ตอนที่ 45 แผนหลบหนี
46 Escape Plan
“ครบเวลาเจ็ดวันแล้ว แกออกไปได้!”
ประตูห้องขังถูกเปิดออก แสงแดดส่องเข้ามา ทำให้เฟิงหลินแสบตา
เฟิงหลินหรี่ตาและค่อยๆเดินออกไป เจ็ดวันที่ผ่านไป เฟิงหลินรู้สึกเหมือนอยู่บนโลกคนเดียวมานานหลายปี
"แกถูกขังที่นี่มาเพียงเจ็ดวัน หลังจากที่แกทำให้หัวหน้าพ่อบ้านไม่พอใจ อืม นี่ถือเป็นความเมตตามากแล้วสำหรับแก!"
"แกควรควบคุมพฤติกรรมของตัวเองให้ดีกว่านี้หลังจากออกไป ถ้าไม่อย่างงั้นเราจะให้บทลงโทษที่หนักกว่านี้กับแก!"
"ไม่รู้ถึงความใหญ่โตของสวรรค์ซะแล้ว แกจะไม่ถูกลงโทษเพียงเล็กน้อยเช่นนี้!"
... ...
คนของฝ่ายผู้คุมสาปแช่งเขา ทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อเฟิงหลินผู้ซึ่งกล้าโต้แย้งหัวหน้าพ่อบ้านนั้นเต็มไปด้วยความชิงชังและมุ่งร้าย
เฟิงหลินมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา เขาไม่กังวลเรื่องคนเหล่านี้ และออกจากพื้นที่ตรงนี้ไป
....
"พี่ชาย พี่ชาย พี่กลับมาแล้ว!" ทันทีที่เขาเข้าไปในบ้าน เฟิงเฉิงน้องชาย และเฟิงซินน้องสาวก็รีบวิ่งเข้ามาหา ท่าทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความคิดถึง
“พี่ชาย พี่หายไปไหนมาตั้งหลายวัน?
“พี่ยังมีสารอาหารระดับกลางอีกไหม?ของระดับต่ำรสชาติแย่มากเลย!”
พวกเขาสองคนเป็นเหมือนหมีโคอาล่าตัวน้อยที่กระโดดเข้าหา พึมพำไม่หยุด มีสีหน้าหิวโหย
“พวกน้องช่างเป็นผีน้อยที่หิวโหยจริงๆ พี่ออกไปทำงานนอกเวลามา แล้วพี่จะไม่มีเงินซื้อสารอาหารระดับกลางมาให้น้องดื่มได้ยังไง?”เมื่อมองไปที่น้องตัวน้อยสองคน สีหน้าเคร่งเครียดของเฟิงหลินก็ผ่อนคลายลง
เขาจำสิ่งที่เฟิงหลางพูดได้ และเขาก็ระวังไม่ให้เกิดช่องโหว่ใดๆ
หลังจากนั้นเขาก็หยิบของเหลวสารอาหารระดับกลางออกมาสองขวด และแม้กระทั่งตั้งใจเตือนให้พวกเขาดื่มช้าๆ เขาเป็นห่วงว่าจะทั้งสองคนจะขาดอากาศหายใจ และกลายเป็นสารอาหารส่วนเกินซึ่งมันจะไม่ดี
"เย้!" ดวงตาของเด็กสองคนสว่างขึ้นทันทีเมื่อพวกเขาเห็นของเหลวสารอาหารระดับกลาง ทั้งสองเหมือนลูกแมว เฟินหลินรู้ดีว่าพวกเขาไม่สนใจคำเตือนของเขา
เขาทำได้เพียงส่ายหัวเท่านั้น เขาไตร่ตรองสักครู่แล้วหยิบของเหลวสารอาหารระดับกลางที่เหลือออกวางไว้ในตู้เย็นเพื่อเก็บเอาไว้
ของเหลวสารอาหารเหล่านี้ได้มาจากเจสคล็อตและลูกน้องของเขา และไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับคนอย่างเขาซึ่งมีค่าสถานะพลังถึง3.3แล้ว ผลของสารอาหารระดับกลางเหล่านี้แทบไม่เป็นประโยชน์เลย รสชาติของพวกมันธรรมดาเกินไป และไม่สามารถช่วยในการบ่มเพาะของเขาได้ ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นสำหรับเขาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามสำหรับพ่อแม่และพี่น้องของเขา ของเหลวสารอาหารระดับกลางนั้นถือว่าเป็นยาชูกำลังที่ดีมาก มันเหมาะกับพวกเขามากกว่า
ในที่สุดน้องตัวน้อยของเขาก็ดื่มมากเกินไป พวกเขาคลานเข้าไปในเตียงแล้วก็พยักหน้าให้กัน และหลับเกือบจะทันที
พ่อแม่ของเขาออกไปทำงานนานแล้ว
ในห้องมืด พื้นที่นั้นแคบเกินไปจริงๆ การพักที่นี่เป็นระยะเวลานานจะทำให้บางคนรู้สึกอึดอัดจนสำลัก
เฟิงหลินอาบน้ำและออกไปข้างนอก เขามุ่งหน้าไปยังมุมไกลสุดของสวนสาธารณะที่ไม่มีใครรบกวนเขา
เขาไตร่ตรองอย่างเงียบๆในสิ่งที่เขาควรทำในอนาคต
ชั่วระยะเวลาหนึ่งเขารู้สึกไร้ยางอายอย่างมาก
ตระกูลเป็นเหมือนผลิตภัณฑ์ที่มีรูปร่างผิดปกติซึ่งเกิดขึ้นมาในยุคสมัยดวงดาวนี้ เพื่อจัดการกับสภาพแวดล้อมที่อันตรายและแรงกดดันทางสังคมของคนจากตระกูลเดียวกัน พวกเขาถูกบังคับให้รวมตัวกัน ทำให้เกิดการแข่งขันในแต่ละตระกูล นี่เป็นสิ่งที่เสียเปรียบอย่างยิ่งต่อตระกูลระดับต่ำ
ตอนนี้สำหรับเฟิงหลิน ตระกูลของเขาเหมือนกรงยักษ์ที่จำกัดการพัฒนาของเขา
นี่เป็นเพียงความอยู่รอดทั่วไปของผู้ที่เหมาะสมที่สุด
เพื่อความอยู่รอดเขาต้องหนีออกจากตระกูลให้เร็วที่สุด จากนั้นเขาก็จะมีอิสระและมีเวลาเพียงพอในการเสริมพลังของเขา
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเงิน ดังนั้นเขาต้องการงานเพื่อหารายได้อย่างเร็ว ก่อนที่จะต้องซื้อทรัพยากรการบ่มเพาะจำนวนมาก
ตราบใดที่เขามีสารอาหารเพียงพอ และด้วยความสามารถในเรื่องสมการทางพันธุกรรมของเขา เขาจะได้รับศักยภาพทางพันธุกรรมอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ยีนในตำนานของเขา โดยทั่วไปเขาจะไม่มีปัญหาติดขัดเมื่อพูดถึงการบ่มเพาะ ตลอดที่ผ่านมามันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเป็นผู้บ่มเพาะแท้จริง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว
เฟินหลินไตร่ตรองอย่างใจเย็น ความคิดของเขาชัดเจนขึ้นและชัดเจนขึ้น
การเฝ้าดูของตระกูลนั้นเข้มงวดมาก แม้แต่แมลงวันก็ยังไม่สามารถหลบเลี่ยงการเฝ้าระวังได้
เขาได้รับรหัสเพื่อถอดไมโครชิปแล้ว ตอนแรกเขาแทบจะไม่มีโอกาสเลย แต่การปรากฏตัวของเฟิงหลางทำให้เขามีโอกาสที่จะสำเร็จ
แต่สำหรับขั้นตอนที่ต้องดำเนินการอย่างแม่นยำ เขายังต้องการเวลาอีกมากในการวางแผนอย่างละเอียดเพื่อหลบหนี
หลังจากคิดสักพัก เฟิงหลินก็คิดวิธีที่ดีที่สุด ราบรื่นที่สุดและคิดแผนขึ้นมาได้
เพื่อลดความซับซ้อนของเรื่องต่างๆลง เขาจะทำเหมือนไม่มีอะไรทำและพยายาม 'ชินชา' กับการเฝ้าระวังของตระกูล หลังจากนั้นเขาต้องหางานที่ค่าจ้างดีๆ ก่อนใช้รหัสและออกจากกตระกูล เขาจะกลับมาได้ก็หลังจากที่เขาแข็งแรงพอ
มีเวลาเพียงหนึ่งเดือนครึ่งก่อนถึงการแข่งขันจัดอันดับของตระกูล เขามีเวลาน้อยมาก
ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาต้องมีรายได้มากพอ เขาต้องหาเงินให้ได้จำนวนมาก
การหาเหรียญดาราจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆนั้น มันเป็นความฝันที่โง่เง่าและเป็นไปไม่ได้สำหรับคนส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามเฟิงหลินไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาต้องทำไม่ว่ายังไง เขาไม่มีทางอื่น
เพราะเช่นนั้น คำถามต่อไปจึงปรากฏขึ้น เขาควรสมัครงานอะไร?
เฟิงหลินใช้ไมโครชิปประจำตัวของเขาเข้าเว็บและเริ่มหางาน
เขาควรจะเป็นดาราภาพยนตร์ ผู้เล่นเกมเสมือนจริงมืออาชีพ หรือสตรีมมิ่งออนไลน์ ฯลฯ ... เขาสแกนงานที่มีทั้งหมดเหล่านี้ทีละงาน
น่าเศร้าที่งานเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถหาเงินได้ในเวลาอันสั้น ไม่ว่าในกรณีใดเฟิงหลินไม่เคยแสดงความสามารถมาก่อน
ไม่ว่าแรงบันดาลใจของเขาจะสูงแค่ไหน เขาต้องทำให้แน่ใจว่าเขาสามารถทำได้จริง ไม่อย่างงั้นสิ่งที่เขาคิดเอาไว้จะผิดพลาดไปหมด!
เฟิงหลินยังเป็นนักเรียนอยู่ นอกจากการฝึกฝนและทฤษฎีแล้ว เขาก็ไม่รู้อะไรเลย
ทุกอย่างน่าอึดอัดใจไปหมด ...
นิ้วของเขากระแทกขอบไมโครชิพสี่เหลี่ยมสีดำอย่างไม่ตั้งใจ และเขาก็ขมวดคิ้ว
อื้ม?
เฟิงหลินหันไปมองที่ไมโครชิปสีดำ นี่คือบันทึกการวิจัยของนักวิจัยทางพันธุกรรมที่เขาได้รับจากการประมูล
เขาลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง?
นักพันธุศาสตร์เป็นหนึ่งในอาชีพอันดับต้นๆในยุคอวกาศ เมื่อเทียบกับดาราภาพยนตร์ ผู้เล่นเกมเสมือนจริงมืออาชีพ และสตรีมออนไลน์ นักพันธุศาสตร์มีรายได้มากกว่า!
ทุกสิ่งที่ถูกปรับโดยนักพันธุศาสตร์จะมีราคาสูงขึ้น แม้แต่ขวดยาแห่งชีวิตเล็กๆก็สามารถขายได้ในราคาที่ไม่น่าเชื่อ ความแตกต่างระหว่างยาที่นักพันธุศาสตร์ปรับเปลี่ยนกับยาแห่งชีวิตทั่วไปอีกสองประเภท ราคานับว่าต่างกันเป็นสิบเท่า
นักวิจัยทางพันธุกรรมสร้างส่วนผสมของสิ่งจำเป็นเพียงอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องมีนักพันธุศาสตร์เพื่อสร้างมันขึ้นมา
อย่างไรก็ตามถ้านักพันธุศาสตร์สร้างยาแห่งชีวิตขึ้นจริงๆ มันจะกระตุ้นตลาดให้คึกคักมากกว่าเดิม
มันจะสร้างความปั่นป่วนไปทั่วตลาด
เฟิงหลินไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ เขากำลังพยายามขึ้นขี่หลังเสือ เขามีคำตอบทั้งหมดแล้วแต่ก็ยังมองหาจุดอื่น
ด้วยความรู้เรื่องตำนานของโลกยุคโบราณ รวมถึงความสามารถด้านสมการทางพันธุกรรมของเขา เฟิงหลินมั่นใจว่าพรสวรรค์ที่เขามีจะทำให้เขาสามารถกลายเป็นนักพันธุศาสตร์ได้ นอกจากนี้ด้วยบันทึกของนักวิจัยทางพันธุกรรม มันจะช่วยให้เขาเริ่มต้นได้อย่างดี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเป็นนักพันธุศาสตร์เป็นอาชีพที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นนักวิจัยทางพันธุกรรม เขาไม่มีเงินพอที่จะซื้อเครื่องจักรหรือส่วนผสมที่จำเป็นในการสร้างยาประเภทใดขึ้น
อนาคตยังห่างไกลเกินไป หากเขาเป็นนักพันธุศาสตร์รายได้ที่ได้จากงานเพียงอย่างเดียวจะทำให้เขามีทรัพยากรการบ่มเพาะทุกอย่างที่เขาต้องการ และสามารถสร้างยาชนิดใดก็ได้ที่เขาคิด เขาจะไม่มีข้อจำกัดเรื่องเงินอีกต่อไป!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เฟิงหลินตื่นเต้น
ตอนนี้เขาอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง ขอบเขตของการหางานของเขาก็เล็กลง ไม่นาน เขาก็ค้นพบประกาศรับสมัคร
“บริษัทยาไจแอนท์!”