บทที่ 162 บีบบังคับให้สารภาพ
บทที่ 162 บีบบังคับให้สารภาพ
เช้าวันต่อมา เรือก็มาถึงเกาะเมฆา
เมื่อเดินทางมาถึง ฉื่อหยานก็จากกับลินดา และจากนั้นมาเพียงลำพัง
นางยืนอยู่บนดาดฟ้า ลินดาจ้องไปที่ฉื่อหยานที่ๆค่อยลับสายตาไป
เจตต์ นาโน และคนอื่นๆยิงพลุสัญญาณสีเหลือง เหมือนกับส่งสัญญานให้ใครบางคนจากตระกูลกู่ให้มา
" ลินดา เจ้าชอบมันจริงๆรึ เราไม่รู้เลยว่ามันเป็นใครหรือมันมาสที่นี่ทำไม ลินดานี่น่าสงสารจริงๆ เห็นได้ชัดว่า มันเป็นพวกหลับนอนกับคนอื่นไปทั่ว ข้ากลัวว่าลินดาคงจะไม่มีวันได้เจอมันอีก "
" แน่นอน ข้าไม่คิดเลยว่าแม้แต่หญิงสาวที่แข็งแกร่งเช่นลินดายังไม่สามารถรั้งมันไว้ได้ ถ้าเป็นข้าที่ชนะใจนางหละก็ ข้าจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนาง และจะไม่มีวันทิ้่งนางเด็ดขาด "
" แต่นี่ก็คือทางสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับเรา ตราบใดที่ลินดายังอยู่ที่นี่ ชีวิตของเราในพรรคสามเทพของเราก็จะดี
" ใช่แล้ว "
เจตต์และคนอื่นๆ กระซิบกระซาบในขณะที่กำลังรอคนจากตระกูลกู่
ลินดา ยืนอยู่บนดาดฟ้า ผมยาวของนางพลิ้มไปตามแรงลมทำให้นางดูดโดดเด่นงดงาม
คาร์มอน อยู่ที่มุมของเรือ มันมองไปที่ ลินดา ในขณะที่มันขบฟันแน่น มันรู้สึกมีความสุขมาก " นังสมควรโดนแล้ว ! นางให้มันทุกอย่าง แต่ดูสิ่งที่มันตอบแทนนางสิ หึหึ มันได้นางแล้วก็ทิ้งไป ! นี่สินะสิ่งที่นางต้องการ ! "
" ใช่ ! ! " ฮั่วเกอ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และกระซิบไปที่คาร์มอน " เราไม่รู้ว่าไอ้เจ้านั้นมันเป็นใคร และทำไมมันถึงมาที่เกาะเมฆา ข้าว่ามันต้องทำอะไรไม่ดีแน่ๆ เราควรจะบอกกับตระกูลกู่ พวกเขาอาจจะรู้ว่ามันเป็นใคร และจัดการกับมันก็ได้" .
คาร์มอนขมวดคิ้วเข้าหากันคบคิดสักพัก แล้วสะบัดหัว กล่าวว่า " ไม่ ไม่ใช่ตอนนี้ นอกจากชื่อของมันแล้ว เราก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย มีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะระบุตัวตนของมันได้ เราสมควรรอบางสิ่งก่อน แล้วข้าจะไม่เพียง แต่จัดการกับเจ้านั่น แต่จะจัดการลินดาด้วย "
ฮั่วเกอ เห็นด้วย
ฉื่อหยาน มุ่งหน้าไปยังทิศใต้ของเกาะเมฆาเพียงลำพัง
เกาะเมฆาได้มีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของเมืองเทียนหยุน ถึงแม้ว่าเกาะนี้จะเป็นของตระกูลกู่ แต่นักรบและประชาชนส่วนใหญ่ที่อยู่บนเกาะล้วนไม่ใช่คนจากตระกูลกู่
ตระกูลกู่ครอบครองเกาะเมฆาเพราะ , พวกมันต้องการครอบครองของเหมืองแร่สามแห่งที่อยู่บนเกาะ พวกมันเอาของที่มีค่าทั้งหมดมาเป็นของตระกูลตัวเอง นักรบคนอื่นและผู้อยู่อาศัยบนเกาะจะไม่มีสิทธิ์ได้รับมัน
ตลอดสองสามปีที่ผ่านมา นักรบที่อาศัยอยู่บนเกาะ ได้ส่งเงินและสินค้าให้กับตระกูลกู่ เพื่อที่จะได้อาศัยอยู่บนเกาะ ขณะที่ประชาชนบนเกาะต้องส่งสินค้าและเงินทองให้กับนักรบ ตามลำดับอย่างเข้มงวด
ทางด้านใต้ของเกาะเมฆาเป็นฐานของตระกูลกู่ มีป่าหนาแน่น สระน้ำ และทะเลสาบมากมาย มันสวยงามเป็นอย่างมากมาก และมีเพียงไม่กี่คนที่อาศัยอยู่
ฉื่อหยาน ตั้งใจที่จะไปที่นั่นเพื่อดูว่าเขาจะสามารถพบกับคนจากตระกูลกู่ คนที่เขาต้องการจะแก้แค้นคือคนจากตระกูลกู่บางคนที่เขาเจอบนเกาะเหมินลั่ว
ฉื่อหยาน ได้รู้มาจากลินดาว่าตระกูลหยางจะส่งนักรบชูร่ามาที่เกาะเมฆา โดยที่นักรบชูร่าจะขี่ค้างคาวโลหิตครามมา เมื่อเขาเห็นค้างคาวโลหิตครามบินอยู่บนท้องฟ้า เขาจะรู้ได้ทันทีว่า นักรบชูร่าของตระกูลหยางได้เดินทางมาถึงแล้ว ตอนนั้น ฉื่อหยานจะเปิดเผยตัวเองและจากนั้นก็จะไปยังเกาะอมตะในทะเลเคียร่า
ตระกูลหยางเป็นหนึ่งในขุมพลังทั้งสิบหาของทะเลไม่มีสิ้นสุด และมีนักรบที่เก่งกาจมากมาย เมื่อเขาเปิดเผยตัวเอง ฉื่อหยานก็จะใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และเขายังต้องการที่จะใช้ประโยชน์ของตระกูลหยางเพื่อฝึกฝนพลังของตัวเอง
นอกจากนี้ เขาต้องการจะพบกับเซี่ยซินหยานอีกครั้ง ดังนั้น เขาต้องไปที่ทะเลเคียล่ากับนักรบชูร่า
ฉื่อหยาน ระหว่างทางเขาได้ผ่านหลายหมู่บ้าน แต่ก็ไม่มีคนสักคนเดียวในหมู่บ้าน
ในหมู่บ้านเต็มไปด้วยความเงียบงัน แต่ก็มีบ้านหลายหลังที่ยังคงสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีอาหารตั้งบนโต๊ะ แต่ในบ้านกลับไม่มีคน
มันเป็นไปได้ยังไง ที่คนในหมู่บ้านทั้งหมดจะหายไป
ฉื่อหยาน ก็สับสน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาขมวดคิ้วและเดินทางต่อไปทางทิศใต้
เขามาถึงป่าที่หนาแน่นในช่วงเวลากลางคืนพร้อมกับดวงจันทร์ที่ส่องแสงเย็นลงมา
ทันใดนั้น พลังปราณปีศาจและอากาศหนาวเย็น ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พลังปราณนั่นไหลออกมาและเริ่มมาบรรจบกันที่สถานที่แห่งหนึ่งทางทิศใต้ของเกาะจากทุกๆทิศทาง เต็มไปด้วยพลังที่ไม่สามารถมองเห็นได้
ฉื่อหยานจิตวิญญาณก็สั่นสะท้าน เขาสัมพัสได้อย่างชัดเจนว่ามันต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งทางทิศใต้นี้
ปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ พลังปราณนั่นไหลมาจากแม่น้ำที่อยู่ข้างๆเขา มันมุ่งไปยังทางทิศใต้
ฉื่อหยานพยายามสัมผัสไปที่มันอย่างรอบคอบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที และเขาก็รีบพุ่งไปที่แม่น้ำ
นักรบห้าคน สวมเสื้อคลุมสีดำและหมวกไม้ไผ่ กำลังลากชาวบ้าน ที่ปากถูกยัดด้วยผ้าอยู่ พวกมันค่อยๆฆ่าพวกชาวบ้านทีละคนและหลังจากชาวบ้านได้ตกตายจนหมด มันก็ผลักร่างของชาวบ้านลงสู่แม่น้ำโดยไม่ลังเล
มีศพมากมายอยู่ในแม่น้ำและในหมู่พวกเขาก็มันทั้งคนแก่ ผู้หญิง และ เด็ก เพียงแค่มองแวบเดียว ฉื่อหยานก็ พบว่าศพเหล่านั้นมีไม่ต่ำกว่าร้อยศพ
" ตูม ! ตูม ! "
เสียงของศพตกลงไปในแม่น้ำกลางป่าที่เงียบสงบ นักรบห้าคน ที่อยู่ในระดับก่อตั้งและระดับมนุษย์ผลักศพลงไปในแม่น้ำอย่างต่อเนื่อง
โดยขณะที่ฉื่อหยานมาถึงเขาก็เห็นชาวบ้านไม่กี่คนถูกฆ่าและโยนลงไปในแม่น้ำ
วิญญานมากมาย ที่สามารถมองเห็นได้ลางๆก็ลอยขึ้นมาจากแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม แทนที่พวกมันจะกระจายกันออกไป พวกมันกลับลอยรวมกันไปที่ทางทิศใต้อย่างรวดเร็ว ราวกับว่าถูกดึงดูดด้วยบางสิ่ง
พลังดึงดูดที่รุนแรงปรากฏขึ้นที่ทางทิศใต้ของเกาะ ด้วยแรงดึงดูดนี้ ทำให้วิญญานของชาวบ้านไม่หายไปทันที หลังจากที่พวกเขาตาย วิญญานของพวกเขาก็ถูกดึงดูดไปที่มัน
" เจ้าจะทำอะไร ? " ฉื่อหยานปรากฏตัวอยู่เหนือแม่น้ำทันที และถามออกไป " เจ้าเป็นใคร ? เจ้าสนุกกับการฆ่าชาวบ้านตาดำๆนักรึ ? "
ฉื่อหยานรู้ดีว่าเขากำลังหาเรื่องใส่ตัวเอง แต่ด้วยนิสัยของเขา เขาจะฆ่าคนที่สมควรตายเท่านั้น และไม่เคยฆ่าผู้หญิงและเด็กที่บริสุทธิ์
แต่อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้กลับ ไม่มีมนุษยธรรม และเลวร้ายกว่าสัตว์เดรัจฉาน พวกมันฆ่าทั้งคนแก่ ผู้หญิงและเด็กที่ไม่มีทางสู้
เรียกได้ว่าพวกมันนั้นเลวยิ่งกว่าสัตว์
" เฮ้ เจ้าหนุ่ม อย่ามายุ่ง และออกไปจากที่นี่ " นักรบที่อยู่ในนภาที่สามของระดับมนุษย์ก็เตือนออกมาอย่างเย็นชา " เจ้าเป็นนักรบจากนิกายใด ? เจ้าไม่ได้รับข้อความงั้นรึ ? "
" ข้อความอะไรอะไร ? " ฉื่อหยาน ไปด้วย
" แปลว่าเจ้าไม่ใช่คนบนเกาะนี้สินะ " จู่ๆก็มีคนพูดขัดจังหวะระหว่างพวกเขา แล้วบอกว่า " ทำตามคำแนะนำของข้า และออกไปจากเกาะเมฆาสะ ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เจ้าจะไปได้ มิฉะนั้นเจ้าจะตายไม่รู้ตัว . "
ฉื่อหยาน แสยะยิ้ม. " ดูเหมือนเจ้าจะไม่ตอบข้าคนกว่าข้าจะฆ่าเจ้าสินะ "
ทันทีที่พูดขึ้นฉื่อหยานก็พุ่งออกไปที่พวกมัน
สามนาทีต่อมา
สี่ในห้าของนักรบก็ได้ตกตายไป โดยปล่อยนักรบให้เหลือรอดไว้หนึ่งคนเพื่อสอบปากคำ หมวกไม้ไผ่ของมันถูกฉีกออก และมันก็นอนอยู่ใต้เท้าของฉื่อหยาน
นักรบคนนี้ ขณะนอนอยู่บนพื้นก็จ้องไปที่ฉื่อหยานด้วยความตกใจและถามออกไป " เจ้าเป็นใครกันแน่ ? เจ้าไม่รู้งั้นรึว่าพวกเราเป็นใคร ? เจ้ากล้าที่จะเป็นศัตรูกับเรา เจ้าจะต้องเจอปัญหาแน่ "
" เอาล่ะ บอกข้ามา เจ้าเป็นใคร ? ทำไมเจ้าถึงต้องฆ่าคนเหล่านี้ " ฉื่อหยานถาม
" แล้วแกจะต้องเสียใจ " คนที่นอนอยู่บนพื้นก็ขบฟันแน่น
" ฉับ ! "
ฉื่อหยานหยิบมีดขึ้นและฟันไปที่แขนซ้ายของชายนักรบคนนั้น อย่างเย็นชาและ , เขาก็กล่าวว่า , " ข้าถาม เจ้าก็ตอบ ข้าไม่ต้องการฟังเรื่องไร้สารถของเจ้า "
นักรบที่นอนอยู่บนพื้นดินก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เหงื่อไหลไปตามหน้าผากและร่างกายของมันก็แข็งทื่อ
" ฉับ ! "
ฉื่อหยานฟันไปที่แขนขวาของมัน และพูดอย่างเย็นชา " เสียงกรีดร้องเช่นนี้แหละที่ข้าต้องการ " .
" กล้าดียังไง ! เจ้ากล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับข้า ! ข้าเป็นหนึ่งในตระกูลกู่ แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ เจ้าจะต้องตายอย่างอนาถ ! " นักรบกรีดร้องออกมา
" ฉับ ! "
เท้าอีกข้างของนักรบก็ถูกตัดออกโดย ฉื่อหยาน แล้วเขาก็ถามอีกครั้ง " ทำไมเจ้าถึงต้องฆ่าพวกเขา ? "
" ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้อะไรเลย ! ข้าแค่ทำตามคำสั่ง เราถูกสั่งให้มาฆ่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในระแวกนี้สามร้อยคน! นอกจากนี้ , ข้าก็ไม่รู้อะไรแล้ว ! " ชายที่นอนอยู่กับพื้นก็กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว . " คนอื่น ๆที่ทำเช่นข้าก็เหมือนกัน นอกจากคำสั่งแล้ว พวกเราไม่รู้อะไรเลย ! "
" ก็ได้ ข้าเชื่อเจ้า . . . " ฉื่อหยานพยักหน้าและฟันไปที่หัวนักรบคนนั้น จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและเตะร่างของนักรบทั้งห้า ลงไปในแม่น้ำ ทีละคน
เขาทิ้งมีด แล้วล้างเลือดออกจากแขนของเขา และฉื่อหยานก็เดินทางต่อไปทางใต้
ระหว่างทาง ฉื่อหยานก็เห็นศพมากมายลอยขึ้นมาบนแม่น้ำ จากในถ้ำที่ถูกปิดและภายในหลุมลึก กำลังเกิดสิ่งที่ผิดปกติกับวิญญานของพวกเขา
วิญญาณทั้งหมดคือวิญญานของชาวบ้าน . หลายร้อยหลายพันที่ถูกฆ่าตายโดยนักรบของตระกูลกู่
ฉื่อหยานได้ฆ่านักรบของตระกูลกู่ ไปอีก 3 กลุ่ม ระหว่างที่เขาเดินมา และเขาก็ได้ดูดซับพลังของพวกมัน แต่เขาก็ไม่สามารถรับรู้ข้อมูลใดๆจากพวกมันเลย
มันเหมือนกับว่านักรบเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้มาฆ่าคนเหล่านี้เท่านั้นโดยที่พวกมันเองก็ไม่รู้เหตุผล พวกมันเพียงแค่ทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง
จากนั้น พระอาทิตย์ก็เริ่มลอบขึ้นเหนือขอบฟ้า
แรงดูดที่ดูดกลืนวิญญาณไปทางทิศใต้ก็รุนแรงขึ้น !
ฉื่อหยาน ที่ตอนนี้ กำลังอยู่ท่ามกลางต้นไม้เก่าแก่มากมาย ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นบนเกาะได้อย่างชัดเจน แม้แต่พลังชีวิตของเขาเองก็ถูกดูดด้วยแรงดูดที่น่ากลัวนี่ ราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากร่างของเขา
ตอนนั้น แหวนสายโลหิตที่อบู่บนมือของเขาก็ส่องแสงออกมาเหมือนหลอดไฟที่กำลังจะระเบิด
เมื่อมองไปที่แหวน ฉื่อหยาน ก็ตกใจ เขารู้สึกได้ทันทีว่าเปลวเหมันเยือกแข็งที่ถูกปิดผนึกอยู่นั้นกำลังตอบสนองบางสิ่งบางอย่าง อย่างรุนแรง
ฉื่อหยานขมวดคิ้ว และรวมรวมพลังวิญญานของเขาเข้าไปในแหวนสายโลหิตเพื่อดูภายในนั้นนั้นเกิดอะไรขึ้น
" ลูกแก้วรวมวิญญาน ! ลูกแก้วรวมวิญญาน ! ลูกแก้วรวมวิญญานอยู่ที่เกาะแห่งนี้ ! " นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงจิตสำนึกของเปลวเหมันเยือกแข็ง_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1195 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ