บทที่ 13: สัมผัสแรก!
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 13: สัมผัสแรก!
......
บริเวณโดยรอบของศาลาบนเนินเขาล้วนแต่ถูกพลังงานสายฟ้าสีม่วงโจมตี เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เสียงนั้นดังอยู่ชั่วขณะ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งกลิ่นไหม้เกรียมโชยมา
กลิ่นไหม้ลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ
เหล่าต้นหญ้าโดยรอบล้วนแต่กลายเป็นสีดำสนิท บ้างก็ปลิวสลายกลายเป็นผุยผง
บนพื้นดินมีคนนอนกองอยู่สองคน กล้ามเนื้อของทั้งสองยังคงกระตุกอย่างรุนแรง ราวกับว่าพวกมันดิ้นรนที่จะขัดขืนพลังอำนาจที่เพิ่งประสบมา การปรากฏตัวของโม่ฝานน่าเกรงกลัวเกินไป น่ากลัวที่สุดในชีวิตที่พวกเขาเคยพบเจอ!
อีกสามคนที่ยืนมองอยู่พร้อมกับกางเกงที่เปียกปอน ภายในหัวใจของพวกเขาตื่นตระหนก ร่างกายเริ่มสั่นเทาจากความขลาดเขลา
“พี่…โม่…. ลูกพี่โม่… ฝาน พวกเรายังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีก… พวกเรายังอยากมีชีวิตที่ดี… ให้… ให้โอกาสนี้แก่… เรา… เถอะ… ได้โปรดไว้ชีวิต… พวกเรา… สัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกแน่นอน!!!” ชายหนุ่มที่คาบบุหรี่ไว้กล่าวออกมาด้วยความกลัวจากจิตวิญญาณ ปากของเขาไม่สามารถพูดอย่างราบรื่นได้ดั่งเช่นตอนแรก ในตอนนี้เด็กชายอายุสิบหกตรงหน้าเขาคนนี้เป็นยิ่งกว่าปีศาจในความฝันของค่ำคืนที่โหดร้าย!
“นาย… นายเป็นนักเวทย์ที่ยอดเยี่ยม… แค่เพียงอย่ามายุ่งกับขยะดั่งเช่นพวกเราเลย ได้โปรด… อย่า… อย่าใช้พลังนั่นกับพวกเรา…” ชายหนุ่มอีกคนกล่าวออกมา
มองไปที่เสี่ยวปิงตอนนี้ กล้ามเนื้อของเขาน่าขยะแขยงอย่างมาก!
ซึ่งชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่ด้วยความกลัว พวกเขาไม่ต้องการจะมีจุดจบเช่นนั้นเหมือนกัน!
ความโกรธของโม่ฝานค่อยๆหายไปทีละน้อยเมื่อเห็นว่าพลังของเขาน่าเกรงขามขนาดไหน เขาค่อยๆสงบจิตใจลงอย่างช้าๆ
เขามองไปที่เสี่ยวปิงและนักกล้ามอีกคนซึ่งกล้ามเนื้อกำลังฉีกขาดออกจากกัน พวกมันกระตุกอย่างรุนแรงราวกับเต้นระบำ เป็นภาพที่ชวนสยดสยองอย่างยิ่ง
“พาพวกมันไปส่งโรงพยาบาล” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
ความจริงแล้วโม่ฝานไม่เคยคาดคิดว่าพลังที่เขาใช้เมื่อครู่จะรุนแรงมากถึงขนาดนี้ มันทำให้เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้ซะอีก!
เขาคิดว่าในขั้นแรกเขาควรจะเรียนรู้การควบคุมพลังให้ได้ก่อน ถ้าหากวันหนึ่งเขาเติบโตและฝึกฝนมันให้มากขึ้น เขาจะสามารถควบคุมการใช้พลังเช่นนี้ได้อย่างดี เช่นนี้เขาคงจะไม่ต้องลังเลที่จะปลดปล่อยลังอีกครั้ง ตอนนี้เขากลัวว่าพลังของเขาจะสังหารทั้งสองคนนี้ไปก่อน เช่นนั้นคงเกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายอย่างแน่นอน
“ตกลง ตกลงตามที่นายต้องการ พวกเราจะทำ… พวกเราจะพาเขาไป!!!” หนุ่มชุดคาวบอยมองไปที่โม่ฝานด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับรู้สึกตื่นเต้นที่พวกเขารอดชีวิตจากการโจมตีที่เลวร้ายนั้นได้
อีกสองคนไม่กล้ากล่าวอะไรไร้สาระอีกต่อไป พวกเขารีบพยายามจะหยิบก้อนเนื้อที่กองอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว….
แต่ผลก็คือพวกเขาไม่สามารถถูกเนื้อต้องตัวของทั้งสองได้เลย กระดูกแขนของพวกเขาหักและผิวหนังเหวะเกินกว่าจะจับได้
“เรียกรถพยาบาลซะสิ พวกแกรู้วิธีพาพวกมันไปรึยังไง?” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด
“อ่าใช่ๆ ลูกพี่พูดถูกแล้ว… โทรเลย แกโทรสิเว้ย มัวรออะไร!!”
โม่ฝานเดินจากมาอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้คนเหล่านั้นจัดการต่อ ภายในหัวใจของเขายังคงร้อนรุ่นเล็กน้อยจากเรื่องที่เกิดเมื่อครู่
เขาเกือบที่จะสังหารคนเหล่านี้ซะแล้ว ตอนนี้โม่ฝานนั้นเปรียบเหมือนพระเจ้าซึ่งมอบชีวิตใหม่ให้กับพวกเขา เช่นนี้บุคคลทั้งห้าจึงต้องมองโม่ฝานใหม่อีกครั้งหนึ่ง! หัวใจของเขาเบิกบานเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจแสดงออกต่อหน้าไอ้สารเลวเหล่านี้ได้
ในตอนนี้โม่ฝานเดินไปหยิบรถเข็นในศาลาพร้อมกับเดินลงจากเนินเขาไปอย่างสบายใจ
ชายทั้งสามมองแผ่นหลังของโม่ฝานที่กำลังเดินจากไปด้วยความกลัว กลัวว่าเขาจะหันหลังกลับมา…
ทันใดนั้น โม่ฝานหันกลับมา!
ทั้งสามคนรีบกระวีกระวาดหันหลังทันที ทั้งหมดตัวสั่นเป็นลูกหมามุดตรอกด้วยความหวาดกลัว
“จริงด้วย ถ้าหากว่าใครถามว่าพวกแกไปทำอะไรมา ก็บอกเขาว่าพยายามจะขโมยไฟฟ้าแล้วกันนะ ถ้าพวกแกกล้าที่จะพูดเรื่องของฉันออกไป แน่นอนว่าฉันจะตามล่าเอาชีวิตเน่าๆของแกมาชดใช้แน่นอน! อีกอย่างฉันได้ยินมาว่าตำรวจนั้นไม่สนใจนักเวทย์ที่สังหารก้อนเนื้อพวกนี้หรอก เพราะฉะนั้นพวกแกอย่าหาเรื่องใส่ตัวเลยจะดีกว่า” โม่ฝานนึกได้พร้อมหันมากำชับพวกนั้นไว้อย่างเด็ดขาด
ทั้งสามพยักหน้าเข้าใจทันที พวกเขาไม่กล้าที่จะขัดขืนแม้แต่น้อย
“อ่า… รวมไปถึงจ้าวคุณซานและมู่ไป๋ด้วย ฉันไม่รู้ว่าฉันจะไว้ใจมันสมองของพวกแกได้แค่ไหน รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร?” โม่ฝานกล่าวออกมา
“พวกเรา… พวกเราไม่เคยพบกับลูกพี่มาก่อน ไม่เคย…”
“อืม นับว่ายังมีสมอง ถ้าหากพวกแกฉลาดก็ลืมเรื่องนี้ไปซะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ฉันจะไปหาแกทันที ความสามารถของฉัน ก็เห็นแล้วนะ…”
“แน่นอน พวกเราไม่กล้าแน่… ขอให้ลูกพี่โม่ฝานเดินทางปลอดภัย” ทั้งสามตอบรับพร้อมกับโค้งคำนับอย่างลุกลี้ลุกลน
โม่ฝานพยักหน้าด้วยความพอใจ พร้อมเดินออกไปกับรถเข็นในมือ
เมื่อได้ให้บทเรียนแรกกับพวกเขาไปแล้ว โม่ฝานค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่กล้าทำอะไรกับเขาหรือแม้แต่คิดจะเปิดเผยเรื่องที่เขาเป็นนักเวทย์สายฟ้า
ในตอนนี้เขาเหนือกว่าทุกคนตรงที่เขาสามารถปลดปล่อยเวทมนตร์สายฟ้าได้แล้ว แต่ทว่ามู่ไป๋นั้นยังคงอยู่ในขั้นฝึกหัดอยู่ เขาเชื่อว่าถ้าหากพวกนั้นพอจะมีสมองเล็กน้อย พวกเขาจะต้องไม่ทำอะไรที่สร้างปัญหาแน่!
อย่างไรก็ตาม โม่ฝานนั้นมองว่าทั้งห้าคนนี้เป็นลูกสมุนของจ้าวคุณซานและมู่ไป๋
ในเวลานี้ เขาต้องการให้ไข่สองใบของพวกเขายังอยู่ครบไปก่อน!
......
ขณะที่เดินลงจากบันได โม่ฝานอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!!
เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ฉันเป็นนักเรียนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างและกำลังเบื่อกับประวัติศาสตร์บ้าๆบอๆ บางครั้งฉันก็วาดฝันว่าได้ยืนอยู่บนยอดของเสาธงพร้อมกับต่อสู้กับลมกรรโชกแรงอยู่บนนั้น ฉันได้กระโดดไปมาบนสายลมจนสามารถไปถึงภูเขาหลังโรงเรียนได้ ฉันฝันถึงพลังที่ทำให้ฉันสามารถจัดการกับคนที่ทำให้ฉันโกรธมาตลอด ฉันอยากมีฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลัง สามารถจัดการคนที่เข้ามารังแกฉัน อยากจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด!
แล้วใครจะรู้ล่ะว่าในวันนี้ฉันจะได้สัมผัสรสชาติอันหอมหวานของมันแล้ว!
ด้วยพลังของสายฟ้า สุนัขทั้งห้านั้นแทบจะมีงานศพเป็นของตัวเองทันที ฮ่าฮ่า!! มันยิ่งกว่าความฝันซะอีก ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!
“พลังของสายฟ้านั้นรุนแรงมาก อีกทั้งมันยังยากกว่าฉันจะจัดการมันได้ ในตอนนี้ฉันยังไม่รู้วิธีจัดการกับธาตุไฟเลยสักนิด เหลือเวลาอีกครึ่งเทอม… ฉันน่าจะมีเวลาเรียนรู้ทักษะแรกของธาตุไฟแหละนะ” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
ทักษะขั้นแรกของธาตุสายฟ้านั้นน่ากลัวมากและในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าธาตุอื่นจะเป็นอย่างไรในขั้นแรก
ยิ่งไปกว่านั้นโม่ฝานนั้นรู้ดีกว่าระดับของทักษะนั้นแตกต่างกันไป พวกมันจะถูกไล่จากต่ำที่สุด กลาง และสูงที่สุด!
“จริงด้วย เหมือนว่าอาจารย์ธาตุลมจะกล่าวไว้ในครั้งแรกว่า ทักษะขั้นสูงของธาตุลมคือสามารถบินได้ ฮ่าฮ่า ถ้าฉันได้เรียนรู้ธาตุลมบ้าง มันจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่นอน”
โม่ฝานไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของตนเองไว้ได้ สมองของเขายังคงไม่หยุดที่จะคิดเรื่องเวทมนตร์ต่อไปอย่างตื่นเต้น เขาต้องการจะรู้ว่านอกจากสายฟ้าที่โหดร้ายเมื่อครู่ ยังจะมีอะไรอีกที่ยอดเยี่ยม!
......
หญิงสาวผมยาวดำขลับกำลังนั่งไกว่ชิงช้าอยู่อย่างเอื่อยเฉื่อย ร่างกายเล็กๆของเธอถูกต้นไม้บังไว้โดยสมบูรณ์
“สายฟ้าสีม่วง…” เหย่ซินเซียพึมพำกับตนเอง
เธอเห็นประกายสายฟ้าสีม่วงที่สวยงามอยู่ด้านบนของศาลา แม้ว่ามันจะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็รู้สึกประทับใจกับภาพนั้นอย่างมาก
“นักเวทย์งั้นหรือ?” เหย่ซินเซียยังไม่เลิกตั้งคำถามกับตัวเอง
มันยากมากถ้าหากเธอจะต้องจินตนาการถึงนักเวทย์ภายในเมืองเล็กๆเช่นนี้!
อย่างไรก็ตาม ทำไมนักเวทย์ถึงได้ปรากฏตัวที่นี่ สถานที่แห่งนั้นมีโม่ฝานและแก๊งหมีเขียวอยู่… ถ้าเช่นนั้นพวกเขาได้พบกับนักเวทย์ที่แท้จริงงั้นหรือ!!!
พี่ชายโม่ฝาน… เขายังโอเครึเปล่านะ?
ในเวลานี้เหย่ซินเซียรู้สึกกังวลอย่างมาก ริมฝีปากของเธอเม้มเข้าหากันอย่างแนบแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ท้ายที่สุด รูปร่างที่คุ้ยเคยปรากฏขึ้นบนบันไดหิน เขากำลังเดินลงมาจากเนินเขาพร้อมกับรถเข็นในมือ ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มเล็กน้อยออกมาอย่างอบอุ่น….
••••••••••••••••••••
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••