GE268 ผีเสื้อ [ฟรี]
เป่ยลี่ยกมือขาวนวลของตนกุมไว้ที่หน้าอก เป็นครั้งแรกที่นางตกตะลึงขนาดนี้
ลั่นระฆัง 11 ครั้งต่อเนื่อง!
นางมั่นใจว่าหนิงฝานสามารถลั่นระฆังได้ถึง 19 ครั้ง
แต่ยามนี้ สิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็ปรากฏ หนิงฝานสามารถสร้างเงาของจักรพรรดิเงาได้ ทั้งยังใช้อำนาจาของจักรพรรดิเงาในการลั่นระฆัง
หากนางไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน ลมปราณของนางอาจถึงขั้นปั่นป่วน นางพยายามควบคุมลมหายใจเพื่อทำให้ปราณตนเองสงบ
“ยังไม่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ… สร้างเงาของจักรพรรดิเงา… ข้ามสะพาน 10 ก้าว… ใช้วิชาในระดับไร้แบ่งแยกสลายร่างของตน… นี่มันปีศาจชัดๆ”
หนิงฝานไม่รู้ว่านางกำลังตกตะลึง แต่ยามนี้ ตัวเขาได้กลายเป็นที่ต้องตาของนางไม่น้อย
แต่หนิงฝานไม่สนใจ เขาสนใจเพียงระฆังทอง สนใจเพียงเงาภาพเบื้องหน้าที่เห็น
“ภาพนั่นคืออะไรกันแน่...”
“ภาพแห่งชีวิต!” เสียงของหลั่วโยว่ดังออกมาจากสร้อยหยินหยาง
“ภาพแห่งชีวิต?” หนิงฝานตกตะลึง “แม่นางหลั่วโยว่ เวลาที่ข้าต้องการใคร ท่านก็มักจะตื่นมาเสมอ”
“ที่จริงข้าอยากนอนต่ออีกสักหน่อย แต่เสียงระฆังของเจ้าทำให้ข้าตื่น… ข้าจดจำระฆังทองคำได้ ในอดีตตอนที่ข้าบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ข้าเคยได้ลั่นมันกับมือ... แต่ด้วยที่ข้าเข้าสู่นิทรามานาน ทำให้ข้าเกือบจะลืมมันไปแล้ว”
น้ำเสียงที่เศร้าหมองของนาง จู่ๆก็ฟังดูมีชีวิตชีวา
“น้องชาย นี่เจ้ากำลังจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณเหรอ… ในอดีต ข้าลั่นระฆังได้ต่อเนื่องแค่ 10 ครั้ง แต่เจ้าลั่นได้ถึง 11 ครั้ง...”
“10 ครั้ง?” หนิงฝานประหลาดใจ ตนเองต้องพึ่งพาอานุภาพของจักรพรรดิเงา จึงจะลั่นระฆังได้ 11 ครั้ง นับว่านางแข็งแกร่งมาก
“ขนาดสุดท้ายข้าลั่นระฆังได้ถึง 24 ครั้ง ข้ายังไม่เห็นภาพแห่งชีวิต… ไม่มีใครเคยได้เห็นภาพนั้น ภาพนั้นเป็นเหมือนตำนาน แต่เจ้ากลับมองเห็น แม้จะแค่ชั่วพริบตาก็น่าตกตะลึงแล้ว… เจ้าอยากเห็นภาพชัดๆหรือเปล่า?”
“ท่านรู้วิธีเหรอ?” หนิงฝานหัวเราะ นางมักจะตื่นขึ้นมาในยามที่หนิงฝานคับขันเสมอ
“รู้สิ… แต่จะได้ผลหรือเปล่าข้าก็ไม่มั่นใจ”
“บอกข้ามาเถอะ ข้าอยากเห็นนางชัดๆ”
“วางค้นในมือลง พยายามเข้าใกล้ระฆังได้ให้มากที่สุด แล้วเหวี่ยงหมัดใส่ระฆังให้เต็มแรง! วิธีนี้คือวิธีโบราณที่ยังไม่เคยมีใครลองมาก่อน แต่เจ้าน่าจะทำได้”
เสียงัวเงียของนางหายไป เหมือนกับยามนี้นางเต็มที่แล้ว
หนิงฝานนิ่งเงียบ จ้องมองระฆังและนึกถึงภาพของสตรีเมื่อครู่
แม้จะเห็นเป็นจื่อเฮ่อ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเหว่ยเหลียง… มันหมายความว่ายังไง
“จื่อเฮ่อ..” หนิงฝานโคจรพลังอัดแน่น สองตาลืมขึ้นและปล่อยค้อนในมือลง
เป่ยลี่เฝ้ามองด้วยความสงสัย เหตุใดหนิงฝานถึงไม่ลั่นระฆังต่อ เหตุใดเขาถึงทิ้งค้อนในมือ หรือเขาจะพอแล้ว?
แต่หากมองอีกมุม การที่เขาลั่นระฆัง 11 ครั้งซ้อนจนทำให้จิตใจบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง แค่นั้นก็ถือว่าพอแล้ว
นางแอบผิดหวัง นางคาดหวังให้เขาลั่นระฆังมากกว่านี้ เพราะเขาจะได้กลายเป็นคนแรกในตำนาน ที่ลั่นระฆังได้มากขนาดนั้น
แต่นางผิดหวังได้ไม่นาน สีหน้านางก็แปรเปลี่ยนอีกครั้ง
นางเห็นหนิงฝานก้าวเข้าหาระฆัง พ้นเข้าไปในระยะ 3 จ้าง!
“นอกจากเซียนแล้วไม่มีใครเข้าใกล้ระฆังได้ขนาดนั้น เขาทำได้ยังไง”
หนิงฝานรู้สึกราวกับมีขุนเขาขนาดยักษ์กดทับที่บ่า แค่ก้าวเดินไปอีกก้าว เขาก็รู้สึกราวกับมีภูเขากดทับ 2 ลูก
“เพิ่มพลัง!”
แรงกดดันของหนิงฝานเปลี่ยนไป ร่างกายกลายเป็นเหมือนวังวนดูดซับเอาปราณที่อยู่รอบกายเข้ามา
แรงกดดันที่หนิงฝานได้รับค่อนๆอ่อนลง แต่แรงกดดันของของเขาค่อยเพิ่มพูน จากขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง เคลื่อนไปยังขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด กระทั่งเคลื่อนไปกึ่งไร้แบ่งแยก
แต่เมื่อบรรลุถึงระดับนี้ แรงกดดันของเขาก็ไม่เพิ่มขึ้นอีก
การที่ดูดซับปราณเซียนของที่นี่เข้าไป ทำให้กลิ่นอายของหนิงฝานเปลี่ยนไป ตนเขากลายเป็นเหมือนเซียนคนหนึ่ง ปราณดั้งเดิมในร่างที่ไม่ได้เพิ่มพูนมานาน ค่อยๆยกระดับช้าๆ จากปราณไร้สีกลายเป็นปราณสีม่วง
หนิงฝานสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า การที่ดูดซับปราณเซียนเข้าไป ทำให้โชคชะตาของตนเปลี่ยนไป จากสีดำกลายเป็นสีเขียว จากเขียวเป็นคราม และกลายเป็นสีม่วงอมดำ
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ปราณสีม่วงอมดำก็หมุนวน แบ่งออกเป็นโชคชะตาสองสาย หนึ่งดำ หนึ่งม่วง...
“ปราณสองสาย!”
หนิงฝานประหลาดใจ การดูดวับปราณเซียน นอกจากจะทำให้โชคชะตาของเขาดีขึ้น มันยังแบ่งออกเป็นสองสายด้วย
หากไปพูดให้ผู้ใดฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ แต่มันก็มีอยู่จริง
ในขณะเดียวกัน สร้อยหยินหยางของหนิงฝานก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
ยามนี้ หนิงฝานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสร้อยหยินหยาง แต่เหตุที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะปราณเซียนที่ดูดซับเข้ามา
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง
แต่ทำไมโชคชะตาของหานหยวนจี๋ถึงกลายเป็นสีดำ หรือเป็นเพราะชายชราถูกลิขิตให้เป็นแบบนั้น
โชคชะตาเป็นผลให้เกิดสิ่งต่างๆ เมื่อครั้งที่หนิงฝานสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำไปมากมาย เขาไม่ได้ผลไม้แห่งเต๋าแม้แต่ลูกเดียว… แม้จะมีหญ้าจักรพรรดิหยกอยู่ในเมืองฉีเหม่ย แต่หนิงฝานก็ยังไม่ทราบ… แม้สร้อยหยินหยางเกิดการเปลี่ยนแปลงเขาก็ยังไม่รู้… ในการปรุงโอสถผันแปรที่ 4 เขาก็ล้มเหลวไปหลายครั้ง
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่โชคชะตาของเขากลับผิดไปจากทั่วไป
แม้โชคชะตาจะเป็นสีดำ แต่เขาก็ไม่ได้โชคร้ายถึงขนาดนั้น
อย่างน้อยถ้าเป็นนักปรุงโอสถคนอื่นอาจจะล้มเหลวในการปรุงโอสถมากกว่าเขาก็ได้
“ไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ!”
หนิงฝานตัดสินใจก้าวเท้าออกไปอีก 1 ก้าว! แม้ตงสู่จะเคยกล่าวว่า การทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณจะทำให้เขาต้องตาย แต่เขาไม่สนใจ
โชคชะตาสีดำและสีม่วง เปรียบเหมือนดีกับเลว งดงามและอัปลักษณ์ น้ำแข็งและเพลิง เป็นสองขั้วที่สอดประสาน
หยินกับหยางเองก็เช่นกัน ทั้งสองสอดประสานเติมเต็มซึ่งกันและกัน
เมื่อหนิงฝานเข้าใกล้ระฆังมากขึ้น เขาก็เอื้อมมือไปสัมผัสกับระฆัง
พลังที่หนิงฝานโคจรตามวิชายกระดับแรงกดดันนั้น ทำให้เขาสามารถดูดซับพลังจากระฆังได้ด้วย
โชคชะตาทั้งสองสีของหนิงฝานค่อยๆยกระดับ จากดำเริ่มเปลี่ยนเป็นดำสนิท จากม่วง กลายเป็นม่วงสดใส
ยามนี้ หนิงฝานสัมผัสได้ว่า โชคชะตาที่ทอดทิ้งตนไปในคราวนั้น ได้ย้อนกลับมาแล้ว
“ขอบคุณ!” หนิงฝานกล่าวกับระฆัง ก่อนจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่เต็มแรง
*เต๊ง!*
ระฆังครั้งที่ 12 ดังขึ้น!
“นายน้อยหนิงฝทำได้ เขาเข้าไปใกล้ระฆังและลั่นระฆังได้สำเร็จโดยที่เขายังไม่ได้เป็นเซียน!”
13 ครั้ง... 14 ครั้ง... 20 ครั้ง...
21 ครั้ง… 22 ครั้ง… 49 ครั้ง...
เมื่อลั่นระฆังถึง 49 ครั้ง เสียงของระฆังกังวลไปไกลถึง 49,000 ลี้ จิตใจของเป่ยลี่สั่นสะท้านไม่หยุด
นางมั่นใจว่าหากหนิงฝานบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง หนิงฝานจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตสวรรค์เหนือ!
เสียงระฆังช่วยยกระดับจิตใจ และยามนี้ มันก็ช่วยหนิงฝานยกระดับจิตใจไปอีก 10,800 ปี บรรลุสู่ขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง
แม้ระฆังทองจะไม่ได้ช่วยยกระดับปราณของเขา แต่มันก็ช่วยยกระดับจิตใจและโชคชะตา
*เต๊ง!* หนิงฝานชกหมัดสุดท้ายใส่ระฆัง หมัดนี้คือหมัดที่ทรงพลังที่สุด จนตนเองได้รับแสงสะท้อน กระอักโลหิตออกมา
แม้จะกระอักโลหิตแต่เขาก็พึงพอใจ เพราะมันทำให้เขาเห็นภาพแห่งชีวิตอีกครั้ง
แต่ยามนี้ หนิงฝานกลับต้องประหลาดใจ
เพราะสติของเขายามนี้ ดูเหมือนจะถูกดึงดูดเข้าสู่ระฆัง จนทำให้หนิงฝานหวาดกลัวว่าตนเองจะเป็นอันตราย
เสียงระฆังกังวาลผ่านทะเลหมอก กระทั่งสะท้อนไปดาราเต๋าทมิฬ
ที่ดาราเต๋าทมิฬมีแคว้นอยู่ 4700 แคว้น มีผู้เชี่ยวชาญอยู่หลายร้อยล้านคน ยามนี้ ทั้งหมดเงยหน้ามองท้องนภาด้วยความสงสัย เพราะคนทั้งหมดนั้น ได้ยินเสียงระฆังอันไพเราะ
แต่ในชั่วพริบตานั้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดกลับจดจำเสียงของมันได้
แต่ในชั่วอึดใจถัดมา เมิ่งชวนสื่อได้สร้างม่านพลังป้องกันเสียงเอาไว้ ทำให้ทุกคนไม่ได้ยินอีก
ชายชราสงสัยในตัวผู้ที่ลั่นระฆัง ชายชราผุดลุกยืนสีหน้าประหลาดใจ
“เสียงระฆัง… พลังแห่งชีวิต! ข้าจำได้แล้วว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร! เป็นเด็กจากโลกพิรุณคนนั้น”
ผู้เยาว์ในขอบเขตประสานวิญญาณ ที่ผิดพลาดจนสัมผัสเทพหลุดออกมานอกจักรวาล
ตอนนี้ดูเหมือนเด็กคนนั้นกำลังจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ และลั่นระฆังจนกังวาลมาถึงที่นี่
แต่ถึงอย่างนั้น การจะลั่นระฆังให้ดังมาถึงที่นี่ได้ยังเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ การจะทำเช่นนั้นได้ หมายความว่าต้องกระตุ้นพลังแห่งการเกิดใหม่ของระฆังได้
“เด็กนั่นมันปีศาจ!”
ดวงตาชายชราเป็นประกาย เหยียบย่างออกจากที่พัก มุ่งสู่ภูเขาที่รายล้อมด้วยม่านหมอกที่อยู่ห่างออกไปไกล ซึ่งที่นั่น เป็นตำแหน่งที่หนิงฝานอยู่
เมื่อชายชราจากไป ม่านพลังที่ป้องกันเสียงระฆังได้หายไป เสียงระฆังกังวาลไปทั่วดาราเต่าทมิฬ
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่ได้ยิน หวนนึกได้จักรพรรดิเซียนผู้หนึ่ง
เมื่อครู่ชายชราได้มอบชื่อปีศาจให้หนิงฝาน คำว่าปีศาจสำหรับชายชราคือการชื่นชมผู้ที่มีพรสวรรค์อันน่าตื่นตะลึงราวกับปีศาจ แม้เป็นเป่ยลี่ที่เป็นศิษย์ยังไม่เคยมอบชื่อเช่นนั้นให้ นางได้รับมอบชื่อเพียง ‘ผู้ที่มีพรสวรรค์พอยอมรับได้’
ผู้เชี่ยวชาญในดาราเต่าทมิฬสงสัย ว่าที่ชายชรากล่าวหมายถึงใคร
ยามนี้ ชายชราได้ไปถึงภูเขาที่หนิงฝานอยู่แล้ว
ชายชรายืนบนระฆังทอง จ้องมองผู้เยาว์ที่กำลังยืนหลับตาแน่นอยู่บ้างล่าง
เมื่อชายชราปรากฏตัว เป่ยลี่ตกใจและและเร่งคารวะ
“เป่ยลี่คารวะอาจารย์! ข้าไม่รู้ว่าท่านจะมา...”
“รีบไปจากที่นี่ได้แล้ว… พานางไปด้วย ข้าจะดูแลที่นี่ต่อเอง!”
ชายชราสั่งอย่างจริงจังโดยไม่อธิบาย ที่นี่มีเพียงชายชราเท่านั้นที่สั่งการได้ อีกอย่าง หากระฆังทองคำเสียการควบคุมขึ้นมา นอกจากชายชราแล้วก็ไม่มีใครรับมือได้อีก หากปล่อยไป สถานที่แห่งนี้จะพังทะลาย ผู้เชี่ยวชาญในดาราเต่าทมิฬจะถูกลบความทรงจำ
ดังนั้นเป่ยลี่และสตรีอีกนางจึงจะเร่งจากไป
“อาจารย์ นายน้อยหนิงยังต้องทดสอบขั้นต่อไป ข้ายังต้องชี้แนะเขา...”
“ชี้แนะ! เจ้าเนี่ยนะ… เจ้าตามเขาไม่ทันหรอก… เจ้าไปเถอะ ข้าจะดูแลเขาต่อเอง!”
นางประหลาดใจ
เป็นครั้งแรกที่นางเห็นอาจารย์มาคุมการทดสอบด้วยตนเอง ถือเป็นเรื่องร่างแปลกที่จักรพรรดิเซียนผู้ยิ่งใหญ่จะให้ความสำคัญกับผู้ใด
ชายชราเป็นจักรพรรดิเซียนผู้มีชื่อเสียง เหล่ากษัตริย์แห่งดวงดาราต่างๆล้วนแวะเวียนมาขอคำชี้แนะ แม้เป็นเซียนหรือผู้เชี่ยวชาญในแดนสวรรค์ ยังยากที่จะได้พบหน้าชายชรา
การที่ชายชราให้ความสำคัญและเป็นผู้ชี้แนะให้กับคนจากโลกมนุษย์ด้วยตนเองนั้น เอาไปเล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ
แต่เป่ยลี่ได้เห็นด้วยตาตนเอง แต่นั่นก็ทำให้นางไม่พอใจเช่นกัน
แม้จะพบหนิงฝานไม่นาน แต่นางก็ประทับในตัวเขาและอยากชี้แนะ แต่อาจารย์กลับมาขับไล่นางไป
เมื่อครู่นางเห็นแววตาของอาจารย์ แม้จะเพียงชั่วลมหายใจ แต่แววนั้นเผยถึงความหวาดกลัว
อาจารย์หวาดกลัวอะไร?
นางไม่รู้ผลกระทบหากระฆังทองสูญเสียการควบคุมขึ้นมา
“ไปได้แล้ว!” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ข้า...” นางจ้องมองหนิงฝาน แต่นางไม่กล้าขัดคำสั่งและต้องเร่งจากไป
นางกลับไปหาสตรีที่เฝ้าภูเขาและพานางจากไป
จนยามนี้ ภูเขาแห่งนี้เหลือเพียงหนิงฝานและเมิ่งชวนสื่อ
ชายชรายิ้ม ดูเหมือนวันนี้ตนเองจะได้ช่วยเด็กหนุ่มผู้นี้อีกครั้ง
ระฆังสีทองเป็นสิ่งน่าหวาดกลัว แม้พลังระดับชายชรายังไม่คู่ควรที่จะกระตุ้นพลังของระฆังทองคำได้ แต่หนิงฝานที่ยังไม่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ กลับสามารถทำได้
“ข้าจะช่วยชี้แนะเจ้า จิตใจของเจ้าถูกดึงเข้าสู่ระฆัง… หากพลังของระฆังหลุดการควบคุม ทั้งข้า โลกของข้า และผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในนั้นคงไม่มีใครเหลือรอด! เพราะฉะนั้น ข้าต้องก้าวก่ายความคิดเจ้าเพื่อนำทาง… วิชาเซียน ‘สืบความฝัน’”
ชายชราผสานมือ แสงสีม่วงแผ่ออกจากร่าง ผสานเข้าไปในระฆังและดึงเขาสติของหนิงฝานออกมา
เมื่อจิตใจของหนิงฝานถูกดึงออกมา เขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ยามนี้ พลังระฆังทองคำที่ผันผวนเริ่มสงบ
“ช่างน่าอาย… ข้าทำอะไรเกินตัวจนต้องคอยให้คนอื่นมาช่วย… ด้วยพลังระดับข้า จิตใจของข้าคงถูกตรึงไว้ในระฆังทอง กว่าจะออกมาได้ อาจใช้เวลานับหมื่นปี...”
“ถ้าข้าสัมผัสไม่ผิด ผู้ที่ช่วยข้าไม่ใช่ลี่เป่ย แต่เป็นผู้ที่ทรงพลังกว่านั้นมาก เหมือนกับว่าผู้ที่ช่วยข้าคงเป็นผู้อาวุโสในดาราเต่าทมิฬครั้งนั้น… ถ้าเป็นท่านจริง ข้าก็ติดหนี้บุญคุณท่าน 2 ครั้งแล้ว”
หนิงฝานยิ้ม เขาใช้โอกาสที่มีในการเพ่งมองภาพที่ปรากฏ
หนิงฝานเหมือนตนเองหลุดเข้าไปในวังแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีปราณสมุนไพรหนาแน่น จนเหมือนกับที่นี่เป็นสวนสมุนไพร
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้านอกออกใน แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายที่เหมือนกัน กลิ่นอายของคนเหล่านั้น อย่างน้อยๆอยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณ
ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงและผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเองก็มีไม่น้อย เพียงแต่คนเหล่านี้มีกลิ่นอายและแรงกดดันที่ทรงพลังกว่าผู้เชี่ยวชาญทั่วไป
ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาไม่เห็นหนิงฝาน
เพราะสถานที่ที่หนิงฝานอยู่ คือสถานที่จริงในอดีต เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว
ในสวนสมุนไพรแห่งนี้ เป็นเหมือนสมุนไพรเปิด มองเห็นท้องนภาสีทองอร่าม รถเพลิงทองคำคันหนึ่งพาดผ่านท้องนภา
รถคันนั้นมีดวงจิตของอสูร 9 ตน คอยทำหน้าที่ลากรถ ที่หัวรถ มีอสูรในเกราะทองคำยืนตระหง่าน
“ลู่หวู่!” หนิงฝานอุทาน ภาพร่างของลู่หวู่ยามนี้เหมือนกับภาพที่หนิงฝานเห็นในตำหนักของลู่ตู้เฉิน
แต่ในขณะเดียวกัน ลู่หวู่เหมือนได้ยินผู้ใดเรียก มันหันมองรอบทิศก่อนส่ายหน้า ยามนี้มันตื่นตัวเป็นพิเศษ เพราะลานสวรรค์แห่งนี้กำลังจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น
หนิงฝานขมวดคิ้ว ลู่หวู่ทำหน้าที่ดูแลสวมสมุนไพรแห่งนี้ บางที สถานที่แห่งนี้อาจเป็นลานสวรรค์โบราณในอดีต
เมื่อก้าวเดินเข้าสู่สวนสมุนไพร หนิงฝานจดจำได้ว่า ภาพที่เขาเห็นจื่อเฮ่อและมู่เหว่ยเหลียง เขาเห็นพวกนางอยู่ในสวนสมุนไพรแห่งนี้
สมุนไพรเซียนคือสมุนไพรที่มีอายุหลายล้านปี เขาไม่รู้ว่าสมุนไพรเหล่านั้นเป็นสมุนไพรชนิดใด แต่เขารู้ว่า แค่ได้กินสมุนไพรเหล่านี้เข้าไปสักต้น จะทำให้เขาบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกทันที
แต่เมื่อหนิงฝานเอื้อมมือไปเด็ดสมุนไพรในสวน สมุนไพรในมือสลายไป และก่อตัวขึ้นใหม่ในตำแหน่งเดิม
ที่นี่ไม่ใช่ความจริง แต่เป็นเหมือนโลกแห่งความฝัน
เมื่อเดินไปได้อีกระยะ เขาเห็นโขดหิน เป็นโขดเดียวกันที่เหว่ยเหลีนงนั่ง แต่ยามนี้นางไม่อยู่
หนิงฝานนั่งอยู่บนนั้นเพื่อรอนาง
จื่อเฮ่อหรือเหว่ยเหลียง หนิงฝานไม่รู้ว่าพวกนางเป็นใครกันแน่
ผ่านไปสักระยะ หนิงฝานได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาในสวน
“ภารกิจที่ประตูสวรรค์ใต้ล้มเหลว จะไปให้ถึงที่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย”
หนิงฝานมองสตรีเยาว์วัยนางหนึ่งที่กำลังเดินมา นางแต่งชุดคล้ายสาวใช้
ใบหน้าขาวนวลบริสุทธิ์ ดวงตากนะจ่างใส มัดผมทรงซาลาเปา
“จื่อเฮ่อ!” หนิงฝานผุดลุกพลางอุทานอย่างลืมตัว
“บังอาจ! เจ้าเป็นใครถึงได้กล้าเข้ามาในสวนสมุนไพรของบิดาข้า!” นางชกหมัดใส่หนิงฝานอย่างไม่ลังเล
สตรีนางนี้เหมือนจื่อเฮ่อมาก แต่ทำไมนางถึงเห็นหนิงฝาน?
ในขณะที่หนิงฝานตกใจนั้น ผีเสื้อครึ่งขาวครึ่งดำตัวหนึ่งได้บินทะลุร่างหนิงฝาน โบยบินไปทั่วสวน
เมื่อครู่นางไม่เห็นหนิงฝาน แต่นางเห็นผีเสื้อ
“นางไม่เห็นข้า...” หนิงฝานยิ้ม
นางจะเห็นเขาได้ยังไง เพราะที่นี่เป็นเหมือนโลกที่ระฆังทองสร้างขึ้น สิ่งที่หนิงฝานเห็นคือเหตุการณ์ในอดีตที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
เขาเพ่งพิศจ้องมองใบหน้าของนาง
นางในยามนี้ แม้จะเหวี่ยงหมัดชก แต่จู่ๆนางกลับหยุดมือ หัวเราะขบขัน
“เจ้าผีเสื้อน้อย อย่าได้กลัวไป ข้าไม่บอกบิดาหรอก...”
นางเหมือนจื่อเฮ่อมาก แต่จู่ๆใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเหว่ยเหลียง!
นางไม่ใช่จื่อเฮ่อ จื่อเฮ่อคือใบหน้าปลอมของนาง แต่เมื่อนางไปยังประตูสวรรค์ใต้ นางใช้รูปลักษณ์ปลอม
แต่จริงแล้ว นางคือบุตรสาวของจักรพรรดิสวรรค์ มู่เหว่ยเหลียง!
“เจ้าผีเสื้อ… เจ้ามาเป็นเพื่อนเล่นข้าเหรอ ข้าอยู่ที่นี่เหงามาก...”
นางนั่งลงบนโขดหินโดยที่ไม่รู้ว่ามีหนิงฝานยืนอยู่ข้างๆ
นางจ้องมองผีเสื้อพลางยิ้มอย่างงดงาม
“เจ้าผีเสื้อ เจ้าช่างน่าสนใจนัก เจ้าเป็นแค่ผีเสื้อตัวน้อยที่อยู่ในแดนสวรรค์ มีมนุษย์มากมายที่อยากขึ้นมาที่นี่แต่ล้มเหลว...”
ผีเสื้อบินไปมามาสนคำกล่าวนาง
“ในเมื่อเจ้าเข้ามาที่นี่ได้ ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้า… เจ้าชื่อฝานน้อยก็แล้วกัน”
ผีเสื้อยังคงไม่กล่าว
“ฝานน้อย… วันนี้ข้าเศร้ามาก อยู่เป็นเพื่อนคุยข้าหน่อยสิ...”
นางลูบผมของนางเบาๆ จ้องมองผีเสื้อโบยบินเข้าสู่มือ บ่นกล่าวคนเดียวราวกับคนบ้า
แต่ในชั่วพริบตานั้น หนิงฝานเห็นผีเสื้อบินมาเกาะที่มือนาง จู่ๆมันกลับหันมามองหน้าหนิงฝาน แววตาของมันเป็นประกายราวกับมองเห็นเขา
แต่จากแววตาของมัน เหมือนมันจะเห็นเขาจริงๆ...