ตอนที่ 1179 การมาเยือนของพวกนอกรีต(ลงข้ามไปมาอ่านด้วยเน้อ ฟรี)
หลินฮวงตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะโดยเสียงนาฬิกาปลุกของแหวนหัวใจจักรพรรดิตอนแปดโมงเช้า
เขาหยุดบ่มเพาะไร้รอยต่อทันทีและออกวังจักรพรรดิไปหลังล้างหน้า เขาทิ้งเจ้าแดงไว้ในวังเพื่อให้มันคิดหาเคล็ดบ่มเพาะต่อไป
การประชุมกับพวกนอกรีตจะเริ่มตอนเก้าโมง มันยังไม่ถึง8โมง50ดีเมื่อเขากลับมาจากมื้อเช้า แต่เมื่อเขาก้าวไปในสำนักงานใหญ่ขัตติยะ เสียงตะโกนก็ดังก้องไปทั่วเมืองจักรพรรดิ“หัวหน้าตุลาการแห่งขัตติยะซุนจ้าวได้มาเยือนขัตติยะพร้อมรองหัวหน้าตุลาการและผู้ไร้มลทิน!”
หลินฮวงหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียง เขาหันไปตามเสียง ดูตกตะลึง“พวกเขาช่างสมกับเป็นพวกนอกรีตจริงๆ”
เมืองจักรพรรดิมีคนเยอะมาก โดยเฉพาะผู้บ่มเพาะ ในไม่ช้าบางคนก็โพสต์เกี่ยวกับมันลงเครือข่ายหัวใจและทุกสื่อ
ขัตติยะที่เดิมทีมีความนิยมเป็นอันดับ2กลับกลายเป็นอันดับ1ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีหลังข่าวกระจายออกไป
ทุกสื่อล้วนวุ่นวาย
“บ้าไปแล้ว!พวกเขากำลังพิชิตองค์กรสหภาพทั้งหมดรึไง องค์กรมืด และองค์กรกลาง!นี่หรือว่าขัตติยะกำลังคิดปกครองโลก?” “พวกเขามีส่วนร่วมกับรัฐบาลกลางไม่กี่วันก่อน พวกเขาเล่นหูเล่นตากับผู้ปลดปล่อยเมื่อวานและกำลังเดทกับพวกนอกรีตวันนี้ ขัตติยะช่างร้อนแรงจริงๆ!”
“ความคิดเห็นด้านบนอธิบายได้ดี!”
“พวกเขาดูระยำจริงๆหากทำแบบนี้!ฉันกำลังหัวเราะไปร้องไห้ไป”
บัญชีทางการทั้งสี่ตอบความคิดเห็นนั้น
“ระยำ!”ความคิดเห็นของพวกนอกรีต
“ระยำ!”ความคิดเห็นของรัฐบาลกลาง
“ฮี่ๆ”ความคิดเห็นของผู้ปลดปล่อย
“???”ความคิดเห็นจากขัตติยะ
ขณะที่ผู้คนกำลังคุยกันอย่างดุเดือดบนเครือข่าย พวกนอกรีตก็เดินไปในสำนักงานใหญ่ขัตติยะ
หลินฮวงและสามแกรนด์ดยุคมาต้อนรับพวกเขา
หัวหน้าตุลาการของพวกนอกรีตดูเหมือนตอนที่หลินฮวงเห็นจากวิดิโอหลายปีก่อน เขายังสวมชุดดำและใบหน้าสีขาวน่ากลัวบนหน้า
“ผมคือหัวหน้าตุลาการแห่งนอกรีต ซุนจ้าว”หัวหน้าตุลาการในหน้ากากดุดันแนะนำคนติดตามด้านหลังเขา มี1ชายและสองสาวยืนอยู่ด้านหลังเขา
หลินฮวงสังเกตชายวัยกลางคนด้านหลังเขาทันทีเพราะชายคนนั้นมีกลิ่นอายของเทพเสมือนขั้น3 เขาดูเหมือนตาลุงพุงพลุ้ยอายุ40กว่าปี เขามีตอหนวดขึ้นอยู่ทั่วหน้าและดูเหมือนคนนอนไม่หลับ
“นี่คือรองหัวหน้าตุลาการเรา จ้าวตง”
“นี่คือตุลาการอาวุโสของเรา เกาหยา”จากนั้นซุนจ้าวก็ชี้ไปยังหนึ่งในสองสาว
หญิงสาวที่ชื่อเกาหยาตัวเล็กมาก เธอสูงไม่ถึง1.5เมตรแม้จะใส่รองเท้าอยู่ เธอดูเหมือนเด็กอายุ12-13ปี เธอย้อมผมสีม่วงและแบ่งมันเป็นหางม้าสองเส้น เธอดูไม่เหมือนผู้ใหญ่เลย
อย่างไรก็ตาม หลินฮวงรู้ดีว่าอายุแท้จริงของเธอต้องเกินกว่านั้นเพราะระดับพลังเธอคือกึ่งเทพ
สำหรับหญิงสาวคนสุดท้าย หลินฮวงจำเธอได้ทันที
เธอคือผู้ไร้มลทินที่พยายามจับตัวเขา
“นี่คือผู้ไร้มลทินของเรา เซี่ยหยู”ซุนจ้าวและคนอื่นลอบสังเกตปฏิกิริยาของหลินฮวงทันที
หลินฮวงแค่จ้องมองเซี่ยหยูและพยักหน้า“ผมรู้จักเธอ เราเคยเจอกันสามปีก่อน”อย่างไรก็ตาม เขาแค่เหลือบมองเธอและหยุดให้ความสนใจ
ผู้ไร้มลทินเคยมีระดับเพลิงฟ้าตอนหลินฮวงมีระดับแค่ทองแดง ตอนนั้นเขาทำได้แค่หนีอย่างทุลักทุเล ตอนนี้ผ่านไปสามปี แม้เธอจะพัฒนาขึ้นมากจนเป็นนิรันดร์ขั้น5แล้ว แต่เขาก็เหนือกว่าเธอมาก
ในขณะเดียวกัน เซี่ยหยูก็ลอบสังเกตหลินฮวง
เธอมีความประทับใจอย่างลึกซึ้งต่อหลินฮวงเพราะเขาคือคนเดียวและภารกิจเดียวที่เธอล้มเหลว ตั้งแต่เธอพบตัวตนของหลินฮวงในฐานะจักรพรรดิ เธอก็เฝ้าติดตามข่าวเขามาตลอด
เธอมักรู้สึกว่ามันไร้สาราะทุกครั้งที่เธอเห็นหลินฮวงทำเรื่องน่าทึ่งบนข่าว ผู้ชายตัวเล็กที่เคยอยู่ระดับทองแดงมาก่อนกลับแซงหน้าเธอไปมากไม่ว่าจะเป็นระดับพลัง ความสามารถหรือตัวตน
หลังพวกนอกรีตแนะนำตัว หลินฮวงก็แนะนำตัวง่ายๆ จากนั้นก็เข้าสำนักงานไป เขาปิดประตูห้องประชุมหลังเชิญทั้งสี่คนเข้ามา
จากนั้นหัวหน้าตุลาการจึงถอดหน้ากากเขา ในที่สุดหลินฮวงก็ได้เห็นหน้าตาจริงเขา เขาไม่อยากเชื่อว่าผู้นำพวกนอกรีตจะมีใบหน้าที่ดูเด็กขนาดนี้
หวงเทียนปู้และอีกสองคนก็แปลกใจเหมือนกัน
“ไม่คิดเลยว่าผู้นำของพวกนอกรีตจะยังหนุ่มขนาดนี้”หลินฮวงหยอกล้อ
“หยุดหยอกล้อผมเถอะ ท่านจักรพรรดิ พ่อแม่ผมให้ใบหน้านี้มา ดังนั้นผมจึงทำอะไรไม่ได้ ผมมักถูกคนอื่นปฏิบัติเหมือนน้องชายทั้งๆที่มีอายุเท่ากัน”ซุนจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินฮวงเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าทำไมซุนจ้าวถึงสวมหน้ากากตลอด ในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ว่าเขาหน้าเด็ก แต่เขายังดูเหมือนคนใจดีไร้พิษภัย อาจกล่าวได้ว่าเขาไม่ได้คุกคามเลย
แม้ว่าหลินฮวงจะยังหนุ่มและหล่อเหลา แต่เกียรติยศเขาบนต้นไม้ขั้นบันไดก็เป็นที่ล่วงรู้ไปทั่วโลก ไม่มีใครกล้าดูถูกอัจฉริยะอันดับ1แห่งยุค
อย่างไรก็ตาม ซุนจ้าวจะดูเหมือนหุ่นหากเขาใช้ใบหน้าจริงจัง เขาจะดูเหมือนเด็กขี้หงุดหงิดหากเขาโกรธ และนั่นคงดูตลก
ดังนั้น การสวมหน้ากากจึงเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด
ขณะพวกเขากำลังคุยกัน หลินฮวงก็เห็นว่าเซี่ยหยูกำลังสำรวจเขา เธอดูเหมือนอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ลังเล
“มีอะไรที่คุณอยากพูดไหม ผู้ไร้มลทิน?”หลินฮวงถามด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยหยูลังเลและตัดสินใจพูด“ฉันอยากรู้เกี่ยวกับวิธีบ่มเพาะนายมาก นายทำได้ยังไง มันเร็วมาก?!”เหตุผลที่ทำไมเซี่ยหยูถึงถามนั่นก็เพราะเธอเองก็เป็นสุดยอดอัจฉริยะ และเธอก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าหลินฮวงสามารถเอาชนะเธอได้ยังไงในเรื่องของความเร็วการบ่มเพาะ
“ฮืม ผมจะอธิบายยังไงดี?ผมสามารถพูดได้แค่ว่ามันขึ้นอยู่กับร่างกายเรา ผมปรับพลังชีวิตให้เร็วขึ้นโดยที่ผมสามารถทะลวงผ่านได้โดยไม่ต้องใช้เวลาย่อยนานเกินไป”หลินฮวงบอกเล่าข้อแก้ตัวที่เขาเตรียมไว้แล้ว
แน่นอน เขาไม่อาจบอกเธอได้ว่าเขาสามารถยกระดับได้เร็วเพราะเขาสามารถได้รับทะเลพลังชีวิตจากการให้มอนสเตอร์เขาฆ่ามอนสเตอร์แทนการกลั่นคริสตัลชีวิต
“ฉันคงยอมใช้ชีวิตแลกเพื่อพานายกลับองค์กรนอกรีตหากฉันรู้ว่านายมีศักยภาพเช่นนี้”เซี่ยหยูส่ายหัว จนถึงตอนนี้ เธอรู้สึกเสียใจที่พลาดโอกาสไป
ซุนจ้าวและคนอื่นมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาบอกเซี่ยหยูให้หยุดพูดถึงเรื่องนั้นผ่านคลื่นเสียง เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่หลินฮวงจะยินดีไปด้วย
ในทางกลับกัน หลินฮวงกลับโบกมือยิ้ม เขายอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาในอดีต
“ไม่มีอะไรที่ผมสามารถพูดถึงได้ นี่อาจเป็นโชคชะตา หากคุณจับผมกลับไปองค์กรนอกรีตจริงๆ ผมอาจไม่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้”
“เราต้องเลือกหลายอย่างในชีวิตเรา มันอาจดูเหมือนไม่สำคัญเมื่อเราทำการตัดสินใจ แต่มันอาจเป็นตัวชี้นำว่าอนาคตเราจะเป็นยังไง ผมแค่โชคดีพอที่ทำการเลือกถูก”
ปล.ลงข้ามไป