GE270 การทดสอบเพื่อบรรลุตัดวิญญาณ (2) [ฟรี]
สายลมพัดพา ใบไม้ร่วงโรย แสงตะวันอาบไล้ ทุกสิ่งตื่นจากหลับไหล ชาวนาออกทำนาโต้ลมหนาว
เด็กน้อยห่อผ้าหนาจนดูคล้ายไข่ ใบหน้าแดงก่ำด้วยอากาศที่หนาวเย็นจนเกินไป
“ข้าหนาว...” เด็กคนหนึ่งกล่าว
ที่ขอบนอกของป่า มีโรงเรียนมุงด้วยจากหลังหนึ่งตั้งอยู่
ภายในห้องเก่าๆของโรงเรียน มีเสียงของเด็กหลายคนเล็ดลอดมา
“ณ จุดเริ่มต้นของเส้นทางเซียน ผู้คนไร้ชื่อเสียง แม้ก้าวขึ้นสู่แดนสวรรค์ ยังไร้ผู้คนนับถือ แต่จิตใจต้องหนักแน่นไม่หวั่นไหว มุ่งไปให้ถึงเป้าหมายที่หวัง...”
เด็กคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนอย่างสงบ ไม่ผลักประตูเข้าไป
ภายในห้องเรียนเก่าๆแห่งหนึ่ง อาจารย์ได้สอนให้เด็กๆได้อ่านตำรา
แต่เด็กคนที่ยืนอยู่หน้าประตู ได้แอบฟังถ้อยคำในตำราที่เด็กในห้องเรียนอ่านทุกเดือน มารดาของเด็กคนนี้ ได้มอบหมายให้เด็กคนนี้มาส่งไข่ เด็กคนนี้จึงฉวยโอกาสฟังถ้อยคำตำราและคำสอนไปด้วย ทั้งยังได้ถือโอกาสขออาจารย์ในโรงเรียนเป็นศิษย์
เด็กคนนี้ฉลาด มีปราณที่ทรงพลังไม่แพ้คนอื่นๆในหมู่บ้าน แต่น่าเศร้าที่อาจารย์ไม่รับตนเข้าโรงเรียนด้วย
“เหตุใดอาจารย์ถึงไม่รับข้า...” เด็กคนนั้นสงสัย
ในขณะเดียวกันที่เด็กคนนั้นขบคิด ภายในโรงเรียน เด็กคนหนึ่งก็กล่าวถามผู้เป็นอาจารย์
“ท่านอาจารย์ เหตุใดถึงไม่รับพี่หนิงฝานเข้าโรงเรียนด้วย”
เด็กคนนั้นมีนามว่าหนิงกู่ หนิงกู่คือสหายเพียงคนเดียวของหนิงฝานในหมู่บ้านตระกูลหนิงแห่งนี้
เมื่อหนิงกู่กล่าวขึ้น เด็กคนอื่นๆก็หยุดอ่านตำราและหันมองไปยังนอกหน้าต่าง ทั้งหมดเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังยืนรออยู่หน้าโรงเรียน
“วันนี้ก็ครบ 7 เดือนแล้ว ถ้าเขายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดข้าถึงไม่รับเข้าโรงเรียน เขาก็ไม่คู่ควรที่จะอยู่ที่นี่...”
ภายในโรงเรียน สตรีนางหนึ่งในอาภรณ์ม่วงยิ้มเล็กน้อย
นางมีผมยาวสลวยราวกับสายน้ำ ใบหน้างดงาม ที่หน้าผากมีศิลาเพลิงทองม่วงติดอยู่
“แต่อาจารย์… ข้าสงสารพี่หนิงจริงๆนะ...”
“เจ้ากับเขาต่างกัน… ให้เขายืนอยู่ตรงนั้นเถอะ ส่วนเจ้าก็ตั้งใจเรียนได้แล้ว...”
นางยื่นมือขาวนวลมาเขกหัวหนิงกู่เบาๆ นางไม่เคยทำร้ายเด็กๆ ไม่เคยดุด่า นั่นทำให้นางเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของแถบนี้
แม้เป็นเด็กๆจากหมู่บ้านอื่น ยังมาเป็นศิษย์ของนาง
นางเป็นผู้ที่ไม่ชอบชื่อเสียง ไม่ชอบมั่งคั่งโด่งดัง
เมื่อนางสั่งสอนหนิงกู่ไปแล้ว เด็กๆในห้องก็เริ่มอ่านตำราต่อ
หนิงฝานยังคงถือไข่ยืนอยู่หน้าโรงเรียน หมัดกำแน่น
“เขากับเจ้าต่างกัน… ให้เขายืนอยู่ตรงนั้นแหละ”
คำกล่าวของผู้เป็นอาจารย์ดังก้องในจิตใจ เขาขบฟัน ดูเหมือนครั้งนี้จะล้มเหลวอีกแล้ว
เหตุใดอาจารย์ไม่รับข้า… ข้ากับคนอื่นๆต่างกันยังไง...
บนหน้าผาแห่งหนึ่ง บุรุษผู้หนึ่งยืนเฝ้ามองหนิงฝานพลางขมวดคิ้ว
“ผู้เชี่ยวชาญมากมายติดอยู่ในเส้นทางนี้ ไม่รู้ว่าเด็กนี่จะก้าวผ่านมันยังไง… แต่หากมันเข้าใจภาพลวงตาเบื้องหน้า มันก็จะผ่านไปได้”...
หนิงฝานไม่รู้ว่าตนเองยืนอยู่นอกโรงเรียนนานขนาดไหน เขาพยายามหาเหตุผลว่าทำไมอาจารย์ถึงไม่รับตนเข้าเป็นศิษย์ และเขาแตกต่างจากคนอื่นยังไง
ยิ่งนานไป แววตาหนิงฝานยิ่งแปรเปลี่ยนลึกล้ำ
ในเวลาเดียวกันนั้น อาจารย์ที่อยู่ในโรงเรียนก็ยิ้ม “เขารู้แล้ว!”
แตกต่าง… สิ่งใดที่แตกต่าง
“”
เมฆดำค่อยๆปกคลุม ลมหนาวพัดผ่าน เมื่อเมฆดำก่อตัว ฝนก็โปรยปราย
หนิงฝานแหงนหน้ามองหยาดหยดที่ไหลรินจากท้องนภา แววตายิ่งแปรเปลี่ยนราวกับมีความเข้าใจมากขึ้น
“แตกต่าง… ข้าและคนอื่นๆทั้งหมดแตกต่างกัน โลกใบนี้ทุกคนแตกต่างกัน หยาดฝนก็แตกต่าง ฝนแต่ละเม็ดมีเจตจำนงค์เป็นของตัวเอง มีวิถีที่แตกต่างกัน… ในหมู่บ้านหนิงมีวิถีเรียนรู้เป็นของตน แต่สิ่งที่ข้าต้องการนั้น ที่นี่ไม่อาจให้ได้”
ยามนี้ หนิงฝานเริ่มเข้าใจคำกล่าวของอาจารย์
อาจารย์นางนั้นยิ้มอย่างพึงพอใจ นางออกมาหาหนิงฝาน และลูบหัวของเขาเบาๆ
“เจ้านำไข่กลับบ้านไปให้มารดาของเจ้า ส่วนเจ้ายามนี้ มีคุณสมบัติพอที่เข้าโรงเรียนแล้ว แต่ก่อนจะเข้านั้น ต้องผ่านการทดสอบเสียก่อน”
“การทดสอบ?” หนิงฝานงุนงง
“ใช่… ทดสอบ ในโลกมนุษย์ข้ามีแซ่ ‘ซุน’ แต่ข้ามีชื่อว่าอะไรนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้… ส่วนนามเซียนของข้าคือ ‘สื่อเซ่า’ ทุกคนเรียกข้าว่า ‘เทพเซียนสื่อเซ่า’”
หนิงฝานยืนนิ่ง ความทรงจำต่างๆหลั่งไหลราวกับสายน้ำหลาก
เขาเริ่มได้สติ… เริ่มรู้ว่าที่นี่คือภาพลวงตา...
แต่สตรีนางนั้น สื่อเซ่านางนั้น คือจักรพรรดิเซียนจริงๆ!
ดูเหมือนตนเองจะมีโอกาสได้ศึกษากับจักรพรรดิเซียนจริงๆ
“ข้าขอถามท่านจักรพรรดิเซียน...”
“เรียกข้าว่าอาจารย์เถอะ...”
“ข้าขอถามอาจารย์ ท่านคือภาพลวงตาหรือไม่?”
“ข้าไม่ใช่ภาพลวงตาและไม่ใช่ทั้งตัวจริง… เป็นสิ่งที่ข้าตรงกลางระหว่างถูกและผิด หากมีโอกาสเจ้าจะเข้าใจเอง… ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องรู้คือ เจ้าต้องกลับไปดูแลมารดาของเจ้า รักษาสุขภาพของท่านให้ดี เมื่อท่านหายดีแล้ว เจ้าถึงค่อยมาเรียนที่นี่… แต่หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าก็ไม่คู่ควร ไม่คู่ควรให้ก้าวไปยังเต๋าอันยิ่งใหญ่… ไปซะ...”
“ขอรับ!” หนิงฝานรับคำและรีบถือไข่วิ่งกลับไป
ฝนโปรยปรายแห่งใด แห่งนั้นก็เป็นจุดจบของหยาดฝน แต่น่าแปลก เมื่อหยาดฝนใกล้จะกระทบร่างหนิงฝาน พวกมันกลับเปลี่ยนวิถี
สื่อเซ่าที่จ้องมองหนิงฝาน พยักหน้าให้ด้วยความพึงพอใจ
“ผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์… ช่างเป็นผู้เยาว์ที่มากพรสวรรค์”
หลังจากผ่านม่านพิรุณโปรยไป ความเข้าใจที่เขามีก็ค่อยๆเพิ่มพูน
ภายในหมอกม่วงแห่งภาพลวงตา หนิงฝานพบว่าตนอยู่ในหมู่บ้านหนิงได้ 7 เดือน ซึ่งเวลาของโลกภายนอกผ่านไปเพียง 7 วัน
ในช่วงเจ็ดเดือนที่ผ่านมา ปราณดั้งเดิมของหนิงฝานยกระดับจาก 1015 เกราะ เป็น1085 เกราะ
“แค่ไม่กี่เดือน แต่ปราณยกระดับไปไม่น้อย”
หนิงฝานยืนนิ่ง อาจารย์สื่อเซ่า หรือเทพเซียนสื่อเซ่า ช่างเป็นผู้ที่ลึกล้ำ
หนิงฝานมองไม่ออกว่าอาจารย์ผุ้นั้นคือตัวจริงหรือภาพลวงตา เพราะตอนนี้ระดับพลังของหนิงฝานยังห่างไกลกับนางเกินไป
เขาเพียงความงดงามของนาง เห็นเพียงว่านางเป็นเซียนที่ยิ่งใหญ่ จนตนเองก็ปรารถนาที่จะเป็นเช่นนั้นด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น เส้นทางที่นางก้าวผ่านกลับไม่มีใครไปถึง
ผู้ที่เป็นจักรพรรดิเซียนนั้นทรงพลัง ยิ่งขอบเขตพลังสูงส่ง สัมผัสรับรู้ก็ยิ่งเฉียบคม...
สะพาน 10 ก้าวให้บางสิ่งกับหนิงฝาน ให้เขามีโอกาสได้เห็นมารดา ได้รู้ว่ามีจื่อเฮ่อข้างกาย
และเทพเซียนสื่อเซ่า ยังให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยบางอย่าง… “ท่านแม่...”
ความเศร้าโศกเสียใจเปรียบเสมือนภาพลวงตา
เมื่อหัวใจเจ็บปวด แตกสลาย หากก้าวผ่านมันไปได้ จิตใจก็จะยิ่งแข็งแกร่ง
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้...”
ความเข้าใจนี้ได้สลักลึกลงไปในใจของหนิงฝาน
หนิงฝานยืนอยู่นอกบ้าน จ้องมองมารดาที่กำลังง่วนอยู่กับการดูแลไก่ในเล้า
เมื่อฝนหยุดตก…
“ทำไมฝนจึงหยุดตก? ฝานเอ๋อร์เจ้ากลับมาแล้วเหรอ? เรื่องอาจารย์เป็นยังไงบ้าง...”
มารดาของหนิงฝานชื่อ ‘หนิงเฉียน’ เมื่อครู่นางตากฝนจนเปียกปอน
“ทำไมเจ้าถึงถือไข่กลับมา อาจารย์ไม่รับเจ้าเหรอ?!”
“เปล่า… อาจารย์รับข้าแล้ว แต่ท่านอยากให้ข้ากลับมาจัดการเรื่องที่บ้านก่อน”
“จัดการเรื่องที่บ้าน? น่าแปลก เด็กคนอื่นๆที่อายุเท่าเจ้าได้เข้าเรียนกันหมดแล้ว ทำไมจึงให้เจ้ากลับมา?” หนิงเฉียนกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“เพราะข้าและคนอื่นๆต่างกัน!” แววตาหนิงฝานเปล่งประกาย
8 ปีผ่านไปในพริบตา
ในช่วงแปดปีนี้ หนิงฝานไม่ได้กล่าวถึงเรื่องโรงเรียน เขาตั้งใจช่วยงานที่บ้าน ช่วยทำไร่
หนิงฝานช่วยทำงานทุกอย่างเพื่อให้หนิงเฉียนสบาย ยามนี้ เขาไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปในหมู่บ้าน
ยามนี้หนิงฝานอายุได้ 16 ปี แม้เขาจะมีร่างกายผอมบางกูอ่อนแอ แต่เขาช่วยถากถางที่ดิน สร้างพื้นที่เพาะปลูกกว้างขวางให้ผู้เป็นมารดา
ยามนี้ ทุกสิ่งได้เตรียมการไว้จนเกือบจะพร้อมสรรพ นางมีเวลาว่างออกไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านมากขึ้น
เวลาล่วงเลยมา 96 เดือนในความรู้สึก แต่โลกภายนอกได้ผ่านไปเพียง 96 วัน
ในช่วงนี้ ในหมู่บ้านหนิงกำลังมีบุคคลที่กำลังออกหาสตรีที่งดงาม ทาบทามและขอแต่งาน
ในโลกของภาพลวงตา นอกจากมารดาหนิงฝานยังมีจื่อเฮ่อ ยามนี้นางอายุได้ 14 ปี เป็นสตรีผู้มีใบหน้างดงามเปล่งปลั่ง และเป็นที่รู้จักในหมู่บ้าน
แม้สถานะทางบ้านของนางจะยากจน แต่นางก็มีความสุข และครองตนมาได้เป็นอย่างดี
บุคคลที่ออกหาคู่มีนามว่าหวู่ตงหนาน มันมาจากตระกูลที่ร่ำรวย และเตรียมสินสอดเพื่อมาขอจื่อเฮ่อแต่งงาน การที่มีบุคคลร่ำรวยมาทาบทามบุตรสาว ครอบครัวของจื่อเฮ่อย่อมไม่มีเหตุให้ต้องปฏิเสธ
ยามนี้ จื่อเฮ่ออยู่ที่บ้าน นางหลบหลังหนิงเฉียนด้วยความกลัว จนทำให้หนิงเฉียนที่เห็นถอนหายใจ
“ท่านป้า… จื่อเฮ่อไม่อยากแต่งงานกับหวู่ตงหนาน! ข้าอยากแต่งงานกับพี่ฝาน!”
“เด็กน้อย หวู่ตงหนานเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวย เจ้าได้เป็นสะใภ้ของบ้านนั้น ดีกว่าได้เป็นสะใภ้ครอบครัวจนๆของข้าเป็นไหนๆ”
“ใครบอกพี่ฝานยากจน พี่ฝานถากถางที่ทางมากมายจนร่ำรวยที่ดิน ถ้าข้าแต่งงานกับพี่ฝาน พวกข้าก็จะมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต!” จื่อเฮ่อขดปาก คำกล่าวของนางทำให้หนิงเฉียนยิ้ม
จื่อเฮ่ออยากแต่งงานกับหนิงฝานมาก
หนิงเฉียนรู้ว่าจื่อเฮ่อไม่ได้รักที่สมบัติของหนิงฝาน เพราะไม่อย่างนั้น นางคงเลือกหวู่ตกหนานไปแล้ว
“เด็กน้อย… เจ้านี่เบาปัญญาจริงๆ เช่นนั้น ไว้หนิงฝานกลับมาข้าจะให้เขาเตรียมของขวัญไปสู่ขอเจ้า! หากหวู่ตงหนานยังตามรังควาน ข้าจะหาทางจัดการเอง”
“ไม่จำเป็นหรอก...”
นอกประตูมีเสียงของหนิงฝานดังมา เขาขี่วัวแบกท่อนฟืนกลับมา
“หวู่ตงหนานไม่กล้าสร้างปัญหาหรอก!”
“จื่อเฮ่อเป็นภรรยาข้า ไม่ว่าใครก็ช่วงชิงไปไม่ได้!”
เมิ่งชวนสื่อขมวดคิ้ว ในอดีตชายชราอยู่ในโลกภาพลวงตาได้ไม่นานนัก
แต่ยามนี้ หนิงฝานได้ก้าวข้ามชายชราไปแล้ว!
สิ่งที่ทำให้ชายชราสงสัย คือเหตุใดยามนี้หมอกสีม่วงที่ปกคลุมหนิงฝาน ถึงได้มีสีทองปะปนเข้ามา
ความรู้สึกที่ชายชราได้รับจากหมอกม่วงทอง ทำให้ชายชราอยากจะเคารพหนิงฝาน
“หมอกม่วงนี้ทรงพลังมาก… มันอยู่ระดับไหนกัน… หรือจะเป็นเทพเซียน เทพเซียนสื่อเซ่า!”