ตอนที่แล้วGE283 มันไม่เข้า [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE285 ประตูสู่แดนสาม [ฟรี]

GE284 โลหิตโบราณสี่หยด [ฟรี]


ผ่านไปหนึ่งวัน เมื่อเยว่หลิงคงตื่นขึ้น นางพบว่าตนนอนเปลือยเปล่า สองมือกอดหนิงฝานแน่น ร่างกายระบบด้วยความเจ็บปวด

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าอดีตผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่สุดในทะเลส่วนจะเป็นสตรี และยามนี้ นางได้เสียพรหมจรรย์ของตนไปแล้ว

หนิงฝานใช้ปราณคลายหยินเพื่อช่วยคลายความเจ็บให้นางระหว่างขัดเกลาผสาน

นางมีปราณส่วนเกินคั่งค้างในทะเลสติเป็นจำนวนมาก และผลจากการดูดซับปราณส่วนนั้นของนาง ทำให้หนิงฝานยกระดับปราณได้อีกอย่างน้อย 700 เกราะ จนยามนี้ เขามีปราณดั้งเดิมทั้งหมด 4200 เกราะแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีโลหิตพรหมจรรย์ของนางที่ยังไม่ได้ดูดซับ หากดูดซับจะได้ปราณเพิ่มมาอีก 10 เกราะ

“ตื่นแล้วเหรอ?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว แม้การร่วมรักกับนางจะทำให้เขาเจ็บตัวไม่น้อย แต่ก็ได้ปราณมาเป็นจำนวนมาก

“ปล่อยข้าได้แล้ว...”

ยามนี้หนิงฝานกอดนางไว้ในอ้อมอก นางไม่พอใจและพยายามผละออกจากอ้อมกอดของเขา นางสัมผัสได้ว่าปราณของตนฟื้นฟูมายังขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงแล้ว จึงช่วยทำให้นางคลายความโกรธได้บ้าง

เมื่อนางขบคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นางกลับรู้สึกสงสัย นางมีปราณคั่งค้างอยู่ในทะเลสติเป็นจำนวนมาก หากถูกดูดซับออกไป นางสมควรหมดสติไม่รู้สึกตัว และอย่างมาก ปราณของนางสมควรฟื้นฟูถึงแค่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง ยากที่จะฟื้นฟูถึงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง เพราะในระหว่างที่หมดสตินั้น นางจะไม่สามารถดูดซับปราณจากหนิงฝานได้ จึงถือเป็นเรื่องแปลกที่นางจะยกระดับปราณได้มากขนาดนี้

หรือหนิงฝานจะช่วยนาง?

“เจ้าช่วยข้าทะลวงเส้นลมปราณ จนระดับพลังของข้าฟื้นฟูถึงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงเหรอ?” นางกล่าวถามด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย แม้นางจะเจ็บระบบไม่น้อย แต่ไม่นับเป็นอันใดสำหรับนาง หากเป็นสตรีทั่วไปคงลุกจากเตียงไม่ขึ้น

“อืม...”

“เจ้าช่วยข้าทำไม? เจ้าจะดูดซับพลังของข้าจะหมดเลยก็ได้...”

“เพราะตอนที่เจ้าร่วมรักกับข้าจะถึงจุดที่เจ้าไม่อาจทนได้ เจ้าหมดสติไป หากข้ายังฝืนดูดซับพลังจากเจ้า เจ้าคงไม่รอด...”

ด้วยที่ร่างกายของนางยังเด็กเกินไป การฝืนร่วมรักกับบุรุษที่โตกว่าอย่างหนิงฝาน เป็นการฝืนร่างกายของนางเกินไป ระหว่างการร่วมรักที่รุนแรง ร่างกายของย่อมทนไม่ไหว

หนิงฝานใช้เวลาร่วมรักกับนางครึ่งวัน เพราะเมื่อถึงครึ่งวันนั้น ริมฝีปากของนางเริ่มซีดขาว เป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายของนางเริ่มไม่ไหว หากยังฝืนต่อนางคงไม่รอด ดังนั้น เขาจึงหยุดการร่วมรักและหันมาช่วยนางทะลวงเส้นลมปราณที่ตีบตัน และช่วยนางดูดซับปราณที่ได้จากการร่วมรัก จนทำให้นางฟื้นคืนพลังในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง

หนิงฝานแสดงความเมตตาให้นางโดยการช่วยเหลือนาง มากกว่าที่จะสังหารนางทิ้ง

นางสามารถนำพาเขาไปยังเกาะมิติเทพได้ อีกอย่าง ยิ่งนางฟื้นฟูพลัง เขาก็จะได้ผู้รับใช้ที่ทรงพลังด้วย

ด้วยเหตุผลทั้งหมด ทำให้หนิงฝานเลือกที่จะช่วยนาง

นางขมวดคิ้วแน่น นางไม่เข้าใจความคิดหนิงฝาน

แม้นางจะรู้ว่าที่หนิงฝานทำไปเพราะหวังผลประโยชน์จากนาง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ช่วยเหลือนางยิ่งกว่าที่ตกลงกันไว้

นางก้มมองอาภรณ์ที่ขาดกระจุย เรือนร่างตนที่มีรอยนิ้วมือของหนิงฝานเหลืออยู่ ทำให้นางไม่พอใจ

นางจำได้ว่าตนเองถูกหนิงฝานประทับตราวิญญาณอสูร หากไม่ทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง นางก็ไม่อาจลบล้างตราประทับได้ นั่นหมายความว่า ยามนี้นางคือบ่าวของเขา!

หากนางทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงได้เมื่อไหร่ นางจะสังหารหนิงฝานเมื่อนั้น! แต่เมื่อลองขบคิดดู การไว้ชีวิตเขาน่าจะดีกว่า เก็บเขาไว้ข้างกายเป็นบ่าวรับใช้

“วันใดที่ข้าทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงได้ วันนั้นเจ้าจะเสียใจ...”

นางกล่าวอย่างเย็นชาก่อนถอยห่างจากหนิงฝาน นางสงบใจและปรับระดับพลังของตนให้เสถียร

หนิงฝานสัมผัสถึงเจตนาสังหารที่แฝงมากับคำกล่าวของนางได้

“ที่ข้ายอมช่วยเจ้า เพราะข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางหลุดจากการควบคุมของข้าได้ อีกอย่าง เจ้าก็เป็นบ่าวชั้นยอดและเป็นกระถางขัดเกลาชั้นยอดของข้า ยิ่งเจ้าฟื้นฟูนพลังก็ยิ่งเป็นประโยชน์กับข้า...”

“นี่เจ้า!”

นางโกรธ... นางเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งของทะเลส่วนใน ที่มีผู้เชี่ยวชาญมากมายยำเกรง แต่นางกลับต้องเป็นทาสที่ไม่ต่างจากกระถางขัดเกลาของหนิงฝาน นั่นทำให้นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ไว้ข้าฟื้นคืนพลังดังอดีตได้เมื่อไหร ข้าจะขังเจ้าไว้ที่เกาะมิติเทพไปตลอดกาล!”

หลังจากนางกล่าวจบ หนิงฝานก็นำอาภรณ์และโอสถสำหรับนางออกมา

นางเร่งเลือกอาภรณ์และสวมใส่ นางเลือกอาภรณ์สีเหลืองงดงาม เมื่อนางได้สวมมัน นางกลายเป็นตุ๊กตาตัวน้อยที่น่าทะนุถะนอม

หนิงฝานบอกจะช่วยนางนวดรักษาอาการระบมให้ แต่นางรีบปฏิเสธเพราะกลัวหนิงฝานจะร่วมรักกับนางอีก

ดังนั้น หนิงฝานจึงฝึกฝนในโลกเย่าหยวนแห่งนี้ต่อ และควบคุมตราประทับวิญญาณอสูร ปรับแต่งเพื่อป้องกันให้นางขัดขืนเขาไม่ได้

ยามนี้ สมควรถึงเวลาที่เขาจะจัดการกับสมบัติที่ได้จากการต่อสู่

ปราณบุบผาน้ำแข็ง… วายุตะวันออก… หิมะทมิฬ… ปราณเยือกแข็งสวรรค์ทั้ง 3 ชนิดที่ได้มาล้วนเป็นสิ่งล้ำค่า นอกจากนี้ เขายังได้สมบัติจากแดนสวรรค์อสูรมาไม่น้อย

เขานำปราณเยือกแข็งสวรรค์แต่ละชนิดที่ได้ออกมา เยว่หลิงคงเฝ้ามองด้วยความประหลาดใจ

“ปราณเยือกแข็งสวรรค์… เจ้ามีถึง 3 ชนิดเลยเหรอ? ข้าหาได้มากสุดแค่ 2 ชนิดเอง! แต่ตอนนี้ มันไม่ได้อยู่กับข้า...”

“งั้นเหรอ...” แววตาหนิงฝานเปล่งประกาย หมายความว่าหากไปยังเกาะมิติเทพ เขาจะได้ปราณเยือกแข็งสวรรค์อีก 2 ชนิด?

หากดูดซับและผสานกับปราณเยือกแข็งสวรรค์ทั้ง 3 ชนิด นอกจากเขาจะได้ปราณเยือกแข็งสวรรค์แล้ว เขายังจะได้ปราณอสูรเพิ่มขึ้นด้วย

หนึ่งเดือนผ่านไป… หนิงฝานดูดซับและผสานกับปราณเยือกแข็งสวรรค์ทั้ง 3 ชนิดได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังยกระดับปราณอสูรเป็น 18,450 เกราะ

ยามนี้ เขามีปราณเยือกแข็งสวรรค์แล้ว 6 ชนิด แต่มีปราณเพลิงชีพจรพิภพเพียง 3 ชนิด ซึ่งนั่นทำให้เพลิงและน้ำแข็งในร่างเสียงสมดุล

หลังจากดูดซับปราณเยือกแข็งสวรรค์แล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องดูดซับคือนมมารดาใต้พิภพ เขามีทั้งหมด 200 หยด หากดูดซับได้หมด สมควรได้ปราณเพิ่มมา 2000 เกราะ แต่เมื่อดูดซับจนหมดสิ้น กลับได้ปราณเพิ่มมาเพียง 1674 เกราะเท่านั้น นั่นหมายความว่า ยิ่งดูดซับมันยิ่งทำให้ฤทธิ์ของมันลดลง

มิน่าเผ่าปีศาจยักษ์ถึงไม่ดูดซับเอง ปล่อยให้เหล่าทาสรับใช้ได้ดูดซับเพื่อยกระดับพลัง

ยามนี้หนิงฝานมีปราณดั้งเดิมทั้งหมด 5884 เกราะ นั่นหมายความว่า ยามนี้ ปราณดั้งเดิมของเขาได้บรรลุขอบเขตกึ่งตัดวิญญาณแล้ว!

หนิงฝานมีหยกติดต่อสื่อสารอยู่กับตัว หากยังไม่มีผู้ใดติดต่อมา แสดงว่ายังเตรียมการสำหรับการเข้าสู่แดนสามไม่เสร็จ

ดังนั้น หนิงฝานจึงยังยกระดับพลังต่อ

เยว่หลิงคงที่เห็นหนิงฝานมีนมมารดาใต้พิภพ นางเดาว่าหนิงฝานคงมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเผ่าปีศาจยักษ์แห่งทะเลส่วนใน

ดูเหมือนตัวตนของหนิงฝานจะลึกลับมากกว่าที่นางคาดไว้

หนิงฝานนำ ผลึกที่กลั่นได้จากหมอกม่วงบนเวทีประลองที่เหลืออยู่ 28 ก้อนออกมา แต่ละก้อนเทียบได้กับโอสถปลุกโลหิต 1 เม็ด เขาเหลือพวกมันไว้เพื่อใช้ในการปลุกโลหิตครั้ง 3

การปลุกโลหิตครั้งที่ 2 นั้น นำพาสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงมา ดังนั้น การปลุกโลหิตจึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างที่สุด เขาจะให้ผู้ใดมารบกวนไม่ได้ เขาจึงเลือกที่จะทำให้โลกเย่าหยวนแห่งนี้

หนิงฝานนำศพนางสวรรค์และทหารศิลาออกมา… ศพนางสวรรค์ใช้ชีวิตอยู่กับมู่เซียวหวนในแหวน พวกนางหยอกล้อสนิทสนมกัน ความสนิทสนมที่นางมีให้หนิงฝานก็น้อยลง

ดังนั้น การที่นางถูกเรียกออกมากระทันหันทำให้นางไม่พอใจ

“แสง… ข้า… กำลัง...เล่น...” นางกล่าวกับหนิงฝานด้วยความขุ่นเคือง เพราะหนิงฝานขัดเวลาเล่นของนางกับมู่เซียวหวน

เมื่อได้เห็นหน้านางอีกครั้ง อารมณ์ซับซ้อนหลากหลายปรากฏขึ้นใจหนิงฝาน เขาลูบสัมผัสศีรษะนางเบาๆโดยไม่กล่าวสิ่งใด

ยามนี้หนิงฝานไม่ใช่ผีเสื้ออีกแล้ว ศพนางสวรรค์ก็ไม่ใช่บุตรสาวแห่งจักรพรรดิสวรรค์...

ดวงจิตของนางได้กระจัดกระจายไปยังจุติยังที่ต่างๆ

ดวงจิตแต่ละดวงของนางล้วนเคยช่วยเหลือเขา แต่ตัวเขา...กลับช่วยเหลือนางไม่ได้ เขาไม่อาจหักใจถอนดวงจิตที่กระจัดกระจายของนาง คืนสู่ศพนางสวรรค์ได้

สีหน้าหนิงฝานซับซ้อน เขาไม่อาจรวมดวงจิตคืนให้นางได้ เขาทำได้เพียงอยู่ข้างกายนาง และช่วยให้นางมีชีวิตต่อไป

“ข้าขอโทษ… ชาติกำเนิดก่อนข้าบอบบางและอ่อนแอเกินไป จึงไม่อาจรักษาชีวิตเจ้าเอาไว้ได้... ดังนั้นชาตินี้ ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายเล็บ!”

“แสง... อย่า… ร้อง...” นางเป็นกังวล กลัวว่าหนิงฝานจะร้องไห้ จึงยื่นมือน้อยๆลูบศีรษะของเขาเพื่อปลอบโยน

นางไร้ซึ่งดวงจิต ความทรงจำแตกสลาย เหลือเพียงร่างกายที่เปลี่ยนเป็นศพปีศาจ… นางไม่ใช่มู่เหว่ยเหลียงอีกต่อไป

ยามนี้ ทหารศิลาสัมผัสได้ว่าหนิงฝานบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณแล้ว

มันตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าด้วยเวลาเพียง 12 ปี หนิงฝานจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณได้ ยามนี้ มันสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงที่แผ่ออกมาจากร่างหนิงฝาน ที่สำคัญ มันสัมผัสได้จากกลิ่นอายว่า หนิงฝานเคยสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงมาแล้ว

“เด็กนี่สังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้! ถ้าเกิดมันได้ขึ้นไปยังแดนสวรรค์เหนือ ต้องกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงแน่! ข้าเป็นห่วงนายหญิงน้อยเหลือเกิน...”

ทหารศิลาไม่รู้ว่าหนิงฝานมีโอกาสได้เจอพี่สาวของนายหญิงน้อยของมันแล้ว และที่สำคัญ เขายังเป็นที่หมายตาของจักรพรรดิสวรรค์แห่งดาราเต่าทมิฬ...เมิ่งชวนสื่อ!

เขาลั่นระฆังแห่งชีวิตได้ เขาทำให้จักรพรรดิสวรรค์เมิ่งชวนสื่อเอ่ยปากชักชวนเป็นศิษย์

หากบอกทหารศิลาไปมันคงไม่เชื่อ แม้มันจะมีคำถามมากมาย แต่มันรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นความลับของหนิงฝาน ไม่อาจบอกกล่าวมันได้...

เมื่อได้ทหารศิลาและศพนางสวรรค์คอยคุ้มกัน หนิงฝานก็ไม่ต้องกังวลว่าเยว่หลิงคงจะรบกวน

หนิงฝานมุ่งไปยังใจกลางของโลกเย่าหยวน นำกระถางขัดเกลาออกมาแล้วใส่ผลึกที่ได้มาพร้อมกับสิ่งที่จำเป็นลงไปเพื่อปรุงพวกมัน

หนิงฝานเตรียมตัวที่จะปลุกโลหิตครั้งที่ 3 แล้ว!

ปลุกโลหิตครั้งแรกได้เพียงโลหิตอสูรวิหค

ปลุกโลหิตครั้งที่สองได้โลหิตของเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่

แต่ครั้งที่สามนี้ เขายังไม่รู้ว่าจะได้อะไร...

ที่ใจกลางของโลกเย่าหยวนมีปล่องภูขาไฟ เขานำโลหิตอสูรจำนวนมหาศาลที่เก็บสะสมมาได้ เทลงในนั้นทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนให้ปล่องภูเขาไฟ กลายเป็นสระโลหิตอสูร แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีคนร่ายเคล็ดความเสริมอานุภาพของโลหิตอสูรให้

หนิงฝานนำระฆังทะเลตะวันออกออกมา นำมันลงไปในปล่องภูเขาไฟและนั่งอยู่ทับมัน จากนั้นจึงเริ่มกระตุ้นโลหิต

แม้จะไม่มีผู้ร่ายเคล็ดความคอยกระตุ้นโลหิตในสระ แต่หนิงฝานมีลาวาที่ร้อนแรงคอยกระตุ้นให้โลหิตอสูรเดือดพร่าน ที่สำคัญ ผลลัพธ์ที่ได้ยังเหนือกว่าการร่ายเคล็ดความเป็นอย่างมาก

ยามนี้ ท้องนภาในโลกเย่าหยวนปรากฏเงาร่างขนาดยักษ์ของอสูร การปรากฏขึ้นของมัน ทำให้โลหิตในกายหนิงฝานเดือดพร่าน

หนิงฝานไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เขาเยว่หลิงคงและทหารศิลาที่เห็น สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง เพราะการที่ปรากฏเงาร่างอสูรขนาดยักษ์เช่นนั้น หมายความว่าหนิงฝานกำลังจะได้โลหิตของอสูรโบราณ

แรงกดดันที่เงาร่างขนาดยักษ์แผ่ออกมา ทำให้เยว่หลิงคงและทหารศิลารู้สึกต้อยต่ำไม่อาจเทียบเคียง

แม้ทั้งสองไม่ใช่เผ่าพันธุ์อสูร แต่เงาร่างขนาดยักษ์นั้นก็ทำให้ทั้งสองต้องยอมศิโรราบ

แต่เมื่อกดดันแผ่นไปถึงศพนางสวรรค์ นางเพียงโบกมือเล็กน้อยก่อนที่แรงกดดันจะสลายไป

“ศพปีศาจนี่เป็นใครกันแน่ เหตุใดนางสลายแรงกดดันที่ทรงพลังแบบนี้ได้! เผ่าพันธุ์อสูรไม่น่าจะมีตัวตนเช่นนาง… หรือจะเป็นอสูรโบราณ? แต่จะเป็นไปได้เหรอ?” ทหารศิลาตกตะลึง

“นางแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้มาก...” เยว่หลิงคงกล่าวในใจ

การปลุกโลหิตในครั้งนี้ แม้ไม่ช่วยให้ปราณอสูรของหนิงฝานยกระดับ แต่กลับช่วยทำให้โลหิตอสูรในร่างบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังมา เป็นน้ำเสียงที่ดูยิ่งใหญ่ เย็นชา และเย่อหยิ่ง แต่น้ำเสียงนั้น หนิงฝานรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

“เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ของข้าถูกฆ่าล้างสังหารเมื่อนานมาแล้ว เจ้าเป็นลูกหลานเพียงคนเดียวของเผ่าพันธุ์ที่เหลือรอด เจ้าเป็นความหวังสูงสุดของข้า เช่นนั้น… ข้าจะมอบโลหิตให้เจ้า 3 หยด!”

“3 หยด!” หนิงฝานดวงตาเบิกกว้าง เงาร่างขนาดยักษ์บนท้องนภาหายไป แปรเปลี่ยนเป็นหยดของเหลวสีดำ 3 หยด ตรงเข้าหาหนิงฝานและผสานเข้าไปในร่างหนิงฝาน

ดวงตาข้างซ้ายหนิงฝานกลายเป็นสีม่วง ดาราอสูรดวงที่ 2 ค่อยๆก่อตัวจนกลายเป็นดาราอสูรที่สมบูรณ์

ดาราอสูรดวงที่ 2 ที่หนิงฝานได้นั้น มีวิชาภาพลวงตาที่ชื่อว่า ‘จันทราโลหิต’ อยู่ แต่เขายังไม่แน่ใจว่ามันทำอะไรได้บ้าง

หนิงฝานเก็บตัวต่ออีก 1 เดือนในปล่องภูเขาไฟ เมื่อครบกำหนด เขากลับออกมาพร้อมกับร่างกายไม่ได้แผ่นกลิ่นอายใดๆ

ยามนี้ หนิงฝานมีโลหิตของฟู่ลี่อยู่ในร่าง 4 หยด แม้โลหิตของเผ่าพันธุ์โบราณจะเป็นโลหิตระดับสูงสุดของโลหิตทั้งหมด แต่หากจะวัดความแข็งแกร่งของโลหิตเผ่าพันธุ์โบราณ จะวัดกันที่จำนวนหยดที่ได้

“โลหิตฟู่ลี่ 4 หยด… ข้ากลายเป็นผู้สืบทอดของเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่อย่างแท้จริงแล้ว”

หนิงฝานหัวเราะ หากเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ยังคงอยู่ เขาคงได้เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ มีสถานะสูงส่งจนเทียบเคียงเหล่าเซียนในแดนสวรรค์

แต่น่าเสียดายที่เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ถูกสังหารไปแล้ว เขาคงอยู่อย่างโดดเดี่ยว

“ได้เวลาที่ข้าต้องสร้างอาวุธเทพโบราณชิ้นที่ 3 แล้ว… ข้ามีกระบี่ในการฟาดฟัน มีแส้ไว้ลอบจู่โจม… จะเหลือก็เพียงเครื่องป้องกัน”

หนิงฝานขมวดคิ้ว แม้เขาจะสามารถใช้วิชาร่างวิญญาณได้ แต่ก็ใช่ว่าร่างวิญญาณจะหลบหลีกการจู่โจมได้เสมอไป เหมือนอย่างวิชาน้ำแข็งของหวางเซี่ยวที่หนิงฝานไม่อาจหลบได้ทั้งหมด

หนิงฝานนำโลหะดาราโบราณและค้อนอัสนีของหวางเซี่ยวที่ได้มาจากการต่อสู้ นอกจากนี้ยังนำแร่วิญญาณที่ให้บ่าวของเขาได้รวบรวมมาออกมาเสริม

อุปกรณ์ป้องกันนั้นยิ่งมีส่วนผสมที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

“สมบัติเทพโบราณชิ้นที่ 3 ข้าจะเรียกมันว่า ‘เข็มทิศดารากระจ่าง’...”

ภายในมิติแห่งแดนสวรรค์อสูร ที่นั่นมีแคว้นที่ทรงพลังมากมายนับไม่ถ้วน

ในบรรดาเหล่านั้น แบ่งออกได้ทั้งหมด 9 ระดับ ตั้งแต่ระดับ 3 ถึง 9 จะเป็นแคว้นของอสูรโบราณ

ในหมู่แคว้นจำนวนมหาศาล มีสถานที่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในข่ายอาคมที่ทรงพลัง ซ่อนตัวอยู่ในมิติที่เป็นเอกเทศน์

ที่ใจกลางของสถานที่แห่งนั้น มีวังหยกทมิฬขนาดยักษ์สร้างอยู่ ภายในนั้นมีสตรีที่งดงามมากมายนับไม่ถ้วน กลิ่นอายของพวกนางล้วนแต่ทรงพลังทั้งสิ้น

ในวังหยกทมิฬยังมีตำหนักขนาดเล็กอยู่มากมาย ในบรรดาตำหนักเหล่านั้นมีตำหนักแห่งหนึ่งที่ปกคลุมด้วยข่ายอาคมที่ทรงพลัง

ในตำหนักนั่นมีอสูรร่างยักษ์ที่สูงใหญ่ถึง 1 ล้านจ้างอยู่

“ข้าเหลือพลังอยู่ไม่มากแล้ว… ถ้าข้าดูดซับพลังจากสมบัติจนหมด ข้าก็ไม่เหลือปราณให้ดูดซับอีก...”

แม้รูปลักษณ์ของอสูรตนนั้นจะดูน่ากลัว แต่เสียงของมันกลับไพเราะราวกับเป็นเสียงสตรี

สัตว์อสูรตนนี้คือราชาอสูรที่บาดเจ็บสาหัส นางคือราชาอสูรคนใหม่ จึงไม่ได้ดูดซับพลังจากเหล่าสนมอสูร เพราะนางไม่ใช่บุรุษ

“น่าหลานจื่อลงไปโลกมนุษย์เพื่อตามหาสวนสมุนไพรของจักรพรรดิสวรรค์ ถ้านางล้มเหลวก็ฆ่านางทิ้งซะ!” สัตว์อสูรยักษ์กล่าวอย่างเย็นชา

“สนมอสูรคนก่อนหน้าที่ลงไป ได้แจ้งมาว่าที่นั่นมีผู้เชี่ยวชาญการเสริมความสามารถให้สมบัติที่เก่งกาจมีพรสวรรค์ การจะหนุนเสริมให้มันบรรลุเซยนไม่ใช่เรื่องยาก… เมื่อถึงยามนั้น มันจะกลายเป็นกระถางขัดเกลาของข้า”

ในขณะที่อสูรยักษ์กำลังพึมพัมอยู่นั้น จู่ๆดวงตาของมันก็เบิกกว้าง

ศิลาอสูรที่คอยบ่งบอกถึงเผ่าพันธุ์อสูรที่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณได้ปรากฏชื่อหนึ่ง

แต่เพียงชั่วพริบตาที่ชื่อปรากฏ ชื่อนั้นก็สลายไป

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่สัตว์อสูรยักษ์กลับสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“ฟู่ลี่? เผ่าพันธุ์พวกมันถูกฆ่าล้างไปนานมากแล้ว แต่ยามนี้กลับปรากฏผู้สืบโลหิต ทั้งยังได้โลหิตที่บริสุทธิ์มาถึง 3 หยดเป็นอย่างน้อย...”

เผ่าพันธุ์อสูรนั้นต้องใช้เวลาฝึกฝนนับล้านปีเพื่อที่จะควบกลั่นโลหิตโบราณที่บริสุทธิ์ออกมาได้ 1 หยด

นอกจากนี้ โลหิตโบราณดั้งเดิมไม่ใช่สิ่งที่จะช่วงชิงได้

“คนผู้นั้นครอบครองโลหิตโบราณถึง 3 หยด หากเป็นสตรีคงไร้ประโยชน์กับข้า แต่หากเป็นบุรุษ… หากข้าหาเขาพบ ข้าต้องขอให้เขาช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและคำสาป… เมื่อข้าฟื้นคืนพลัง ฟู่ลี่ตนนั้นจะกลายเป็นทาสของข้า!”

“ครอบครองโลหิตโบราณ 3 หยด หมายความว่าคนผู้นั้นเก็บตับฝึกฝนอย่างหนักอย่างน้อย 3 ล้านปี หากเป็นเช่นนั้น ระดับพลังสมควรบรรลุขอบเขตเซียนที่ 3… แต่ถ้าแข็งแกร่งขนาดนั้นก็สมควรเผยตัวให้เป็นที่รู้จัก สงครามที่รุนแรงสมควรเกิดขึ้น แสดงว่าผู้นั้นคงกำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ที่ไหนสักแห่ง!”

ฟู่ลี่ถือเป็นคำต้องห้ามของตำหนักราชาอสูร และมีน้อยคนที่รู้จัก

สนมอสูรวู่หยานไม่รู้ว่าฟู่ลี่คือสิ่งใด นางจึงไม่ได้แจ้งแดนสวรรค์ว่าพบผู้สืบทอดของเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่...

ยามนี้ ที่หนิงฝานปลุกโลหิตครั้งที่ 3 จนได้ครอบครองโลหิตโบราณ 3 หยดยังไม่มีผู้ใดทราบ

ดูเหมือนเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่จะไม่ธรรมดา แต่หากจะเผยตัวว่าตนคือฟู่ลี่ ต้องแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเอง...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด