ตอนที่แล้วบทที่ 183 ใจกลางภูเขาไฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 185 ของขวัญจากเปลวเหมันเยือกแข็ง

บทที่ 184 ข้าตกลง !


บทที่ 184 ข้าตกลง !

ฉื่อหยานก็ชะงัก

เปลวเหมันเยือกแข็ง แน่นอนว่าสำคัญมาก แต่สำหรับฉื่อหยาน ความทรงจำที่ได้รับจากนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงและความรู้เกี่ยวกับวิชาต่างๆนั่นสำคัญยิ่งกว่า !

ถ้าเปลวเหมันเยือกแข็งตั้งใจจะยกมรดกความทรงจำจากนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงและความรู้เรื่องวิชาต่างๆให้แก่เขา นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาได้ครอบครองจิตวิญญานจุติของตระกูลเซี่ยหลอกรึ ?

เหตุผลที่จิตวิญญานจุติของตระกูลเซี่ย น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก ก็เพราะพวกมันสามารถรับรู้ความทรงจำจากอดีตชาติได้ และยังมีความรู้เกี่ยวกับวิชาต่อสู้ต่างๆอีก , มันไม่เพียงแต่จะมีประโยชน์แค่นั้น แต่มันสามารถเพิ่มความรวดเร็วในการฝึกบ่มเพราะได้และยังสามารถลดหรือหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาวะคอขวดได้

นี้ย่อมเป็นความสามารถที่เกรงขามแน่นอน

ถ้าเขาได้รับความรู้เกี่ยวกับการฝึกฝนต่อสู้จากนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงผ่านเปลวเหมันเยือกแข็ง หลังจากนี้ เส้นทางการบ่มเพาะพลังของฉื่อหยานก็คงพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพื่อที่จะผสานเข้ากับเปลวเหมันเยือกแข็ง เขาต้องรวบรวมทรัพยากรและสมบัติล้ำค่าที่มีพลังหยางร้อนด้วยกันทั้งหมดเก้าชิ้น และยังต้องก้าวเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้นอีก

สำหรับฉื่อหยาน เงื่อนไขเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องของในอนาคต และเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะมีเงือนไขเหล่านั้นครบ

อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาตกลงที่จะรับเงือนไขของเปลวเหมันเยือกแข็ง ทันทีเขาก็จะได้รับประโยชน์จากเปลวเหมันเยือกแข็ง และยังมีโอกาสที่จะได้ผสานเข้ากับแกนเพลิงที่กลายเป็นเปลวไฟนภาอีก

หลังการคิดถึงขอดีและข้อเสียสักพัก ฉื่อหยานก็รู้สึกว่าข้อตกลงนี้เป็นประโยชน์แก่เขามาก

" ข้าตกลงที่จะรับเงือนไขของเจ้า "

หลังจากคิดอยู่นาน ฉื่อหยาน ในที่สุดก็ตกลงยอมรับข้อตกลงของเปลวเหมันเยือกแข็งที่อยู่แหวนสายโลหิต

" ดี ! ! ! "

เปลวเหมันเยือกแข็งตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และตอบทันที " เจ้าจะไม่ผิดหวังแน่นอน ความเร็วในการบ่มเพาะของเจ้าจะรวดเร็วกว่าคนอื่นแน่นอน ด้วยความช่วยเหลือของข้า , เจ้าจะได้รับข้อมูลการต่อสู้และวิชาต่างๆซึ่งนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงปัจจุก็มิอาจคาดถึง "

" ตอนนี้ข้าควรทำยังไง ? ข้าหมายถึง , ข้าจะผสานกับแกนเพลิงได้อย่างไร”

" ตอนนี้ แกนเพลิง อยู่ในระหว่างเริ่มต้นเป็นเปลวไฟนภา จิตสำนึกแกนเพลิงจึงอ่อนแออยู่มาก เหมือนกับทารกแรกเกิด ในเวลานี้ ตราบใดที่เจ้าพูดคุยกับมันและส่งคิดที่มิตรออกไป มันก็จะจดจำเจ้าและรักเจ้าประดุจบิดามารดา ! "

ฉื่อหยาน ตะลึง

" เจ้านี่โชคดีจริงๆ " เปลวเหมันเยือกแข็งพูดอย่างต่อเนื่อง : " อีกวิธีคือ หลังจากที่มันมีจิตสำนึกโดยสมบูรณ์เจ้าก็อาจจะผสานกับมันได้โดยการบังคับ นี้จะต้องใช้พลังของเจ้าทั้งหมดเพื่อหยุดมัน ! เจ้าจะต้องทำให้มันกลัวและไม่กล้าที่จะต่อต้านเจ้า , ตอนนั้น เจ้าจะผสานเข้ากับมันได้โดยให้มันตกเป็นทาสของเจ้า และทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของคพลังเจ้าและเจ้าก็จะควบคุมมันได้ตามที่ต้องการ "

" วิธีนี้จะเป็นการฝืนมากเกินไป แม้เจ้าจะผสานกับมันได้ เจ้าก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส และเมื่อเจ้าไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไปทันทีมันก็จะจู่โจมเจ้ากลับและพยายามที่จะแยกออกจากร่างของเจ้าหรือไม่ก็ฆ่าเจ้า วิธีนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ขณะนี้ พลังของเจ้าไม่เพียงะิ ดังนั้นอย่าแม้แต่จะคิด "

" ก่อนจิตสำนึกของมันจะสมบูรณ์ ใช้วิธีของข้าและพูดคุยกับมันอย่างเป็นมิตรและรักมันดั่งเช่นเพื่อนสนิทของเจ้า ดังนั้น ก่อนที่จิตสำนึกของมันจะสมบูรณ์ เจ้าก็จะต้องส่งวิญญานของเจ้าเข้าไปในมัน และ หลังจากที่จิตสำนึกของมันสมบูรณ์แล้ววิญญานของเจ้าก็ยังคงไม่หายไป มันจะกลายเป็นเหมือนวิญญานของเจ้าดวงหนึ่ง และหลังจากนั้น เจ้าก็จะได้รับพลังของมันและสามารถใช้มันต่อสู้กับศัตรูของเจ้าได้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะบาดเจ็บสาหัส มันก็จะไม่แยกจากเจ้าไป มันจะไม่ทำอะไรเจ้า แต่จะช่วยเจ้าแทน .

" แน่นอน วิธีนี้ก็มีจุดอ่อนเช่นกัน เพราะเมื่อยิ่งเจ้าสนิทสนมกับมันมาก มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าที่จะเสียสละมันในขณะที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย และ เมื่อเจอกับศัตรูตามธรรมชาติของมัน มันก็จะไม่ฟังเจ้า และอาจจะหลบซ่อน และไม่กล้าที่จะต่อสู้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเจ้าจะไม่สามารถควบคุมมันได้ตามที่เจ้าต้องการ หรือ เจ้าจะไม่กล้าที่จะเสียสละมัน . "

" เพียงแค่ข้าปล่อยพลังวิญญานเพื่อค้นหามัน มันก็รู้และจู่โจมข้ากลับแล้ว ; ข้าจะเข้าใกล้มันได้อย่างไร "

" นั่นเป็นเพราะในพลังวิญญานของเจ้าตอนนี้มีพลังของข้าอยู่ไงหละ ธาตุของข้านับได้ว่าเป็นจุดอ่อนของมัน ดังนั้นมันจึงต่อต้านและไม่ยอมรับพลังของเจ้า ครั้งต่อไปเมื่อเจ้าปล่อยพลังวิญญานออกไป ก็ไม่ต้องผสานพลังของข้าไปด้วย เจ้าต้องค่อยๆส่งพลังวิญญานของเจ้าไปอย่างเป็นมิตร เมื่อเจ้าเข้าใกล้มันได้โดยที่มันไม่ตกใจ มันก็จะค่อยๆยอมรับเจ้า”

" ข้าว่า . . . . . . . "

ฉื่อหยาน ก็ตะลึงทันที กล่าวว่า " ข้าจะลองดู "

" ดั จำไว้นะ อย่าพยายามเข้าไปใกล้มันเร็วเกินไป ในขณะนั้น , เจ้าต้องระวังให้มาก และค่อยๆทำ ; เจ้าต้องค่อยๆทำโดยไม่รีบร้อน เจ้าต้องทำให้มันรู้จักเจ้าก่อน เพื่อที่มันจะได้ไม่ระแวงเจ้า นอกจากนี้ เมื่อเจ้าส่งความคิดที่เป็นมิตรไป หลังจากมันรู้แล้วว่าจริงๆเจ้าไม่ได้จะทำร้ายมัน มันก็จะค่อยๆเปิดใจให้เจ้า . "

ฉื่อหยาน ก็แอบแปลกใจ

วิธีการที่เปลวเหมันเยือกแข็งบอกมานั่นต่างจากที่คิดมาก มันไม่ต้องใช้ความรุนแรงใดๆเลย เพียงแค่จะต้องทำให้มันเชื่อใจมีละนิด และค่อยๆให้มันปรับตัวเข้ากับคุณ หลังจากจึงค่อยส่งวิญญานเข้าไป และเมื่อมันมีจิตสำนึกที่สมบูรณ์มันก็จะปฏิบัติต่อคุณเช่นเพื่อนที่สนิทที่สุด

หลังจากพูดคุยกับเปลวเหมันเยือกแข็ง , ฉื่อหยาน ก็รู้สึกว่าได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก เจ้านี่อยู่มานานหลายปี มีประสบการณ์ชีวิตของนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงมากมาย และมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความเรื่องราวค่างๆระหว่างสวรรค์และโลก

ฉื่อหยาน กลั้นหายใจ และพยายามกระจายพลังวิญญาณออกไปอีกครั้ง อย่างเรียบเฉียบ ครั้งนี้เขาไม่ได้ผสานพลังความเย็นเข้าไปในพลังวิญญานของเขา เขาต่อยๆส่งความคิดที่เป็นมิตรเข้าไป และลบความคิดชั่วร้ายออกจากในจิตใจของเขา

ฉื่อหยานค่อยๆส่งพลังวิญญาณของเขาออกไปและควบคุมเข้าไปในเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ

เปลวไฟโหมกระหน่ำ เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ลุกโชน มันปล่อยพลังไฟที่น่าหวาดหวั่นออกมา ในกลุ่มมีพลังพุ่งออกมานั้น มีจิตสำนึกที่บางเบาอยู่

ฉื่อหยานส่งพลังวิญญานของเขาเข้าไปใกล้อย่างรอบคอบพร้อมกัยความคิดที่เป็นมิตร ทีละนิ้ว ทีละนิ้วเขาค่อยๆส่งไปที่แกนเพลิงตามคำบอกของเปลวเหมันเยือกแข็ง

ในตอนที่พลังวิญญานของเขาเข้าไปใกล้ๆแกนเพลิง จิตสำนึกที่บางเบาก็ปล่อยพลังไฟออกมาเตือน เหมือนกับว่ามันพร้อมที่จะโจมตีฉื่อหยาน

ฉื่อหยาน ก็ตกใจเล็กน้อย และก็ระวังมากขึ้น

อย่ารีบร้อนเกินไป ฉื่อหยานควบคุมพลังวิญญานของเขาให้สงบนิ่ง และไม่ได้ส่งลุกเข้าไป และเขาก็ส่งความคิดที่เป็นมิตรของเขาออกมา

จิตสำนึกที่บางเบาของแกนเพลิงดูเหมือนจะสับสน และไม่โจมตีทันที มันค่อยๆสงบลงทีละนิด และดูเหมือนว่าเปลวไฟได้สงบลง จนฉื่อหยานสามารถมองเห็นมันได้อย่างคลุมเคลือ ด้วยพลังวิญญานที่สงบลงมันก็ค่อยๆสัมพัสได้ถึงความคิดที่เป็นมิตรของฉื่อหยาน

แกนเพลิงพยายามเข้าใจความคิดของฉื่อหยานและยังคงเฝ้าระวังอยู่ด้วยสัญชาตญาณของมัน แม้ว่าจิตสำนึกที่ครอบคลุมอยู่จะไม่ได้โจมตีวิญญานของฉื่อหยานทันที แต่มันก็พร้อมที่จะโจมตีได้ตลอดเวลา

ฉื่อหยาน ก็กังวลเล็กน้อย เขากลัวว่าแกนเพลิงจะโจมตีวิญญานของเขา เขาจึงไม่กล้ารีบร้อนและแสดงออกอย่างเป็นมิตร

" กลับมาก่อน อีกครู่ค่อยลองอีกครั้ง พยายามทำความคิดของเจ้าให้ว่างเปล่าไว้ ครั้งต่อไป เมื่อเจ้าส่งพลังวิญญานของเจ้าเข้าไปที่มัน มันก็จะไม่ตึงเครียดอีกต่อไป ในขณะนี้ จิตสำนึกของมันยังไม่สมบูรณ์ เพื่อให้รับรู้เจ้าจะต้องเข้าไปพัวพันกับจิตสำนึกของมัน "

เปลวเหมันเยือกแข็ง ก็พูดขึ้น

ฉื่อหยานค่อยๆถอนพลังวิญญาณของเขากลับมา เขารู้สึกได้ถึงจิตสำนึกของแกนเพลิงอย่างชัดเจน เมื่อเขาถอนพลังวิญญาณของเขากลับมา ดูเหมือนว่ามันจะลังเล มันลังเลว่าจะโจมตีเขาดีหรือไม่

ฉื่อหยาน ก็หวาดหวั่นเป็นอย่างมาก และค่อยๆชะลอการดึงพลังวิญญานกลับมาช้าๆทีละนิ้วๆ

เขารู้ดีว่าพลังไฟของแกนเพลิงนั้นเพียงพอที่จะทำลายพลังวิญญานของเขาให้เป็นจุลได้ และมันยังสามารถโจมตีวิญญานของเขาได้โดยตรงผ่านพลังวิญญานที่เชื่อมอยู่กับวิญญานของเขา

ถ้าแกนเพลิงลงมือจริงๆ วิญญานของเขาคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็โดนเผาไปแล้ว

นี่อันตรายเป็นอย่างมาก

ฉื่อหยานตั้งสมาธิและไม่กล้าที่จะผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย ด้วยความระแวง เขากลัวว่าถอนพลังวิญญานมาเร็วเกินไป จนทำให้แกนเพลิงเข้าใจผิดและโจมตี

เหมือนกับการสอดด้ายผ่านเข็ม มันต้องใช้สมธิเป็นอย่างมาก มิเช่นนั้นก็จะสอดไม่ได้

ถ้าเขาล้มเหลว สิ่งที่เขาต้องจ่ายก็อาจจะเป็นชีวิตเขา

เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ

ฉื่อหยานรู้สึกเหมือนกับว่าเวลาได้ผ่านไปร้อยปี พลังวิญญานที่เขาส่งออกไปหาแกนเพลิงยังคงดึงกลับมาไม่สมบูรณ์

แม้แต่ตอนนี้ แกนเพลิง ก็ไม่ได้ผ่อนการระวังลงแม้แต่น้อย จนกระทั่งเขาถอนพลังวิญญานทั้งหมดของเขากลับมา แกนเพลิงจึงจะสงบลง

" ฟิ้ว ! "

เปลวเหมันเยือกแข็งปล่อยพลังความเย็นบางๆออกมาและ ฉื่อหยานก็ถอนหายใจ พลังวิญญานของเขารู้สึกล้าเป็นอย่างมาก และเขาก็กล่าวว่า " นี่มันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ยากเสียกว่าสู้กับนักรบที่มีระดับสูงกว่าข้าขั้นหนึ่งเสียอีก "

" ไม่เลว ขั้นตอนแรกได้ผลที่เป็นไปตามคาดหวัง ครั้งต่อไป เจ้าต้องส่งพลังวิญญานไปอย่างผ่อนคลาย และ เมื่อเจ้าถอนพลังวิญญานกลับมาในจังหวะเช่นเดิม เจ้าก็จะไม่เป็นไร " เปลวเหมันเยือกแข็งมั่นเขา

" ไม่มีปัญหา "

ในช่วงต่อมา ฉื่อหยานก็ทำตามคำแนะนำของเปลวเหมันเยือกแข็ง , ด้วยความคิดที่เป็นมิตรของเขา และพลังวิญญาณที่ส่งไปอย่างนุ่มนวล ก็ค่อยๆเข้าไปใกล้กับจิตสำนึกของแกนเพลิง

ในครั้งที่สอง มันง่ายกว่าครั้งแรก หลังจากที่แกนเพลิงรู้สึกได้ถึงพลังวิญญานที่ฉื่อหยานส่งมาอีกครั้ง มันก็ยังคงระมัดระวังอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย

และเมื่อฉื่อหยานถอนพลังวิญญาณของเขากลับมา แกนเพลิงก็ไม่ได้ระมัดระวังเพื่อพร้อมที่จะโจมตีเขาทุกเมื่ออีกต่อไป

ในครั้งที่สาม แกนเพลิงก็ผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก

เมื่อฉื่อหยานส่งพลังวิญญานเข้าหาแกนเพลิงพลังไฟก็สงบอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่ามันจะสงบลงและไม่ได้วางคิดที่จะตอบโต้ใดๆ

ฉื่อหยาน ก็แอบแปลกใจและยังคงใช้วิธีการนี้พร้อมกับ ปล่อยความคิดที่เป็นมิตรของเขาไปที่แกนเพลิงอย่างต่อเนื่อง

หลังจากผ่านเป็นเวลานาน ฉื่อหยานเองก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานเท่าใด .

ตอนนั้นเอง เมื่อฉื่อหยานก็ถอนพลังวิญญาณของเขาออกมาจากแกนเพลิง เขารู้สึกได้เป็นครั้งแรกว่า แกนเพลิงไม่ต้องการที่จะแยกจากเขา

มันไม่อยากแยกจากเขา ! !

ความรู้สึกนี้มันชัดเจนมากๆ เหมือนกับว่าฉื่อหยานกำลังมองดูเด็กคนหนึ่งที่เพื่อนกำลังจะจากไป

" ดี ! ! ! มันยอมรับเจ้าแล้ว เพียงแค่เจ้าพยายามอีกครั้ง อีกไม่นานเราก็จะเข้าใกล้มันได้ . "_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1195 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด