บทที่ 3: พิธีปลุกพลังเวท
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 3: พิธีปลุกพลังเวท
เมื่อโม่ฝานกลับมาถึงบ้าน ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยคำพูดของมู่เห่อ คำพูดเหล่านั้นทิ่มแทงเขาเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ แต่ทั้งหมดล้วนแต่ดูถูกและเหยียดหยามครอบครัวของเขามากเหลือเกิน
ไม่สามารถแม้แต่จะเป็นจอมเวทย์ฝึกหัดงั้นหรือ?
แกคอยดูฉันไว้ให้ดีเถอะ!
โม่ฝานนั้นพอจะสนิทสนมกับเจ้าหญิงน้อยมู่หนิงอยู่พอสมควร แต่เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าสิ่งนี้จะทำพาความยากลำบากมาสู่ครอบครัวของตนเอง ในวันนี้เขารู้แล้วว่าความห่างของชนชั้นในสังคมที่เขายืนอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง
“ฮ่าฮ่าฮ่า โม่ฝาน ปัญหาของแกนั้นถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าไปพบสหายเก่ามา เขาสามารถจัดการปัญหาให้กับเราได้เพราะเขาเป็นคณบดีของโรงเรียนเทียนหลาน แน่นอนว่าเขาจะรับแกเข้าเรียน โอกาสนี้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จงใช้เวลาของแกให้คุ้มค่า จงตั้งใจให้มาก เข้าใจไหม?” โม่เซี่ยจิงกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข พร้อมกับเดินมาตบไหล่ของลูกชายเบาๆ
โม่ฝานมองเห็นใบหน้าที่แจ่มใสของบิดา ถ้าหากนั่นเป็นรอยยิ้มจากพ่อคนเดิม แน่นอนว่าพ่อจะต้องหยิบเอาไวน์ขาวออกมาเพื่อฉลองแล้ว แต่โม่ฝานกลับมองผ่านเรื่องนั้นไป เขาไม่อยากให้พ่อต้องหดหู่มากกว่าเดิม เขาเผยรอยยิ้มที่จริงใจออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ตื่นเต้นราวกับว่าไม่เคยรับรู้อะไรมาก่อน
“จริงๆเหรอ มันยอดเยี่ยมมากเลย โธ่ พ่อข้านี่เก่งที่สุด ฮ่าฮ่า” สุดท้ายแล้วโม่ฝานได้แต่หัวเราะและเก็บซ่อนความรู้สึกภายในใจเอาไว้ข้างใน
“แน่นอนสิ นี่แกรู้รึเปล่าว่าพ่อแกเป็นใคร? ฮ่าฮ่า” โม่เซี่ยจิงยังกล่าวหยอกล้อพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
หลังจากนั้นสองพ่อลูกดื่มกันนิดหน่อยในคืนนั้น ระหว่างที่ทั้งสองกำลังดื่มด้วยกัน โม่เซี่ยจิงกล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย “นี่โม่ฝาน เดี๋ยวลูกจะต้องไปอยู่ที่หอพักของโรงเรียนนะ พ่อจะต้องปล่อยเช่าบ้านหลังนี้นะเพื่อเพิ่มรายรับและประหยัดค่าใช้จ่าย”
โม่ฝานนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าบ้านหลังนี้จะต้องถูกขายให้กับมู่เห่อ บ้านพังๆเช่นนี้ก็คงจะไม่ได้เงินมากนัก แต่พื้นที่ผืนนี้นั้นมีค่าอย่างมาก
“อ่า ดีเลย ปล่อยเช่าไปเถอะ ยังไงซะผมก็คงจะไม่ได้กลับมาหรอก มันก็เป็นเพียงหัวใจอันอบอุ่นในฤดูร้อนเท่านั้นแหละ” โม่ฝานแสร้งทำเป็นไม่รู้
“ก็เพียงเท่านั้นแหละนะ อ่า เราสองคนคงดูแลมันไม่ไหวหรอก ถ้าเช่นนั้นให้ผู้อื่นดูแลไปแล้วกันจะดีกว่า” โม่เซี่ยจิงกล่าวออกมา
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะรอให้พ่อมาหาผมที่โรงเรียนนะ” โม่ฝานกล่าว
“ฉันรู้แล้วหน่า ดึกมาแล้ว เราควรจะแยกย้ายกันได้แล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้แกต้องไปโรงเรียนนะ” โม่เซี่ยจิงนั้นเริ่มเมาเล็กน้อย เขายกเหล้าแก้วสุดท้ายกระดกเข้าปากพร้อมกับลุกขึ้น
โม่ฝานมองแผ่นหลังของผู้เป็นบิดาค่อยๆเดินจากไป พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ตื้นขึ้นมาภายในหัวใจ
ฉันยังสามารถพักอาศัยอยู่ที่โรงเรียนได้ แต่ทว่าชายผู้นี้เขาจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?
แต่สุดท้ายแล้วโม่ฝานก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
ในความเป็นจริงนั้นโม่เซี่ยจิงนั้นเพียงแค่ต้องการทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุด นั่นนับว่าเป็นสิ่งที่คนอย่างเขาพอจะทำได้แล้ว เขาอยากให้บุตรชายของรู้ว่าไม่ว่าลูกจะมีปัญหาอะไร พ่อก็ยินดีที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเขาเสมอไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหน
และโม่ฝานก็เข้าใจในจุดนี้ดี เขาไม่ต้องการจะกล่าวอะไรที่ทำให้โม่เซี่ยจิงรู้สึกหดหู่ไปมากกว่านี้ แค่สิ่งที่เขาทำ นั่นก็นับได้ว่าเขาเป็นพ่อที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?
แม้ว่าผู้อื่นจะไม่เคารพพ่อของเขา แต่สำหรับเขานั้นไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เลย!
บ้านหลังเล็กนี้ไม่สามารถเป็นที่พักพิงสำหรับเขาได้อีกต่อไปในสามปีข้างหน้า เขาจะต้องออกไปยังโลกกว้าง เดินทางสู่โลกที่ไม่มีวันหวนกลับมาที่นี่ได้อีก
เขาจะย้ายก้นตัวเองไปอยู่ในสังคมแห่งนักเวทย์!
ฉันจะกลายเป็นปราชญ์เวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ให้ได้!
......
ในช่วงฤดูร้อนสามเดือน วันเวลาผ่านไปรวดเร็วราวกระพริบตา โม่ฝานรู้สึกว่าตัวเองจมลงไปในทะเลหนังสือ
พวกมันคือหนังสือมากมายที่อยู่ในโรงเรียนเทียนหลาน หนังสือเวทมนตร์ต่างๆมากมาย พวกมันมากมายราวกับมหาสมุทรที่รอให้โม่ฝานเปิดอ่าน
อย่างไรก็ตามในตอนนี้โม่ฝานได้ศึกษาทุกอย่างเต็มที่แล้ว ในตอนนี้ไม่มีใครว่าเขาได้ว่าเขานั้นไม่รู้จักเวทมนตร์ ศักยภาพที่ถูกซ่อนเร้นไว้ภายในจิตใจของเขาได้ถูกปลุกขึ้น ความสิ้นหวังทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกไปจากหัวใจ
วันที่ 1 กันยายนจะเป็นวันเกิดภาคเรียนวันแรกของโรงเรียนเวทมนตร์เทียนหลาน วันนั้นจะเป็นวันที่สำคัญที่สุดของนักเรียนทุกคนที่อยากจะก้าวสู่เส้นทางเวทมนตร์ แต่ทุกคนนั้นจะต้องเลือกเส้นทางเดินตามธาตุประจำตัวของตนเองด้วย!
แน่นอนว่าทุกคนจะต้องเข้าร่วมพิธีปลุกพลังเวทย์ภายในร่างกายของตน
“เด็กน้อย ข้าหวังว่าเจ้าจะโชคดี ธาตุที่ดีที่สุดคือไฟ! มันจะทำให้เจ้าโดดเด่นมากกว่าใครในบรรดานักเรียนทั้งหมด แม้ว่าธาตุอื่นๆจะดูดีเหมือนกัน แต่ธาตุไฟนั้นเหมาะสมที่จะใช้เพื่อต่อสู้มากที่สุด อ่าส่วนหินก็ดีเช่นกัน… อืม ลมก็พอใช้ได้นะ…” นั่นคือเสียงของผู้ดูแลห้องสมุด เขาชื่อ กูเหล่าเทา
โม่ฝานถอนหายใจยาวออกมาเพราะว่ารู้สึกโล่งอกที่ชายชราไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
ความจริงแล้วโม่ฝานนั้นไม่ได้นอนเลยในคืนนี้ มันคือความพยายามทั้งหมดที่เขาต้องการจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเอง ในโลกใบเดิมนั้นเขาไม่ชอบชีวิตของเอง เช่นนี้ภายในโลกใบใหม่ เขาจะเปลี่ยนแปลงมันทั้งหมด!
ราวกับว่าในตอนนี้หัวใจของเขาได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมที่จะเปลี่ยนโชคชะตาที่เน่าเฟะพวกนี้เต็มทน!
......
เช้าวันรุ่งขึ้น
โม่ฝานนั้นอยู่ในห้องแปดภายในโรงเรียนเทียนหลาน อีกทั้งยังเป็นนักเรียนคนสุดท้าย เขาอยู่ที่ลำดับที่สี่สิบแปด!
แน่นอนว่าเส้นทางที่เขาใช้เข้ามาคือประตูดำ!
ยิ่งนักเรียนที่มีคะแนนสูงมากเท่าไหร่ ก็จะได้อยู่ในห้องลำดับต้นๆ เพราะว่าการที่มีคะแนนที่ดีนั้นแปลว่าสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ได้อย่างรวดเร็วกว่าผู้อื่น เรียกได้ว่าหัวกะทิเหล่านี้พร้อมที่จะฝึกฝนเวทมนตร์มากกว่านั่นเอง
แต่ช่างโชคร้ายที่อันดับที่หนึ่งของห้องแปดนั้นคือสหายเก่าของเขา มู๋ไป๋!
มู่ไป๋นั้นมาจากตระกูลมู่ ซึ่งแน่นอนว่าเขาอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่ตรงภูเขาลูกนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ใช่บุตรของผู้นำตระกูลโดยตรง แต่เขามักจะดูถูกโม่ฝานเสมอเพราะเขาคือนายน้อยในภูเขาใหญ่ โม่ฝานเป็นเพียงบุตรชายของคนรับใช้เท่านั้น
น่าสงสารที่มู่ไป๋นั้นไม่สามารถใกล้ชิดกับเจ้าหญิงมู่เซวียหนิงได้เลย แม้ว่าเขาจะใช้ทุกวิธีทางให้เธอสนใจ แต่อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่เคยยอมรับคำขอแต่งงานหรือการหมั้นหมายใดๆจากเขาทั้งสิ้น
คะแนนของมู่ไป๋นั้นถือได้ว่ายอดเยี่ยมอย่างมาก เขาได้รับว่าเป็นกุญแจสำคัญของตระกูลมู่ ว่ากันว่าถ้าหากเขาสามารถปลุกธาตุน้ำแข็งขึ้นมาได้ ความเร็วในการฝึกฝนของเขาจะเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ท้ายที่สุดแล้วตระกูลมู่ของเขาสามารถจัดหาทรัพยากรทุกอย่างที่เขาต้องการเพื่อเปิดเส้นทางแห่งปราชญ์เวทย์ให้กับมู่ไป๋แน่นอน
“ขอต้อนรับทุกคนสู่โรงเรียนแห่งนี้ ฉันคิดว่าทุกคนคงจะกำลังรอคอยช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอยู่สินะ แต่ฉันนั้นมีเรื่องที่จะพูดกับพวกคุณทุกคนก่อนเล็กน้อย” ภายในโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนอยู่หนึ่งพันห้าร้อยคน มีทั้งหมดยี่สิบห้อง ทุกพื้นที่นั้นเต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจีเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยม บรรยากาศเต็มไปด้วยความสดชื่นเหมาะแก่การเรียนรู้อย่างมาก
“พวกเธอรู้รึเปล่าว่าสิ่งสำคัญสำหรับนักเวทย์คืออะไร?”
“พวกคุณจะต้องไม่ลืมว่าพวกคุณคือนักเวทย์ มีหน้าที่คอยปกป้องเพื่อนมนุษย์ พร้อมทั้งปกป้องมวลมนุษยชาติซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญมาก อย่าลืมว่ามีอสูรเวทย์มากมายรอพวกคุณอยู่ที่ด้านนอกกำแพงเมือง!”
ในขณะที่อาจารย์ใหญ่กล่าวต่ออีกเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เป็นเวลาที่ทุกคนรอคอย
“เอาล่ะ เราจะเริ่มพิธีปลุกพลังเวทย์กันในวันนี้!”
เสียงของอาจารย์ใหญ่ได้ลดต่ำลงและค่อยๆเงียบหายไป จากนั้นเสียงอื้ออึงของเหล่านักเรียนดังขึ้น พวกเขาไม่อาจระงับความตื่นเต้นเอาไว้ได้
ใครกันที่ไม่ต้องการเปลวไฟเพื่อทำลายศัตรู? ใครกันจะไม่อยากใช้พลังน้ำแข็งเพื่อหยุดเหล่าปีศาจร้าย? ใครกันที่ไม่ต้องการจะควบคุมอากาศบนโลกนี้? ใครกันที่ไม่อยากจะปกปักษ์รักษาผืนโลกแห่งนี้เอาไว้?
มีผู้พิทักษ์มากมายในภาพยนต์ ละคร การ์ตูนที่ทุกคนโปรดปราณ ทั้งหมดล้วนแต่ต้องการจะเป็นนักเวทย์ที่เก่งกาจ เหตุการณ์ในวันนี้คือก้าวแรกสำหรับเส้นทางสู่การเป็นนักเวทย์ ไม่ว่าจะนอกกำแพงที่เต็มไปด้วยอสูรร้าย หรือภายในเมืองที่เต็มไปด้วยคนชั่ว ความภาคภูมิใจทั้งหมดภายในวันนี้จะก่อให้เกิดเป็นพลังเพื่อปกป้องเมืองแห่งนี้ไว้ให้ได้ มันคือพลังที่ทุกคนใฝ่หา….