บทที่ 117 การเปลี่ยนแปลงที่ศิลาพระเจ้า
บทที่ 117 การเปลี่ยนแปลงที่ศิลาพระเจ้า
ฉื่อหยานค่อยๆตื่นขึ้นมา
ภายในห้อง มี่โม่หยานหยูพร้อมกับร่างที่เปลื่อยเปล่าสลบอยู่บนเตียง
หลิง เชาฟง มีใบหน้าที่ดุร้าย หลังจากที่ถูกจับโดยสองข้ารับใช้อสูร มันก็ทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้ มันทำได้เพียงแค่จ้องไปที่ฉื่อหยานด้วยความเกลียดชัง
" คุณชายหยาน " หนึ่งของข้ารับใช้อสูรก็พูดกับเขา
ฉื่อหยานยกมือขึ้นส่งสัญญานให้พวกเขาเงียบ " ข้าจะฝึกฝนสักพัก ปกป้องข้าด้วย "
แล้วฉื่อหยานนั่งขัดสมาธอยู่ข้างๆร่างของโม่หยานหยูที่เปลือยเปล่าและค่อยๆปิดดวงตาของเขาลง
เมื่อเขาได้เข้าไปในร่างของนาง พลังแปลกๆในร่างของ ฉื่อหยาน ก็แบ่งออกเป็น 3 สาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ได้เข้าไปที่หัวใจของเขาที่มีจิตวิญญานดวงดาวอยู่และอีกสายหนึ่งก็พุ่งไปยังพลังปราณลึกลับของเขา
และสายสุดท้ายก็ไปยังร่างของโม่หยานหยู .
จิตวิญญานดวงดาวถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังที่แปลกประหลาด และแสงส่าวในหัวใจของ ฉื่อหยาน ตอนนี้ก็ส่องแสงดวงดาวออกมา จิตวิญญานดวงดาวได้เปลี่ยนหัวใจของ ฉื่อหยาน ทำให้มันดูเหมือนปกคลุมไปด้วยดวงดาว
คืนนั้น พลังจากดวงดาว ได้ทะลักเข้าไปในร่างกายของฉื่อหยานและถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วด้วยจิตวิญญานดวงดาวของเขาและมันก็ส่องแสงสดใสออกมา
ในห้วงพลังปราณของเขา ลูกบอลแสงพลังปราณลึกลับก็หดตัวเป็นกระแสคลื่นพลังหนาแน่นรอบ ๆและเริ่มไหลเวียนในเส้นเลือดของเขา
พลังปราณลึกลับนี้เหมือนกับน้ำในทะเลสาบที่สะอาด มันไหลเหมือนกับลำธารไปทั่วเส้นเลือดของเขา หลังจากไหลเวียนไปทั่ว ,พลังปราณลึกลับของเขาก็กลับไปเป็นลูกบอลพลังปราณและมีขนาดเล็กลง
แต่พลังของมันกลับแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก
เวลาเขาหลับตา ฉื่อหยาน ก็จะมองเข้าไปในร่างกายของเขา และก็พบว่าในทุกเซลล์ของร่างกายเขา
พลังปราณลึกลับกำลังหมุนเวียนในเส้นชีพจรของเขาซ้ำไปมาและกลายเป็นบอลแสงขนาดเล็กและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ลูกบอลพลังปราณในห้วงพลังปราณลึกลับของเขา กลายเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ดวงเล็ก ส่องแสงและความอบอุ่นออกมา
หลังจากหมุนเวียนอยู่หลายรอบ ลูกบอลพลังปราณก็หดลงครึ่งหนึ่งจากเดิม
อากาศที่อยู่ระหว่างโลกและท้องฟ้าถูกดูดเข้าไปในร่างของฉื่อหยาน มันเข้าไปในร่างกายของเขาผ่านทึกรูขุมขนของเขา และเดินทางไปยังลูกบอลพลังปราณ
หลังจากนั้น ก็มีอากาศเย็นไหลออกมาจากลูกบอลพลังปราณ
อากาศเย็นได้เข้าไปในจิตใจของฉื่อหยานจิตใจและโคจรไปมาอยู่ในหัวของเขา มันทำให้รู้สึกค่อนข้างสดชื่น
แสงแปลก ๆเป็นจุดๆปรากฏขึ้นในสมองของเขาพวกมันขยายขึ้นและถูกหล่อเลี้ยงด้วยอากาศเย็นเหล่านั้น
ทันใดนั้นเอง ฉื่อหยานก็ พบว่าเขาสามารถสร้างพลังจิตวิญญาณออกมาได้ ซึ่งสามารถแยกจากร่างกายของเขา และทำสิ่งต่างๆที่อยู่นอกร่างของเขาได้
เป็นพลังจิตวิญญานของเขาที่ขยายขึ้น ฉื่อหยานสัมพัสได้ถึงพลังชีวิตของข้ารับใช้อสูรได้อย่างชัดเจนและสัมพัสได้ถึงพลังปราณในร่างของหลิงเชาฟง และเขาก็ยังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างของโม่หยานหยู่อีกด้วย .
เขาดูเหมือนกับว่าได้รับดวงตาเพิ่มขึ้นมาอีกคู่หนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับพลังจิตวิญญาณของเขา ตราบใดที่พลังจิตวิญญาณของเขาไปไกลพอ เขาก็จะรู้สึกได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบๆตัวเขา ทั้งเข้มแข็งและอ่อนแอ
ระดับ หายนะ !
ฉื่อหยาน รู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างมาก เขารู้ได้ทันทีว่าระดับของเขาได้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น เขาจึงมุ่งเน้นความพยายามของเขาไปในลูกบอลพลังปราณ ทำให้อากาศเย็นพุ่งผ่านเข้าไปในจิตใจของเขา
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร , ฉื่อหยาน ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เปิดดวงตาของเขา เขาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย หลังจากนั้นเขากลับมามีสติและถามไปที่สองข้ารับใช้อสูร " ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว ? "
" เกือบหนึ่งคืน " ข้ารับใช้อสูรลังเลแล้วถามด้วยความสับสน " คุณชายหยาน ท่าน . . . ท่านบรรลุเข้าสู่ระดับหายนะแล้วใช่หรือไม่ ? ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ถึงพลังจิตวิญญาณของท่าน"
" ดูเหมือนท่านจะสังเกตเราผ่านพลังจิตวิญญานของท่านใช่หรือไม่ ? " ข้ารับใช้อสูรอีกตนก็ถามขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เมื่อฉื่อหยานอยู่ในบึงมรณะ เขาพึ่งเข้าสู่นภาที่สามของระดับมนุษย์ด้วยความช่วยเหลือจากอายุวัฒนะ
โดยทั่วไปแล้ว ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน มันก็ยากเกินไปที่จะบรรลุระดับใหม่โดยใช้เวลาครึ่งเดือน
เพื่อที่บรรุเข้าสู่ระดับหายนะจากนภาที่สามของระดับมนุษย์ ไม่เพียงแต่ต้องมีความสามารถ แต่ยังต้องมีพลังปราณลึกลับที่หนาแน่นอีกด้วย
เกือบครึ่งเดือน แม้แต่ สมบัติ อาวุธ หรือยาลึกลับก็ไม่อาจทำให้พลังปราณเขารุดหน้าขนาดนี้ได้
ในเดือนครึ่งที่ผ่านมา พวกข้ารับใช้อสูรอยู่กับฉื่อหยานจลอด พวกเขารู้ดีว่าฉื่อหยานไม่ได้ใช้อะไรเลย มันยากที่จะเชื่อว่าเขาจะสามารถบรรลุระดับสูงขึ้นได้โดยเวลาอันนั้น
อย่างไรก็ตาม , พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญานของฉื่อหยาน ซึ่งเต็มไปด้วยพลังของนักรบในระดับหาย
สองข้ารับใช้อสูรรู้สับสน จึงหันหน้ามองกันแบบ งงๆ
" ถูกต้อง ข้าบรรลุเข้าสู่ระดับหายนะแล้ว " ฉื่อหยานพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม " อาจเป็นเพราะว่า ยาอายุวัฒนะก่อนหน้่านี้ข้ายังดูดซับไม่หมด และเป็นไปได้หรือไม่ที่ข้าพึ่งจะดูดซับมันจนหมดสิ้่น ? " .
ที่มาของจิตวิญญาณการต่อสู้ลึกลับนั้นเป็นปริศนา และมันก็มีความสามารถที่น่าหวันเกรงเป็นอย่างมาก ซึ่งนั้นเป็นความลับที่ใหญ่ที่สุดของเขา เขาจึงไม่อธิบายให้ใครฟัง
สองข้ารับใช้อสูรรู้สึกสับสน แต่เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ยกย่องเขา และหยุดถามคำถามอีก
" สถานการณ์ข้างนอกตอนนี้เป็นไงบ้าง " ฉื่อหยานเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
" ตระกูลหลิงและตระกูลโม่จบสิ้นแล้ว หัวหน้าตระกูลและยอดฝีมือของพวกมันทั้งหมดถูกฆ่าจนหมดสิ้น บูโบ้ จากหุบเขามังกรพิษ เองถูกฆ่าโดยท่านเสี่ยวฮานยี่ไปแล้ว ตอนนี้ ยอดฝีมือตระกูลฉื่อกำลังรวมตัวกันเพื่อไปจัดการตระกูลเป่ยหมิง”
" ข้ารับใช้อสูรเช่นพวกเราเก้าคนยังคงอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องคุณชายหยาน ภายนอกนั้นมีแต่ศพและความตาย และ ตอนนี้คุณชายหยานก็ ตื่นแล้ว เราสมควรกลับไปที่จะตระกูลฉื่อ เพื่อรอท่านเสี่ยวฮานยี่ จากนั้นเราก็จะไปยังทะเลไม่มีสิ้นสุดกัน "
" อืม " ฉื่อหยานพยักหน้าแล้วลงจากเตียงอย่างสบาย .
" คุณชายหยาน , นี่เกิดอะไรขึ้นรึ ? " หนึ่งในข้ารับใช้อสูรถามขึ้น
เขาลงจากเตียง ฉื่อหยานขมวดคิ้วชายตามองไปที่ หลิงเชาฟง แล้วเขาก็หันดวงตาของเขาไปที่ โม่หยานหยู
หลังจากครุ่นคิดสักพัก ฉื่อหยานเดินออกมาช้าๆ หันหลังให้กับข้ารับใช้อสูรทั้งสองและพูดออกมาอย่างเย็นชา " พวกเจ้ารู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง”
" ขอรับ ! "
ข้างนอก
ข้ารับใช้อสูรเจ็ดคนกำลังนั่งอยู่ตรงค้างคาวโลหิตคราม พร้อมกับเซี่ยซินหยาน ที่สวมผ้าคลุมปิดหน้า
เมื่อเห็นฉื่อหยานเดินออกไปจากห้อง เซี่ยซินหยานก็ ถอนหายใจ และความเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาคู่สวยของนาง
ฉื่อหยาน ทำเฉยเมย เขาก้าวเดินไปยังค้างคาวอย่างสบาย หลังจากขึ้นขี่ค้างคาวโลหิตคราม เขาก็ชายตามองไปที่เซี่ยซินหยาน " เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? "
และ เซี่ยซินหยานก็ขมวดคิ้วพร้อมกัยถอนหายใจออกมาโดยไม่พูดซักคำ
เขาส่ายหัวเบาๆ ฉื่อหยานก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เขาลูบไปที่หัวค้างคาวโลหิตคราม และบอกกับข้ารับใช้อสูร " กลับไปที่ตระกูลฉื่อ "
" ขอรับ "
นักรบตนหนึ่งแตะที่คอของค้างคาวโลหิตคราม หลังจากนั้นค้างคาวโลหิตครามก็เคลื่อนไหวและพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับมีฉื่อหยานอยู่บนหลังของมัน โดยมุ่งหน้าไปที่ตระกูลฉื่อ
เมื่อเห็นฉื่อหยาน ไกลออกไปเป็นจุดเล็ก ๆ เซี่ยซินเหยียนดวงตาของนางก็ดูซับซ้อนและ นางก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง ฉื่อหยาน ก็นั่งตัวตรงอยู่บนค้างคาวโลหิตคราม กำลังกลับไปที่ตระกูลฉื่อ โดยเคลื่อนไหวผ่านหมู่เมฆ แล้วค้างคาวโลหิตครามก็ถึงมาถึงศิลาพระเจ้า
จู่ๆ จิตวิญญานดวงดาวของฉื่อหยานก็ตระตุ้นขึ้นมาและหัวใจของเขาเริ่มส่องแสงดวงดาว
ในทันที ฉื่อหยานก็ส่องแสงออกมาเหมือนดวงดาวที่ส่องสว่องเจิดจ้า .
แสงดวงดาวเป็นเหมือนกับม่าน แล้วมันก็ค่อยๆลอยไปทางศิลาพระเจ้า
" หืม ? "
ข้ารับใช้อสูรเลือดทั้งที่ขี่ค้างคาวโลหิตครามอยู่ก็กลายเป็นสับสนและมองลงไปที่ศิลาพระเจ้าอย่างสงสัย
" บูม ! "
ตอนนั้นเองก็เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นไปทั่วจิตใจของฉื่อหยาน และวินาทีต่อมา เขาก็ควบคุมพลังจากดวงดาวไม่ได้อีกต่อไป พลังเหล่านั้นวิ่งออกมาจากร่างกายของเขา และรวมกับม่านแสงดวงดาวที่ส่องออกมาจากเขา
ม่านยังคงขยายตัวขึ้นและพุ่งไปยังศิลาพระเจ้า
แสงจันทร์ส่องสว่างลงมาจากข้างบน
แสงจันทร์กลายเป็นอากาศเย็นและกระทบลงบนม่านแสงดวงดาว
และม่านก็ส่องแสงลงมายังศิลาพระเจ้า
เมื่อม่านแสงดวงดาวสัมผัสกับศิลาพระเจ้า ก้อนหินนั้นก็ดูดซับแสงเหล่านี้ทันที
ศิลาพระเจ้า หลังจากที่ดูดกลืนแสงของดวงดาวแล้วก็เริ่มส่องแสงที่เย็นยะเยือกออกมา
เขานั่งตัวตรงบนค้างคาวโลหิตคราม สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนเป็นสับสนและเขาก็จ้องไปที่ศิลาพระเจ้า
ศิลาพระเจ้านี้ ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับ พรรคสามเทพเป็นแน่ !
ฉื่อหยานก็สรุปทันที จิตวิญญานดวงดาวนั้นมาจากเทพดวงดาวของพรรคสามเทพ และนอกจากเทพดวงดาวจะได้ผนึกจิตวิญญานลงไปในตราประทับดั่งเดิมแล้ว เขาต้องทำอย่างอื่นอีกแน่นอน ตอนนี้พลังของจิตวิญญานดวงดาวได้กลายเป็นม่านแสง และส่องลงไปยังศิลาพระเจ้า เขารู้ได้ทันทีเลยว่าต้องมีการเชื่อมต่อบางอย่างระหว่างพวกมันเป็นแน่
" คุณชายหยาน ! "
ข้ารับใช้อสูรที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจมาก และดูเหมือนจะจดจำบางสิ่งบางอย่างได้และเขาก็อุทานออกมา " มีตราประทับของเทพจันทราอยู่ที่ศิลาพระเจ้า ! "
" ตราประทับของเทพจันทรา ? " ฉื่อหยาน ขมวดคิ้ว แล้วก็พบว่า ศิลาพระเจ้าปรากฏลวดลายเสี้ยวขึ้นบนพื้นผิว และส่องแสงสะท้อนออกมาจากศิลาพระเจ้า
ศิลาพระเจ้าขนาดใหญ่ก็เริ่มเปล่งแสงออกมา ในขณะที่แสงเหล่านั้นออกมาจากรอยแตก
" คุณชายหยาน ระวัง ! " นักรบร้องออกมา " หลบไป ! "
แสงจันทร์ที่สาดส่องพุ่งออกมาจากศิลาพระเจ้า เหมือนกับ อาวุธที่แหลมคม และทำลายบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ๆศิลาพระเจ้า
แสงศักดิ์สิทธิ์นั้นตัดลึกลงไปในพื้นดิน และทำให้รอยร้าวลึกลงไป .
ฉื่อหยาน ก็ตกใจเช่นกัน เขารีบโคตรพลังปราณลึกลับของเขาและเรียกใช้ โล่แสงทมิฬ
" กักกักกัก ! "
ตอนนั้นเองศิลาพระเจ้าที่อยู่มานับพันปี ก็เริ่มแตกร้าว_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1195 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ