EDSG ตอนที่ 36 ไม่มีใครกล้าท้าต่อสู้
"พลังวิญญาณ ? เป็นไปได้ยังไงที่ร่างกายของ เย่เฉินเฟิง จะมีพลังวิญญาณ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีจิตอสูรไม่ใช่เหรอ หรือว่า เขาจะสามารถปลุกจิตอสูรให้ตื่นขึ้นมาได้ภายหลัง?"
ทุกคนรวมถึง เหลียนว่านซง กลายเป็นตกตะลึงโดยสมบูรณ์ เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่ เย่เฉินเฟิงระเบิดออกมา พลังของเขามันเเข็งเเกร่งยิ่งซะกว่า หลงหยูเหลียน ทั้งยังเป็นพลังวิญญาณจากขอบเขตผู้ใช้จิตอสูรระดับเบื้องต้นขั้น 6
"ปลิวไปซะ"
เมื่อพลังวิญญาณของเขาผสานเข้ากับการโจมตีเสร็จสิ้น เย่เฉินเฟิง สามารถระเบิดพละกำลังมากกว่า 8,000 จินออกมา กำปั้นของเขาได้พุ่งเข้าใส่หอกดำของ เหลียนหยูหลง อย่างรวดเร็ว
"ปั้ง!"
เหลียนหยูหลง ไม่สามารถต้านทานพลังหมัดที่เเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิงได้ เขาได้รับบาดเจ็บทางร่างกายอย่างมหาศาล พลังหมัดของ เย่เฉินเฟิง ได้ทำลายหอกดำลงอย่างรวดเร็ว
"อะไร เป็นไปไม่ได้?"
เห็นหอกดำถูกทำลายภายใต้การโจมตีของ เย่เฉินเฟิง คนอื่น ๆ ต่างกลายเป็นตกใจ เพียงเเค่พลังโจมตีจากหมัดของ เย่เฉินเฟิง กลับสามารถทำลายอาวุธได้ด้วยมือเปล่า
เหลียนหยูหลง หลังจากถูกทำลายหอกดำเสร็จ กำปั้นของ เย่เฉินเฟิงก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้นมันได้พุ่งกระเเทกเข้าใส่หน้าอกทำลายชั้นพลังวิญญาณป้องกันอย่างเต็มที่ เเละ ส่งเขาบินกระเด็นออกนอกเวทีก่อนที่จะหมดสติในที่สุด
ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
เมื่อพวกเขาเห็นความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง ที่สามารถทำลายหอกด้วยเพียงหมัดเดียว เเละ ทำร้าย เหลียนหยูหลง จนบาดเจ็บสาหัสหมดสติ พวกเขาก็กลายเป็นตกใจอย่างมาก ตอนนี้ทุกสายตาได้จับจ้องไปที่ เย่เฉินเฟิง ที่ยืนรออยู่บนลานประลองต่อสู้
"มันเป็นเขาที่เป็นคนช่วยชีวิตของข้าในคืนนั้น"เฉียวจิงหยวน ได้ปิดปากของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง หลังจากเห็นความเเข็งเเกร่งที่ เย่เฉินเฟิง เเสดงออกมา เธอก็สามารถสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย จนมั่นใจว่า บุคคลที่ช่วยเหลือชีวิตของเธอในคืนนั้นก็คือ เย่เฉินเฟิง
"จิตอสูร ? เย่เฉินเฟิง สามารถปลุกจิตอสูรให้ขึ้นมาได้ในครั้งที่สอง เขาสามารถทำได้ยังไง?"
ในหมู่ฝูงชน เย่จือหลิง ได้ตกใจกับฉากต่อสู้เบื้องหน้าของเธอเช่นเดียวกัน การปลุกจิตอสูรของ เย่เฉินเฟิง ให้ตื่นขึ้นมาได้ในครั้งที่สองตอนอายุ 15 ปี ได้ทำลายกฏเกณฑ์โดยสมบูรณ์ หากตระกูล เย่ รับรู้ถึงการเปลี่ยนเเปลงของ เย่เฉินเฟิง พวกเขาจะเสียใจอย่างมากกับการตัดสินใจของพวกเขาในวันนั้น
"หยูหลง!"
เมื่อเหลียนว่านซง ฟื้นคืนสตินึกคิดของตนเองกลับมา เขาก็ส่งเสียงคำราม เเละพุ่งออกจากที่นั่งรับรองไปดูอาการของ เหลียนหยูหลง ในทันที
"ไอ้เด็กสารเลว เจ้ากล้าที่จะทำร้าย หยูหลง จนบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า!"
เหลียนว่านซง ได้ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของ เหลียนหยูหลง เเละ พบว่า กระดูกเเละเส้นชีพจรร่างกายของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนเเรง เเม้จะมีน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาร่างกาย มันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ฟื้นคืนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เมื่อคิดว่าอนาคตของ ตระกูลเหลียน ได้ถูกทำลายโดย เย่เฉินเฟิง ความตั้งใจในการฆ่าก็ปรากฏขึ้นที่จิตใจของ เหลียนว่านซง กลิ่นอายเจตนาฆ่าที่รุนเเรงของเขา ได้พุ่งเข้าไปกดดัน เย่เฉินเฟิง
"ปรมาจารย์เหลียน ที่นี่ไม่ใช่ตระกูลเหลียนของท่าน เเต่เป็นสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว นอกจากนี้ เมื่อครู่บุตรชายของท่านยังต่อให้ข้าโจมตีสามกระบวนท่า ใครจะไปคิดว่าเขาจะไม่รักษาคำพูดเเละตอบโต้ข้าแบบนั้น"
เย่เฉินเฟิง ยืนอยู่กลางลานประลอง เขาที่สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันที่รุนเเรงของ เหลียนว่านซง ดังนั้น เย่เฉินเฟิง จึงกล่าวออกมาโดยไม่รักษาหน้าของเขา
"เจ้า..."
มันเป็นความจริงที่ เหลียนหยูหลง บาดเจ็บสาหัสแบบนี้ก็เพราะต่อให้ เย่เฉินเฟิง 3 กระบวนท่า อย่างไรก็ตาม ใครจะคิดว่า เย่เฉินเฟิงเเกล้งทำเป็นหมูกินเสือ ? ความเเข็งเเกร่งของเขาน่ากลัวจนสามารถทำร้าย เหลียนหยูหลงได้ในการโจมตีสามกระบวนท่า
มองดูสภาพที่น่าสังเวชของลูกชายของเขา เหลียนว่านซง ไม่สามารถทนได้อีก ถ้าเขาปล่อยเอาไว้แบนี้ เขาจะกลายเป็นที่น่าขายหน้าเเละเป็นตัวตลกเเห่งเมืองจักรพรรดิขาว
ที่สำคัญไปกว่านั้นความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง ทำให้ เขารู้สึกได้ถึงเเรงคุกคาม หากไม่กำจัดภัยคุกคามที่ยังสามารถจัดการตอนนี้ได้ ในอนาคตเขาอาจจะรู้สึกเสียใจเป็นเเน่
ขณะเดียวกันเเมงป่องทมิฬก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา มันได้จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง อย่างรุนเเรง
"เหลียนว่านซง เจ้ารู้ตัวไหมว่าเจ้ากำลังจะทำอะไร?"
เช่นเดียวกัน เหลียนว่านซง เสียงที่ดังขึ้นราวกับฟ้าผ่าได้ดังกระทบเข้าใส่จิตใจของ เหลียนว่านซง จากนั้นผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ของเมืองจักพรรดิขาว ที่เป็นเสาหลักของตระกูลไป๋ ก็ได้ไปปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างของ เย่เฉินเฟิง
"อาวุโสไป๋ ท่านคิดจะปกป้องเด็กคนนี้หรือไม่?"เหลียนว่านซง กล่าวถามด้วยสีหน้าน่ารังเกลียด
"เฉินเฟิง เป็นผู้ช่วยชีวิตชายชราคนนี้ หากเขากำลังถูกกลั่นเเกล้งมีหรือที่ชายชราคนนี้จะสามารถทนได้?"ไป๋สือซาน กล่าวพูดออกมาอย่างหยิ่งยโส เเละไม่ไว้หน้า เหลียนว่านซง
"ผู้ช่วยชีวิตเป็นไปได้ยังไง?"ดวงตาของ เหลียนว่านซง เบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ไป๋สือซาน คือใคร เขาคือผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่ง ในเมืองจักพรรดิขาวเเห่งนี้ เขาเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 5 เหลียนว่านซง ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า เย่เฉินเฟิง ไปช่วยเหลือ ไป๋สือซาน ยังไง
"ผู้นำตระกูลเหลียน ,หยูหลง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางที่ดีท่านรีบพาเขาไปรักษาเถอะ"เห็นได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียด ปรมาจารย์เจ้าสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว ได้พูดขึ้นอย่างข่มขื่น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากออกหน้าให้
"ก็ได้,เช่นนั้นข้าขอตัว"
เห็นการสนับสนุนจาก ไป๋สือซาน ,เหลียนว่านซงไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอีกต่อไป เขาได้กัดฟันเเละกลืนมันลงไป จากนั้นเขาก็อุ้มร่างของ เหลียนหยูหลง จากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว
"เอาล่ะ เช่นนั้นปล่อยให้การเเข่งขันดำเนินการต่อไปเถอะ"
ปรมาจารย์เจ้าสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวได้จ้องมองไปที่ ด้านหลังของ เหลียนว่านซง เเละ คนอื่น ๆ ก่อนที่จะยืนขึ้นเเละประกาศออกมาอย่างเสียงดัง
อย่างไรก็ตามหลังจากพวกเขาเห็นความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง ก็ไม่มีศิษย์คนนั้นกล้าเข้าร่วมทดสอบปลายปีของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวอีก จะมีใครอีกที่กล้าจะท้าทายเขา
"ดูเหมือนว่า เย่เฉินเฟิง จะสามารถครองลำดับที่หนึ่ง ในการต่อสู้ทดสอบปลายปีของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวได้ ด้วยความสามารถของเขา เขาจะสามารถสร้างชื่อให้ตัวเอง ในนิกายเพลิงผลาญฟ้าได้อย่างเเน่นอน"ไป๋สือซาน ได้เปิดเผยรอยยิ้มจาง ๆ พร้อมกับจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง
"เฉินเฟิง เเข็งเเกร่งอย่างมาก ผู้ชนะสมควรจะเป็นเขาที่สุดเเล้ว"ความหลงใหลได้ปรากฏขึ้นบนดวงตาของ ไป๋ซือหยา ขณะที่ เธอจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ที่ยืนเอามือไขว้หลังอย่างสง่างาม
ไป๋ซือหยา ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่รู้สึกหลงเสน่ห์เพียงเท่านั้น เเม้เเต่ เย่จือหลง เเละ เฉียวจิงหยวน ก็เผยเเววตาที่ประหลาดออกมาเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ เฉียวจิงหยวน หัวใจของเธอรู้สึกลุ่มร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ
"คงจะไม่มีใครเป็นคู่มือของเขาอีกเเล้ว"เจ้าสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวได้รอเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป ก่อนที่ท้ายที่สุดจะไม่มีใครขึ้นมาท้าทาย เย่เฉินเฟิง อีก ดังนั้นเขาจึงประกาศว่า"เนื่องจากไม่มีผู้ท้าทายเข้ามา ข้าจะขอประกาศว่าผู้ที่ได้รับลำดับที่หนึ่งในศึกการทดสอบสุดท้ายของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวก็คือ เย่เฉินเฟิง"