ตอนที่ 237 การโจมตีด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ (ฟรี)
“บุก!”
หลงเฉินแผดเสียงร้องดังกังวานไปทั่วทุกสารทิศประดุจสายอัสนีบาตรลงมาท่ามกลางหมู่คนนับพัน ภายในจิตใจของเขาไม่ได้ชมชอบวิธีการป่าวประกาศออกไปอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ที่เขาชื่นชอบกลับเป็นช่วงเวลาที่ผู้อื่นยังไม่ทันรู้ตัวก็ถูกตัดศีรษะไปแล้วมากกว่า
ทว่าการเปิดศึกในครั้งนี้จำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวให้พลทหารเหล่านั้นทราบว่าเขาและพวกพ้องเป็นมิตรที่กำลังจะเข้ามาช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นคงจะเกิดการเข้าใจผิดอย่างมหันต์จนนำไปสู่ความโกลาหลแน่นอน
ในขณะที่หลงเฉินกำลังพุ่งทะยานไปสู่วงต่อสู้เบื้องหน้าก็ได้ถูกศิษย์ฝ่ายอธรรมขวางทางเอาไว้ “เคี๊ยกเคี๊ยกเคี๊ยก……พรวด”
เสียงหัวเราะของคนผู้นั้นดังขึ้นมาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจก็เงียบสงัดลงไปในทันที หลงเฉินที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงประดุจลูกศรที่ออกจากคันธนูก็ได้กวาดดาบยาวตัดไปที่ศีรษะของศิษย์ฝ่ายอธรรมอย่างไร้ความปราณี
“เคี๊ยกๆ มารดาเจ้าสิ น่ารำคาญยิ่งนัก” หลงเฉินกล่าวแล้วเก็บศีรษะที่กำลังทอสีหน้าแตกตื่นเข้าไปในแหวนมิติอย่างรวดเร็ว
ศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้นั้นได้ถูกพลังการฝึกยุทธ์ของหลงเฉินหลอกลวงเข้าไปเต็มเปา แม้แต่ตอนที่หัวเราะขึ้นมาก็ยังไม่สุดเสียงแล้วจู่จู่ก็ถูกตัดศีรษะไปโดยไม่ทันได้ทราบว่าเกิดอันใดขึ้น
“พลทหารทั้งหมดถอยออกไปก่อนเถิด ที่นี่ปล่อยให้พวกเราจัดการเอง”
หลงเฉินตะโกนขึ้นมาเสียงดังเมื่อเห็นพลทหารค่อยๆ ถูกเข่นฆ่าโดยยอดฝีมือฝ่ายอธรรมที่แข็งแกร่งกว่า พลันก็วิ่งตะบึงไปทางด้านหน้าด้วยรังสีสังหารอันคลุ้มคลั่ง
เมื่อสิ้นเสียงดังกังวานของหลงเฉิน เหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมต่างก็ทอสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความชิงชังกลับมา พลันก็พุ่งทะยานเข้ามาหาหลงเฉินด้วยความเคียดแค้น “เจ้าพวกฝ่ายธรรมะโง่งม จงฟังเอาไว้ให้ดี ข้าคือ……”
เสียงคำรามนั้นดังขึ้นมายังไม่ทันจะจบประโยค ดาบยาวในมือของหลงเฉินก็ฟันเข้าไปที่ใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างหนักหน่วงจนศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้นั้นแตกตื่นขึ้นมายกใหญ่ นี่เขาจะต้องตายไปก่อนที่จะได้เอ่ยนามของตัวเองออกไปอย่างนั้นหรือ?
แววตาสั่นไหวจ้องมองไปที่ดาบยาวของหลงเฉินจนเกิดอาการขนลุกชูชันขึ้นมาเป็นสาย เขาสัมผัสได้ถึงหายนะที่กำลังคุกคามพลังชีวิตของตัวเองจึงรีบยกดาบจันทร์เสี้ยวขึ้นมาต้านการโจมตีนั้นเอาไว้ฉับพลัน
“เคร้ง”
“พรวดพรวด”
ดาบยาวกวัดแกว่งไปมาไม่หยุด และดาบจันทร์เสี้ยวก็แทบไม่มีผลกับการจู่โจมของหลงเฉินเลยแม้แต่น้อย คมคมดาบเพียงมุ่งหน้าไปที่คอของคนผู้นั้นจนศีรษะลูกหนึ่งลอยขึ้นสู่ฟากฟ้าสีแดง
“ต่อให้มารดาของเจ้าจะเป็นยอดมนุษย์มาจากแห่งหนใด ข้าก็ไม่สนใจ” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลังจากที่หลงเฉินสังหารศิษย์ฝ่ายอธรรมไปแล้วถึงสองคน ถังหว่านเอ๋อและพวกพ้องก็ได้พุ่งทะยานตามขึ้นมาอย่างไม่ลดละ ทว่าคำสั่งของหลงเฉินคือให้เขามุ่งหน้าเป็นศูนย์กลางประดุจลูกศรดอกหนึ่ง
ศิษย์ฝ่ายอธรรมเหม่อมองไปทางด้านหน้าด้วยสีหน้าหวาดหวั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นศิษย์ฝ่ายธรรมะกำลังมุ่งหน้าเข้ามาอย่างไม่ลดละ
ชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมสูงคล้ายกับกระบอกไม้ไผ่ทอสีหน้าแข็งทื่อประดุจซากศพก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า “เบื้องหน้าของพวกเราคือศิษย์ฝ่ายธรรมะ พวกเจ้าจงเข่นฆ่าพวกมันอย่างสำราญใจเถิด คิดเสียว่าพวกมันเป็นสุกรอ้วนพีที่พร้อมจะสละโลหิต เนื้อหนัง และจิตวิญญาณแก่พวกเรา จงสังหารพวกมันให้สิ้นซาก!”
เมื่อสิ้นเสียงของผู้นำทัพ ผู้คนทั้งหมดของฝ่ายอธรรมก็ได้แผ่รังสีสังหารขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ได้แยกย้ายกันออกไปด้วยใบหน้าแยกเขี้ยวยิงฟันประดุจสัตว์ร้ายกำลังหิวกระหายเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าในขณะที่ศิษย์ฝ่ายอธรรมกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งทะยานร่างออกไปก็เกิดอาการตกใจขึ้นมายกใหญ่เมื่อเห็นแววตาของศิษย์สายตรงที่นำทัพธรรมะบุกเข้ามา ดวงตาคู่คมที่มีประกายเพลิงลุกโชนขึ้นมาไม่หยุด
บุคคลที่อยู่ท่ามกลางหมู่คนมากมายกำลังทอสีหน้าเยือกเยียบจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างไร้ซึ่งความยินดีและความหวาดกลัว อีกทั้งดาบยาวในมือยังหอบพายุหมุนอันบ้าคลั่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ลี้ลมทลาย”
คลื่นพายุขนาดมหึมาสายหนึ่งปะทะเข้ามาบนร่างกายของศิษย์ฝ่ายอธรรมกลุ่มนั้นประดุจมังกรสะบัดหางอย่างรุนแรง
“พรวด พรวด พรวด พรวด……”
หลังจากที่หลงเฉินเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตขั้นที่สิบสามได้แล้ว นอกจากพลังฝีมือที่เพิ่มพูนสูงขึ้นก็มีพลังลมปราณที่เข้าสู่ระดับสูงสุดด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยพลังทำลายเพียงดาบเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายสะท้านไปทั่วทั้งฟ้าดินได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นพลังสภาวะที่รุนแรงกว่าเดิมหลายสิบเท่า
เพียงกวาดคมดาบยาวออกไปครั้งเดียวก็สามารถตัดผ่านเงาร่างกว่าสิบสายไปได้ในพริบตา โลหิตสีแดงชาดสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งผืนฟ้าพร้อมกับเนื้อหนังที่แหลกสลายกลายเป็นเนื้อบด กลิ่นคาวอันรุนแรงคุกรุ่นไปทั่วบริเวณนั้นจนทำให้หลงเฉินรู้สึกได้ว่าหยาดโลหิตภายในร่างกายกำลังเดือนพล่านขึ้นอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งบนร่างกายยังเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่หนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อคมดาบสายแรกถูกฟันออกไปแล้วคมดาบที่สองก็หอบสายลมพวยพุ่งตามออกไป แล้วทันใดนั้นศิษย์ฝ่ายอธรรมอีกกว่าสิบคนก็ถูกฟันจนศีรษะลอยกระเด็นออกไปคล้ายกับดาวเคราะห์ขนาดใหญ่กำลังลอยคว้างอยู่กลางเวหา
“ตายซะ!”
การโจมตีของหลงเฉินเป็นการเปิดฉากต่อสู้ที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นถังหว่านเอ๋อ กู่หยาง และศิษย์สายตรงคนอื่นก็นำพาผู้คนภายในขุมกำลังของตนเข้าห้ำหั่นศัตรูที่โจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ภายในจิตใจของศิษย์ฝ่ายอธรรมเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขาไม่คิดว่าทางหมู่ตึกของฝ่ายธรรมะจะมีศิษย์สายตรงมากมายถึงเพียงนี้ แผนการที่ตระเตรียมมาจึงเรียกได้ว่าผิดพลาดอย่างมหันต์เลยทีเดียว
“อ๊าก……”
ทันทีที่ศิษย์ทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นมาไม่ขาดสายประดุจถูกสว่านเจาะเข้าไปยังโสตประสาทจนทำให้ผู้คนมากมายเกิดอาการปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมา เพียงพริบตาเดียวก็แทบจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปทั้งหมด
“โจมตีด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณอย่างนั้นหรือ?”
หลงเฉินเกิดอาการตกใจขึ้นมายกใหญ่ เหตุการณ์ที่เขากำลังพบพานอยู่นี้เป็นการโจมตีที่แปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด ไม่ใช้พลังฝีมือเข้าต้านทานการโจมตีทว่ากลับใช้พลังแห่งจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งทานรับคมดาบเอาไว้
ถึงแม้ว่าการจู่โจมเหล่านั้นไม่อาจส่งผลกระทบต่อหลงเฉิน ถังหว่านเอ๋อ เยี่ยจื่อชิว และศิษย์สายตรงที่มีพลังแห่งจิตวิญญาณแข็งแกร่งอย่างไร้ขีดจำกัดได้ ทว่าพลังสภาวะเช่นนั้นกลับได้ผลกับผู้คนที่เหลืออยู่ทั้งหมด
แม้แต่กู่หยางที่เป็นถึงศิษย์สายตรงก็ยังถูกการโจมตีนั้นทำให้ตกอยู่ในสภาวะเฉื่อยชาในทันที เพราะว่าเขามีพลังแห่งจิตวิญญาณอ่อนแอที่สุดในหมู่ศิษย์สายตรง
เมื่อตกอยู่ในความงุนงงสับสน กู่หยางจึงเกือบจะถูกดาบจันทร์เสี้ยวของศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งฟันเข้ามาที่คอ โชคยังดีที่เหร่ยเชียนซังตามประกบอยู่ข้างกายก็ได้กระตุ้นพลังแห่งอัสนีบาตตัดผ่านคอหอยของคนผู้นั้นจนตายตกไปในทันที
ส่วนผู้คนที่เหลือก็ได้ต้องกระบวนท่านั้นเข้าไปจนตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถเช่นกัน ทว่าพวกเขายังมีศิษย์สายตรงคอยคุ้มกันอยู่ในแนวหน้า ฉะนั้นพวกเขาก็ยังพอจะมีเวลาเรียกปฏิกิริยากลับคืนมาได้ เพราะการโจมตีด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณเหล่านั้นเป็นเพียงเคล็ดวิชาที่อยู่ได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
และในขณะนี้เมื่อพลังแห่งจิตวิญญาณของฝ่ายอธรรมเริ่มผ่อนปรนลงไปเป็นอย่างมากแล้ว ผู้คนฝ่ายธรรมะทั้งหมดก็ได้กวัดแกว่งอาวุธในมืออันคมกล้าตัดผ่านเงาร่างนับหลายร้อยสายจนล้มระเนระนาดไปในพริบตาเดียว
“อาหมาน ไปจัดการกับเจ้าคนหน้าตายผู้นั้นกัน”
หลงเฉินทราบดีว่าการโจมตีด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณเช่นนี้ย่อมไม่มีผลกับอาหมานเลยแม้แต่น้อย พลันก็รีบชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมสูงที่กำลังถือธงเรียกวิญญาณอยู่ในมือแล้วบอกกล่าวต่ออาหมาน
“พี่หลง ข้าสามารถใช้อาวุธได้แล้วหรือ?” อาหมานที่วิ่งตามหลงเฉินมาโดยตลอดลอบถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
“ใช้ได้ แล้วก็บุกไปสังหารคนเหล่านั้นพร้อมกับข้า” หลงเฉินกล่าว
“ได้เลยพี่หลง” อาหมานตอบรับด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พลันก็ล้วงเขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นเขาก็กวัดแกว่งอาวุธไปมากลางอากาศจนแหวกสภาวะรอบด้านออกเป็นเส้นสายนับร้อย
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
อาหมานวิ่งตะบึงไปยังเบื้องหน้าอย่างบ้าคลั่งจนศิษย์ฝ่ายอธรรมทั้งหมดทอสีหน้าแตกตื่นมองมาที่อาหมาน ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอกับเครื่องบดเนื้อในร่างมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
เขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาของอาหมานกวัดแกว่งไปทุกสารทิศจนผู้คนมากมายของฝ่ายอธรรมแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปในทันที
“แนวหน้าให้อยู่เบื้องหน้า ส่วนแนวหลังให้ถอยออกไปอีกระยะหนึ่ง คุ้มกันซึ่งกันและกัน และตั้งรูปขบวนเช่นนี้บุกเข้าไปเรื่อยๆ”
หลงเฉินตะโกนเสียงดังในขณะนี้ที่สัมผัสได้ว่าฝ่ายอธรรมกำลังใช้พลังฝีมือที่แปลกประหลาดเข้าควบคุมกองทัพของพวกเขาอยู่ ฉะนั้นจึงไม่อาจให้ผู้คนทั้งหมดบุกจู่โจมเข้ามาอย่างผลีผลาม
อีกทั้งเมื่อครู่นี้ก็ได้มีศิษย์กว่าสิบคนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทว่ากลับไม่สาหัสมากนัก พวกเขาเหล่านั้นต่างก็ร่นถอยหลังไปให้ผู้รักษาของศาลาการแพทย์ทำการรักษาอาการบาดเจ็บ เพราะถ้าหากผู้คนได้รับบาดเจ็บจนล้มตายไปมากมายคงจะไม่ดีต่อคนที่เหลืออย่างแน่นอน
ศิษย์ฝ่ายธรรมได้จัดรูปขบวนมุ่งหน้าบุกเข้าไปอย่างไม่ลดละ ทว่าฝ่ายอธรรมกลับแยกย้ายกันต่อสู้เป็นกลุ่มก้อนจึงทำให้ผู้คนเหล่านั้นถูกรุมโจมตีจนตายลงไปเป็นฉากๆ
ที่น่าหวาดผวามากที่สุดในสายตาของฝ่ายอธรรมเห็นจะเป็นการปรากฏตัวของอาหมานที่พุ่งทะยานร่างเข้าสู่ใจกลางของกองทัพฝ่ายอธรรมแต่เพียงผู้เดียว อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานพลังสภาวะบนร่างกายและเขี้ยวหมาป่าด้ามนั้นได้เลยแม้แต่น้อย
และเพียงพริบตาเดียวเงาร่างขนาดใหญ่ก็ได้มุ่งหน้าไปจนถึงเบื้องหน้าของชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมสูงที่กำลังถือธงเรียกวิญญาณอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หลงเฉินได้สำรวจไปโดยรอบแล้วก็พบว่าการโจมตีด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณของชายหนุ่มผู้นี้มีความแข็งแกร่งที่สุด หากจัดการเขาได้ก็คงทำให้ฝ่ายของเขาปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เมื่อชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมสูงเห็นอาหมานตรงดิ่งเข้ามาก็ได้ส่งเสียงดังชิอย่างเย็นชา ดวงตาทั้งสองทอประกายเปลวเพลิงประหลาดขึ้นมาสายหนึ่ง
เปลวเพลิงสายนั้นคือหนึ่งในวิชาลับของสำนักมาร พวกเขาเรียกขานมันว่าดวงตาเพลิงวิญญาณลุ่มหลง ขอเพียงคนผู้นั้นมีพลังแห่งจิตวิญญาณที่อ่อนแอ หากได้จ้องมองเข้าไปก็จะต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความเพ้อฝันในทันที จากนั้นคนผู้นั้นก็จะถูกสังหารอย่างไร้ซึ่งความปราณีในที่สุด
ส่วนธงเรียกวิญญาณนั้นคือสิ่งที่ดูดซับความเกลียดชังภายในตัวของมนุษย์เข้าไปผนึกรวมอยู่ในธง ยิ่งคนที่ตายไปมีความแข็งแกร่งมากก็จะยิ่งหลงเหลือความเกลียดชังมากขึ้นไปด้วย ด้วยเหตุนี้การสังหารผู้คนด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมจึงเปรียบเสมือนการฝึกฝนชนิดหนึ่งนั่นเอง
อีกทั้งพวกเขาทั้งหมดก็ได้ฟังเรื่องราวของฝ่ายธรรมะจากปากของเหล่าผู้อาวุโสพรรคมารว่าศิษย์ฝ่ายธรรมะนั้นเป็นพวกขลาดเขลาเบาปัญญา ถึงแม้จะมีพลังการฝึกยุทธ์ที่สูงส่ง ทว่าก็ไม่อาจต่อสู้ได้อย่างแท้จริง พวกธรรมะทั้งหมดจึงไม่ต่างไปจากสุกรอ้วนพีกลุ่มหนึ่งเลยแม้แต่น้อย
และในขณะนี้เบื้องหน้าของเขากลับเป็นถึงคชสารตัวใหญ่ยักษ์ที่สามารถกินคนนับร้อยเข้าไปได้ไม่หยุดกำลังวิ่งตะบึงเข้ามาก็ยิ่งทำให้จิตใจของเขาเกิดอาการลิงโลดขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ หากสามารถสังหารคนผู้นี้ลงได้ แน่นอนว่าความเกลียดชังของคนผู้นี้จะต้องแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังทำให้พลังการฝึกยุทธ์ของเขารุดหน้าอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
ภายในแววตาที่มีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาอย่างรุนแรงก็ได้จดจ้องไปที่อาหมานอย่างเอาเป็นเอาตาย อีกทั้งบนร่างกายยังปะทุพลังสภาวะสีโลหิตขึ้นมาจนถึงขีดสุดกลายเป็นพลังแห่งจิตวิญญาณที่ไร้รูปร่างแผ่กระจายไปที่ร่างของอาหมานอย่างรวดเร็ว
ทว่าทันใดนั้นเองชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมสูงก็ได้ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เพราะแม้จะเบิกดวงตาจนลูกตาแทบจะถลนออกมาก็ยังไม่อาจหยุดการเคลื่อนไหวของอาหมานที่กำลังยกเขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมามาทางเขาได้เลย
“กล้าจ้องหน้าข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าจะทุบเจ้าให้ตายคามือเลย!”
.
ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา <<< (ถึงตอนที่ 726 แล้วครับ)