ตอนที่แล้วGE278 แก้แค้นให้เผ่าลั่วหยุน ( 3 ) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE280 แก้แค้นให้เผ่าลั่วหยุน (5) [ฟรี]

GE279 แก้แค้นให้เผ่าลั่วหยุน ( 4 ) [ฟรี]


ลู่ตู้เฉินและซูฉวนกล่าวห้ามการประลอง ทั้งสองไม่อยากให้หนิงฝานและหวางเซี่ยวเข่นฆ่ากัน แต่หนิงฝานและหวางเซี่ยวไม่ยอมหยุด

ผู้เชี่ยวชาญทุกคนถอยห่างจากสนามประลองไปไกล ทิ้งไว้เพียงหนิงฝานและหวางเซี่ยวลำพัง เพราะทั้งสองกำลังจะจู่โจมด้วยพลังทั้งหมดที่มี

หมอกเมฆาม่วงควบแน่นที่ปลายนิ้ว หนิงฝานจ้องมองหวางเซี่ยวด้วยสายตาเย็นชา

“ลู่เป่ย ข้าจะเป็นผู้เริ่มจู่โจมก่อน ให้เจ้าเป็นฝ่ายป้องกัน… จากนั้นเจ้าเป็นฝ่ายจู่โจม ส่วนข้าป้องกัน!”

“ได้!”

หวางเซี่ยวเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมก่อน ส่วนหนิงฝานก็คิดหาวิธีรับมือ

แม้การตั้งรับก่อนจะดูเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่หากรับได้ก็ถือว่าเป็นข้อดี เพราะอีกฝ่ายทุ่มพลังจู่โจมไปแล้ว

หนิงฝานกินโอสถเข้าไปเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ จากนั้นใช้วิชาดึงวิญญาณ ดึงเอาพลังงานขึ้นมาจากพื้นดิน ทำให้กลิ่นอายของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่หนิงฝานใช้วิชาดึงวิญญาณ แต่ก็ยังทำให้ผู้คนตกใจ

“ข้ายอมรับว่าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง แต่เจ้ายังไม่รู้ถึงความห่างชั้นของชนชั้นสูงอย่างข้าและชนชั้นต่ำเหมือนเจ้า! ตัวข้าทรงพลังยิ่งกว่าซัวเถิง การจู่โจมนี้เจ้าไม่รอดแน่!”

ปราณน้ำแข็งสองสายปรากฏขึ้นในมือหวางเซี่ยว มันผสานปราณทั้งสองสายให้เป็นหนึ่ง เสียงน้ำแข็งกระทบกันดังรอบทิศ เงาสีดำคืบคลานบดบังท้องนภาและพื้นดิน

“วิชาจันทรา...” หวางเซี่ยวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ดูราวกับมันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เมื่อปราณน้ำแข็งสองสายผสานเข้ากันอย่างสมบูรณ์ มันกลายเป็นปราณน้ำแข็งสีม่วง และทำให้เกิดพายุหิมะที่รุนแรง

เหนือท้องนภาที่มืดสนิท ปรากฏจันทราสีม่วงลองเด่น จากไม่เต็มด้วยแปรเปลี่ยนเป็นเต็มดวง

“จันทราที่ 1… 2… 3!”

เมื่อจันทราถูกเสริมพลังสามครั้ง มันแผ่ลมเย็นที่หนาวเหน็บสุดขั้วไปทั่ว ความเย็นระดับนี้ทรงพลังจนเทียบเท่ากับการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูง

แม้จะเสริมพลังโดยสมบูรณ์จนทำให้อานุภาพเทียบเท่าผู้เชี่ยวผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูง แต่ด้วยการผสานกันของปราณน้ำแข็ง อานุภาพของมันจึงอยู่ในระดับขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด

“จันทราเปรียบดั่งการเยือกแข็ง ราตรีเปรียบดั่งความหนาวเหน็บ!”

หวางเซี่ยวคำรามก่อนจะชี้นิ้วไปยังหนิงฝาน

จันทราน้ำแข็งขนาดใหญ่ยิงลำแสงเข้าใส่หนิงฝาน

เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง มือข้างขวายังคงโคจรวิชาหมอกเมฆาม่วง มือข้างซ้ายจุดเพลิงเทา ยิงขึ้นไปบนท้องนภา กลุ่มเพลิงแปรเปลี่ยนเป็นมังกร 9 ตัวเข้าปะทะกับลำแสง

มันกรทั้ง 9 ตัวพุ่งเข้าปะทะกับลำแสงอย่างจัง แม้พวกมันจะพยายามเปล่งอำนาจ แต่ยังไม่อาจทนความเย็นที่รุนแรงกว่าได้

หนิงฝานกระตุ้นปีกส่งร่างตนทะยานขึ้นไปบนท้องนภาเพื่อหลบเลี่ยงลำแสง

แม้ลำแสงนั้นจะรวดเร็ว แต่หนิงฝานรวดเร็วกว่า

“เป็นไปไม่ได้ ทำไมมดปลวกอย่างเจ้าถึงได้เร็วขนาดนั้น! ไม่ว่าเจ้าจะเร็วขนาดไหน เจ้าก็ไม่มีทางรอด!”

ในขณะที่หนิงฝานกำลังหลบหลีกนั้น ร่างกายของเขาเริ่มถูกความเย็นกัดกินอย่างช้าๆ

“ทะลาย!”

หวางเซี่ยวเผยสีหน้าเย้ยหยัน จันทราระเบิดกลายเป็นเส้นใยจำนวนมหาศาลเข้าพันธะนาการหนิงฝานจนกลายเป็นรังไหม

ขนาดของรังไหมขยายใหญ่เป็นร้อยจ้าง… เก้าร้อยจ้าง… ความเย็นที่รุนแรงเพิ่มพูนจนเพียงพอให้แช่แข็งผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้ง่ายๆ

“ตายซะ!”

แววตาหวางเซี่ยวแปรเปลี่ยนเย็นชา มันกระตุ้นรังไหมจนเกิดการระเบิดที่รุนแรง ความเย็นที่ยากจะกล่าวกระจายรอบทิศ ท้องนภาปริแตกจนเกิดเป็นรอยแยกมิติ

ข่ายอาคมที่ปกคลุมสนามประลองไม่อาจต้านทานความหนาวเย็นได้ ความเย็นที่แผ่ออกไป จึงเปลี่ยนให้เมืองลั่วหยุนกลายเป็นน้ำแข็ง ใจกลางรังไหมที่ระเบิด ไร้ซึ่งวี่แววของหนิงฝาน

“ลู่เป่ยตายแล้ว!”

หวางเซี่ยวหัวเราะลั่น แต่เมื่อมันไม่เห็นกระเป๋าของหนิงฝาน มันจึงประหลาดใจ

หากหนิงฝานตายจริง สมควรเห็นกระเป๋าหรือสิ่งของบางสิ่งของเขา

ท้องนภาไร้วี่แววของหนิงฝาน เหลือเพียงรอยแยกมิติ

หวางเซี่ยวไม่ประมาท แม้มันจะบาดเจ็บสาหัส แต่มันใช้วิชาลับกระตุ้นร่างกายและเสริมกำลังด้วยปราณน้ำแข็ง

การจู่โจมเมื่อครู่ของหวางเซี่ยวทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว หากหนิงฝานจะถูกลบไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์ก็ไม่แปลก

ผู้เชี่ยวชาญเผ่าลั่วหยุนเผยสีหน้าโศกเศร้า สิ่งที่เห็นทำให้คิดได้ว่าลู่เป่ยตายไปแล้ว จะมีก็เพียงลู่ว่านเอ๋อร์ที่ไม่คิดเช่นนั้น นางยังคงจ้องมองท้องนภาด้วยแววตาที่แน่วแน่

“ลู่เป่ยยังไม่ตาย! เขายังไม่ตายเด็ดขาด!”

ใช่… หวางเซี่ยวยังอยู่ ข้าจะตายง่ายๆได้ยังไง!“

เสียงหนึ่งดังขึ้น

ทิวทัศน์ที่มืดสนิทจางหาย กลุ่มเงาสีดำก่อตัวขึ้นบนท้องนภา บุรุษอาภรณ์ดำปรากฏกาย สีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าฝั่งซ้ายปรากฏรอยสัก

หนิงฝานกระอักโลหิต แม้เขาจะใช้วิชาวารีผันแปรเอาชีวิตรอดมาได้ แต่ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการจู่โจมของหวางเซี่ยว

แต่ยังไงซะ เขาก็ยังไม่ตาย

การที่จะสลายร่างกายเหลือเพียงสัมผัสเทพนั้น มีเพียงผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเท่านั้นที่ทำได้

วิชาเช่นนี้ทำให้ถูกสังหารได้ยาก จึงกลายเป็นวิชาเอาตัวรอดของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก

แม้หนิงฝานจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็ทำให้เขาเข้าใจในวิชาวารีผันแปรที่ตนมากขึ้น!

“ร่างวิญญาณ… เดิมทีข้าเข้าใจเพียงผิวเผินว่ามันคือสัมผัสเทพและดวงจิต แต่ยามนี้ ข้าเข้าใจมันมากขึ้น... ดวงจิตคือตัวตนอันไพศาล หากไร้ดวงจิตก็ไร้ซึ่งกายเนื้อ! หากก่อกำเนิดกายเนื้อ ก็จะคืนสู่จุดเริ่มต้นของมัน... นั่นคือความหมายที่แท้จริงร่างวิญญาณ!”

ร่างของหนิงฝานสลายตัวและก่อตัวขึ้นใหม่ เป็นเช่นนั้นซ้ำๆจนกระทั่งอาการบาดเจ็บค่อยๆหายไป

“ใช้ร่างวิญญาณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ!” สนมอสูรจื่อตกตะลึง

ร่างวิญญาณคือสัมผัสเทพที่ไร้ตัวตน ไม่ใช่การสร้างกายเนื้อ ผู้ที่จะใช้วิชานี้ได้อย่างน้อยต้องบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก แต่การใช้ร่างวิญญาณเพื่อรักษาตัวนั้น แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกก็ทำไม่ได้

นางไม่รู้ว่าเหตุใดผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นอย่างหนิงฝานถึงทำได้

ไม่รู้ว่าเขาทำยัง ไม่รู้ว่าเขามีพรสวรรค์มากขนาดไหนถึงได้บรรลุวิชาร่างวิญญาณที่ลึกซึ้งถึงขนาดนั้น

สีหน้าวู่หยานก็แปรเปลี่ยน ความหวาดกลัวเริ่มเข้าครอบงำ นางตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าไม่อาจยั่วยุหนิงฝานได้อีก

“เด็กนั่นบรรลุความเข้าใจในวิชาที่เหนือล้ำยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก ข้าไม่ควรเป็นศัตรูกับเขา และเขาไม่ใช่เผ่าพันธุ์อสูรเราอย่างแน่นอน!”

หนิงฝานสลายและก่อร่างเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหยุดลง จากนั้นยกมือขวาชี้นิ้วไปยังหวางเซี่ยว

หวางเซี่ยวทำอะไรไม่ถูก มันไม่เข้าใจว่าเหตุใดหนิงฝานถึงยังเอาตัวรอดมาได้

และมันก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดแสงสีม่วงที่มือข้างขวาของหนิงฝาน จึงทำให้รู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง

มันรู้ว่าต้องถอยห่างจากการจู่โจมที่กำลังจะมา แต่เมื่อครู่ มันทุ่มพลังไปเกือบหมดแล้ว ที่สำคัญ หนิงฝานที่ก่อร่างใหม่นับครั้งไม่ถ้วน แผ่กลิ่นอายที่ทรงพลังมากขึ้น

หากจะปกป้องคนที่ตนรัก...ตนเองต้องไม่ตาย ไม่ว่าจะเผชิญกับความตายมากขนาดไหน...ตนเองต้องไม่ตาย!

“วิชา...หมอกเมฆาม่วง!”

แสงสีม่วงเปล่งประกายเจิดจ้าอาบไล้ไปทั่วทั้งเมืองลั่วหยุน พายุหมอกสีม่วงพัดพา น้ำแข็งที่เกาะกุมละลาย!

แม้หวางเซี่ยวจะหลบหนีสุดชีวิต แต่ยังไม่อาจรอดพ้น!

หวางเซี่ยวหวาดกลัวจนตัวสั่น “เป็นไปไม่ได้! เหตุใดมดปลวกอย่างเจ้าถึงได้ทรงพลังขนาดนี้!”

“เป็นไปไม่ได้? ข้าเคยทำเรื่องที่น่าเหลือเชื่อแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน!”

สิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดที่หนิงฝานเคยทำ ไม่ใช่การต่อสู้กับฝูงอสูรฉลามนับหมื่นเพียงลำพัง แม้ตนจะอยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณ… ไม่ใช่เรื่องที่ตนสร้างชื่อไว้ในป่าแห่งภูติพราย… แต่เป็นเรื่องเมื่อชาติก่อนที่ตนเป็นเพียงผีเสื้อ แต่กลับทำร้ายจักรพรรดิสวรรค์ผู้ทรงพลังได้

แม้จะเป็นเพียงผีเสื้อตัวน้อย แต่เจตจำนงค์อันแน่วแน่กลับน่าสะพรึงกลัว

“ตายซะ!”

พายุหมอกม่วงพัดปกคลุมหวางเซี่ยว เกราะคุ้มกายของมันสูญสลาย ใบหน้าที่อ่อนเยาว์แก่ชราลงอย่างรวดเร็ว

ทุกสิ่งของหวางเซี่ยวถูกพลังแห่งชีวิตดูดกลืน

มนุษย์มีพลังแห่งชีวิต… เซียนมีพลังแห่งชีวิต… ผู้ที่มีชีวิตเป็นนิรันดร์ก็มีพลังแห่งชีวิต...

ยามนี้ สติของหวางเซี่ยวค่อยๆเลือนลาง ผมดำขลับกลายเป็นสีขาว ใบหน้าอ่อนเยาว์กลายเป็นแก่ชรา ร่างกายค่อนเน่าสลายผุพัง สลายกลายเป็นธุลีคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง แม้เป็นดวงจิตของมันก็สลายไร้ร่องรอย

น่าเหลือเชื่อ!

“ตาย? หวางเซี่ยวถูกสังหารในครั้งเดียว… หมอกพวกนั้นมันอะไรกัน?”

บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด ก่อนปรากฏเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี

“นายกองเป่ยจงเจริญ!”

ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด