บทที่ 143 เกาะอมตะ
บทที่ 143 เกาะอมตะ
" จิตวิญญานจุติ ! "
เฉินตั่วสีหน้าก็เปลี่ยนไป เขาตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ และลงไปยืนบนพื้นดินพร้อมกับมองไปที่เซี่ยซินหยาน ที่กลายเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งออกไกลออกไปอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้า
ตงฟางเห้อ และ กู่เจียงเก้อ ใบหน้าก็กลายเป็นเคร่งครึม ซูหยานฉิง ขมวดคิ้วของนาง และถอนหายใจออกมาอย่างกังวล
" เจียงเก้อ เจ้าไม่รู้รึว่าหญิงสาวคนนี้มีเบื้องหลังเช่นไร ? " ตงฟางเห้อสีหน้าดูเย็นชา เขาจ้องมองไปที่กู่เจียงเก้อ " ใช่ ก็จริงที่นางเป็นคนจากตระกูลเซี่ย ถ้านางตายไปมันจะไม่มีปัญหาอะไร แต่นี่นางยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลเซี่ยจะต้องสร้างปัญหาให้เราแน่นอน"
เฉินตั่วใช้เวลาคิดครู่หนึ่งแล้วก็สูดลมหายใจเข้าลุก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว " แค่ตระกูลเซี่ยก็แย่พอแล้ว แต่นี่มีตระกูลหยางอีก . . . . . . . "
เมื่อเขากล่าวถึงตระกูลหยาง ผู้คนขุมพลังทั้งสี่ก็กลายเป็นกังวล การแสดงออกของพวกเขากลายเป็นตรึงเครียด
" เจ้าก็รู้ดีว่าตระกูลหยางนั้นหยิ่งพยองและไร้ความปราณีขนาดไหน ในทะเลกว้างใหญ่ ขนาดไม่มีใครไปยุ่งกับพวกเขา พวกเขายังเป็นปัญหาต่อเรา ถ้ามีใครไปยุ่งกับคนในตระกูลพวกเขาหละก็ พวกเขาไม่ฟังเหตุผลอะไรและฆ่าล้างตระกูลแน่นอน โดยไม่ปล่อยให้ใครเหลือรอดแม้แต่คนเดียว ถ้าตระกูลหยางลงมือจริงๆหละก็ กองกำลังของเราทั้งสี่ของเราประสบภัยพิบัติแล้ว ! . " เฉินตั่วถอนหายใจออกมา
ตอนที่เขาพูดกับฉื่อหยานและเซี่ยซินหยานก่อนหน้านี้ เฉินตั่วแสดงท่าทีอวดดี จองหองออกไป ราวกับว่าเขาไม่กลัวใครในโลก แต่ตอนนี้เมื่อมีการกล่าวถึงตระกูลหยาง เขาก็เริ่มถอนหายใจออกมาด้วยความสิ้นหวัง มันเหมือนกับว่าเขาได้ไปยุ่งกับสัปประหลาดหรือปีศาจ นั่นทำให้เขากลายเป็นคนขี้ขลาดทันที
" แม้ว่าตระกูลหยางและตระกูลเซี่ยจะเป็นพันธมิตรกัน แต่ตระกูลหยางนั้นเหนือกว่ามาก พวกเขามักจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเซี่บ " ซูหยานฉิง เงียบไปชั่วขณะ แล้วนางก็พูดว่า " แล้วเหตุใดนางถึบอกว่า ตระกูลหยางจะลงมือหละ ? จากที่้ดู นอกจากจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับตระกูลเซี่ยแล้ว ตระกูลหยางจะไม่สนใจตระกูลเซี่ยเลย”
" หรือว่า เจ้าเด็กนั่น . . . . . . . " ตงฟางเห้ออ้าปากค้าง แล้วเขาก็พูดว่า " เป็นคนจากตระกูลหยาง ? "
" อ๊ะ ! "
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ทุกคนก็ตกใจ ใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดกลายเป็นซีดเซียว .
" ถ้าเขามาจากตระกูลหยางจริง เหตุใดจึงไม่มียอดฝีมือมาด้วยกับเขา บรรดาคนที่มีความสามารถจากจากตระกูลหยางนั้นหยิ่งพยองเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่รู้ความหมายของคำว่าอดทน ถ้าเด็กนั่นมาจากตระกูลหยางจริง ด้วยวิธีที่เราปฏิบัติกับเขา เขาจะต้องไม่ฟังเหตุผลใดๆ เขาจะต้องใช้พลังวิญญาณของเขาส่งข่าวออกไปและเริ่มต่อสู้กับเราไปแล้ว . " เฉินตั่ว ส่ายหน้า
นักรบที่มีพรสวรรค์ของตระกูลหยางต่างก็รู้วิธีส่งข้อความผ่านพลังจิตวิญญาน แม้ว่าพวกเขาจะออกเดินทางเพียงลำพัง ต่างก็ไม่มีขุมพลังใดๆกล้ายุ่งกับนายน้อยของตระกูลหยางถึงแม้จะตัวคนเดียวก็ตาม
เพราะว่า เมื่อชายหนุ่มตระกูลหยางตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของเขาเลวร้าย เขาก็จะต้องใช้วิชาในการถ่ายทอดพลังจิตวิญญาณของและแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ของเขา
ถ้าเกิดอะไรขึ้น ตระกูลหยางก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร ตระกูลหยางขึ้นชื่อด้วยความโหดเหี้ยมที่เป็นธรรมชาติในทะเลไม่มีสิ้นสุด ถ้าลูกหลานของเขาถูกฆ่าโดยใครบางคน แล้วเมื่อพวกเขารู้ว่าใครเป็นคนลงมือหละก็ ขุมพลังที่เกี่ยวข้องกับคนๆนั้นทั้งหมดจะถูกลบออกไปจากทะเลไม่มีสิ้นสุดทันที
และเพราะเหตุนั้น เมื่อมีสมาชิกของตระกูลหยางออกมเดินทางเพียงลำพัง หากไม่แน่ใจว่าจะสังหารหรือปิดโอกาสในการส่งข้อความจิตวิญญานได้ทันทีหละก็ แม้กระทั่งศัตรูของตระกูลหยางเองก็ยังไม่กล้าลงมือ เพราะพวกเขากลัวการแก้แค้นจากตระกูลหยาง
" หวังว่าเขาจะไม่ได้มาจากตระกูลหยางนะ มิฉะนั้น พวกเราทั้งสี่กองกำลังจะต้องเตรียมตัวสำหรับสงครามนองเลือดแน่ " ซูหยานฉิง ถอนหายใจออกมายาวๆ
" เขาโดนลากลงหลุมไปแล้วโดยเปลวเหมันเยือกแข็ง , เขาอาจจะถูกเปลวเหมันเยือกแข็งยึดครองก็ได้ เมื่อเปลวเหมันเยือกแข็งได้เข้ายึดร่างเป้าหมาบแล้ว เมื่อใกล้จะยึดได้อย่างสมบูรณ์ ในระหว่างนั้น พลังของเปลวเหมันเยือกแข็งก็จะลดลงอย่างมาก . นี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะโจมตี " ตงฟางเห้อขมวดคิ้วของเขา เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า " เราสมควรต้องลงมือ"
ทุกคนค่อยๆพยักหน้า
ไม่นาน กลุ่มคนเหล่านี้ ก็มาถึงปากหลุม คนจากทั้งสี่กองกำลังร่วมกันและพยายามที่จะทำลายน้ำแข็งที่ครอบคลุมหลุมอยู่
พวกเขาเริ่มลงมือทีละคนด้วยการโจมตีที่แตกต่างกัน พวกเขากำลังพยายามที่จะทำลายน้ำแข็งที่ปกคลุมหลุม แต่ด้วยน้ำแข็งนั้นที่แข็งแกร่งดังเหล็ก ไม่ว่าคนเหล่านี้จะโจมตีอน่างรุนแรงเท่าใด พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้น้ำแข็งนี้แตกร้าวได้เลย
หลังจากผ่านไป 3 วัน พลังความเย็นบนเกาะเหมินลั่วก็ค่อยๆสลายไป. ก้อนน้ำแข็งที่อยู่บนเกาะก็เริ่มละลาย
ผ่านไปครึ่งเดือน ก็ไม่สามารถพบเห็นภูเขาน้ำแข็งบนเกาะเหมินลั่วได้อีกต่อไป พลังความเย็นที่ปกคลุมไปทั่วเกาะก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย และภูเขาไฟก็ประทุอย่างรุนแรง และเริ่มประทุลาวาออกมา
" เปลวเหมันเยือกแข็งไม่ได้อยู่บนเกาะเหมินลั่วอีกต่อไปแล้ว . " เฉินตั่วลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ สัมพัวไปรอบๆ และส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ " มันได้ยึดร่างไปแล้ว ดังนั้นแน่นอนว่ามันได้หลบหนีไปทางใต้ทะเลแน่นอน เพื่อที่จะหาสถานที่ในการยึดร่างกายอย่างสมบูรณ์ เมื่อมันจากไป พลังความเย็น บนเกาะเหมินลั่วก็จะหายไปเช่นกัน ตอนนี้ ถึงแม้ว่ากองกำลังจะมาถึง ก็เป็นเรื่องยากที่จะตามหาเปลวเหมันเยือกแข็ง”
" ชีวิตของเปลวไฟนภานั้นแตกต่างจากเรามาก ถ้าพวกมันต้องการที่จะซ่อนตัวตน แม้จะเป็นนักรบในระดับพระเจ้าแท้จริงอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะสัมพัสถึงมันได้ ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเราจะทำอะไรไม่ได้แล้ว อีกทั้งเรายังได้ไปล่วงเกินคนจากตระกูลเซี่ยและตระกูลหยางอีก นี่ช่างโชคร้ายจริงๆ " ตงฟางเห้อยิ้มอย่างขมขื่น เขากำมือของเขาไว้ด้วยกัน และบอกว่า " เราขอตัวก่อน ถ้าพวกเจ้าจะค้นหาต่อก็เชิญ "
"พวกเราก็ขอตัวเช่นกัน "
เมื่อผู้คนจากขุมพลังทั้งวี่ พบว่า พลังความเย็นได้หายไปจากเกาะเหมินลั่ว พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าเปลวเหมันเยือกแข็งได้จากไปนานแล้วแน่นอน แล้วพวกเขาก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะหาเปลวเหมันเยือกแข็งให้พบอีกครั้ง พวกเขาไม่ต้องการเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว และต้องการออกไปจากเกาะเหมินลั่วทันที
ครึ่งปีต่อมา
ที่เกาะอมตะในทะเลเคียร่าของทะเลไม่มีสิ้นสุด
ทะเลเคียร่าเป็นหนึ่งในทะเลของทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ที่ทะเลแห่งนี้มีหลายพันเกาะที่มีขนาดแตกต่างกันออกไป ที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุด ก็คือเกาะอมตะ
มันเป็นเกาะหลักของตระกูลหยาง
ในทะเลเคียร่า หรือแม้กระทั้งทะเลไม่มีสิ้นสุด เกาะอมตะ ก็ถูกมองว่าเป็นสถานที่ ที่น่าอัศจรรย์
บนเกาะมีภูเขาหลายร้อยลูกที่แตกต่างกันออกไป ทุกๆลูกเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณและพวกเขาก็ซ่อนสมบัติวิเศษมากมาย และส่วนวัสหายากไว้ที่นั่น
คนทั่วไปจะไม่สามารถอยู่ที่เกาะ อมตะได้ พวกเขาต้องเป็นนักรบของตระกูลหยางเท่านั้น ใีนักรบตระกูลหยางอาศัยอยู่บนภูเขาทุกลูก .มีข้อบังคับมากมายนับร้อยพันบนเกาะแห่งนี้ และรอบๆชายแดนของเกาะมีทหารเฝ้ายามอยู่ตลอดทั้งวันและทั้งคืน
นอกจากสมาชิกในตระกูลหยาง หรือ พันธมิตรที่สนิทกับตระกูลหยาง แล้ว มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับทุกคนที่จะเข้ามายังเกาะอมตะ
เกาะอมตะคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของทะเลเคียร่า บ่อยครั้ง ที่นักรบหลายสิบกองกำลังในทะเลเคียร่า จะต้องมาเกาะอมตะเพื่อนำทรัพยากรมาให้ตระกูลหยางและผู้นำของกองกำลังเหล่านี้ จะต้องรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา
ถ้าทะเลเคียร่าเป็นประเทศ ก็เปรียบได้ว่ากองกำลังนับสิบเหล่านี้เป็นขุนนาง และมีเกาะอมตะเป็นเมืองหลวงของทะเลเคียร่า
โดยมีตระกูลหยางเป็น ผู้ปกครองทะเลเคียร่าทั้งหมด
ถึงแม้ว่าดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ และตระกูลเซี่ยจะมีอำนาจในทะเลเคียร่า แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่า ตระกูลหยางนั้นเป็นผู้ปกครองในทะเลเคียร่าอย่างแท้จริง แม้กระทั่งผู้คนจากนแดนปีศาจมหัศจรรย์และตระกูลเซียเองก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน
เพราะการมีอยู่ของตระกูลหยาง นักรบหลายคนที่มาจากทะเลเคียร่าต่างก็เดินได้อย่างภาคภูมิใจในทะเลไม่มีสิ้นสุด เมื่อพวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับตัวเองที่มาจากทะเลเคียร่า พวกเขาก็จะรู้สึกภูมิใจในตัวเอง
ในทะเลอื่น ๆ ตระกูลหยางมีชื่อเสียงในเรืองของการทำสงครามและความหยิ่งพยางโดยธรรมชาติ กว่าร้อยปีแล้ว เพื่อขยายแผ่นดินแดงของทะเลเคียร่า ตระกูลหยางจึงทำสงครามทุกพื้นที่ พวกเขามักจะรุกรานผู้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ราวกับว่าพวกเขาไม่สามารถหยุดได้
ในการต่อสู้ที่นับไม่ถ้วน สมาชิกในตระกูลมักจะทำหน้าที่เป็นผู้นำกองทัพทุกการต่อสู้ เมื่อสมาชิกในตระกูลหยางเป็นผู้นำมักจะได้รับชนะอย่างน่าเกรงขาม
ไม่ว่าจะเป็น ทะเลเหิงลั่วจากตะวันตกเฉียงเหนือ หรือทะเลทมิฬ จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พวกมันต่างก็เป็นเป้าหมายของตระกูลหยาง . แม้แต่ทะเลนภา ที่อยู่ในทางตะวันออกเฉียงใต้เอง ก็มักจะถูกโจมตีโดยตระกูลหยางอยู่บ่อยครั้ง
ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตระกูลหยางได้สร้างศัตรูไว้มากมาย แต่พวกเขาก็ยังคงยืนหยัดและมั่นคง มีแต่ดินแดนของพวกเขาที่ขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และอำนาจของตระกูลหยางเองก็มีมากขึ้นเช่นกัน
นั่นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตระกูลหยางได้อย่างชัดเจน .
ในวันนี้ อีกมุมของเกาะอมตะ , เรือเล็กค่อยๆเดินลอยมาใกล้
บนเรือ มีร่างบางของหญิงสาวที่งดงามอยู๋ นางสวมผ้าคลุมหน้า และมีความเศร้าโศกในดวงตาอันสดใสของนางเล็กน้อย นางค่อยๆลุกขึ้นยืน
" วู้วววว "
บนท้องฟ้าเหนือเรือ เกิดแสงสว่างขึ้นฉับพลัน และเงา ที่สวมด้วยชุดเกราะสีดำทันทีก็ปรากฏขึ้นบนหินยักษ์ที่อยู่ใกล้ๆเรือ คน ๆนี้ถูกปกคลุมด้วยเกราะหนัก ถือหอกดำ และมีแววตาดุร้าย เขามองมาที่หญิงสาวและกล่าวว่า " เจ้าเป็นใคร ? "
" เซี่ยซินหยาน จากตระกูลเซี่ย " หญิงสาวละทิ้งความเศร้าไว้ในใจ และพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา " ข้ามีข่าวจะมาบอกเกี่ยวกับราชาอสูรเสี่ยวฮานยี่ ”
" รอสักครู่ " ทหารเกราะดำขมวดคิ้ว เขาหยิบเขาสัตว์สีดำออกมาและรายงานไปอย่างเงียบๆ
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ทหารเกราะสีดำ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากล่าวว่า " ปรมจารย์โม่ต้องการพบเจ้า "
เซี่ยซินหยาน พยักหน้า " ปรมจารย์โม่และท่านเสี่ยวได้ต่อสู้ด้วยกันมาหลายปี ข้าเพียงแค่จะอธิบายสถานการณ์ให้อาจารย์โม่รับรู้ "
" เชิญ " ทหารเกราะสีดำโบกมือ และลำแสงสายฟ้าก็แว้บไปในอากาศเปิดเป็นเส้นทางเล็ก ๆขึ้นที่โขดหินที่อยู่ด้านหลังเขา
เซี่ยซินหยาน ลดหัวของนาง และแล่นเรือผ่านเส้นทางนั้น อย่างรวดเร็ว นางก็มาถึงเกาะอมตะ
บนยอดภูเขาซึ่งสูงเป็นหมื่นฟุต มีบัณฑิตวัยกลางคนที่ดูร้อนใจยืนอยู่ เวลา บางครั้งเขาก็ขมวดคิ้วและมองออกไปที่ขอบฟ้า เขาลูบชิ้นกระดูกสัตว์สีขาวที่อยู๋ในนมือของเขาราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
บนภูเขามีเพียงกระท่อมเล็ก ๆที่ดูเรียบง่ายยู่และมีวงแหวนอาคมตั้งอยู่ .
หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ ก็มีแสงประกายสดใสออกมา และร่างของเซี่ยซินหยาน ก็ปรากฏขึ้นในวงแหวนอาคม
ผู้นำของราชาอสูรมั้งสาม โม่ต้วนหุน ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยไม่แม้แต่จะหันหัวของเขามองลงมา และเขาก็พูดโดยไม่แยแส " ข้าได้ยินว่าเจ้ามีเรื่องจะรายงานเกี่ยวกับเสี่ยวเอ๋อ ? "
" ยินดีที่ได้พบ ปรมาจารย์โม่ " เซี่ยซินหยาน คิดสักพัก และจากนั้นก็บอกเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในทะเล
เป็นเซี่ยซินหยานที่กำลังพูด โดยมีโม่ต้วนหุนที่ฟังด้วยสีหน้าลึกซึ้ง เมื่อเซี่ยซินหยานพูดจบ เขาก็ส่ายหัวและถอนหายใจ " แล้วคุณชายเหยียนหละ ทำไมข้าไม่เห็นเขา "
" ฉื่อหยาน . . . . . . . ประสบปัญหาบางอย่าง " เซี่ยซินหยานขบ ฟันของนาง และตอบอย่างกล้าหาญ
" ประสบปัญหา ? " โม่ต้วนหุน เปิดปากและพูดออกมาหนึ่งประโยคผ่านฟันสีขาว " เกิดอะไรขึ้น ? "
" ขุมพลังทั้งสี่ ของ ดินแดนอาคมมหัศจรรย์ ดินแดนทะเลสาปเทวาศักสิทธิ์ ตระกูลตงฟาง และตระกูลกู่ บังคับให้เราเข้าไปในหลุมที่มีเปลวเหมันเยือกแข็งอาศัยอยู่ ร่างของฉื่อหยานถูกยึดโดยเปลวเหมันเยือกแข็งและถูกลากลงหลุมไป ตอนนี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด . . . . . . . " เซี่ยซินหยาน ก้มหน้าลง . ตาของนางเริ่มที่จะมีน้ำตาซึมออกมาและ นางก็เริ่มสะอึกสะอื้น
" ดินแดนอาคมมหัศจรรย์ ดินแดนทะเลสาปเทวาศักสิทธิ์ ตระกูลตงฟาง และตระกูลกู่ . . . . . . . " โม่ต้วนหุน พยักหน้าหนึ่งครั้งหลังจากนั้นก็พูดเบาๆ " ข้าจะรายงานท่านหัวหน้าตระกู, นี่เป็นปัญหาของตระกูลหยาง . เจ้าที่มาจากตระกูลเซี่ยไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วม นี่เป็นเม็ดยาบำรุง มันจะช่วยรักษาเจ้า . "
" ปรมาจารย์โม่ ฉื่อหยานและข้าได้ผ่านภัยพิบัติต่างๆร่วมกันมา แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องของตระกูลเซี่ย แต่ข้านั้นต้องการที่จะช่วย . " เซี่ยซินหยาน หยิบเม็ดยาบำรุงไปและพูดในขณะที่ ขบฟันของนางแน่น
โม่ต้วนหุน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาจ้องมองไปที่นางอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พยักหน้า " ทำสิ่งที่เจ้าต้องการเถอะ . "_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1195 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ