ตอนที่แล้วGE271 ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ ดรรชนีหมอกเมฆาม่วง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE273 เวทีประลองเมฆา [ฟรี]

GE272 สงครามของแดนอสูร [ฟรี]


หนิงฝานซัดฝ่ามือเข้าใส่มังกรทมิฬ  ด้วยความที่ร่างกายของมันยังไม่แกร่งนัก บวกกับถูกกระตุ้นตราประทับวิญญาณ ทำให้มันกรีดร้องด้วยความทรมาน ที่สำคัญ เขายังดึงเองผลึกสีดำออกจากร่างของมันด้วย

ผลึกดำนั้นคือแก่นโลหิตของอสูรทมิฬที่มังกรทมิฬใช้เวลากว่า 10 ปีในการควบกลั่นมันขึ้นมา

แววตาหนิงฝานเป็นประกาย

“ผลึกโลหิต! ข่าวลือว่ามีเพียงเผ่ามังกรที่ครอบครองจิตวิญญาณแท้จริงและโลหิตแห่งราชาเท่านั้นที่จะสร้างผลึกแบบนี้ขึ้นได้… มังกรทมิฬตัวนี้สมควรมีโลหิตแห่งราชา”

“มังกรตัวนี้ปลิ้นปล้อนเกินไป ถ้าเก็บมันไว้ข้างกายและวันหนึ่งมันทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงได้ มันคงทรยศข้าและทำลายผนึกวิญญาณ”

“จะฆ่ามันก็น่าเสียดาย… จะเก็บไว้ก็เป็นภัย… มีทางเดียวคือต้องเปลี่ยนให้มันเป็นศพปีศาจ!”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนโหดเหี้ยม จนทำให้มังกรทมิฬหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับ

มันรู้ว่าหนิงฝานกำลังคิดเรื่องที่น่ากลัวอยู่ นั่นสมควรเป็นวิธีจัดการกับมัน

จบแล้ว...จบกัน… มันพูดจาอวดดีจนทำให้หนิงฝานโกรธเข้า

“พ... พี่ชาย ข้ามอบแก่นโลหิตนั่นให้ ตอนนี้... ให้ข้าเข้าไปอยู่ในรถเพลิงทองคำเถอะนะ ตอนนี้ข้าอยากเป็นอสูรลากรถของเจ้าแล้ว ข้าไม่ทรยศเจ้าหรอก”

“ลากรถ… อืม…. ข้าต้องการให้เจ้าลากรถจริงๆนั่นแหละ แต่ไม่ใช่ตอนมีชีวิต เป็นตอนที่เจ้าตายแล้ว!”

กว่าจะประทับตราวิญญาณมังกรทมิฬได้ไม่ใช่เรื่องง่าย จะให้สังหารมันไปก็เสียของ วิธีการที่ดีที่สุดคือทำให้มันเป็นทาสรับใช้ เมื่อมันเป็นทาสรับใช้ มันจะไร้ซึ่งจิตใจและไม่กล้าขัดขืนเขาอีก

ตอนนี้หนิงฝานมีวิชาศพปีศาจอยู่แล้ว การจะเปลี่ยนให้มังกรทมิฬเป็นศพปีศาจก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากทั่วไป การสร้างศพปีศาจจะทำให้ปราณของศพกลายเป็นกำลังกาย ทำให้ศพปีศาจมีร่างกายที่ทรงพลังมาก แต่การจะเปลี่ยนให้มังกรเป็นๆแบบมังกรทมิฬเป็นศพปีศาจเลยยังไม่อาจทำได้

การจะเปลี่ยนให้มันเป็นศพปีศาจนั้นมีส่วนที่ยากอยู่ 2 ส่วน หนึ่งคือมันไม่ได้มีร่างกายที่แท้จริง เดิมทีมันเป็นเพียงดวงจิตมังกรที่กำลังสร้างร่าง ย่อมทนการถูกเผาไม่ได้

สองคือหนิงฝานต้องลบความทรงจำของมันให้หมด เพียงแต่หนิงฝานเข้าถึงทะเลสติของมันไม่ได้

แต่เมื่อหนิงฝานบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ และได้พลังแห่งชีวิตมาครอง แม้จะเพียงผิวเผินและยังไม่อาจใช้ค้นความทรงจำได้ แต่เขารู้ว่ามันสามารถใช้ลบความทรงจำได้ และเป็นพลังลบความทรงจำที่น่าสะพรึงกลัวมาก แม้เป็นจักรพรรดิเซียนยังไม่อาจควบคุม!

“เจ้าคงเป็นศพปีศาจที่ทรงพลัง...” หนิงฝานยิ้ม แต่กลับทำให้มังกรทมิฬหวาดกลัว

อะไรนะ? เป็นไปไม่ได้!

นี่มันกำลังจะทำให้ข้ากลายเป็นศพปีศาจ!

ชั่วพริบตาถัดมา ความเจ็บปวดที่รุนแรงแล่นไปทั่วทะเลสติของมัน หากมันโชคดี มันคงไม่เจ็บมาก

“ไอ้ปีศาจ! ขอให้เจ้าตายเยี่ยงสุนัข!”

“ข้าเป็นถึงนายน้อยเผ่ามังกรทมิฬ ใกล้จะปลุกโลหิตราชาได้อยู่แล้ว ข้าไม่ยอม… ข้าไม่ยอม!!”

“ยอมเป็นศพปีศาจของข้าซะดีๆ อีกเดี๋ยวเจ้าก็ลืมเรื่องทั้งหมดแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”

หนิงฝานหัวเราะลั่นพลางกระตุ้นตราประทับวิญญาณ โคจรพลังแห่งชีวิต

กลิ่นอายของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ดวงตาทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีขาวดำสลับไปมา

สิ่งที่เกิดขึ้นกับหนิงฝาน มังกรทมิฬเพิ่งเคยเห็น ในชั่วพริบตานั้น มันกลับรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก

“ดวงตานั่น… พลังแห่งชีวิต!”

พลังชีวิตคือรากฐานของทุกสรรพสิ่ง เมื่อชี้นำพลังไปที่หน้าผากของมังกรทมิฬ พลังแห่งชีวิตได้ชะล้างทุกสรรพสิ่งในทะเลสติของมันจนกลายเป็นเหมือนฝุ่นทราย

ความทรงจำ ความรู้สึก ทุกสรรพสิ่งหายไปตลอดกาล

“นี่มัน… นี่มันอะไรกัน!!” มังกรทมิฬตะโกนออกมาประโยคสุดท้ายก่อนที่ความทรงจำของมันจะหายไป แม้เป็นตราประทับที่เขาสร้างไว้ก็ถูกลบไปด้วย

หนิงฝานขมวดคิ้ว พลังระดับนี้ สามารถเป่าศัตรูให้หายไปจากโลกได้โดยสมบูรณ์!

เบื้องหน้า แม้ความทรงจำของมังกรทมิฬจะถูกลบหายไป แต่จู่ๆร่างกายของมันกลับฟื้นสภาพอย่างช้าๆ

ในขณะที่ร่างกายของมันกำลังซ่อมแซมตัวเอง หนิงฝานสัมผัสได้ว่าโลหิตภายในร่างของมันกำลังพยายามทะลวงไปอีกระดับ ไปยังระดับที่กลายเป็นโลหิตราชา

แต่โลหิตของมันไม่อาจยกระดับเพราะดูเหมือนจะมีกำแพงบางอย่างขวางกั้นไว้

ผ่านไปนาน ร่างกายของมันฟื้นฟูสมบูรณ์ แต่โลหิตยังไม่ทะลวงระดับ

“ยังขาดอะไรไป...”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเคร่งขรึม ชั่วลมหายใจนั้น ตาซ้ายของหนิงฝานกลายเป็นสีม่วง ทำให้เขาเข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้น

“ยังขาดวิญญาณ!”

แต่จิตวิญญาณอะไรนั้นเขาไม่รู้ เขารู้แค่ว่า เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่มีจิตวิญญาณ

หนิงฝานโคจรปราณอสูร ถ่ายเข้าไปในร่างมังกรทมิฬ เมื่อปราณเข้าสู่ร่าง โลหิตของมันเดือดพร่าน

แสงสีดำค่อยๆปกคลุมร่างของมังกรทมิฬ ยามนี้ หนิงฝานสัมผัสได้ถึงโลหิตราชาที่เบาบางในในร่างของมัน

แววตาหนิงฝานเปล่งประกาย ปราณอสูรของเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่สามารถช่วยปลุกโลหิตราชาได้

“ถ้าเกิดไม่ปลุกโลหิตราชาให้มัน ถ้าเกิดมันไม่ขัดขืน ข้าคงไม่รู้ว่าปราณของฟู่ลี่มีความสามารถพิเศษแบบนี้...”

หนิงฝานขบคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนทาบฝ่ามือไปที่ศีรษะของมังกรทมิฬ แล้วทำลายทะเลสติของมัน ทำลายดวงจิตของมัน เหลือไว้เพียงร่างกายที่ทรงพลังเทียบเท่าขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด ซึ่งใกล้เคียงกึ่งไร้ดัดแปลง

วิชาศพปีศาจเป็นวิชาที่ไม่ธรรมดา หากผสานกับดาราปีศาจที่ตาขวาได้ คงได้ผลที่ดีกว่านี้ แต่น่าเสียงดายที่หนิงฝานมีปราณปีศาจไม่มากนัก

เขาจุดเพลิงครอกร่างของมังกรทมิฬเพื่อชำระล้าง จากนั้นถ่ายปราณศพและสัมผัสปีศาจเข้าไปเพื่อให้มันกลายเป็นศพปีศาจที่สมบูรณ์

ผ่านไป 3 วัน ร่างของมังกรทมิฬถูกเปลี่ยนให้เป็นศพปีศาจได้เพียงครึ่ง เพราะยามนี้ปราณปีศาจของเขาหมด ไม่อาจทำมันได้ต่อ

แต่เมื่อมองไปรอบก้นสระ แววตาของเขาก็เปล่งประกาย!

ที่นี่มีปราณศพหนาแน่นมาก เหมาะกับการสร้างศพปีศาจและยกระดับปราณปีศาจของเขา

ใต้ก้นสระมังกรแห่งนี้ มีศพของผู้เชี่ยวชาญมากมายนับไม่ถ้วน ที่สำคัญ ยังมีซากร่างของมังกรทมิฬโบราณอยู่ จำนวนปราณศพจึงหนานแน่นเกินจินตนาการ

“เข้ามา!”

ร่างหนิงฝานแปรสภาพเป็นวังวนขนาดใหญ่ ดูดซับเอาปราณศพเข้ามา

ด้วยความที่ใต้ก้นสระมังกรมีร่างของผู้ที่ตายมากมายมหาศาล มีอสูรทมิฬที่ถูกสังหารไปไม่น้อย พลังด้านลบจึงมีจำนวนมากมายมหาศาล

เพียงแต่ยามนี้ ปราณศพที่หนิงฝานดูดซับเข้ามากลับมีไม่มากนัก เขาได้ปราณปีศาจเพิ่มมาเพียง 98 เกราะ รวมของเดิมเป็น 109 เกราะ นับว่าอยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง

แต่นั่นไม่ได้ทำให้หนิงฝานดีใจ ที่นี่สมควรมีปราณศพมากกว่านี้ หรือบางที ที่นี่อาจมีบางสิ่งคอยสะกดไม่ให้ปราณศพแพร่ออกมา

หรือที่นี่จะมีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาอยู่? แต่ที่นี่ไม่สมควรมี

“ลานสวรรค์โบราณ!” แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา ลานสวรรค์โบราถูกทำลาย เหลือเพียงซากปรักหักพัง และที่นั่นสมควรเป็นสุสานของเซียนจำนวนมาก หากเขาเข้าลานสวรรค์โบราณได้ อาจทำให้ปราณปีศาจและความเข้าใจวิชาศพปีศาจเพิ่มมากขึ้นจนน่ากลัว

หนิงฝานหยุดคิดและจดจ่ออยู่กับการสร้างศพปีศาจต่อ

ผ่านไปอีก 3 วัน ศพปีศาจก็สมบูรณ์ ด้วยความปราณและสิ่งต่างๆผสานเข้าไปในร่างของมัน ทำให้มังกรทมิฬแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวกึ่งไร้ดัดแปลง แม้จะทรงพลังไม่เท่าตงสู่ แต่ก็ห่างกันไม่มาก

ยามนี้ความฝันของมังกรทมิฬเป็นจริงแล้ว มันบรรลุกึ่งไร้ดัดแปลง เพียงแต่มันคงไม่มีความสุข เพราะมันได้ตายไปแล้ว

ศพปีศาจในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง

การที่มีมันไว้ข้างกาย ไม่ว่าใครก็ไม่กล้ายั่วยุเขา

หนิงฝานใชวิชาบางอย่าง เปลี่ยนให้มันกลายเป็นงูตัวน้อย เก็บใส่กระเป๋าไว้

หนิงฝานนำบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า มันคือเข็มทิศสีเงิน มีชื่อว่า ‘เข็มทิศดารา’ เป็นสมบัติที่ใช้เดินทางข้ามมิติ และเป็นสิ่งที่เหล่าเซียนใช้กันทั่วไป

ดาราแต่ละดวงอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ แต่ละแห่งถูกขวางกั้นด้วยพลังมิติ

หนิงฝานนึกถึงเมิ่งชวนสื่อผู้ปกครองดาราเต่าทมิฬ หากเขาบรรลุเซียน เขาจะทักทายชายชรา

“เป็นสมบัติที่ไม่ธรรมดา… ไม่รู้ว่าเมิ่งชวนสื่อมีเจตนาดีหรือร้าย แต่หากข้าไม่ทรงพลังพอ ข้าจะยังไม่ไปหาเขา”

หนิงฝานเก็บเข็มทิศและดูดซับผลึกโลหิตที่ได้มา

เมื่อเขาปรับระดับพลังจนเสถียร ปราณอสูรที่ได้จากผลึกโลหิตมาหล่อเลี้ยง ก็ทำให้ปราณอสูรภายในร่างเริ่มยกระดับช้าๆ

ผลึกโลหิตที่เกิดจากการอัดแน่นของแก่นโลหิตอสูรทมิฬกว่า 11 ปี อย่างน้อยมันมีพลังอัดแน่นเทียบเท่าผลไม้แห่งเต๋าระดับตัดวิญญาณ

เมื่อดูดซับปราณอสูรจากผลึกโลหิตจนหมด เขาได้ปราณมาเพิ่ม 700 เกราะ ทำให้ปราณอสูรยกระดับเป็น 15450 เกราะแต่ก็ยังอยู่ระดับเดิม

ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นต้องมีปราณอย่างน้อย 10,000 หมื่นเกราะ

ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางต้องมีปราณอย่างน้อย 50,000 เกราะ

ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงต้องมีปราณอย่างน้อย 150,000 เกราะ

ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุดต้องมีปราณอย่างน้อย 300,000 เกราะ

กึ่งไร้ดัดแปลงต้องมี 500,000 เกราะ

และไร้ดัดแปลงต้องมี 1 ล้านเกราะ...

[**แปลผิดนะครับ ระดับปราณอสูรหนิงฝานปัจจุบันคือ ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น]

ดังนั้นปราณอสูรที่ได้มาเพิ่ม 700 เกราะ ไม่นับเป็นอันใด

หนิงฝานหลับตาพลางขบคิด ในตอนที่อยู่ทะเลหมอกแห่งนั้น เขาสามารถชักนำอัสนีสวรรค์มาได้ แต่ที่นั่นก็ทำหน้าที่ขวางกั้นพลังเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถใช้อัสนียกระดับแส้ได้

ด้วยยามนี้ที่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ผสานกับร่างกายในขอบเขตกระดูกหยกที่ 2 ทำให้หนิงฝานมั่นใจว่าสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้

และวิชาดรรชนีหมอกเมฆาของเขาก็สังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้เช่นกัน

แม้เขาจะต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดไม่ได้ เขายังมีศพปีศาจ!

หากกล่าวถึงวิชาหอกตะวัน หากจะยกระดับมันยังต้องใช้เวลา

ความเร็วของเขาในตอนนี้ผสานกับปีกฟู่ลี่ ทำให้เขามีความเร็วเทียบเท่าขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง

“ถ้าข้าสลักอักษรอสูรที่ปีกได้จะเป็นยังไงนะ...”

หนิงฝานตั้งว่าจะสลักอักษรให้กับปีก กระบี่แยกสวรรค์ และแส้ของเขา แต่ก่อนจะไป เขาต้องดูดซับปราณอสูรจำนวนมหาศาลของที่นี่ไปด้วย

“ดึงวิญญาณ!”

หนิงฝานกำลังขอบเขตพลังให้อยู่เพียงในสระมังกรเท่านั้น เขาจะดูดซับปราณเหล่านี้ไปจนเพียงพอที่จะสลักอักษรอสูร...

ยามนี้ ภัยพิบัติได้มาเยือนเผ่าลั่วหยุน

ภายในวังของลู่ตู้เฉิน ชายชรานั่งหลับตาอย่างสงบ

ในนั้นมีกองทัพ 2 กอง หนึ่งนำโดยสตรีผู้งดงามในอาภรณ์ม่วง อีกหนึ่งนำโดยผู้เยาว์ในชุดคลุมทองคำ

พวกมันมาเพราะต้องการแผนของแดนสามในส่วนของชายชรา

“องค์ชายซูฉวน… สนมอสูรจื่อ ข้าได้ยกแผนที่ให้คนอื่นไปแล้ว ข้าไม่มีแผนที่อยู่กับตัวหรอก”

“ให้ลู่เป่ยหน่ะเหรอ?... ฮึ่ม! ตอนนี้มันกำลังทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ ต่อให้มันทะลวงได้สำเร็จ แผนที่ก็ไม่ควรอยู่กับมันอยู่ดี!” สนมอสูรจื่อกล่าว แม้วู่หยานจะห้ามปรามนาง แต่นางไม่ฟัง

นางอยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด นางไม่เห็นลู่เป่ยอยู่ในสายตา แม้วู่หยานจะเตือนนางอยู่หลายครั้งว่าอย่าแตะต้องลู่เป่ย แต่นางไม่สนใจ

“ลู่เป่ย? เจ้าคนที่สังหารลี่ป่านกับจินฉวนหน่ะเหรอ? เรื่องนี้ได้ยินไปถึงดูแดนสวรรค์อสูร พวกเขาโกรธมากจนทำให้ข้าต้องถูกตำหนิ… ข้าต้องฆ่ามันให้ได้! อีกไม่นานแผนที่ก็จะเป็นของข้า...”

องค์ชายซูฉวน เป็นบุตรชายของเทพกษัตริย์ฉู่ในโลกปีศาจ อายุ 1,200 ปี อยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด มันนับเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ไม่เป็นสองรองใคร

มันทรงพลัง และเอาชนะผู้เยาว์ที่โด่ดเด่นในโลกอสูรมามากมาย

แม้มันจะแข็งแกร่งกว่าสนมอสูรจื่อ แต่นางมีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่กว่า

องค์ชายซูฉวนเป็นเพียงองค์ชายของโลกอสูร แต่สนมอสูรจื่อ เป็นคนของตำหนักราชาอสูรในแดนสวรรค์อสูร

ดังนั้น มันจึงไม่กล้าล่วงเกินนาง

อีกอย่าง ลู่ตู้เฉินยังมีสนมอสูรวู่หยานคอยหนุนหลัง แม้มันอยากได้แผนที่ แต่มันไม่กล้าทำรุนแรง

“แต่ก็ช่างเถอะ ข้าไม่รีบร้อน… ข้ามีแผนที่ 3 ส่วน สนมอสูรจื่อมี 2 ส่วน เผ่าลั่วหยุนท่านมี 2 ส่วน เผ่าอัสนีมีอีก 2 ส่วน จะขาดก็แต่ส่วนสุดท้ายที่หายไปไหนไม่ทราบ แต่บางทีอีกไม่นานเราคงได้รู้ว่ามันอยู่ไหน… ผู้ที่จะเข้าสู่แดน 3 ได้นั้นมีจำกัด เราคงต้องต่อสู้ตัดสินผู้ที่จะเข้าไป...”

“องค์ชายหมายความว่ายังไง...” ลู่ตู้เฉินขมวดนิ้ว

“การจะเปิดประตูสู่แดนสามนั้น ต้องใช้โลหิตของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 50 คน หากเราจัดการประลองของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเพื่อชายผู้ชนะ แค่นั้นก็จะได้โลหิตที่เพียงพอแล้ว”

“ดี… ข้าเห็นด้วย!” ชายชราเห็นด้วย

ชายชราคิดว่า หากหนิงฝานทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณสำเร็จ เขาจะได้ไปดินแดนวิญญาณอสูร และเมื่อนั้นคงไม่มีใครชิงแผนที่ได้

สนมอสูรไม่พอใจ นางอยากเข้าแดนสามเพียงลำพัง… หากจะกล่าวเรื่องความแข็งแกร่ง นางย่อมไม่สองรองใคร แต่จะด้อยกว่าซูฉวนเพียงคนเดียวเท่านั้น

ส่วนองค์ชายซูฉวน มันเองก็มั่นใจว่าตนต้องเป็นที่ 1

“ข้ามีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง… หากองค์หายยอมรับ เผ่าของข้าจะเข้าร่วมประลอง”

“เงื่อนไขอะไร!” แววตาซูฉวนแปรเปลี่ยนเย็นชา

“ห้ามไม่ให้ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุดเข้าร่วมประลอง! ระดับสูงสุดที่จะเข้าประลองได้คือขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง!”

สนมอสูรจื่อแอบยิ้ม จริงอยู่ที่นางด้อยกว่าซูฉวน แต่หากกำหนดเงื่อนไขเช่นนี้ วู่หยานที่อยู่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงย่อมเข้าร่วมได้ นางเก่งกาจไม่แพ้ผู้ ย่อมมีโอกาสเป็นผู้ชนะ

หากวู่หยานชนะและได้แผนที่ทั้งหมดมา สนมอสูรจื่อย่อมพูดคุยกับวู่หยานไม่ยาก

เงื่อนไขนี้ทำให้ซูฉวนเสียเปรียบ มันจะกล้ารับหรือเปล่า?

“ได้! ข้ายอมรับเงื่อนไข!”

การประลองครั้งนี้สำคัญมาก ฝ่ายพวกมัน มีผู้นำเผ่าเพลิง ผู้นำเผ่าอัสนี และผู้นำวารีที่อยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง นอกจากนี้ยังมีหวางเซี่ยวที่กำลังสร้างร่างเนื้อใหม่อยู่ แต่ฝ่ายตำหนักราชาอสูรมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงอยู่เพียง 2 คนเท่านั้น

“ถ้าหวางเซี่ยวสร้างร่างเนื้อได้สำเร็จ เราก็จะมีโอกาสมากขึ้น...”

ข่าวการต่อสู้ครั้งใหญ่ได้แพร่ไปทั่วแดนสอง นี่เป็นโอกาสได้ครอบครองแผนที่แดนสาม และโอกาสในการเข้าสู่แดนสาม และนี่ก็เป็นโอกาสของหนิงฝานเหมือนกัน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด