บทที่ 8: จำเป็นจะต้องหยุด!
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 8: จำเป็นจะต้องหยุด!
ในฤดูใบไม้ร่วงช่วงหน้าร้อน ลมเย็นๆปลิวพัดใบไม้ให้ลอยตามลมอยู่ในสนามเด็กเล่น
ถัดมาจากสนามเด็กเล่น มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา แสงอาทิตย์ในยามบ่ายสาดส่องลงมา ทำให้เป็นภาพที่ชวนผ่อนคลายอย่างยิ่ง
สำหรับโม่ฝาน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับกระพริบตา นับตั้งแต่เขาปลุกพลังเวทย์ขึ้นมานี่ก็เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้ว
สิ่งที่โม่ฝานทำตลอดในสองเดือนที่ผ่านมาก็คือเข้าญาณอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นี้ตลอดเวลา!
ภายในวันแรกของการเรียนการสอน ชุยมู่เชิงซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นนั้นสอนบทเรียนสำคัญแก่นักเรียนทั้งหมดนั่นก็คือการปลดปล่อยพลังเวทมนตร์!
การปลดปล่อยเวทมนตร์นั้นมีเพียงสามขั้นตอน ซึ่งเป็นวิธีการที่เรียบง่ายและสามารถทำได้อย่างง่ายดาย
หนึ่ง คือต้องมีสมาธิจดจ่อ
สอง ควบคุมมันให้ได้
สาม ปลดปล่อยออกไป!
การทำสมาธิคือการช่วยรวบรวมจิตใจไม่ให้วอกแวกออกไปที่อื่น ทำให้ศูนย์รวมความคิดนั้นแน่วแน่และมั่นคง
โดยปกติทั่วไปแล้วเมื่อผู้คนหลับตา พวกเขามักจะมีภาพต่างๆเกิดขึ้นมาในหัวอย่างต่อเนื่อง เป็นภาพวนซ้ำแสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวของจิตใจ
แต่สำหรับนักเวทย์แล้ว สมาธินั้นสำคัญอย่างมาก ภายในใจของผู้ใช้เวทย์จะต้องว่างเปล่าไร้สิ่งใดรบกวนทั้งสิ้น!
หลังจากที่พลังเวทย์ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว เหล่าขุมพลังที่อยู่ภายในโลกวิญญาณของพวกเขาจะตื่นขึ้นมาและต้องเข้าสู่โลกที่ว่างเปล่าเหล่านั้นเพื่อนำพลังออกมาใช้
กล่าวก็คือเมื่อโม่ฝานหลับตา เขาเข้าสู่โลกวิญญาณของตนเองได้อย่างง่ายดายพร้อมกับรู้สึกเหมือนว่าเขาล่องลอยอยู่ท่ามกลางจักรวาลและหมู่ดาวมากมายในโลกใบนี้
ลำแสงสีม่วงมากมายปรากฏอยู่ในโลกที่ไร้มิติเหล่านี้ ทุกสิ่งดูสวยงามเกินกว่าจะละสายตาออกไปได้เลย
ดวงดาวสีม่วงที่เป็นธาตุสายฟ้านั้นล่องลอยอยู่ทั้งหมดเจ็ดดวง อีกทั้งยังมีดวงเล็กๆค่อยไล่ตามอย่างกระตือรือร้อน ราวกับว่าพวกมันวิ่งเล่นอยู่ภายในสนามเด็กเล่น
สำหรับนักเรียนที่สามารถปลุกพลังเวทย์ขึ้นมาได้แล้ว จะสามารถมองเห็นกลุ่มดาวของตนเองได้เมื่อยามที่เข้าสู่สมาธิ เมื่อจิตใจมั่นคงแน่วแน่ พวกเขาก็จะเข้าถึงโลกวิญญาณได้อย่างง่ายดาย
กล่าวก็คือในขั้นแรกนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายดายอย่างยิ่ง การบ้านแรกที่อาจารย์ประจำชั้นได้สั่งให้นักเรียนทำตลอดระยะเวลาสองเดือนคือสิ่งนี้เท่านั้น
สิ่งเดียวที่เขาทำตลอดเวลาก็คือการนั่งสมาธิ ไม่ว่าจะหลังตื่นนอน กินข้าว หรือทำอะไร ทุกอย่างจะจบด้วยการนั่งสมาธิเพื่อเข้าไปจ้องมองกลุ่มดาวเหล่านั้น จนสุดท้ายก็จึงเข้านอน
ในวันต่อมา เขาก็ทำเช่นเดียวกัน เป็นแบบนี้วนไปทุกวัน…
โม่ฝานนั้นไม่ทำตัวขี้เกียจเหมือนเช่นเคย เขาทำมัน ทุกวัน เป็นระยะเวลาสองเดือน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุด สิ่งที่เขาทำมีเพียงอย่างเดียวคือการทำสมาธิ ในบางครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมอาจารย์ถึงให้โจทย์ง่ายๆเพียงเท่านี้ในระยะเวลาที่มากถึงสองเดือน
“เอาล่ะ ฉันจะลองควบคุมมันดูก่อนดีไหมนะ?” โม่ฝานรู้สึกว่าการทำสมาธินั้นง่ายเกินไปและเขาต้องการที่จะก้าวไปอีกขั้น
ขั้นตอนที่สองของการปลดปล่อยพลังเวทย์นั้นง่ายดายเช่นกัน
หลังจากที่เข้าสู่สมาธิได้แล้ว จะมองเห็นกลุ่มดาวเวทย์ที่วิ่งไปมาอยู่ภายในโลกวิญญาณ
เพื่อที่จะจัดให้พวกมันหยุดนิ่งและอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ จะต้องควบคุมมันโดยใช้พลังวิญญาณเท่านั้น
เมื่อสามารถควบคุมกับพวกมันได้แล้ว เมื่อนั้นนักเวทย์จะสามารถปลดปล่อยมันออกไปได้!
“มาเลย มาให้พ่อจับซะดีๆ!” โม่ฝานลองที่จะควบคุมมัน
เขาพยายามอย่างหนักที่จะไล่ตามพวกมันพร้อมกับใช้พลังวิญญาณหยุดพวกมันไว้อย่างสุดความสามารถ
“ฟิ้วว~~~~~”
กลุ่มดาวพวกนั้นเย็บเฉียบและเหมือนกับนกน้อย พวกมันรวดเร็วมาก เร็วเกินไปแล้ว!
“โอ้ เยี่ยมมาก เอาล่ะ ลองอีกที!” โม่ฝานพยายามที่จะควบคุมมันอีกครั้ง
“เด็กน้อยย พ่อของเจ้าอยู่นี่ไง มานี่ซิ มามะ… เด็กดี”
“ฟิ้วว~~~~”
กลุ่มดาวเหล่านั้นยังคงไม่หยุดวิ่ง พวกมันวิ่งผ่านโม่ฝานไปอย่างรวดเร็วและไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
โม่ฝานพยายามลองอีกหลายครั้งต่อหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่สามารถจะจัดการกับพวกมันได้เลย นั่นทำให้โม่ฝานรู้สึกว่ามันเร็วเกินไป หรือเป็นเขากันแน่ที่ช้าเกิน! เช่นนี้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง
เมื่อดวงดาวนั้นวิ่ง พลังเวทย์จะไม่สามารถควบคุมได้ พวกมันกระจัดกระจายออกไปอย่างอิสระไร้การควบคุม
มันเหมือนกับพลังงานบางอย่าง ถ้าหากต้องการใช้มัน จะต้องเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของพวกมันให้ได้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นพลังก็จะไม่เข้าสู่ร่างกายของนักเวทย์ ซึ่งนั่นจะทำให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้
น่าเสียดายที่กลุ่มดาวเหล่านั้นไม่ได้เชื่อฟังโม่ฝานแม้แต่น้อย พวกมันไม่ยอมแม้แต่จะยอมให้จับ แม้ว่าโม่ฝานจะพยายามสื่อสารกับพวกมันมากเท่าไหร่ แต่พวกมันก็ยังวิ่งหนีไปราวกับเจอไอ้โรคจิตอย่างไรอย่างนั้น!
“พวกเจ้าทำอะไรกันเนี่ย? แล้วทักษะที่ข้านั้นพยายามฝึกมาตลอดหนึ่งถึงสองเดือนนี้มันไร้ค่างั้นหรือ?” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างเจ็บปวด
เวทมนตร์สายฟ้าขั้นแรกคือการผนึกอสนีคำราม
ทักษะนี้เป็นพื้นฐานที่จะยกระดับไปสู่ขั้นต่อไป ถ้าหากทำมันได้อย่างยอดเยี่ยม แน่นอนว่าทักษะในการต่อสู้จะโดดเด่นอย่างมาก
แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่สิ่งที่เรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย
ความเร็วของกลุ่มดาวพลังสายฟ้านั้นรวดเร็วอย่างมากและไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหยุดยั้งมันภายในหนึ่งหรือสองวัน
“ในตอนนี้ฉันยังไม่สามารถควบคุมดวงดาวเหล่านี้ได้ แต่สุดท้ายแล้วฉันจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยถ้าหากไม่สามารถควบคุมดวงดาวทั้งเจ็ดนี้ได้ โธ่เอ้ย หนทางมันช่างยาวไกลเหลือเกิน! พับผ่าสิ”
แน่นอน ว่าการฝึกฝนทักษะเวทมนตร์นั้นไม่อาจทำได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน
......
ในตอนนี้ฤดูหนาวกำลังมาเยือน จากเสื้อกล้ามบางๆแปรเปลี่ยนเป็นแจ็กเก็ตอย่างหนา กางเกงขาสั้นนั้นถูกเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาว วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นจริงๆ
“อ่า~~ ถ้ารู้อย่างนี้ฉันฝึกฝนธาตุไฟก่อนก็ดีนะ มันคงจะดีเมื่อฤดูหนาวมาถึง” ในเช้าวันนี้โม่ฝานบ่นออกมาขณะที่เขาอยู่ในห้องใต้หลังคา
หลังจากผ่านไปร่วมเดือน โม่ฝานควบคุมดวงดาวได้สี่ดวงแล้ว
ขั้นตอนในการควบคุมดวงดาวเหล่านั้น จะให้กล่าวก็คือมันคล้ายกับการเล่นโดมิโน่เวอร์ชั่นที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดสักหน่อย
กล่าวก็คือจะต้องใช้ความตั้งใจอย่างมากเพื่อค่อยๆล้มโดมิโน่เหล่านั้นไม่ให้มันออกนอกพื้นที่ แต่การควบคุมดวงดาวนั้นยากกว่านั้นหลายเท่า การหายใจผิดจังหวะก็อาจทำให้ทุกอย่างล้มเหลวได้โดยง่าย
ถ้าหากทำผิดตั้งแต่ต้น แน่นอนว่าที่เหลือก็จะผิดพลาดเหมือนกัน!
เช่นนี้สมาธิจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก การควบคุมดวงดาวเหล่านั้นจะต้องใช้สมาธิ แม้ว่าจะต้องใช้พลังวิญญาณอย่างมาก แต่ก็ต้องกัดฟันเอาไว้เพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน ไม่เช่นนั้นความพยายามทั้งหมดจะไร้ค่าทันที
การกัดฟันของโม่ฝานแน่นอนว่าผลลัพธ์ของมันจะต้องคุ้มค่า เขาต้องการจะควบคุมเวทมนตร์สายฟ้าที่รุนแรงเหล่านั้นให้ได้
หลังจากที่จับพวกมันไว้ได้แล้ว ขั้นต่อไปก็จะต้องทำให้พวกมันเชื่อฟังให้ได้ ไม่เช่นนั้นมันก็จะวิ่งหนีออกไปอีก ดวงดาวสายฟ้านั้นรวดเร็วและดื้อรั้นอย่างมาก ถ้าหากฟุ้งซ่านแม้แต่นิดเดียว มันจะวิ่งหนีไปทันที
ถ้าหากว่าใช้พลังในการหยุดดาวดวงแรกมากเกินไป จะไม่สามารถควบคุมดาวดวงที่สองได้ หรือถ้าทุ่มพลังกับดวงที่สองมากไป ดวงแรกก็จะวิ่งหนีไป ซึ่งขั้นตอนตรงนี้เป็นสิ่งที่ยากที่สุด อาจารย์ประจำชั้นเคยกล่าวไว้กับพวกเขาแล้วบ้างนิดหน่อย ดังนั้นการควบคุมมันขั้นตอนนี้จึงยากที่สุด นักเวทย์จะต้องจัดการพลังวิญญาณของตนเองให้ดี ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถควบคุมสิ่งใดได้เลย
โม่ฝานฝึกฝนอย่างหนักในทุกๆวัน เขารู้สึกเหนื่อยและเหนื่อยซ้ำๆทุกวัน สมองของเขาวิงเวียน เริ่มหูอื้อ ภาพเบลออย่างหนักเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่สะสม
ในตอนนี้แม้แต่จะเข้าสู่สมาธิเขาก็ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป
หากพูดกันตามตรง การฝึกควบคุมพวกมันนั้นกินพลังวิญญาณอย่างมากและจะต้องหยุดพักผ่อนบ้าง เพราะการฝึกในขั้นตอนนี้มันเหมือนกับโจรที่ขโมยพลังชีวิตของผู้ฝึกไปตลอดเวลา….