ตอนที่ 7 คำขอ
ทั้งสองคนก็กินอาหารเช้าด้วยกัน
“ฉันจะล้างจานเอง ตอนนี้นายควรไปพบบรรณาธิการได้แล้ว”โซระพูด
ฮารุกะค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นว่าวันนี้เธอค่อนข้างใจดี “ขอบใจ ฉันจะรีบกลับบ้านแล้วกัน หลังจากนั้นถ้าไม่เข้าใจตรงใหนก็ถามฉันได้”เขาก็พูดออกมาแล้วเดินออกไปจากห้อง
“อืม ขอบใจ”โซระก็พึมพำอย่างช้าๆในขณะที่มองแผ่นหลังของฮารุกะ
“หืม เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”ฮารุกะพูด
“มะ–ไม่มี นายคิดไปเอง!!”โซระพูด
“อืม งั้นฉันจะรีบกลับมา อย่ากินขนมขบเคี้ยวเยอะเกินไปแล้วกันนะ” ฮารุกะพูดให้เธอฟัง
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ”โซระพูดอย่างรำคาญ
“โอเค โอเค ฉันจะไปก่อนนะ”ฮารุก็พูดแล้วเดินออกไปข้างนอก
โซระก็ถอนหายใจ เธอนั้นไม่ต้องการให้เขาไปแต่เธอรู้ว่ามันเพราะฮารุกะที่ทำให้พวกเขาทั้งสองไม่ต้องขายอพาร์ทเม้นท์ที่พ่อแม่ของพวกเขาเหลือทิ้งไว้
---
ฮารุกะได้เดินทางมาถึงสำนักพิมพ์*สำนักงานห้องสมุดไร้วันตาย*ซึ่งเป็นที่เขาตีพิมพ์นิยายของเขา พอมาถึงก็ต้องรอคุณมาจิดะเพราะเธอกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ ในขณะนั้นเขาก็มองออกไปนองหน้าต่างและมองเห็นกลุ่มแม่วัยสาวสวยที่กำลังเดินเล่นพร้อมกับลูกของพวกเธอ
“รสนิยมของนายเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงสาวมีอายุแล้วหรอ?”
ฮารุกะหันหน้าไปหน้าเจอคนรู้จัก “คาซูมิกาโอะกะ?”
“อ่อ จริงสิ ดูเหมือนหลังจากนี้ฉันต้องคอยดูรอบข้างบ้างซะแล้ว”มาจิดะก็พูดออกมาในขณะที่มองอารุกะ
ฮารุกะทำเป็นไม่สนใจเธอ “ทำไมคุณคาซูมิกะโอกะถึงอยู่ที่นี่หล่ะ?”
“หืม ฉันเป็นที่ไม่ต้อนรับหรืออย่างไร?”คาซูมิกะโอกะพูด
“แน่นอนว่าไม่ ฉันดีใจที่ได้พบเธอ”ฮารุกะพูด
คาซูมิกะโอกะ อูตะฮะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเมื่อก่อนที่เขาจะลาออกจากโรงเรียน คาซูมิกะโอกะเป็นผู้หญิงที่ผู้หญิงที่สวย ตัวสูง หุ่นดี ผมดำยาวปะไหล่และสวมที่คาดผม ส่วนดวงตาของเธอนั้นมีสีแดงเข้ม และเธอสวมชุดเดรสสีขาวอันสวยงามที่ขับเน้นผิวขาวราวกับไข่มุกและรวมถุงน่องสีดำที่ทำขาของเธอนั้นน่าหลงใหลมากขึ้น
ฮารุกะพยายามจะละสายตาจากขาของเธอซึ่งมันทำให้เธอยิ้มออกมา
“พวกเธอมีความสัมพันธ์อย่างไรกันหรอ?”มาจิดะถาม
“เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเมื่อสมัยมัธยม”ฮารุกะพูด
คาซูมิกะโอกะก็แสดงสีหน้าหลากหลายอารมณ์ออกมาเนื่องจากเมื่อก่อนนั้นพวกเธอเคยเป็นเพื่อร่วมชั้นกันมาก่อน ตอนเธอเรียนอยู่เธอมักจะสอบได้อันดับหนึ่งในโรงเรียนแต่เมื่อเธอได้พบกับฮารุกะเธอก็ได้กลายเป็นอันดับสอง เธอพยายามจะโค่นล้มเขาในการสอบให้ได้แต่ผลสุดท้ายกลับพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายทั้งสองคนก็ได้กลายเป็นเพื่อนกันและเธอก็รู้ด้วยว่าเขานั้นเป็นนักเขียนนิยาย เธอคิดว่าว่าพวกเธอทั้งสองคนนั้นถูกลิขิตให้คู่กันแต่จู่ๆเขากลับลาออกไปจากโรงเรียนซะงั้น
คาซูมิกะโอกะก็หันไปมองเขาอีกรอบและคิดว่าฮารุกะไม่เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ เธอกังวลว่าเขาจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมหลังที่เขาลาออกไป นั่นเพราะเธอได้ยินมาว่าเขานั้นได้สูญเสียพ่อแม่ไปแต่ว่าเธอกลับไม่มีเบอร์ของฮารุกะทำให้ไม่สามารถติดต่อเขาได้
“เธอเป็นนักเขียนนิยายคนใหม่ของสำนักพิมพ์เรา นายได้ยินจากฉันแล้วหนิ”มาจิดะก็พูดให้เขาฟัง
โซโนโกะเป็นหญิงสาวผมสั้นสีฟ้า เธอมีดวงตาสีน้ำเงินอ่อนและผิวขาว ปกติเธอมักจะสวมสูทสีดำทับเสื้อเชิ้ตคอปกสีขาวและสวมกระโปรงทรงเอสั้นเสมอเข่า
“จริงหรอ? บางทีตอนที่คุณบอกผมเมื่อตอนนั้นผมอาจจะง่วงนอนอยู่ก็ได้”
“เห้อ นายควรจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้นะรู้ใหม? ดูสิ คอเสื้อของนายเละหมดแล้ว”มาจิดะพูดออกมาพร้อมกับช่วยจัดระเบียบคอเสื้อของฮารุกะ
“อาจจะเป็นตอนนั่งรถโดยสารสาธารณะ เพราะที่นั่นคนเต็มไปหมด”
พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันเนื่องจากพวกเขารู้จักกันมานานแล้ว เขาคิดกับเธอเหมือนพี่สาวในสายตาเขาที่คอยช่วยเหลือในเรื่องแต่งนิยาย เขายังจำได้ถึงตอนที่เขาเศร้าเสียใจมากที่สุดเพราะเขาเสียพ่อแม่ไป เธอนั้นเป็นคนที่คอยปลอบใจเขาในตอนนั้นทำให้พวกเขาทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก
คาซูมิกะโอกะที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ปากบิดเบี้ยวเมื่อมองเห็นทั้งสองคนสนิทสนมกันมากเหลือเกิน “อะแฮ่ม”
“ใช่แล้ว ฉันมีเรื่องที่ต้องรีบทำให้เสร็จอยู่ ทั้งสองคนคุยกันไปก่อนนะ”มาจิดะก็พูดออกมาพร้อมกับโบกมือ
“นายกับเธอนี่สนิทกันจริงๆ”คาซูมิกะโอกะพูดออกมา
“เธอเป็นบรรณาธิการของฉันหน่ะ และเราก็รู้จักันมานานแล้วด้วย”ฮารุกก็พูดเพิ่มอีกว่า “แล้ว ทำไมหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเธอยากจะพบฉัน? แล้วก็เธอควรจะบอกว่าเป็นเพื่อนฉันแทนที่จะเป็นแฟนเก่า”
คาซูมิกะโอกะตอบกลับมาว่า “ผิดด้วยหรอ? ทั้งที่เมื่อก่อนนายเป็นคนทำให้ร่างกายของฉันต้องแปดเปื้อน”เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวนออกมา
“อย่าพูดเรื่องที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดแบบนั้นสิ”ฮารุก็ถอนหายใจให้เธอ
คาซูมิกะโอกะก็ยิ้ม “แล้ว เดี๋ยวนี้เป็นไงบ้าง? นายตัดสินใจจะไปโรงเรียนหรือยัง?”
ฮารุกะก็พยักหน้า “อืม ปีหน้าฉันจะเข้าเรียนโรงเรียนที่เธอเรียนอยู่”
คาซูมิกะโอกะยิ้มกว้าง “ดี จากนี้นายก็ควรเรียกฉันว่าพี่สาวด้วยนะ”
ฮารุกะก็แสดงสีหน้าบูดบึ้ง “อายุเราเท่ากันนะเฟ้ย!!”
“แต่ปีหน้าฉันก็จะกลายเป็นรุ่นพี่นายแล้ว ชักจะทนไม่ไหวแล้วสิ”คาซูมิกะโอกะพูดขึ้น
ฮารุกะก็ส่ายหัวแล้วถามออกไปว่า “ฉันรู้ว่ามันช้าไปหน่อย แต่ยินดีด้วยที่นิยายของเธอได้ตีพิมพ์ เดี๋ยวฉันจะช่วยประชาสัมพันธ์นิยายของเธอในทวิตของฉันให้ละกัน”
“ขอบใจ”คาซูมิกะโอกะก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเพราะฮารุกะตัดสินใจจะช่วยเธอ เธอรู้ดีว่ากว่านิยายของเธอจะมีชื่อเสียงนั้นมันลำบากแค่ใหนเพราะเธอนั้นพึ่งจะมาเป็นนักเขียนนิยายคนใหม่ของบริษัท บริษัทจึงไม่ได้ช่วยโปรโมทนิยายของเธอมากนัก
“ใช่แล้ว ฉันขอร้องอะไรนายหน่อยได้ใหม?”คาซูมิกะโอกะถามขึ้นมา