่จะเป็นศัตรูที่อันตรายของข้า!”
ซูฉวนในยามนี้ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะหนิงฝานได้ ต่อให้มันใช้วิชาลับ อย่างมากที่สุดก็แค่ตกตายไปพร้อมกับหนิงฝาน
มันคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด มันเคยทำร้ายผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงจนบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว
ความเกลียดชังที่มันมีให้หนิงฝานหายไป มันยกย่องหนิงฝานให้เป็นสัตรูที่ทรงพลัง ที่มันต้องก้าวข้าม
“น่าเสียดายที่เพิ่งบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ปราณของเจ้ายังมีไม่มากพอ ตัวเจ้าในตอนนี้ยังสังหารข้าไม่ได้ ข้าจะรอจนวันใดที่เจ้าอยู่ระดับเดียวกับข้า ข้าจะต่อสู้ตัดสินกับเจ้า!”
ซูฉวนจ้องมองหนิงฝานด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาของมันดุดัน ปากขมุบขมิบแต่ไม่ออกเสียง
ผู้เชี่ยวชายตัดวิญญาณที่อยู่ด้านหลังของซูฉวนขยับเข้าหามัน พลางก้มหน้าราวกับคำสั่ง ยามนี้ ซูฉวนกำลังสั่งพวกมันด้วยสัมผัสเทพ
“เอาดาราแห่งจักรพรรดิมาให้ได้ เรื่องนี้สำคัญที่สุด อย่าได้ไปยั่วยุซัวหมิงถ้าไม่จำเป็น… ข้ามีลางสังหรณ์ว่า ในอนาคตข้าจะได้เจอกับมันอีก เมื่อนั้น ข้าจะต่อสู้ตัดสินกับมัน มันเป็นศัตรูที่คู่ควรกับข้าที่สุด!”