ตอนที่แล้วGE277 แก้แค้นให้เผ่าลั่วหยุน ( 2 ) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE279 แก้แค้นให้เผ่าลั่วหยุน ( 4 ) [ฟรี]

GE278 แก้แค้นให้เผ่าลั่วหยุน ( 3 ) [ฟรี]


ปีกขนาดยักษ์ผุดขึ้นที่แผ่นหลังของหวางเซี่ยว มันก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ร่างกายขยายใหญ่กว่า 1500 จ้าง จนหนิงฝานดูเหมือนมดเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน เพียงแต่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

“กายยักษ์...” วิชาที่อีกฝ่ายใช้เป็นเหมือนวิชาเทพโบราณที่ใช้เสริมกำลังกาย แต่มันไม่เหมือนซะทีเดียว

เสียงกรีดร้องเสียดหูดังสนั่น นกฮูกเงินยักษ์แผดเสียง ท้องนภาถูกอาบย้อมด้วยสีดำสนิทนับพันลี้ ทิวทัศน์รอบข้างถูกเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทจนไม่อาจมองเห็นแม้กระทั่งมือของตน

หนิงฝานยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ฮูกยักษ์ตัวนั้นใช้วิชาทำให้สภาพแวดล้อมมืดมิด!

มันผสานปราณเข้ากับโลหิต กระตุ้นให้ปราณทรงพลังและอำพรางประสาททั้ง 5

หนิงฝานลองแผ่สัมผัสเทพออกรอบด้าน แต่ที่สัมผัสได้อยู่ในรัศมี 100 จ้างเท่านั้น ภายนอก เหล่าผู้เชี่ยวชาญก็มองไม่เห็นภายใน

แม้จะมองไม่เห็น แต่หนิงฝานสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่ามีแรงกดดันเหนือศีรษะกำลังเคลื่อนลงมา!

ตาซ้ายหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วง ทำให้มองเห็นผ่านความมืดมิดของวิชา

เพียงพริบตา ค้อนสีเงินขนาดใหญ่ก็ฟาดลงที่ตำแหน่งศีรษะของหนิงฝาน

การจู่โจมของมันนำมาซึ่งอัสนีอันทรงพลัง 9 สาย แต่ละสายทรงพลังพอจะสั่นสะเทือนไปทั้งผืนฟ้า และสร้างรอยแยกมิติ

ค้อนสร้างอัสนี อัสนีเสริมกำลังค้อนทำให้มันมีความเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูง แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดถูกค้อนนี้ฟาดเข้า คงไม่พ้นบาดเจ็บสาหัส

เมื่อค้อนยักษ์เข้าใกล้ ดาราปีศาจ ดาราอสูร และดาราเทพของหนิงฝานทั้งหมดถูกกระตุ้น รอยสักสีดำปรากฏขึ้นทั่วร่าง โลหิตในกายเดือดพร่าน เสียงอัสนีฟาดผ่าดังออกมาทั่วร่าง ปีกสีดำสนิทคู่ยักษ์ปรากฏที่แผ่นหลัง หนิงฝานนำกระบี่แยกสวรรค์ตวัดเข้าต้านค้อนยักษ์

กำลังกายทั้งผสานอยู่ในกระบี่ จนทำให้กระบี่กลายเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย

เมื่อกระบี่และค้อนเข้าปะทะ เสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้อง ค้อนของหวางเซี่ยวทรงพลังยิ่งกว่า กระแทกพลังย้อนกลับเข้าหากระบี่และร่างหนิงฝาน จนทำให้โลหิตในกายปั่นป่วน

“หวางเซี่ยวกำลังจะทะลวงขอบเขตกระดูกหยกที่ 3… ระดับร่างกายของข้าด้อยกว่ามันมาก”

การปะทะครั้งแรกหนิงฝานเป็นฝ่ายแพ้ แต่ในการปะทะครั้งที่สอง เขาเปลี่ยนกระบี่เป็นแส้เฆี่ยนใส่ค้อนของมัน

การใช้แส้ทำให้หนิงฝานเว้นระยะห่างจากศัตรูได้ ที่สำคัญ การจู่โจมของแส้ยังก่อให้เกิดหมู่เมฆสีโลหิต ที่นำพาอัสนีสวรรค์ที่ทรงพลังมา

เมื่อแส้เฆี่ยนฟาดกระทบค้อน ค้อนดูดซับพลังจู่โจมของแส้ไปเกือบหมด เหลือเพียงบางส่วนที่สะท้อนไปยังตันเถียนของหวางเซี่ยว

เมื่อแส้ไม่อาจทำอันตรายอีกฝ่ายได้ หนิงฝานจึงเปลี่ยนกลับมาเป็นกระบี่และกระตุ้นปีกของตนทิ้งระยะห่างจากหวางเซี่ยว พร้อมใช้กระบี่ในมือฟาดฟันตัดอากาศเพื่อทำลายวิชา

หนิงฝานเข้าใจในพลังของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เขารู้ว่าแค่แส้และกระบี่แยกสวรรค์ไม่อาจเอาชนะมันได้ แม้มันจะใจร้อนหุนหัน แต่มันก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดา

ผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้ามองไม่อาจสิ่งที่เกิดขึ้นภายในสนาม ทั้งหมดได้ยินเพียงเสียงร้องของนกฮูก และเสียงอัสนีฟาดฝ่าอย่างรุนแรง แรงปะทะในสนามกระจายออกมาถึงข้างนอก จนทำให้ผู้ชมต้องป้องกันตัวเอง

แม้จะพบกับการจู่โจมที่รุนแรงและทิวทัศน์ที่ไม่อาจมองเห็น แต่หนิงฝานยังปลอดภัย ผิดกับหวางเซี่ยวที่มีคราบโลหิตสีเงินปรากฏที่มุมปาก

หวางเซี่ยวบาดเจ็บ?

ยามนี้มันทั้งโกรธแค้นและตกตะลึง มันอุตส่าห์ใช้วิชาบดบังทิวทัศน์และประสาทสัมผัส ทั้งยังใช้ค้อนอัสนีของมันลอบจู่โจม แต่ยังไม่อาจทำอันตรายหนิงฝานได้

กลับกัน หนิงฝานสามารถมองเห็นในวิชาอำพราง ทำให้ปัดป้องและหลบหลีกการจู่โจมได้

เดิมทีมันมั่นใจว่ามันจะเอาชนะหนิงฝานได้ง่ายๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่เป็นแบบนั้น

การปะทะกันครั้งแรก หนิงฝานใช้กระบี่ต่อกรกับค้อนของมันตรงๆ ครั้งที่สองเขาเปลี่ยนอาวุธเป็นแส้ก็ยังไม่อาจทำอันตรายอีกฝ่ายได้

ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้มันรู้ว่าระดับร่างกายของหนิงฝานด้อยกว่ามัน แต่มันกลับไม่อาจสะกดข่มหนิงฝานได้อย่างสมบูรณ์ หนิงฝานเกือบจะรับการจู่โจมของมันได้ทั้งหมด อีกอย่าง มันต้องแปลงร่างเพื่อเพิ่มพลัง แต่อีกฝ่ายกลับคงร่างเท่าเดิม แต่ก็เสริมกำลังได้เช่นกัน

แม้จะทราบถึงความต่างและระดับร่างกายอีกฝ่าย แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ตัดสินแพ้ชนะ

อีกอย่าง มันยังพลาดท่าให้กับแส้อัสนีของหนิงฝานจนบาดเจ็บเล็กน้อยในการปะทะกันครั้งที่ 2 มันศึกษาเรื่องของหนิงฝานมาเป็นอย่างดี มันรู้ว่าแส้อัสนีของเขาเสริมพลังด้วยอัสนี และมีความสามารถคือการจู่โจมตรงไปยังดวงจิตที่อยู่ในตันเถียนของศัตรู ดังนั้นแส้อัสนีจึงเป็นอันตรายกับมันมาก

โชคดีที่ค้อนของมันเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูง แต่แส้ของหนิงฝานเป็นเพียงอาวุธวิญญาณระดับกลาง แต่ถึงอย่างนั้น อัสนีที่เกิดจากแส้ก็รุนแรงมากพอที่จะทะลวงผ่านการดูดซับของค้อนเข้าสู่ร่างมัน ดีที่มันมีเกราะคุ้นกายและดวงจิตเอาไว้ ไม่งั้นคงไม่จบที่บาดเจ็บเล็กน้อย

แม้จะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่นั่นนับเป็นความอัปยศของมัน มดปลวกเบื้องหน้าทำให้มันบาดเจ็บได้

“มิน่ามันถึงสังหารซัวเถิงได้… มันแข็งแกร่ง รวดเร็ว แต่หากจะพึ่งแต่ความเร็ว ยังไม่พอที่จะสู้กับข้าได้!”

สีหน้าหวางเซี่ยวแปรเปลี่ยนมืดมน มันพขยับนิ้วเป็นท่าทาง ค้อนอัสนีในมือแปรเปลี่ยนเป็นอัสนีสายใหญ่ตรงเข้าหาหนิงฝาน

มันทำทุกสิ่งเพื่อให้เอาชนะหนิงฝานได้ มันใช้วิชาของตนเปลี่ยนให้ค้อนเป็นอัสนีที่เสริมกำลังด้วยพลังธรรมชาติ ทำให้มันทรงพลังและเข้าประชิดตัวหนิงฝานได้ในพริบตา

อัสนีเส้นยักษ์เข้าปกคลุมหนิงฝานจนไร้ทางหนี แรงกดดันของการจู่โจมทำให้หนิงฝานหายใจยากลำบาก

เมื่อรอบข้างถูกผนึกไม่ให้หนี... หากเป็นเมื่อก่อนหนิงฝานจะใช้วิชากระบี่วารีผันแปรเพื่อหลบหนี แต่ยามนี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ค้อนอัสนีที่กำลังเข้าประชิดสามารถทำอันตรายตัวเขาที่อยู่ในร่างปราณกระบี่ได้

หากไม่สามารถหลบหนี ทางเดียวที่จะรอดคือต้านอัสนีของมันให้ได้!

หวางเซี่ยวได้เปรียบหนิงฝานเพราะอาวุธ แต่สิ่งที่ทรงพลังยิ่งกว่าแส้อัสนีและกระบี่แยกสวรรค์หนิงฝานก็มี

หนิงฝานสัมผัสกระเป๋า นำเอากระบี่มังกรโลหิตออกมา!

หวางเซี่ยวตกตะลึง“กระบี่โลหิตมังกร? กระบี่เล่มนี้เป็นของลี่ป่าน เป็นสมบัติของเผ่ามังกรโลหิต… แต่ยามนี้กระบี่เล่มนี้ถูกผนึก มันไม่อาจต่อกรกับค้อนของข้าได้ และเจ้าก็ไม่อาจกระตุ้นพลังของมันได้!”

เมื่อสิ้นคำกล่าว หวางเซี่ยวกลับต้องตกตะลึง หมอกสีม่วงเคลือบคลุมตัวกระบี่มังกรโลหิต กระบี่สั่นเทาราวกับตื่นเต้น เพราะผนึกของมันถูกคลายแล้ว

เสียงมังกรคำรามดังสนั่น หนิงฝานเก็บกระบี่แยกสวรรค์ เปลี่ยนมาใช้กระบี่มังกรโลหิตแทน เพียงอานุภาพที่ทรงพลังของกระบี่ทำให้หนิงฝานยากจะต้านทาน แต่เขายังขบฟันควบคุมกระบี่และกระตุ้นให้มันปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่

กระบี่มังกรโลหิตถูกปลุกแล้ว!

กระบี่ราวกับมีจิตสำนึก  มันพยายามเปล่งพลังเพื่อพยายามจะดิ้นให้หลุดจากมือหนิงฝาน

แต่แล้ว หนิงฝานได้โคจรปราณเพื่อเตรียมใช้วิชาหมอกเมฆมาม่วงกับกระบี่

“หมอกนั่นมีอะไรกัน?” สีหน้าซูฉวนแปรเปลี่ยนพลางผุดลุกยืนจากที่นั่น

หวางเซี่ยวกลืนน้ำลาย เหงื่อเริ่มผุดจากหน้าผากของมัน

มันรู้ว่าหนิงฝานทำลายผนึกของกระบี่ได้แล้ว ที่สำคัญ ระดับของมันก็ยกระดับสูงขึ้น

“แย่แล้ว มันทำลายผนึกได้แล้ว!”

ชั่วลมหายใจถัดมา หนิงฝานกล่าวกับกระบี่เป็นเชิงออกคำสั่ง “ไม่ว่าก่อนตายเจ้าจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่เมื่อเจ้าตายเจ้าก็ต้องยอมเป็นของข้า ข้าเจ้าขัดขืน ข้าจะลบล้างดวงจิตของเจ้าให้หายไปตลอดกาล!”

เมื่อกล่าวจบ กระบี่ก็สงบลง เดิมทีกระบี่ทรงอานุภาพเหนือชั้นยิ่งกว่าอาวุธวิญญาณ แต่ตอนนี้มันเพิ่งถูกปลุก พลังของมันจึงยังไม่ฟื้นฟู แต่นั่นก็เพียงพอให้เอาชนะหวางเซี่ยวแล้ว...

กระบี่ดูดกลืนโลหิตของหนิงฝานอย่างรวดเร็ว อานุภาพของมันเพิ่มพูน หนิงฝานใช้มันต้านอัสนีเส้นยักษ์เหนือศีรษะ เมื่อกระบี่ปะทะอัสนี กระบี่เปล่งเสียงมังกรคำรามดังสนั่น

สิบกระบี่… ร้อยกระบี่… พันกระบี่… เงากระบี่จำนวนมากฟาดฟันเข้าใส่อัสนีสายยักษ์ อัสนีสายยักษ์ไม่อาจต้านทานอานุภาพกระบี่จนมันสลายไป

อัสนีสายยักษ์กลับคืนสภาพของค้อน หนิงฝานเร่งถอยห่างออกมาบริเวณนั้น

สมแล้วที่เป็นกระบี่เทพโบราณ

เมื่อสิ้นสุดการปะทะหวางเซี่ยวร่นถอยไปหลายก้าว ทรุดเข่าลงข้างหนึ่งพลางกระอักโลหิต

เดิมทีกระบี่มังกรโลหิตถูกผนึก มันไม่อยากเชื่อว่าหนิงฝานจะถอนผนึกได้

ยามนี้หนิงฝานก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน เมื่อครู่กระบี่ดูดซับโลหิตของเขาไปไม่น้อย หากเขายังใช้มันอีกครั้ง มันน่าจะสูบโลหิตของเขาจนหมดแน่

“เป็นกระบี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ระดับพลังของข้ายังไม่อาจควบคุมมันได้โดยสมบูรณ์ หากควบคุมมันได้ย่อมสังหารมันได้อย่างแน่นอน!”

ที่จริงแล้วในกระบี่ยังมีผนึกอีกชั้นซ่อนอยู่ หากปลดผนึกได้ บางทีมันอาจทรงพลังมากพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกได้

ทิวทัศน์อันมืดมิดหายไป ภาพการต่อสู้ประจักษ์ต่อสายตาทุกคนอย่างชัดเจน หวางเซี่ยวบาดเจ็บ หนิงฝานถูกดูดซับโลหิตไปมาก สิ่งที่เห็นทำให้ซูฉวนและลู่ตู้เฉินตกตะลึง

หนิงฝานเพิ่งทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ แต่กลับต่อสู้กับหวางเซี่ยวได้อย่างสูสี

ที่สำคัญ หวางเซี่ยวยังบาดเจ็บ หากมันเพลี้ยงพล้ำให้หนิงฝาน ฝั่งของพวกมันคงไม่มีใครต่อกรกับสนมอสูรวู่หยานได้

หากหนิงฝานเอาชนะได้ ฝั่งของตำหนักราชาอสูรก็จะได้รับประโยชน์

“ลู่เป่ยแข็งแกร่ง… หากข้าเข้าใจไม่ผิด ตราบใดที่ลู่เป่ยปลดผนึกอีกชั้นของกระบี่ได้ หวางเซี่ยวก็ไม่รอด”

“ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะหวางเซี่ยวอ่อนแอ แต่เป็นเพราะลู่เป่ยแข็งแกร่งเกินไป” วู่หยานกล่าว

ยามนี้ทั้งฝ่ายตำหนักราชาอสูรและฝั่งของซูฉวนกำลังจะเข้าห้ามการประลอง

“พอได้แล้ว! นายกองหวางถอยกลับมาได้แล้ว! การประลองเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น” ซูฉวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ลู่เป่ยพอได้แล้ว สู้กันไปก็ไร้ประโยชน์!” ลู่ตู้เฉินกล่าวเตือน

หนิงฝานไม่กล่าว เขารู้ว่าหากปล่อยโอกาสสังหารหวางเซี่ยวในตอนนี้ไป เขาก็จะไม่มีโอกาสนั้นอีก

หวางเซี่ยวเองก็ไม่ยอม มันไม่ยอมรับที่หนิงฝานจะมาเทียบเคียงกับมัน

“การต่อสู้ยังไม่รู้ผล! ถ้าเจ้าไม่มีกระบี่มังกรโลหิต เจ้าก็ไม่ทางเอาชนะข้าได้… ลู่เป่ยมาตัดสินกันในการจู่โจมครั้งสุดท้าย เจ้ากล้าหรือเปล่า?”

“จู่โจมครั้งสุดท้าย?”

ซูฉวนและลู่ตู้เฉินขมวดคิ้ว

“พวกเราต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บสาหัส หากสู้กันไปก็ไม่รู้ผล” มันขบฟันพลางกล่าว

“ตัดสินกันในการจู่โจมครั้งสุดท้าย การประลองห้ามใช้สมบัติ ใช้เพียงวิชาที่ทรงพลัง”

“ได้!”

ปราณสีม่วงแผ่ออกจากร่างหนิงฝานอย่างรุนแรง

หนิงฝานรู้ว่าใช้วิชาทั่วไปคงไม่อาจเอาชนะมันได้ หากจะสังหารก็ต้องวิธีนี้

และหากเขาไม่มีกระบี่มังกรโลหิต เขาก็คงแพ้ไปแล้ว

หนิงฝานร่อนลงสู่พื้นเวที มือไพล่หลัง เก็บอาวุธทุกสิ่งไป

“ข้าจะสังหารเจ้าด้วยการจู่โจมสุดท้ายนี้...”

หวางเซี่ยวกล่าว ในดวงจิตของมันมีผนึกบางอย่างอยู่ เมื่อมันปลดผนึก ปราณปละแรงกดดันของมันเพิ่มพูนมหาศาล จนทำให้มันทรงพลังเทียบผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด!

ซูฉวนตกตะลึง “นี่มัน...”

“นี่คือวิชาประจำเผ่าพันธุ์นกฮูกเงินของข้า เรียกว่าวิชาผนึกน้ำแข็ง! ผุ้อาวุโสในเผ่าข้าเป็นผู้ลงผนึกไว้ในดวงจิต หากข้าปลดมัน ข้าจะยกระดับพลังไปอีกขั้น… ลู่เป่ยเอ๋ย… คุกเข่าสำนึกผิดเถอะ ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้!”

“ไร้สาระ!” แสงสีม่วงปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วหนิงฝาน หมอกสีม่วงลอยวนรอบกาย

วิชาหมอกเมฆาม่วง!

“นี่มัน!” ซูฉวนขมวดคิ้วแน่น สัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงจากวิชาที่หนิงฝานกำลังใช้

ขนาดมันยังสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง หวางเซี่ยวเองคงไม่รอด

“หวางเซี่ยว ถอยกลับมาเดี๋ยวนี้! เจ้าสู่มันไม่ได้หรอก!”

“ไสหัวไป! องค์ชายชั้นต่ำอย่างเจ้าไม่มีค่าพอให้เรียกชื่อข้า!”

แววตาของหวางเซี่ยวค่อยๆเข้าสู่ความสงบเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

มือซ้ายของมันปรากฏเกร็ดน้ำแข็งสีขาว มือขวาปรากฏเกร็ดน้ำแข็งสีดำ

ลู่ตู้เฉินตกตะลึงและเร่งกล่าวเตือนหนิงฝาน

“ระวังด้วย! มันกำลังใช้ปราณเยือกแข็งสวรรค์ 2 ชนิด เป็นปราณระดับ 6 ‘วายุตะวันออก’ และปราณระดับ 4 ‘หิมะทมิฬ’”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด