ตอนที่ 165 : ไส้กรอกแสนอร่อย(อ่านฟรี)
หลังจากได้รับภารกิจแล้ว ฟางฉีจ้องมองที่ส่วนต่อประสานงานเพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียด เขาพบว่าภารกิจนี้มีความน่าสนใจไม่น้อยเลย ภารกิจนี้มีความต้องการที่จะให้ลูกค้าเปิดใช้งานละครสองร้อยครั้งของแต่ละตอน
ตอนนี้มีทั้งหมดสี่ตอน สำหรับตอนที่สามและสี่ได้มีการเปิดใช้มากกว่าร้อยครั้งในขณะเดียวกันสำหรับตอนที่หนึ่งและสองยังคงมีการเปิดใช้ไม่เท่าไร
ตอนนี้ลูกค้าทั้งหมดเริ่มสงบลงเมื่อมั่นใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีตอนที่ห้าและหกอย่างแน่นอน
เนื่องจากฟางฉีไม่อยู่ที่นี่พวกเขาจึงไม่สามารถระบายความโกรธเคืองที่มีได้ พอทำอะไรไม่ถูกจึงเลือกที่จะกลับไปย้อนดูตอนแรกและตอนสองเพื่อสังเกตเทคนิคการควบคุมดาบรูปแบบใหม่เพื่อเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ยอดของการเปิดใช้งานของตอนแรกและตอนสองเริ่มขยับขึ้นเรื่อยๆ
เวลาเดียวกันนายกจางที่ได้รับชมละครเขารู้สึกแปลกไปสัมผัสของร่างกายเริ่มชัดเจนมากขึ้น ความกังวลใจความอ่อนแอภายในจิตเริ่มชัดเจนรู้สึกตัวเลยว่ามันเริ่มไม่ปกติอีกต่อไป
องค์หญิงพร้อมสาวกจากสองสำนักพวกเขามาถึงเมืองจิวหัวในเวลาบ่ายและวางแผนที่จะเดินทางกลับในเวลากลางคืน อย่างไรก็ตามเนื่องจากเกิดความล่าช้าเป็นเวลาหลายชั่วโมงในการรอเข้าแถวตั้งแต่บ่ายจนเกือบเย็น เมื่อเล่นเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน ตอนนี้ถึงเวลาเดินทางกลับแล้ว
แม้ว่าจะคนส่วนมากที่มาจะดูละครไปสี่ชั่วโมงแถมเล่นเกมอีกสองชั่วโมง รวมแล้วหกชั่วโมงพวกเขาก็ยังคงลังเลใจที่จะออกจากคาเฟ่ เพราะมันเพลิดเพลินเสียจนลืมโลกภายนอกไปเลย
“มันเยี่ยมโคตร ไม่รู้มาก่อนเลยว่าสาวกจากสำนักหลิงหยวนจะได้รับการฝึกฝนแบบนี้ทุกวัน!” หลิวหยุนพูดคุยกับเพื่อนของเขาขณะที่เดินออกจากคาเฟ่มาสักพัก “เราสามารถดูการต่อสู้ของเหล่าปรมาจารย์เพื่อสร้างแรงบรรดาลใจจากพวกเขา!”
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะมีร้านมหัศจรรย์แบบนี้บนโลกด้วย!”
“ข้าอยากดูราชวงศ์หยกทุกวัน!” ยิ่งซงซวนกล่าว “จางเซียวฟานและหลินจิงหยูทั้วสองเข้าร่วมกับกลุ่มเมฆเขียว หากหนึ่งในนั้นถูกพาตัวไปในฐานะลูกศิษย์จะสามารถเรียนรู้เทคนิคการบ่มเพาะและเทคนิคการควบคุมดาบ!”
“ใช่” หลิวหยุนเสริม “ข้าก็สงสัยว่าพวกเราจะสามารถเรียนรู้คาถาทางจิตวิญญาณและเทคนิคดาบควบคุมสายฟ้าได้หรือไม่!?”
“มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น!” เยเฟงหัวศิษย์หมายเลขหนึ่งของบ้านซวนจากบ้านซียี่ ชายหนุ่มหน้าอ่อนกว่าวัยผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะพูด “ข้าเองก็สงสัยไม่น้อยไปกว่าพวกท่านเลย ข้าคิดว่าละครเรื่องนี้คงมีเทคนิคอีกมากสิ่งที่เราเห็นน่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ..”
คำพูดของเขาไม่เพียงสกิดใจให้เหล่าสาวกคิดทบทวน แต่.. อาจารย์จากสำนักซียี่ที่ได้ยินก็เช่นกันนั่นเป็นคำพูดที่ชวนสงสัยไม่น้อยเลย
“สำหรับจิงหยูแล้วเขาน่าจะมีโอกาสมากกว่าเซียวฟาน เพราะคนอื่นมองว่าเซียวฟานนั่นไม่มีความสามารถเท่าจิงหยู”
ขณะที่พวกเขากำลังเดินกลับก็ได้พูดคุยถึงพล็อตเรื่องของราชวงศ์หยก
“ความเห็นส่วนตัวนะ ฉันว่าจุดลมหวน(เฟงฮุย) เป็นตัวเลือกที่ดี” หลิวหยุนคาดการณ์ “ณ จุดนั่นฉันว่าดูเหมาะสมแข็งแกร่งและอ่อนโยนน่าจะเหมาะกับเซียวฟาน”
“โอ้ เจ้าแน่ใจนะว่าเด็กคนนี้จะได้เป็นตัวละครหลัก?” ยิ่งซงซวนทวนถาม “เขาดูน่าเบื่อ ..”
“เราต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ท่านว่าพรุ่งนี้จะมีที่นั่งสำหรับพวกเรามั้ย?” เยเฟงหัวถาม
“งั้นรายงานกลับไปยังสำนักว่าคืนนี้พวกเราจะไม่กลับ!” ยิ่งซงซวนกล่าว “เราจะกลับไปวันพรุ่งนี้หลังจากได้ดูตอนที่ห้าและหก”
“นั่นเป็นเรื่องดี! พรุ่งนี้เราจะต้องตื่นเวลาเจ็ดโมงเช้าและถึงคาเฟ่ก่อนแปดโมงเพื่อดูราชวงศ์หยก!”
…
ด้วยอาการบาดเจ็บนั่นจึงส่งผลให้องค์ชายห้าจีหยางเดินทางมาช้ากว่าคนอื่นๆ “ท่านพี่สองและพี่หญิงวันนี้พวกท่านเล่นเกมอะไรกัน?”
“เซียนกระบี่พิชิตมาร!” องค์หญิงพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ฉันได้ผ่านเกาะแห่งสวรรค์และได้เรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบอมตะแล้วเจ้าสองคนละ?”
“เอ่อ ..” องค์ชายสองอ่ำอึ้ง “ท่านสุดยอดมาก! ข้ายังอยู่ที่เกาะแห่งสวรรค์อยู่เลย”
“ข้าลอง Diablo ก่อนเลยยังไม่ไปถึงไหนเลย” จีหยางกล่าว “เจ้านี่มีฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ”
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคเขาได้ยินเสียงอุทานจากสาวกของสำนักเฉิงจิ้ง “น้องเซียว เจ้ามาถึงซูโจวแล้วหรอ? ไวจริงๆ”
หลังจากดูละครจบสี่ตอน พวกเขาเหลือเวลาเล่นเพียงแค่สองชั่วโมง
องค์หญิงและองค์ชายทั้งสมองหันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ พวกเขาคิดว่าพวกเขารวดเร็วแล้วแต่พบว่า มีใครอีกคนนั้นเร็วกว่า!
“ที่ข้าไปได้ไหวก็เพราะท่านเซียวคนนี้!” เซียวเลงยูชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่มรูปงามในชุดคลุมสีเหลืองเขาโบกมือตอบกลับ
“บ้าน่า!” เมื่อเหล่าสาวกจากสำนักเฉิงจิ้งมองไปที่เซียวหยูเขายิ้มเยาะอย่างพอใจ “ข้ารู้ทักอย่างเกี่ยวกับเกมเซียนกระบี่พิชิตมารสำหรับข้ามันหมูมาก!”
“เยี่ยม!”
เซียวหยูพูดอย่างภูมิใจ “ถ้าท่านทำตามคำแนะนำของข้า ด้วยเกียรติของข้าเจ้าจะเล่นเกมจบต่อหน้าต่อตาคนอื่นในอีกไม่นาน!”
เสียงอึกทึกดังขึ้น “ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าวังหลิวหยุนจะมีคนที่มีความสามารถมากเช่นนี้!”
องค์หญิงและองค์ชายทั้งสองเมื่อได้ยินบทสนทนาพวกเขารีบอีกหน้าเพื่อทักถาม “นี่ท่านคุ้นเคยกับเกมเหล่านี้หรือ?”
“ข้าค้นพบมันกับมือ!” เซียวหยูโอ้
“นี่ท่านอาจารย์เซียว พรุ่งนี้ข้าจะให้ทิปเจ้าสนใจมั้ย?” องค์ชายสองทำหน้าวาว
“ไม่มีปัญหา!”
“ข้าได้ยินมาว่าหากมีเพื่อนร่วมทีมจะสามารถเพิ่มระดับได้อย่างรวดเร็ว ข้าไปถามรอบๆ แล้วไม่มีใครสนใจข้าเลย” องค์ชายห้าเอ่ย “ท่านพี่เซียวท่านช่วยพาข้าเข้าร่วมทีมด้วยได้มั้ย?”
“ไม่ได้!” สีหน้าของเซียวหยูเปลี่ยนไปจากร่าเริงในตอนนี้เขาดูหนักใจไม่เบา
บรรยากาศที่เคยคึกคักรอบตัวเปลี่ยนเป็นวังเวงและเงียบกริบ
เงียบ .. จนได้ยินเสียงลมหายใจ
“...”
…
เทคนิคการควบคุมดาบของฟางฉีในตอนนี้ถือว่าอยู่ในระดับเชี่ยวชาญแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะเป็นรางวัลจากระบบ เห็นได้ชัดว่าการใช้งานค่อยข้างต่างจากการฝึกฝนด้วยตัวเอง แต่มันไม่ได้แตกต่างมากนัก ความแตกต่างอาจเห็นได้จากช่วงเวลาสำคัญ โดยนั่นเป็นส่วนหนึ่งความแตกต่างระหว่างการฝึกฝนด้วยตัวเองกับรางวัลคือความละเอียดอ่อนของเทคนิค
สิ่งที่ดีคือฟางฉีได้มีการฝึกฝนจนเข้าใจเขาจึงคุ้นเคยกับการบินด้วยดาบอย่างมาก
เกือบจะรุ่งสางแล้วที่ฟางฉีใช้เวลาบินอยู่บนดาบของเขา
เมื่อเดินทางกลับมาถึงคาเฟ่ เขาผลักประตูเขาไปรู้สึกพอใจอย่างมาที่เห็นภายในคาเฟ่สะอาดและมีระเบียบ
หลังจากฝึกฝนมาหลายวัน เขาแทบไม่ได้นึกถึงเป้าหมายที่ระบบตั้งไว้เลย สำหรับรางวัลภาระกิจคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของชาวจีนในราคาสี่คริสตัลพร้อมไส้กรอกแสนอร่อยอีกสองคริสตัล
เมื่อฟางฉีอาบน้ำเสร็จก็เป็นเวลาสำหรับอาหารเช้าพอดี เขาค้นพบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและไส้กรอดขนาดเล็กในตู้ พร้อมเครื่องทำน้ำร้อนเครื่องใหม่ไว้ใช้สำหรับปรุงบะหมี่ เขาเหลือบมองไปที่น้ำข้างในพบว่ามันเป็นน้ำชนิดเดียวกับที่ใช้ผลิตสไปร์ท!
(ผู้แปล : โอเว่อร์มาก ฮ่าๆ)
เขาอ่านส่วนผสมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันทำจากกะหล่ำปีดอกพร้อมสมุนไพรหยกขาวและสมุนไพรทางจิตวิญญาณอื่นๆ หลายขั้นตอน แม้แต่เส้นบะหมี่ยังทำจากข้าวสาลีพร้อมธัญญะพืชต่างๆ ที่ได้รับการคัดเลือกอย่างมีคุณภาพ ปลูกด้วยปุ๋ยชั้นเลิศ แถมไส้กรอกที่ตามมาด้วยนั้นยังผ่านการผลิตที่ยอดเยี่ยมโดยใช้เนื้ออสูรที่ขุนอย่างดี
ฟางฉียืนอึ้งเมื่อได้อ่านรายละเอียดส่วนผสม พบว่าส่วนประกอบมันสุดจริงๆ